ความคิดเห็นที่ 25
ต้องดู จาก คำตัดสินคณะกรรมการมรดกโลก ขึ้นทะเบียน "ปราสาทพระวิหาร" ที่มติชน นำมาลงไว้ http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01for01090751&day=2008-07-09§ionid=0104
ต่อไปนี้คือรายละเอียดของเอกสารสำคัญทั้ง 3 ชิ้น จากที่ประชุมครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551
หลังการพิจารณาเอกสารการนำเสนอขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของทางการกัมพูชา ตามวาระการประชุมที่ 8บี.102 ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ มีมติ 16 ประการดังคำแปลอย่างไม่เป็นทางการต่อไปนี้
1) หลังจากได้ตรวจสอบเอกสารที่ WHC-08/32.COM/INF.8B.Add2 (เอกสารนำเสนอเพิ่มเติมเพื่อการพิจารณาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา)
2) สืบเนื่องจากคำตัดสินที่ 31 COM 8B.24 ซึ่งให้คำรับรองว่า "แหล่งศักดิ์สิทธิ์ของปราสาทพระวิหาร นั้นมีความสำคัญอันยิ่งใหญ่ในระดับนานาชาติ และมีคุณค่าอันเป็นสากลที่โดดเด่น ซึ่งเข้าข่ายตามหลักการพื้นฐานข้อ (i), (ii) และ (iv) และเห็นพ้องกันในหลักการที่ว่า ปราสาทพระวิหาร ควรได้รับการขึ้นทะเบียนบรรจุไว้ในรายชื่อมรดกโลก"
3) ที่ประชุมได้บันทึกรับทราบถึง ความคืบหน้าของการดำเนินงานของประเทศภาคีกัมพูชา ในส่วนของพัฒนาการของแผนบริหารจัดการทรัพย์สินดังกล่าวนี้ ตามที่ที่ประชุมสมัยที่ 31 วาระที่ 8บี.24 ร้องขอไว้ในคำตัดสินที่เมืองไครสท์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์
4) ที่ประชุมแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลของ เบลเยียม, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส และอินเดีย ที่เอื้อประโยชน์ในการสนับสนุนการดำเนินงานของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายในความพยายามเพื่อการนี้ และต่อรัฐบาลของประเทศจีนและญี่ปุ่น เช่นเดียวกับศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาด้านอนุรักษ์และปฏิสังขรณ์มรดกทางวัฒนธรรม (ไอซีซีอาร์โอเอ็ม) สำหรับการให้ความช่วยเหลือด้านความเชี่ยวชาญในกระบวนการดังกล่าวนี้ด้วย
5) ที่ประชุมได้รับทราบว่า จำต้องเพิกเฉยต่อแถลงการณ์ร่วมซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2008 โดยตัวแทนของรัฐบาลกัมพูชาและไทย เช่นเดียวกับยูเนสโก ซึ่งรวมอยู่ในร่างการนำเสนอซึ่งถูกอ้างถึงอย่างผิดพลาดว่า มีการลงนามเมื่อวันที่ 22 และ 23 พฤษภาคม 2008 ในเอกสารที่ WHC-08/32.COM/INF.8B.Add2 ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามการตัดสินใจของรัฐบาลไทยในอันที่จะระงับผลกระทบผูกพันจากแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวนี้เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งให้ความคุ้มครองชั่วคราวแห่งศาลปกครองกลางของไทย
6) บันทึกรับทราบว่า ประเทศภาคีกัมพูชา ได้ยื่นแผนผังของทรัพย์สิน (อาร์จีพีพี) ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ ที่ผนวกอยู่ในเอกสารที่ WHC-08/32.COM/INF.8B.Add2 (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า อาร์จีพีพี) อันแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงขอบเขตของอาณาบริเวณที่นำเสนอเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
7) มีคำตัดสินชี้ขาด ภายใต้หลักการพื้นฐานการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ โดยเห็นแก่กระบวนการพหุภาคีอันนำไปสู่การจัดทำรายงานเพิ่มเติมอย่างประณีตซึ่งยื่นประเทศภาคีกัมพูชานำเสนอเมื่อเดือนพฤษภาคม 2008 ตามคำขอของศูนย์มรดกโลกแห่งยูเนสโก ในอันที่จะยอมรับข้อมูลซึ่งนำเสนอโดยรัฐภาคีที่เลยกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้ในย่อหน้าที่ 148 ของแนวทางเพื่อการดำเนินการ ยื่นขอขึ้นทะเบียน
8) ที่ประชุมรับทราบว่า ประเทศไทย ได้แสดงออกซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงความปรารถนาที่จะมีส่วนในการนำเสนอปราสาทพระวิหารและอาณาบริเวณโดยรอบขึ้นเป็นมรดกโลกร่วมกับกัมพูชา
9) ที่ประชุมบันทึกไว้ว่า ทรัพย์สินซึ่งนำเสนอเพื่อการขึ้นทะเบียน ถูกปรับลดและมีองค์ประกอบเพียงจำเพาะตัวปราสาทพระวิหารและมิได้รวมถึงส่วนเพิ่มเติมอื่นอันประกอบด้วยผาและถ้ำต่างๆ
10) พิจารณาสืบเนื่องว่า การวิจัยเชิงโบราณคดีในพื้นที่ดังกล่าวยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในเวลานี้ อันอาจบังเกิดผลให้มีการค้นพบใหม่ที่มีนัยสำคัญซึ่งอาจอำนวยให้เกิดข้อควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเสนอใหม่ในแบบข้ามพรมแดน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรับรู้ร่วมทั้งจากไทยและกัมพูชา
11) กระตุ้นส่งเสริมให้กัมพูชาร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับไทยเพื่อปกป้องรักษาคุณค่าของทรัพย์สินนี้ โดยเห็นแก่ข้อเท็จจริงที่ว่าประชาชนทั้งหลายในอาณาบริเวณโดยรอบได้ยึดถือพระวิหารเป็นสมบัติล้ำค่ามายาวนาน และเพื่อให้เห็นพ้องว่า น่าจะเป็นเรื่องพึงปรารถนาในอนาคตในอันที่จะได้สะท้อนถึงคุณค่าอย่างเต็มเปี่ยมของปราสาทและภูมิทัศน์โดยรอบ ผ่านความเป็นไปได้ในอันที่จะมีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพิ่มเติม เพื่อให้แหล่งมรดกโลกนี้เข้าข่ายตามเกณฑ์ที่ (iii) และ (iv) ตามที่เคยได้รับการรับรองไว้ในคำชี้ขาดของการประชุมคณะกรรมการสมัยที่ 31 วาระที่ 8บี.24
12) ให้นำปราสาทพระวิหาร, กัมพูชา รวมเข้าเป็นหนึ่งในรายการทรัพย์สินที่เป็นมรดกโลก ภายใต้เกณฑ์ที่ (i)
13) กำหนดให้ใช้ถ้อยแถลงดังต่อไปนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าอันเป็นสากลที่โดดเด่น
ปราสาทพระวิหาร อันเป็นเอกในเชิงสถาปัตยกรรมของกลุ่มโบราณสถานที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยทางเดินและบันไดอันมีแกนกลางเป็นระยะทาง 800 เมตร คือสถาปัตยกรรมเขมรที่มีความโดดเด่นระดับมาสเตอร์พีซ ในแง่ของการวางผัง, การประดับตกแต่งและความสัมพันธ์กับภูมิทัศน์แวดล้อมที่พิเศษจำเพาะ
ตามเกณฑ์ที่ i ปราสาทพระวิหารจึงถือเป็นงานสถาปัตยกรรมเขมรชิ้นเอกที่มีความโดดเด่น มีความ "พิสุทธิ์" อย่างยิ่งทั้งในด้านการวางผังและรายละเอียดของการประดับตกแต่ง
ความเป็นจริง
การตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความถ่องแท้ ในแง่ของกลุ่มปราสาทและวัสดุที่เป็นองค์ประกอบซึ่งดำเนินการไปแล้วได้สะท้อนคุณค่าของทรัพย์สินแห่งนี้ออกมาอย่างชัดแจ้ง ทรัพย์สินแหล่งนี้ประกอบด้วย กลุ่มวิหาร ความสมบูรณ์พร้อมของทรัพย์สินนี้ถูกลดทอนลงในระดับหนึ่งเนื่องจากการขาดหายไปในส่วนเพิ่มเติมภายในอาณาบริเวณโดยรอบของทรัพย์สิน มาตรการเพื่อการคุ้มครองวิหารนี้ ในแง่ของการคุ้มครองเชิงกฎหมายถือว่าเหมาะสมเพียงพอแล้ว ความคืบหน้าในการจำแนกปริมณฑลสำหรับแผนการบริหารจัดการได้มีการดำเนินการแล้วและจำเป็นต้องมีการปรับปรุงรวบรวมเพื่อนำไปสู่แผนการบริหารจัดการฉบับเต็มที่ผ่านการเห็นชอบต่อไป
14) เรียกร้องต่อประเทศภาคีกัมพูชา ภายใต้ความร่วมมือกับยูเนสโก ให้ดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศเพื่อให้ความคุ้มครองและพัฒนาทรัพย์นี้ไม่เนิ่นช้าเกินกว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2009 ให้ผู้ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมประกอบด้วยรัฐบาลไทยและหุ้นส่วนระหว่างประเทศอื่นๆ ที่เหมาะสมอีกไม่เกิน 7 ชาติ ทำหน้าที่ตรวจสอบสารัตถะเชิงนโยบายทั่วไป ในอันที่เกี่ยวเนื่องกับการอนุรักษ์คุณค่าสากลอันโดดเด่นของทรัพย์สินนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการการอนุรักษ์ที่เป็นสากล
15) เรียกร้องต่อประเทศภาคีกัมพูชา ให้ยืนเอกสารดังต่อไปนี้ต่อศูนย์กลางมรดกโลก ภายใน 1 กุมภาพันธ์ 2009 นี้ ดังต่อไปนี้
a) แผนที่ชั่วคราวที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้รับการขึ้นทะเบียน และแผนที่ที่จำแนกแยกแยะพื้นที่กันชนที่กำหนดไว้ในอาร์จีพีพี
b) ปรับปรุงแฟ้มข้อมูลสำหรับการนำเสนอเพื่อขอขึ้นทะเบียนให้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่มีขึ้นต่ออาณาบริเวณของทรัพย์สิน
c) เอกสารเพื่อยืนยันว่า พื้นที่บริหารจัดการของทรัพย์สินนี้ จะรวมถึงทรัพย์สินซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนและพื้นที่เขตกันชนที่บ่งชี้ไว้ตามอาร์จีพีพี
d) เอกสารเพื่อรายงานความก้าวหน้าของการเตรียมแผนบริหารจัดการ
16) เรียกร้องเพิ่มเติมให้ประเทศภาคีกัมพูชา ให้ยื่นแผนการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ได้รับการขึ้นทะเบียนฉบับเต็ม รวมถึงแผนที่อันเป็นที่ยุติ ต่อศูนย์กลางมรดกโลกภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลก สมัยประชุมที่ 34 ในปี 2010 ต่อไป
(จบความ)
ดูข้อ 14 น่าจะให้กัมพูชาเชิญประเทศต่างๆรวมทั้งไทย 7 ประเทศ พิจารณานโยบายการจัดการทรัพย์สินคือตัวปราสาท ว่าจะจัดการอย่างไร
ดูข้อ 15 ให้เสนอเอกสารเพิ่มเติมในการวางแผนจัดการ ไม่เกี่ยวกับการให้ กรรมการ 7 ประเทศเข้ามาจัดการพื้นที่ซ้อนทับหรือเปล่า
ใครมีเอกสารรายละเอียดตัวจริงช่วยนำเสนอให้ความรู้แก่คนไทย ที่หลายคนเป็นพวกชอบ Infotainment อย่างที่มีการเสนอให้บันเทิงกัน
จากคุณ :
คนแดนไท
- [
9 ก.ค. 51 22:58:44
A:124.121.95.77 X:
]
|
|
|