เนื่องจากในกระทู้ เป็นห่วง! อำนาจตุลาการ ที่ จขกท. ได้นำเสนอไว้เมื่อสองวันก่อน ได้มีเพื่อนสมาชิกจำนวนมากได้ให้ความสนใจและเห็นด้วยกับข้อคิดเห็นในกระทู้ แต่ก็มีสมาชิกบางท่านได้ให้ความเห็นในทำนองตำหนิ จขกท. ว่า เวลาศาลตัดสินไม่เป็นที่พอใจ ก็ด่าศาล
ตรงนี้เห็นว่าจำเป็นต้องทำความเข้าใจว่า เรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับอำนาจตุลาการ มิได้เป็นจากความพอใจหรือไม่พอใจ แต่เป็นการท้วงติงตามหลักวิชา ด้วยความห่วงใยจริงๆ
ถ้า จขกท. จำไม่ผิด หลังจากมีการวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักไทยโดยตุลาการรัฐธรรมนูญที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร คมช. ได้มีตุลาการบางท่านในองค์คณะได้ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า จะให้ทำอย่างไรได้ เมื่อเขา(คณะรัฐประหาร) มอบหมายมาให้ทำหน้าที่ ก็ต้องทำ ซึ่งคำพูดนี้สะท้อนว่าตุลาการท่านก็คงมีความลำบากใจพอสมควร
ประเด็นตรงนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะอำนาจตุลาการจะศักดิ์สิทธิ์ได้ ตุลาการจะต้องมีความเป็นอิสระ มิใช่ให้บุคคลใดหรือคณะบุคคลใดมาสั่งให้ตุลาการวินิจฉัยไปตามความประสงค์ได้
แต่แม้ตุลาการจะมีความเป็นอิสระสามารถวินิจฉัยอรรถคดีได้ตามดุลยพินิจของตนเอง แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าตุลาการยังจำเป็นต้องอาศัยตัวบทกฎหมายมาใช้อ้างอิงเหตุผลและรองรับการใช้อำนาจ มิใช่ตุลาการจะสามารถยกเหตุผลใดก็ได้ซึ่งมิได้มีการบัญญัติเป็นกฎหมายไว้
ดังนั้นกฎหมายที่ตุลาการนำมาใช้อ้างอิงจึงมีความสำคัญมาก หากกฎหมายที่ตุลาการนำมาใช้ขัดต่อหลักนิติธรรม(Rule of Laws) หรือไม่เป็นไปตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย การวินิจฉัยอรรถคดีของตุลาการก็อาจจะขาดความเที่ยงธรรมหรือขัดแย้งกับหลักกฎหมายสากล
หากเปรียบตุลาการเป็นแพทย์ซึ่งต้องใช้ความรู้ทางวิชาการแพทย์มาเป็นเหตุผลในการวินิจฉัยโรคต่างๆ มิใช่ว่าแพทย์จะไปนึกเหตุผลเอาเองตามแต่จินตนาการโดยไม่มีเหตุผลทางหลักวิชารองรับ ตุลาการก็เป็นเช่นเดียวกันคือในยามที่ต้องวินิจฉัยอรรถคดี ย่อมต้องอาศัยหลักของกฎหมายมารองรับในดุลยพินิจ มิใช่ใช้แต่ ความเชื่อ ความไม่เชื่อ และหากเมื่อใดการวินิจฉัยของตุลาการมิได้เป็นไปตามหลักวิชาการ ตุลาการผู้นั้นก็ย่อมเสียหายเพราะต้องมีนักกฎหมายหรือนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยนั้นๆ
หากตุลาการหลายท่านพากันวินิจฉัยคดีต่างๆ โดยขัดแย้งต่อหลักนิติธรรมหรือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอยู่เนืองๆ ในขณะที่สังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในความปลอดอคติของตุลาการซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจ ผลสุดท้ายย่อมทำให้ อำนาจตุลาการ สั่นคลอน
ขออนุญาตย้อนไปทบทวนถึงเรื่องคดียุบพรรคไทยรักไทย เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการอธิบายความต่อไป หลายคนอาจไม่ทราบว่าตุลาการรัฐธรรมนูญที่ได้วินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย ความจริงมิได้มีสถานะเป็น ศาล แต่เป็นคณะผู้พิพากษาที่ถูกแต่งตั้งขึ้นตามอำนาจคำสั่งประกาศของคณะรัฐประหาร คมช.
อย่างไรก็ตาม แม้ตุลาการรัฐธรรมนูญจะมิได้มีสถานะเป็นศาล แต่ก็ได้ให้การวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย โดยอาศัยอำนาจตามประกาศคำสั่ง คปค. ฉบับที่ ๑๕ และ ๒๗ ซึ่งหลังจากคำวินิจฉัยดังกล่าวเผยแพร่สู่สาธารณะ ก็ได้มีนักกฎหมายและนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าการอาศัยคำสั่งประกาศของคณะรัฐประหารซึ่งกำหนดให้มีการลงโทษย้อนหลังไม่ถูกต้องตามหลักนิติธรรม และยังได้วิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นอื่นๆในคำวินิจฉัยอีกด้วย
ผลของการยุบพรรคไทยรักไทยได้ทำให้ประชาชนหลายล้านคนมีความไม่พอใจในคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญและเริ่มหมดความศรัทธา เนื่องจากประชาชนเกิดความเชื่อว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปตามเป้าหมายทางการเมืองของคณะรัฐประหาร คมช. ดังนั้นความโกรธแค้นชิงชังที่เกิดขึ้นของประชาชนจึงมิได้ตกแก่ตุลาการรัฐธรรมนูญเท่ากับที่ประชาชนหลายล้านคนมีต่อคณะรัฐประหาร ผู้ใช้กำลังล้มล้างรัฐธรรมนูญของประชาชน และเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นแทนที่
รัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหารได้ถูกออกแบบมาให้มีความสืบเนื่องกับคำสั่งประกาศ คปค. ซึ่งในหลายมาตราได้ถูกวิจารณ์ว่าขัดต่อหลักนิติธรรมและขัดต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่การวินิจฉัยอรรถคดีโดยอาศัยบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะขาดความยุติธรรมหรือขัดแย้งต่อหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
จึงขอให้ได้โปรดใคร่ครวญกันให้ดีว่าการวินิจฉัยอรรถคดีทางการเมืองนับจากนี้เป็นการวินิจฉัยโดยคณะตุลาการที่มีสถานะเป็น ศาล ซึ่งอยู่ภายใต้พระปรมาภิไธย
ผลกระทบต่างๆ จึงมิได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะ อำนาจตุลาการ เท่านั้น
เป็นห่วง! อำนาจตุลาการ http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=699599
(ต้องขอโทษที่ลิงค์จากประชาไท เพราะกระทู้นี้ในราชดำเนินโดนลบสองครั้งแล้ว ไม่ทราบเหตุผลอะไร)
จากคุณ :
จำปีเขียว
- [
14 ก.ค. 51 18:59:25
A:125.25.75.137 X:
]