"ชูศักดิ์ ” ยันกฤษฎีกายันแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ไม่เข้าข่าย มาตรา 190 ชี้ปมการเมืองปลุกกระแสคัดค้าน แนะต้องอธิบายให้ชัดเจนว่ามีคำตัดสินของศาลโลกไว้แล้ว

    นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีผู้กล่าวหาว่าแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชาในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ว่า มาตรา 190 เป็นเรื่องของสัญญาที่คู่กรณีตกลงกันและมีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขต จึงจะต้องไปขอความเห็นชอบจากรัฐสภา แต่แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ ครม.ได้พิจารณาแล้ว และคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ได้ให้ความเห็นแล้วว่าไม่เข้าข่ายมาตรา 190 เพราะเป็นเพียงการที่ 2 ประเทศมาแถลงร่วมกัน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อมีข้อขัดแย้งจากการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกแต่ฝ่ายไทยคัดค้านว่าพื้นที่ทับซ้อนไปขึ้นทะเบียนไม่ได้

    นายชูศักดิ์ กล่าวว่า จึงต้องมาถามความเห็นฝ่ายไทย เมื่อตกลงกันได้ในท้ายสุดบอกว่าไม่มีพื้นที่ทับซ้อนและขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท ซึ่งเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก ถ้าจะไปตีความว่าการลงนามไม่ว่าจะเรียกชื่อว่าอะไรก็ตามแล้วต้องถือว่าเป็นสัญญาทั้งหมดนั้นก็ไม่ถูกต้อง

     อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้จะมีกลุ่มบุคคลคัดค้านและให้มีการทวงคืนเขาพระวิหาร นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นปัญหาการเมืองต้องพูดกันให้ชัดเจนว่ามีคำตัดสินของศาลโลกไว้แล้วและสิ่งที่รัฐบาลทำไปนั้นก็ไม่ได้มีการเสียดินแดน

   ส่วนที่มีกระแสภายนอกให้ต่อสู้กับคำตัดสินของศาลโลกนั้นการพูดก็พูดได้ แต่ถามว่าจะไปสู้อย่างไร ประเด็นใด ว่าคำตัดสินของศาลโลกผิดอย่างนั้นหรือและเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว แต่มีการนำมาโยงกลายเป็นประเด็นการเมือง จึงเป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่รู้ระเบียบวิธีปฏิบัติพันธะผูกพันระหว่างประเทศ ต้องทำความเข้าใจ ซึ่งก็ได้ทำมาโดยตลอด