หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อมานาน แกนนำพันธมิตรได้ทุ่มเทพลังกายและพลังใจที่จะทำลายระบอบทักษิณให้หมดสิ้น แต่การสงครามไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบตลอดกาล และไม่มีฝ่ายใดที่เสียเปรียบตลอดกาล แม้ในยกต้นพันธมิตรจะได้ทีเหล่าแกนนำได้รัวกลองรุกโหมกระหน่ำโจมตีใส่รัฐบาลเป็นชุดชนิดเรียกได้ว่าไม่เปิดทางให้หายใจกัน
ดังนั้นรัฐบาลจึงใช้กลยุทธอันลือเลื่องของ สุมาอี้ ปิดค่ายตั้งรับอย่างเดียว หมายใจจะให้เป็นอย่างในประวัติศาสตร์ที่ขงเบ้งปล่อยให้อุยเอี๋ยนออกมาด่า จนอุยเอี๋ยนเกือบอกแตกตาย และกลยุทธนี้ของรัฐบาลก็ได้ผล พันธมิตรเริ่มเกิดอาการซวนเซอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนถอยหนีเอาใจออกห่างทุก ๆ วัน
เพราะการด่าถ้าด่าตรงประเด็นมันก็น่าฟัง แต่การด่าออกนอกประเด็นมันทำให้ความรู้สึกไม่ชอบธรรมเกิดขึ้น
วันนี้พันธมิตรต้องใช้ไม้เด็ดที่เก็บงำเอาไว้ แกนนำคนหนึ่งได้ก้าวออกมาและพูดว่า
"กะทิ เพื่อประชาชน เราต้องบอกเขาแล้วล่ะ อย่าเก็บเรื่องนี้ไว้เลย หรือเอ็งมีนอกมีในกับทักษิณ"
"ไม่ ภพ เพื่อนภพต้องเข้าใจนะ ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องระดับประเทศ" กะทิตอบหนักแน่น
ลูกหลานพระยาละแวกถึงกับทนไม่ได้ก้าวออกจากที่นั่งและพูดด้วยเสียงดัง "มันจะแค่ไหนกันเชียวกะทิ ไอ้ทีเราปลุกระดมเรื่องเขาพระวิหารก็เคยทำมาแล้ว เรื่องนั้นจะแค่ไหนกัน"
"สัย เอ็งต้องเข้าใจ ว่าเรื่องเขาพระวิหารเราแค่พูดให้รุนแรงขึ้น ใช้ลิ้นแปลงคำนิดหน่อย เท่านั้นเอง"
"แปลงคำนิดหน่อย" สัยทวนคำ พ่นลมหายใจพรืด ผู้เป็นลูกหลานพระยาละแวกพูดต่อ "ไม่หน่อยล่ะมั้ง เราปลุกระดมให้พวกเขาเข้าใจได้ว่า เราสามารถทวงคืนเขาพระวิหารได้ มันต่างจากความเป็นจริงเรื่องเขตแดนและการขึ้นทะเบียนไปเยอะเลยนะ"
"แต่เรื่องนี้มันน่ากลัวจริง ๆ นะสัย ถ้าพลาดไปไม่เพียงแต่จะเป็นเรื่องระดับประเทศนะ เรื่องระดับโลกเลย"
"กลัว ?" อีกหนึ่งเสียงของผู้สนทนาดังขึ้น นายเกียจ สมาชิกสภาอันทรงเกียรติแต่สนับสนุนระบบข้างถนนนั่นเอง เขากล่าวช้า ๆ หนักแน่นตามสไตล์ "พระเอ็งก็ด่ามาแล้ว ผู้หญิงเอ็งก็ด่ามาแล้ว หมิ่นเบื้องสูงเอ็งก็หมิ่นมาแล้ว เรื่องแค่นี้จะกลัวอะไรกัน นรกเอ็งยังไม่กลัว เรื่องแค่นี้ทำกลัว พูดแบบนี้เหมือนไม่ใช่กะทิเลยนะ"
"ไอ้เกียจ เอ็งก็รู้ว่าอารมณ์มันพาไปทั้งนั้น ไอ้ที่ข้าพูดนะ เอ็งก็รู้ว่าข้าไม่มีหูรูด ข้าพูดได้ทั้งนั้นแหล่ะเพื่อตัวข้าเอง"
"งั้นเอ็งก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว เอ็งบอกพวกข้ามาดีกว่าหมัดเด็ดที่จะคว่ำไอ้ทักกี้น่ะคืออะไร หรือเอ็งจะปิดกระทั่งพวกข้า" เกียจพูดเนิบ ๆ แต่มีรังสีอำมหิตแฝงอยู่ในทุกท่วงทำนอง
กะทินิ่งเงียบ ไม่ตอบคำเขาก้มหน้าต่ำก่อนจะมองหน้าพวกเพื่อน ๆ ของเขา และพูดว่า
"เรื่องนี้ พี่รอง รู้ดีสหายทั้งหลายแห่งข้า"
"พี่รองรู้" สัยเลิกคิ้ว
"เรื่องนี้ เราได้ข่าวมาจากมหามิตร อย่าง เลนิน สตาลิน เมื่อวานเราโทรคุยกัน" รองพูดช้า ๆ แต่หนักแน่น
"โอ้ห์ ท่านศาสดาของพวกเราเขาว่าอย่างไร" เกือบทุก ๆ คนเกือบพูดพร้อมกัน "แต่ท่านศาสดา เรานี่ก็นะจริง ๆ ปิดบังเรา"
"ท่านคงผิดหวังกับคนไทยมากกว่าที่ไม่ยอมโง่สักที" เกียจพูดขึ้น "เจอเราล้างสมองเท่าไหร่ เท่าไหร่ก็ไม่ยอมเชื่อเราทั้งประเทศสักที มิเช่นนั้นยุคพระศรีอารย์มาถึงแล้ว" เกียจหลับตาพร้อมกับยกมือแปะไปที่บ่าด้านขวาอย่างหนักแน่น "เลนิน สตาลิน จงเจริญ"
สัยเบิกตาทันทีที่ได้ยินเกียจพูดจบ "นี่เจ้าเกียจ เอ็งทำอะไรของเอ็ง เอากล่าวคำสรรเสริญไม่ครบ" สัยสูดลมหายใจช้า ๆ เข้าปอดก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่า "เลนิน สตานินผู้ศักดิ์สิทธ์ ผู้เป็นดั่งศาสดาของเราจงเจริญ ประชาธิปไตยไทยจงพินาศ" กล่าวคำสรรเสริญจบ สัย พูดกับเพื่อนว่า "ต้องอย่างนี้ มันต้องอย่างนี้ เราทุกคนต้องพยายามให้วันหนึ่งชาวไทยทั้งประเทศได้กล่าวคำนี้เป็นเสียงเดียวกัน เข้าใจไหม"
ห้าพันธมิตรก้าวขาออกมา ยืนเรียงกัน และตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า "เลนิน สตานินผู้ศักดิ์สิทธ์ ผู้เป็นดั่งศาสดาของเราจงเจริญ ประชาธิปไตยไทยจงพินาศ"
"เรานับถือศาสดาผู้ศักดิ์สิทธ์เหมือนกันนะ" สัยกล่าวขึ้้น "แล้วทำไมเจ้าไม่เอาคำโปรดสัตว์ของท่านมากล่าวกับเราเล่า เจ้าเป็นดั่งผู้ถือพระวจนะแห่งองค์ศาสดานะ"
"อืมมมมม์ ก็ได้ บอกก็ได้ ทุกคนฟังนะ"
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
*****
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของประชาชนไทยส่วนหนึ่งที่อ้างว่าเพื่อประชาธิปไตยตรงจุดสะพานตรงนางเลิ้ง ร่างของกะทิได้ชำแรกออกมาจากบันไดทางขึ้น เขายืนท่ามกลางสายตาของประชาชนไม่กี่หยิบมือ เขาจับผ้าพันคอสีเหลืองที่คอ และยิ้มให้กับตัวเอง เขาก้าวช้า ๆ มาที่ไมโครโฟนและพูดว่า
"พ่อแม่พี่น้องที่รัก" เสียงเฮดังอึงมี่ ซึ่งเป็นเสียงที่ดังที่สุดของคนแค่ไม่กี่หยิบมือ
"วันนี้ทักษิณก่อเรื่องอีกแล้วพ่อแม่พี่น้อง พ่อแม่พี่น้องคนอย่างนี้ คนประเภทนี้จะให้มันเป็นคนไทยอีกได้ไหมพ่อแม่พี่น้อง" เสียงเฮดังอีก "พ่อแม่พี่น้อง ผมมีเรื่องสำคัญมาเล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟัง มันเป็นความหยาบช้าของคนชื่อทักษิณ" เสียงเฮดังอีก "พ่อแม่พี่น้องรู้หรือไม่ว่า ทักษิณ กำลังเอาประเทศไปแลกกับสัมปทานเหมือนถ่านหิน"
เสียงก่นด่าดังขึ้น คำผรุสวาทที่ได้พบเห็นเป็นประจำในการประชุมของคณะนี้
"มันให้สัญญากับ นายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐดาวอังคาร ว่า ถ้าให้มันได้สัมปทานถ่านหินในดาวอังคาร มันจะยอมให้ประชาชนดาวอังคารมาตั้งรกรากในเมืองไทย เรายอมเรื่องนี้ไม่ได้ใช่ไม๊ใช่พ่อแม่พี่น้อง เรายอมไม่ได้ใช่ไม๊ใช่"
"เฮ ยอมไม่ได้ ยอมไม่ได้"
"รู้ไหมว่า มันไปอังกฤษบ่อย ๆ เพราะอะไรพ่อแม่พี่น้อง มันไม่ได้ไปที่เมืองแมนเชสเตอร์เพื่อดูแลทีมของมันนะพ่อแม่พี่น้อง"
เสียงเฮดังขึ้น
"มันไปสโตนเฮนจ์ มันไปที่สโตนเฮนจ์ เพื่อเผาควันส่งสารให้รัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารแห่งดาวอังคาร" กะทิไอโครกเนื่องจากแผดเสียงมากเกินไป "อีกไม่กี่วันมันจะลงนามกันที่ เขาพระวิหาร พ่อแม่พี่น้องที่เขมรปิดเขาพระวิหารไม่ใช่เพราอะไรหรอกพ่อแม่พี่น้อง มันปิดเพื่อจะได้มีคนเข้าไปรู้เห็นการลงนามขายชาติของมัน"
เสียงเฮดังขึ้น
"ไม่มีอะไรในโลกปิดบังไอ้เอ็ดทีวี ทีวีที่อยู่ได้ด้วยบารมีแห่งองค์ศาสดา" กะทิยืนตรงเอามือแปะที่บ่าขวาแล้วฟาดไปข้างหน้าอย่างหนักแน่น ผู้ชุมนุมทุกคนลุกขึ้นและทำตามกะทิ
"เลนิน สตานินผู้ศักดิ์สิทธ์ ผู้เป็นดั่งศาสดาของเราจงเจริญ ประชาธิปไตยไทยจงพินาศ"
เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่มากพอที่จะดังไปถึง ราชวินิตมัธยมและพาณิชย์พระนคร
*****
*****
*****
*****
*****
หนังสือพิมพ์พม่าและหนังสือพิมพ์ทั่วโลกลงข่าวแถลงการณ์นาซ่าและทุกฉบับในประเทศไทยได้ลง ประชาชนอ่านข่าวนี้ด้วยความสนใจ มีเพียงแต่กลุ่มที่นิยมไอ้เอ็ดทีวีเท่านั้นที่ไม่ได้รู้
หนังสือพิมพ์ทั่วโลกพร้อมใจลงข่าวว่า
"พบแหล่งน้ำในดาวอังคาร แต่ยังไม่พบสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร"
จากคุณ :
พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง
- [
4 ก.ค. 51 12:57:06
A:124.121.41.95 X:
]