เดือนตุลาคม 2502
==============================
กัมพูชายื่นฟ้องต่อศาลโลก กล่าวหาว่าไทยยึดครองดินแดนกัมพูชา โดยเฉพาะ เขาพระวิหาร โดยมีกองกำลังของไทยไปตั้งอยู่ที่นั่น กล่าวคือ เขาพระวิหารตั้งอยู่บนยอดเขาพนมดงรัก ถ้าขึ้นทางฝั่งไทยที่ จ.ศรีสะเกษ ก็จะขึ้นไปถึงตัวปราสาทได้โดยตรง แต่ทางกัมพูชาเป็นหน้าผาสูงชัน ไม่อาจปีนป่ายได้
แนวทางการต่อสู้คดี
ทางไทยได้อ้างสิทธิของไทยตามหลักการใช้สันปันน้ำ ที่ทอดตามแนวสูงสุดของภูเขา อันเป็นหลักการที่รับรองโดยนานาอารยประเทศ ในเรื่องการกำหนดเขตแดนระหว่างประเทศ ที่กั้นด้วยภูเขา และเป็นไปตามตัวสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส และปราสาทเขาพระวิหารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่น้ำจากสันเขาไหลมาตกทางฝั่งไทย ซึ่งตามหลักการนี้ ไทยควรเป็นเจ้าของปราสาท
ฝ่ายกัมพูชาได้โต้แย้งแสดงหลักฐานหักล้าง โดยอ้างแผนที่ต่อท้ายสนธิสัญญาปี ค.ศ.1907 (พ.ศ.2450) ว่า ในแผนที่เส้นลากกำหนดให้ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในเขตกัมพูชา และตามสนธิสัญญานี้ ไทยยอมมอบจังหวัดพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้แก่ฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาได้ตกทอดมายังกัมพูชา หลังจากได้รับเอกราช
เอกสารต่อท้ายสัญญา กำหนดจุดสำคัญๆ เพื่อการกำหนดเขตแดนตามสันปันน้ำ แต่การปักปันเขตแดนก็มิได้ดำเนินการ เพราะคณะกรรมการปักปันผสม ไม่ได้จัดตั้งขึ้น
ฝ่ายไทยยืนยันว่า จากภาพถ่ายทางอากาศ เห็นสันปันน้ำที่แบ่งเขตแดนตามตัวสัญญาชัดเจน ยิ่งกว่านั้น ตามลักษณะภูมิศาสตร์ เขาพระวิหารอยู่ทางฝั่งไทย โดยขึ้นไปตามทางเดินจนถึงตัวปราสาท แต่ทางจากกัมพูชาจะขึ้นมาไม่ได้ เพราะเป็นหน้าผา ซึ่งมีความสูงถึง 1,500 ฟุต
แต่หลักฐานฝ่ายกัมพูชาที่ยื่นต่อศาลโลก ก็คือแผนที่ต่อท้ายสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ซึ่งไทยลงนาม แต่ทนายฝ่ายไทยกลับไม่มีหลักฐานคู่ฉบับของแผนที่ดังกล่าว
ในการต่อสู้คดี ทางการพิจารณา ศาลสืบความได้ว่า แผนที่ดังกล่าวนี้ ทางราชการไทยนำของฝรั่งเศสมาใช้ประโยชน์ อันเป็นข้ออ้างสำคัญว่าทางฝ่ายไทยยอมรับเอกสาร และความถูกต้องของการลากเส้นตามแผนที่ ตามที่กัมพูชาอ้าง ด้วยเหตุผลในเรื่องแผนที่เช่นนี้ ฝ่ายไทยจึงตกอยู่ในสภาพที่กฎหมายปิดปาก (estoppel) นั่นเอง ดังนั้น ข้อโต้แย้งของไทยจึงฟังไม่ขึ้น
ศาลโลกจึงพิพากษาให้กัมพูชาชนะคดีเขาพระวิหาร ด้วยประการฉะนี้
จากคุณ :
minimalist
- [
24 มิ.ย. 51 18:31:36
A:58.8.236.39 X:
]