ความคิดเห็นที่ 1 จนในที่สุดก็เกิดสงครามชายแดน รัฐบาลส่ง "กองกําลังบูรพา" ไปรบกับฝรั่งเศส ซึ่งก็เปิดโอกาสให้ญี่ปุ่น "มหามิตรใหม่" เข้ามาไกล่เกลี่ยบีบให้ฝรั่งเศส (ซึ่งตอนนั้นเมืองแม่หรือปารีสในยุโรปอ่อนเปลี้ยถูกเยอรมนียึดครองไปเรียบร้อยแล้ว) จําต้องยอมยกดินแดนให้ "ไทย" สมัยพิบูลสงคราม (ทําให้นายพลตรีหลวงพิบูลสงคราม กระโดดข้ามยศพลโท-พลเอก กลายเป็นจอมพลคนแรกในยุคหลัง 2475)        และนี่ก็เป็นที่มาที่รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ดินแดนทั้งเสียมเรียบ (ที่ถูกจับเปลี่ยนชื่อเป็นไทยๆ ว่า จังหวัดพิบูลสงคราม) พระตะบอง ศรีโสภณ จําปาศักดิ์ (ซึ่งรวมทั้งที่อยู่ในลาว และอยู่ในบริเวณพนมดงรัก เช่น ปราสาทเขาพระวิหาร และเมืองจอมกระสาน) ตลอดจนถึงไซยะบูลี (จังหวัดนี้อยู่ตรงข้ามหลวงพระบาง และถูกจับเปลี่ยนชื่อเป็นไทยๆ คือ จังหวัดลานช้าง คําว่า "ลาน" ในสมัยนั้นยังไม่มีไม้โท) จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:32:41 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 และก็ในตอนนี้นั่นแหละที่ทั้งปราสาทและเขาพระวิหาร กลับมาสู่ความสนใจและความรับรู้ของคนไทย         รัฐบาลพิบูลสงคราม ดําเนินการให้กรมศิลปากร (ซึ่งในสมัยหลังการปฏิวัติ 2475 ได้หลวงวิจิตรวาทการ นักอํามาตยาเสนาชาตินิยม มือขวาของจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นอธิบดี หลวงวิจิตรวาทการ (กิมเหลียง วัฒนปฤดา) ทั้งพูด ทั้งเขียน ทั้งแต่งเพลงแต่งละคร ปลุกใจให้รักชาติ) ได้จัดการขึ้นทะเบียนให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นโบราณสถานของไทย โดยประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2483 (เราไม่ทราบได้ว่า ในตอนนั้น ฝรั่งเศสในอินโดจีนจะทราบเรื่องนี้ หรือประท้วงเรื่องนี้หรือไม่)         ในสมัยดังกล่าวนี้แหละ ที่รัฐบาลพิบูลสงคราม ชี้แจงต่อประชาชนว่า "ได้ปราสาทเขาพระวิหาร" มาดังหลักฐานในหนังสือ "ประเทศไทยเรื่องการได้ดินแดนคืน" ของกองโฆษณาการงานฉลองรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2484      สมัยนั้น มีรูปปราสาทเขาพระวิหารพิมพ์อยู่ด้วย พร้อมด้วยคําอธิบายภาพว่า "ปราสาทหินเขาพระวิหาร ซึ่งไทยได้คืนมาคราวปรับปรุงเส้นเขตแดนด้านอินโดจีนฝรั่งเศส และทางการกําลังจัดการบูรณะให้สง่างามสมกับที่เป็นโบราณสถานสําคัญ" .....”        แต่ชัยชนะของรัฐ “ชาตินิยม” โดยการก่อสงครามฉกฉวยก็ไม่ยืนยาว ดังคำกล่าวทำนายของท่านผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยธรรศาสตร์และการเมือง “ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์” ที่พยายามทักท้วงนักศึกษาธรรมศาสตร์ที่กำลังเข้าร่วมการเดินขบวนเรียกร้องดินแผนฝั่งขวาแม่น้ำโขง เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2483 ได้ฉุกคิด แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานกระแส “คลั่งชาติ” ที่กำลังรุกโหมกระพือ เรียกร้องการสงครามและดินแดนที่เสียไปในอดีตคืนมาได้ จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:33:35 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 “... ที่มานี่ ไม่ได้มาห้ามไม่ให้เดิน การเดินหรือไม่เดินเป็นเรื่องที่พวกคุณจะวินิจฉัย แต่ขอให้คิดให้ดีเวลานี้ฝรั่งเศสกำลังทรุดหนัก เยอรมันก็กำลังบุกฝรั่งเศสอย่างหนัก การที่เราจะไปซ้ำเติมคนที่กำลังแพ้ ไม่ใช่วิสัยที่ดี การเรียกร้องดินแดนนี้ผมเชื่อว่าได้คืนแน่ เพราะฝรั่งเศสกำลังแย่ แต่ผมขอพูดไว้ล่วงหน้าว่า ดินแดนที่ได้คืนมา จะต้องกลับคืนไป ซึ่งในชีวิตของผมอาจจะไม่ได้เห็นการกลับคืนไป แต่ในช่วงชีวิตของพวกคุณ...จะต้องได้เห็นมันอย่างแน่นอน” จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:35:19 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2484 ประเทศไทยประกาศ "สงคราม" กับอินโดจีนของฝรั่งเศส       กองพลพายัพ เคลื่อนเข้ายึดได้แคว้นหลวงพระบาง ฝั่งขวาห้วยทราย ตรงข้ามเชียงแสน ยึดเมืองปากลาย หงสา และเชียงฮ่อน กองทัพอีสาน โดยกองพลอุบล ยึดได้แคว้นนครจำปาศักดิ์  กองพลสุรินทร์ ยึดได้เมืองสำโรงจงกัล จังหวัดเสียมราฐ        กองทัพบูรพา เข้ายึดพื้นที่ทางทิศตะวันตกของเมืองศรีโสภณ กองพลจันทบุรี ยึดได้บ้านกุบเรียง และบ้านห้วยเขมร ทางด้านทิศตะวันตกของบ่อไพลิน และเมืองพระตะบอง        วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2484  เป็นวันเกียรติยศของสงคราม ณ จังหวัดพระตะบอง ทุกคนต่างปิติยินดีและเฉลิมฉลอง เพราะวันนี้เป็น “วันรับมอบคืนดินแดน” ภายหลังจากที่กองทัพไทยรุกเข้ายึดดินแดนในครอบครองของฝรั่งเศสโดยกำลังทหารไว้ได้มากมาย ซึ่งในนั้นรวมถึง “เขาพระวิหาร” ที่ไทยใช้กำลังทหารเข้ายึดครอง ชักธงฝรั่งเศสลงจากยอดเสา !!! จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:36:58 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ประเทศญี่ปุ่นซึ่งกำลังขยายอิทธิพลในสงครามมหาเอเชียบูรพา เกรงว่าหากกองทัพไทยรุกเข้ายึดครองดินแดนเขมรจนหมด จะมีผลกระทบต่อผลประโยชน์ ยุทธศาสตร์และแผนการรวมประเทศเอเชียตามแผนการ "วงศ์ไพบูลย์แห่งเอเชียบูรพา" จึงรีบเข้าไกล่เกลี่ย เป็นคนกลางในการเจรจาสงบศึกและแบ่งเค็กดินแดนให้ใหม่          เรียกกันได้ว่า ญี่ปุ่นได้พยายามช่วยให้ไทยสามารถยึดครองดินแดนที่ช่วงชิงมาจากสงครามได้อย่างสมบูรณ์ในฐานะ “มหามิตร” โดยที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นชาติในสังกัด “สัมพันธมิตร” ไม่มีโอกาสขัดแย้ง ได้แต่ “อาฆาตแค้น”         วันที่ 30  มิถุนายน รัฐสภาแห่งประเทศไทยประกาศจัดตั้งจังหวัดขึ้นใหม่ 4 จังหวัด คือ จังหวัดพิบูลสงคราม จังหวัดพระตะบอง จังหวัดนครจำปาศักดิ์ และจังหวัดลานช้าง จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:39:21 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ***  ก่อนจะร้องแร่แห่กระเชิง ถึงความโศกเศร้าในการเสีย “เขาพระวิหาร” ปี พ.ศ. 2505 จากคำพิพากษาของศาลโลก ก็ควรจะกลับมาทบทวนประวัติศาสตร์แห่ง “ชาติไทย” กันให้ดี ๆ ซะก่อน        สงครามกี่ครั้งต่อครั้งของ “ลัทธิชาตินิยม” และการ “คลั่งชาติ” มันไม่เคยนำมาซึ่งชัยชนะบนผืนแผ่นดินนี้อย่างถาวร จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:42:58 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 และหน้าประวัติศาสตร์นี้ก็เช่นกัน มันได้บันทึกความด่างพร้อยของประเทศผู้ก่อสงคราม ประเทศผู้แพ้สงคราม ที่ต้องแลก “เขาพระวิหาร” และดินแดนที่ “ยึดครอง”มาในยุคจอมพล ป.พิบูลสงครามกลับคืนสู่อินโดจีน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ถูกยึดครอง ทำให้การเข้าฝ่ายอักษะเป็น”โมฆะ” ไม่ต้องชำระค่าปฏิกรรมสงครามมากมายและยังคงมีเอกราช เช่นประเทศ "รัฐประชาชาติ" ยุคใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 !!!        ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ชัดเจนว่า เราเสีย “เขาพระวิหาร” ในสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อแลกเปลี่ยนกับความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของรัฐชาตินิยม แต่ด้วยความวุ่นวายในสงครามเย็นที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้และสหรัฐอเมริกามารับกากเดนสงครามแห่งจักรวรรดินิยมต่อ ประเทศไทยกลับส่งทหารขึ้นไปยึดครองอีกครั้ง โดยไม่ได้ปฏิบัติตามสนธิสัญญาที่ทำไว้เพื่อแลกเอกราชกับฝ่าย “สัมพันธมิตร” ( จากภาพคือ รูปสลัก "นารายณ์ตรีวิกรม" ) จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:44:51 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 จึงน่าจะเป็นคำตอบได้ว่า ทำไมฝรั่งเศสและประเทศมหาอำนาจในกลุ่มสัมพันธมิตรและผู้ชนะสงครามโลกอย่างอเมริกา จึงหันไปให้ความช่วยเหลือประเทศกัมพูชาในการเรียกร้องดินแดน"เขาพระวิหาร" คืนจากไทย ในปี พ.ศ. 2502 !!! *** คำตอบตรงนี้ ก็น่าจะชัดเจนกว่าการไปอ้างเรื่องหลักการสันปันน้ำ หรือการอ้างเรื่องแผนที่ทับซ้อนของฝรั่งเศสที่กัมพูชาถือหรือของอเมริกาที่ฝ่ายไทยถือ จนอาจจะนำไปสู่ “ความเสียเปรียบ” ของประเทศไทยเองในอนาคตได้ จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:46:38 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 การอยู่ร่วมกันในภูมิภาคในโลกไร้พรมแดนสารสนเทศในปัจจุบัน ควรใช้ความเสมอภาค ปรองดอง ไมตรี สันติภาพ ความเข้าใจใน “ชาติพันธุ์” และ “ข้อเท็จจริง” ในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศอันละเอียดอ่อน        ไม่ควรหันกลับไปเอาอุดมการณ์ชาตินิยมที่มีต้นกำเนิดจากปรัชญาของพรรค "นาซี" มาใช้ ไม่ควรเลือกใช้ "ประวัติศาสตร์" ที่บิดเบือน เลือกเฉพาะบางบทบางตอนหรือบางเวลามาใช้ เช่นเลือกมาเฉพาะช่วงเวลาการสูญเสีย ”เขาพระวิหาร” ตามคำสั่งศาลโลกในปี พ.ศ. 2505 มาเป็นเครื่องมือในการปลุกกระแสชาตินิยมแบบไร้ทิศ      โดยอาจลืมไปว่า พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาชาญพระองค์หนึ่ง ทรงยอมที่จะ “เสียแผ่นดินประเทศราช” ในปกครองของสยามประเทศ เพื่อปกป้องอิสรภาพและคงชาติสยามให้เป็นเอกราชไว้ โดยกล้ำกลืน ระทมพระราชหฤทัย มากกว่าการจะใช้ “พระราชสงคราม ความขัดแย้ง หรือความรุนแรง” ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ ร.ศ.112        การยอมรับโดย “พฤตินัย” กับแผนที่ฝรั่งเศสของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็มาจากสาเหตุนี้ มิใช่ประเทศสยามประเทศไม่เคยรู้เรื่องเขาพระวิหาร ที่พระองค์เสด็จไปเยือน “ เขาพระวิหาร” ในช่วงหลังการยอมรับแผนที่ ก็เสด็จไปในฐานะนักวิชาการผู้สนใจประวัติศาสตร์ โบราณคดีและการโอนอ่อนผ่อนหนักให้เป็นเบา มิใช่ไปเพื่อแสดงความ “เจ้าข้าวเจ้าของ” หรือไป "ทวง"เขาพระวิหารแต่อย่างใด        และเอกสารแผนที่ฝรั่งเศสที่สยามประเทศยอมรับโดย “พฤตินัย” ในครั้งนั้น ก็คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไทยต้องเสียเขาพระวิหารกลับคืนสู่อินโดจีน กลับคืนให้ประเทศกัมพูชา       หากประวัติศาสตร์หน้านี้ ยังไม่สามารถเตือนสติใครให้กลับคืนมาสู่ “สันติสุข”ของรัฐประชาชาติในปัจจุบันได้ ก็ขอให้ถือเสียว่าเป็นเพียง "เสียงนกเสียงกา” กรุณาอย่ามากล่าวหาว่า “ไม่รักชาติ” เพราะยังเชื่อเสมอว่า ตนเองรู้จัก “ชาติไทย” ตั้งแต่มีมนุษย์บนแผ่นดินนี้ มากกว่าใคร ๆ ในที่นี้เสียด้วยซ้ำ       อาจจะสะกิดใจพวก “ชาตินิยม” (ตามกระแสแฟชั่น) ในวันนี้ผมขอปฏิบัติเช่นเดียวกับที่ท่านปรีดี พนมยงค์ ในอดีต ขออนุญาตกล่าวคำทักท้วงนี้ไว้เพื่อเตือนใจทุกท่านสักครั้ง         “.....หากคิดว่าการแก้ปัญหาเขาพระวิหาร สามารถดำเนินได้เพียงการฟ้องศาลปกครองแล้วประกาศชัยชนะท่ามกลางฝูงคน นั่นท่านกำลังเดินเข้าสู่ความ “พ่ายแพ้” ต่อกับดักหลุมพรางที่ท่านได้วางและจุดไฟขึ้นไว้เอง ในท่ามกลางความรุนแรงและความขัดแย้งภายในชาติ หากนำไปใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการเอาชนะจนลืมผล “ภายนอก” ที่จะกระจายโหมไฟแห่งความเกลียดชังและความไม่เข้าใจระหว่างประเทศแล้ว          สุดท้าย ผู้ที่แก้ปัญหา “เขาพระวิหาร” ด้วยสันติวิธีและการเจรจาที่ชาญฉลาด ส่งเสริมประโยชน์ซึ่งกันและกัน บนฐานของความ “ประนีประนอม” และ “ความเท่าเทียม” ของประเทศในประชาชาติ โดยไม่ผสม "อคติ" การเอาชนะทาง ”การเมือง” ก็จะได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง...... และแก้ปัญหาได้ในท้ายที่สุด... แต่....ต้องอดทน” จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:49:06 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 รูปประกอบแสดงปัญหาปัจจุบัน หมายเลข ๑ เขตพื้นที่ห้าเหลี่ยมคางหมู 150 ไร่ เขตปราสาทเขาพระวิหารตามคำตัดสินของศาลโลกปี 2505 หมายเลข ๒ พื้นที่ทับซ้อน ระหว่างแผนที่ของฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ปรากฏมีชุมชนและค่ายทหารกัมพูชามาตั้งอยู่ ตามเครื่องหมาย A ควรแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจาให้ถอนบ้านเรือนออกจากเขตแดนซ้อนทับ ประกาศให้เป็นเขต No Man's Land แล้วพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน ปัจจุบันชุมชนชาวเขมรได้ระบายน้ำเสียลงสู่สระตราว ก่อให้เป็นมลภาวะ น้ำเสียและปราศจากสุขอนามัยที่ดี หมายเลข ๓ เขตพิพาท ที่มีการตั้งร้านค้าบริเวณลานชั้นล่างของบันได ซึ่งตามคำตัดสินของศาลโลกให้ฝ่ายไทยเป็นเจ้าของบันไดชั้นล่าง ควรมีการเจรจาในพื้นที่นี้ให้ชัดเจน เพราะผลประโยชน์ทางการค้ามีไม่มากนัก ร้านค้าส่วนใหญ่มีนายทุนฝั่งไทยเป็นหุ้นหรือเป็นเจ้าของร่วม ผลประโยชน์ตรงนี้มาจากการค้าสินค้าที่ระลึก เครื่องดื่ม ซึ่งเป็นการค้าร่วมกันระหว่างคนไทยและกัมพูชา ซึ่งหากเสียดินแดนตรงนี้ ฝ่ายกัมพูชาจะต้องร่นขึ้นไปจัดร้านค้าใหม่บนชั้นที่สองหรือสามของตัวปราสาท ซึ่งอาจทำให้เกิดความสกปรก เสียภูมิทัศน์ มีผลต่อการขอมรดกโลก ควรมีการจัดระเบียบการค้าร่วมกันในอนาคต หากสามารถึ้นทะเบียนเป็น"มรดกโลก"ร่วมกันได้ หมายเลข ๔ เส้นแนวลวดหนามหรือแนวเขตแดนของกัมพูชาในปัจจุบัน รุกเข้ามาตามร่องน้ำเล็ก ๆ ซึ่งควรต้องเจรจาปักปันเขตแดนให้ชัดเจนก่อนการเคลื่อนย้าย จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:51:45 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 เครื่องหมาย B จาก #11   ประตูทางขึ้นไปจนถึงชั้น 162 แนวลวดหนามและประตูเดิมของฝ่ายไทย ถูกรื้อไปในราวปี 31 - 34 จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:53:30 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เครื่องหมาย C  จาก #11 ลานตลาดและร้านค้าในปัจจุบัน ที่ชาวกัมพูชาเข้ามาครอบครอง ตามหมายเลข ๓ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 14:06:27 จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:54:16 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 เครื่องหมาย D จาก #11 ประตูเหล็ก ลวดหนาม และสะพานข้ามร่องน้ำเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นหลังปีพ.ศ. 39 - 40  ซึ่งฝ่ายกัมพูชายืนยันว่าเป็นเส้นแบ่งเขตพรมแดนของตน ตามแผนที่ฝรั่งเศส มีปัญหาเปิด - ปิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:55:07 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ที่มา  http://www.oknation.net/blog/print.php?id=278387 จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 13:56:51 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพ จากกลูเกิ้ลเอิร์ท จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 14:00:37 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขออนุญาตถาม จขกท. นะครับ พื้นที่ ๒ ด้านขวามือในถาพถ่าย จาก #11 กัมพูชายังอ้างสิทธิเป็นพื้นที่ทับซ้อน ตามแนวแผนที่เก่าหรือไม่ หรือเขา ถือเอาเฉพาะจากแนวลวดหนาม จากช่องบันไดหักขึ้นไปตามแนว ๔ ครับ เพราะถ้ายังอ้างสิทธิอยู่ ก็จะไปทับกับผามออีแดง ที่อยู่ตรงมุม ตามรูปที่ผมลอง เอาเส้นแผนที่มาทาบดูครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 14:14:01 จากคุณ : Skunkworks - [ 16 ก.ค. 51 14:13:35 A:124.120.220.122 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 เพิ่มเติม จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 14:16:57 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 กอ่นอื่นขอขอบคุณที่นำข้อมูลดีๆมาให้อ่าน +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ และขอถามนอกประเด็นนิดหนึ่งครับ ตั้งแต่หน้าประตูตรง(ลูกศรสีแดง)ขึ้นเป็นของเขมรใช่มั้ยครับ แล้วบันชั้นล่างที่เป็นของไทยอยู่ตรงไหนครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 14:19:33 จากคุณ : ต้นจิต - [ 16 ก.ค. 51 14:19:06 A:58.9.86.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผามออีแดง อยู่ฝี่งไทยครับ จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 14:19:49 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 #17  เส้นสีแดง ไม่ถูกต้องครับ ผมส่งรูปประวัติศาสตร์มาให้อีกรูป จากคุณ : เกียรติมุข - [ 16 ก.ค. 51 14:23:23 A:202.29.20.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 #19 พื้นที่ตรงนี้ ปัจจุบัน ไทยเรียกว่า พื้นที่ทับซ้อน แต่เขมรคิดว่าเป็นของเขมร ตามแผนที่ฝรั่งเศส ที่ศาลโลกใช้อ้างอิงคำตัดสินกรณียกตัวปราสาท พระวิหารให้เป็นของเขมรครับ ดูจากรูป #14 นอกประตุนั้นคือ เขตแดนไทย 100% ด้านในปรตูฝั่งนี้ คือพื้นที่ทับซ้อนของไทย .. แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 14:28:57 จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 14:24:49 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 #21 ผมลองลากตามแนวจากรูปนี้ครับ ใช้ขนาดปราสาทพระวิหารเทียบกัน จากคุณ : Skunkworks - [ 16 ก.ค. 51 14:32:25 A:124.120.220.122 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 จาก #17  ผมเห็นว่ารูปเป็นแบบนี้ จากคุณ : เกียรติมุข - [ 16 ก.ค. 51 14:32:59 A:202.29.20.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนถ้าลากจากแผนที่ l7017 ตามรูป ก็อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนเช่นกัน เพียงแต่ แนวเขตแดนปัจจุบันตาม #11 (แนว ๔) กับ #18 (เส้นสีม่วง) ดูเหมือนเขมรจะสละพื้นที่แถวนี้ให้เราแล้วนะครับ โดยเขาไปอ้างพื้นที่ ฝั่งตะวันตกของปราสาทแทน จากคุณ : Skunkworks - [ 16 ก.ค. 51 14:35:33 A:124.120.220.122 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 หมายเลข ๓ เขตพิพาท ที่มีการตั้งร้านค้าบริเวณลานชั้นล่างของบันได ซึ่งตามคำตัดสินของศาลโลกให้ฝ่ายไทยเป็นเจ้าของบันไดชั้นล่าง ควรมีการเจรจาในพื้นที่นี้ให้ชัดเจน เพราะผลประโยชน์ทางการค้ามีไม่มากนัก ร้านค้าส่วนใหญ่มีนายทุนฝั่งไทยเป็นหุ้นหรือเป็นเจ้าของร่วม ผลประโยชน์ตรงนี้มาจากการค้าสินค้าที่ระลึก เครื่องดื่ม ซึ่งเป็นการค้าร่วมกันระหว่างคนไทยและกัมพูชา ซึ่งหากเสียดินแดนตรงนี้ ฝ่ายกัมพูชาจะต้องร่นขึ้นไปจัดร้านค้าใหม่บนชั้นที่สองหรือสามของตัวปราสาท ซึ่งอาจทำให้เกิดความสกปรก เสียภูมิทัศน์ มีผลต่อการขอมรดกโลก ควรมีการจัดระเบียบการค้าร่วมกันในอนาคต หากสามารถึ้นทะเบียนเป็น"มรดกโลก"ร่วมกันได้ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แปลกใจครับในเมื่อเป็นคำตัดสินของศาลโลก ทำไมเราไม่ผลักดันออกไป ตรงส่วนบันไดนี้เคยได้ยินว่านพดลจะเอาไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมพร้อมกับสะตราว สถูปคู่ แล้วอย่างนี้มันจะไม่มีปัญหาหรือครับหากยังเป็นพื้นที่ทับซ้อน จากคุณ : ต้นจิต - [ 16 ก.ค. 51 14:38:46 A:58.9.86.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 แปลกใจครับในเมื่อเป็นคำตัดสินของศาลโลก ทำไมเราไม่ผลักดันออกไป ตรงส่วนบันไดนี้เคยได้ยินว่านพดลจะเอาไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมพร้อมกับสะตราว สถูปคู่ แล้วอย่างนี้มันจะไม่มีปัญหาหรือครับหากยังเป็นพื้นที่ทับซ้อน จากคุณ : ต้นจิต  - [ 16 ก.ค. 51 14:38:46 A:58.9.86.207 X: ] ******************************************** เมื่อก่อนหน้าบันไดทางขึ้นไม่มีร้านค้า  ก่อนหน้านี้เขาขายสินค้าอยู่ระหว่างทางเดินของปราสาทชั้นที่ 3 กับ 4 หลังปี 43 ก็ค่อยมาทีละร้านสองร้าน เลยเป็นแบบนี้แหละ ต้องเจรจาให้เขาออกไปจากบริเวณนี้ จากคุณ : เกียรติมุข - [ 16 ก.ค. 51 14:49:56 A:202.29.20.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 #26 ถ้ายังไม่มีการปักปันเขตแดนให้ยุติ หากจะขึ้นส่วนนี้เป็นมรดกโลก ก็ต้องขึ้นร่วมกันครับ เพราะเขมรคงไม่ยอมให้ไทยขึ้น ไทยก็คงไม่ยอมให้เขมรขึ้น น่าจะเรียกว่าการบริหารพื้นที่ร่วมกันมากกว่าสำหรับส่วนทับซ้อน จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 14:50:40 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 รั้วเหล็ก ใน คห.14 สร้างในพ.ศ. อะไรกันแน่ครับ จะได้กล่าวถึงรัฐบาลสมัยนั้นถูก เพราะถือว่าเป็นการจัดการร่วมกันหรือยินยอมทั้งคู่ จากคุณ : งง4ที (งง4ที) - [ 16 ก.ค. 51 15:00:58 A:125.27.72.116 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 สรุปคือพื้นที่ตรงลูกศรสีน้ำเงินและบริรอบๆลูกศรทั้งซ้ายและขวาต่อเนื่องไปถึงลูกศรสีแดงจนขึ้นบันไดถึงขั้นที่ 1-161 ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อนใช่มั้ยครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 15:07:01 แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 15:04:29 จากคุณ : ต้นจิต - [ 16 ก.ค. 51 15:03:37 A:58.9.86.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นหนังสือพิมพ์บางฉบับ ลงตำแหน่งที่คนไทยถูกจับไม่ถูกต้อง เขาลงข่าวว่าถูกจับบริเวณปราสาทที่เป็นของเขมร ที่ถูกต้องคือพื้นที่ทับซ้อนครับ จากคุณ : เกียรติมุข - [ 16 ก.ค. 51 15:05:38 A:202.29.20.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 รูปจากหัวกระทู้ เห็นแล้วนึกถึงบทความที่อ่านเจอครับ "In Thailand, the judgement of the Court provoked violent protests and a virulent press campaign. Students throughout the country, acting with government approval, rejected the verdict of the Court; and in Bangkok, thousands of young people staged a colourful march in which they proclaimed their intent to protect Khao Phra Viharn (Preah Vihear). Students at Thammasart University in Bangkok demanded that the name of Cambodian Prince Sihanouk be removed from the rolls of the University and insisted that an honorary degree conferred on him be withdrawn. Prince Sihanouk later complied with this request returning the degree through the Indonesian embassy." "ในประเทศไทย  ผลการตัดสินของศาลโลกก่อให้เกิด การประท้วงอย่างรุนแรง และการปลุกระดมโดยสื่อมวลชน นักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศประท้วงไม่ยอมรับคำตัดสิน ของศาลโลก โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาล คนหนุ่มสาวนับพันพากันเดินขบวนเรียกร้องเพื่อปกป้อง เขาพระวิหาร นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เรียกร้อง ให้ทางมหาวิทยาลัยถอดชื่อ เจ้าชายสีหนุ ออกจากสารบบ รวมทั้งเรียกคืนปริญญาเกียรตินิยมด้วย ซึ่งเจ้าชายสีหนุก็ ทำตาม โดยส่งคืนวุฒิการศึกษาผ่านทางสถานทูตอินโดนีเซีย" www.dur.ac.uk/resources/ibru/publications/full/bsb1-4_john.pdf แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 15:08:13 จากคุณ : Skunkworks - [ 16 ก.ค. 51 15:07:15 A:124.120.220.122 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 #30   ทับซ้อนเฉพาะตามที่ไทยเข้าใจ แต่เขมรไม่ได้คิดว่ามีพื้นที่ทับซ้อน เขมรคิดว่าเป็นดินแดนของเขมร ที่ไทยเรียกว่าพื้นที่ทับซ้อนเพราะว่าไทยไม่ยอมรับ คำตัดสินของศาลโลกทั้งหมด เพราะคำตัดสินของศาลโลกบอกเพียงแต่ว่า ปราสาทอยู่ในดินแดนของเขมร แต่ไม่ได้บอกว่า อาณาเขตอยู่ตรงไหน ซึ่งเป็นการฟ้องร้องแค่ตัวปราสาท ไม่ได้ฟ้องร้องเรื่องเขตแดน ไทยจึงจำกัดแค่ตัวปราสาท ให้เป็นของเขมรเท่านั้น และเรียกพื้นที่ที่เหลือว่าทับซ้อน ก็เลยเป็นปัญหา เพราะเข้าใจไม่ตรงกัน .. จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 15:34:05 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 # 29   รั้วตาม #14 สร้างใน 39-40 ก็น่าจะตรงกับ พรรคชาติไทย แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 16:02:58 จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 15:58:50 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าอย่างนี้ก็ล่วงเลยมา 11ปีแล้วอ่ะดิ   กินพื้นที่ทับซ้อนหมดเลยอ่ะดิ แล้วตอนนั้น ทำไมไม่มาประท้วงกันครับ พอดีผมไปเที่ยวประมาณ ธันวาคมปี50 ยังเข้าใจว่าผ่านรั้วแล้วเป็นของเขมร แล้วเดินไปถึงหน้าบันได ก็จะมีเจ้าหน้าที่เขมร เก็บเงินค่าเข้าชมปราสาท   ผมก็ติดตามข่าว และเห็นว่าน้า นพดลไม่น่าจะผิดอะไรเพราะ แผนที่ใหม่ที่ยื่นถูกขีดให้เข้าไปถึงบันได แล้วเขมรเขาก็ยอมรับเหมือนยกพื้นที่ทับซ้อนให้เป็นของไทย ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกรึเป่าครับ จากคุณ : งง4ที (งง4ที) - [ 16 ก.ค. 51 16:22:18 A:125.27.72.116 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 #35  ถูกต้องครับ ที่นพดลไปเซ็น เพราะตอนแรกเขมรจะยื่นส่วนทับซ้อนด้วย แต่เราค้าน ให้เหลือแค่ตัวปราสาท ส่วนที่บอกว่าเขมรยกทับซ้อนให้ไทย ไม่ถูกครับ เพราะการขึ้นทะเบียนมรดกโลกไม่ได้เกี่ยวกับเขตแดน เพียงเขมรขึ้นได้เฉพาะในส่วนตัวปราสาท ส่วนทับซ้อนนั้น ยังไม่สามารถขึ้นได้ เพราะไม่ไม่ยอมรับ ส่วนท้บซ้อนจะสิ้นสุดและสรุปได้ว่าเป็นของใคร ต้องรอการปักปันเขตแดนที่กำลังดำเนินการอยู่ครับ แต่เขมรคิดว่าเป็นของเขมรตั้งแต่คำตัดสินศาลโลกแล้ว และกดดันให้ทหารไทยออกมา จากแนวทับซ้อนทั้งหมด ซึ่ง ไทยก็ปฏิบัติตามมาตลอด * แผนที่ที่เขมรขึ้นตอนแรก รวมเอาทับซ้อนด้วย แต่ไทยค้านให้เหลือแค่แผนผัง จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 16:36:30 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมว่าเป็นการเล่นคำด้วยนะเนี่ย พท.ทับซ้อน  น่าจะเป็นเพราะอ้างกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของทั้งคู่ไม่ใช่หรอครับ เราก็บอกว่าเป็นของเรา เขมรก็บอกว่าเป็นของเขา ก็เลยเกิดพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมา งง หลายๆคนที่บอกว่า "เราเรียกว่าพื้นที่แถวนั้นว่าพื้นที่ทับซ้อน แต่เขมรบอก 100%"  ผมว่าความหมายมันเหมือนกันนะ อ้างสิทธิ์ของตั้วเองทั้งคู่ แต่หลายๆคนเล่นคำแบบนี้ทำให้ดูเหมือน มันเป็นของเขมรเท่านั้น ส่วนเราแค่อ้างเฉยๆ ทั้งที่จริงก็อ้างว่าเป็นของตัวเองทั้งคู่ จึงเกิดพื้นที่นี้ขึ้นมา จากคุณ : ชั้นตกหลุมรักกับ playgirl - [ 16 ก.ค. 51 16:38:47 A:58.9.34.108 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 แผนผังที่มีการแก้ไขและยอมรับร่วมกันก่อนที่ไทย จะคัดค้านตามคำสั่งของศาลปกครองไทย ซึ่งไม่มีเส้นเขตแดนเพราะ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับเรื่องของเขตแดนเลย จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 16:39:05 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 #37  ลองคิดกลับกันครับ ถ้าคุณคิดว่า พื้นที่หน้าบ้านเป็นเขตของคุณ คุณก็จะเรียกว่าดินแดนของคุณ ไม่ได้เรียกว่าทับซ้อน แต่ผมไม่ยอมรับว่าเป็นดินแดนของคุณเลยซะทีเดียว ผมเชื่อว่า ผมอาจจะเป็นเจ้าของพื้นที่นั้นต่างหาก (ซึ่งในส่วนหนึ่งก็ยอมรับแล้วว่าเป็นของคุณ ตามความเชื่อของศาล) ผมเลยเรียกพื้นที่นั้นว่า ทับซ้อน ไม่ได้เรียกว่าดินแดนของผม ต่างกันน่ะครับ เพราะผมยอมรับความเชื่อของคุณแต่คุณไม่ยอมรับความเชื่อของผม * สรุปก็คือ เราเสียเปรียบครับ เพราะเขมรมีหลักฐานอ้างอิงที่มีน้ำหนัก มากกว่าของเรา เขมรจึงเชื่อว่า ทับซ้อนเป็นของเขมร .. จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 16:47:35 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ จากคุณ : tonytui - [ 16 ก.ค. 51 16:53:28 A:58.136.79.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 #37 เปรียบเทียบง่ายๆ อีกนิด ถ้าผมเล่นพนันเสียเงินคุณไป 100 บาท แต่ผมคิดว่าคุณโกง และอยากได้เงิน 100 บาทคืนมา ผมเลยบอกคุณว่าห้ามเอาเงินไปใช้ เพราะผมต้องหาทางเอาคืนมาให้ได้ คุณจะเก็บเงินนั้นไว้มั๊ยครับ เพราะคุณได้เงินผมไปแล้ว คุณก็สามารถเอาไปใช้จ่ายได้  ทำไมต้องมาเก็บเงินไว้รอให้ผมเอาคืน เพราะมันเป็นสิทธิ์ของคุณแล้ว นี่แหละครับความเข้าใจที่ต่างกัน .. ในกรณีพื้นที่ทับซ้อน จากคำนัดสินของศาลโลก ระบุว่า  ปราสาทเป็นของเขมรเพราะอยู่ในดินแดน ภายใต้อำนาจอธิปไตยของเขมร ไทยมาแปลความว่า  ดินแดนนั้นอยู่แค่เพียงบริเวณที่ปราสาท ตั้งอยู่เท่านั้นไม่รวมพื้นทีทับซ้อน แต่เขมรแปลความว่า ศาลโลกเชื่อในแผนที่ฝรั่งเศส ดังนั้นดินแดนที่อยู่ภายใต้อาณาเขตในแผนที่นั้น จึงเป็นของเขมร และที่จริงแผนที่ฝรั่งเศสรวม สถูปคู่ และผามออีแดงด้วย แต่ เขมรไม่คัดค้านไทยในการที่ไทยเข้ายึดครอง เท่ากับยอมรับไทยส่วนหนึ่ง (อาจเป็นพื้นที่ทับซ้อนของเขมร) แต่หากเราไม่ยอมรับในส่วนทับซ้อน ในอนาคต หากมีการนำเรื่องเขตแดน ไปพิจารณาในศาลโลกอีกครั้ง เราก็อาจจะไม่เสียเพียงดินแดนทับซ้อนเท่านั้น แต่อาจเสียในส่วนสถูปคู่และผามออีแดงด้วย .. แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 19:47:07 จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 17:11:08 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 อีกทีครับ  สมมุตินะสมมุติ ถ้ากรณีนเฃ้านพดล ไปเซ็นเป็นสัญญา ระหว่างประเทศ แล้วแผ่นผังเป็นแผนที่ เซ็นรับรองด้วยกระทรวงต่างประเทศของไทยและ เขมร แล้วเป็นอันเดียวกับที่น้านพดลไห้เปลี่ยน เป็นแบบของเรา คือตัดเฉพาะตัวปราสาทออก จะสามารถใช้อ้างอิงพื้นที่ทับซ้อนเป็นของเราได้รึเป่าครับ มานจะได้จบในไม้เดียวไม่ต้องมาเถียงกันอีกว่าของใคร จากคุณ : งง4ที (งง4ที) - [ 16 ก.ค. 51 17:22:24 A:125.27.72.116 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 #42  ไม่ได้ครับ เพราะมรดกโลก ไม่มีส่วนในการปักปันเขตแดน เป็นเพียงการบรีหารจัดการทรัพย์สินเท่านั้น ส่วนทับซ้อนหรือส่วนอื่นๆจะของใคร อยู่ที่การปักปันเขตแดนร่วมกันเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับการขึ้นมรดกโลกครับ .. จากคุณ : nopos - [ 16 ก.ค. 51 17:43:24 A:117.47.6.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ nopos ช่วยหาเอกสารหน่อยที่ว่าศาลโลกตัดสินให้เขมร 150 ไร่ อย่าอำหรือสร้างเรื่องขึ้นเอง ศาลโลก ตัดสินว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นอธิปไตยของกัมพูชา ตามแผนทีของ ฝรั่งเศส ถ้าเราเคารพศาล ก็อย่า ทำตัวแบบ พาลทะมาร ทีพยายามตะแบงเรื่องศาลแพ่ง จากคุณ : รงคกร - [ วันอาสาฬหบูชา 19:00:43 A:124.121.137.24 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 #44 ผมไม่ทราบว่า พูดตรงไหน  แต่ถ้าหากมีส่วนใดพิมพ์ก็ขออภัยครับ เพราะยกมาจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=278387 ตามที่แจ้งไว้ใน #15 โดยส่วนตัว หากมีการบอกว่าศาลโลกยกให้ไทย 150 ไร่ ก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน แต่เชื่อว่าพื้นที่ที่ศาลโลกตัดสินนั้น คือทับซ้อนทั้งหมดตามแผนที่ฝรั่งเศส ซึ่งอย่างน้อยก็เกือบ 3,000 ไร่ ตามที่ ศาลโลกระบุไว้ว่า " ปราสาทพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของเขมร " ไม่ใช่แค่อธิปไตยน่ะครับ  ทั้งอาณาเขตและอำนาจอธิปไตย (เดี๋ยวเข้าใจผิดกันไปอีก) และจากการที่ศาลโลกระบุไว้ในคำตัดสิน ก็หมายความว่าศาลโลกเชื่อใน แผนที่ของฝรั่งเศส มากกว่าสันปันน้ำของไทย เมื่อศาลตัดสินมาแล้ว ก็ควรเชื่อครับ เพราะศาลนี้ไม่ใช่ศาลไทย แต่เป็นศาลโลก แล้วเราก็เลือกที่จะทำตามหรือไม่ก็ได้ แต่จะคุ้มหรือไม่นั้น ทุกคนคงคำนวนไว้เรียบร้อยแล้ว .. แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 20:04:00 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 19:57:04 จากคุณ : nopos - [ วันอาสาฬหบูชา 19:26:17 A:117.47.165.142 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 คำตัดสินศาลโลก ระบุว่า ทั้งอาณาเขตและอำนาจอธิปไตย ที่ปราสาทตี้งอยู่ เป็นของเขมร จากคุณ : nopos - [ วันอาสาฬหบูชา 19:29:34 A:117.47.165.142 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 คิดแบบโจ๊กๆนะครับ ศาลโลกตัดสินว่าตัววิหารเป็นของเขมร แต่ไม่ได้กล่าวถึงพื้นที่ข้างเคียง แต่เขมรทึกทักเอาเอง ว่าเป็นของเขาด้วย เหมือนซื้อห้องแถวริมถนน ข้างหน้าร้านมีที่จอดรด เจ้าของก็มักจะคิดว่าเป็นที่จอดรถของเขา ก็เลยเอาป้ายห้ามจอดมาตั้งไว้ แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะเขามีกรรมสิทธิ์เฉพาะตัวตึก ไม่ได้รวมถึงพื้นที่หน้าร้านด้วย น่าจะเป็นทำนองนี้นะครับ จากคุณ : agrotech - [ วันอาสาฬหบูชา 20:10:29 A:124.121.144.233 X: ]

ความคิดเห็นที่ 48 #47  ศาลไม่ได้ตัดสินเฉพาะตัววิหารครับ ดูคำตัดสินต่อไปด้วยครับ - ให้ถอนกำลังทหารหรืออื่นๆ  ออกมาจากบริเวณปราสาทหรือบริเวณใกล้เคียง ซึ้งเป็นดินแดนของประเทศกัมพูชา - ให้นำของที่ไทยอาจนำออกมาจากตัวปราสาท หรือบริเวณปราสาท จากการที่ไทยเข้าบุกรุกพื้นที่ของเขมรตั้งแต่ 2497 ไปคืนด้วย ** จาก 2 ข้อนี่ เค้าบอกว่า ไม่ใช่เฉพาะตัวปราสาทครับ ที่เป็นของเขมร แต่เค้าระบุว่าเป็นดินแดนด้วยครับ ที่ไทยไปบุกรุก .. แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 20:21:05 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 20:20:13 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 20:19:22 จากคุณ : nopos - [ วันอาสาฬหบูชา 20:18:22 A:117.47.165.142 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 น่าสนใจครับ มันเป็นเรื่องของอดีต ผ่านมาตั้งเกือบครึ่งอายุคน ตอนนั้นและช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงนะปัจจุบันนี้(เป็นปัญหาแล้ว) พวกท่านไปอยู่ที่ไหนมามาโวยวายรักชาติเอาเป็นเอาตายกันตอนนี้ บางคนมันยังไม่เกิดเลยถึงเกิดแล้วก็ยังดูดจุกนมอยู่เลย อย่าให้มันรุกลามมากไปกว่านี้เลย ประเทศชาติเสียหายขึ้นมาพวกคุณก็ช่วยอะไรไม่ได้ จากคุณ : cathot - [ วันอาสาฬหบูชา 20:28:33 A:58.9.91.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณนพดลไปเซ็นแล้วเราได้ประโยชน์อะไรบ้างครับ ไม่ได้ถามกวนนะครับ ไม่ได้ด่านะครับ ผมไม่รู้จริงๆ พอดีไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้เลย แล้ว พท.ทับซ้อนที่ว่านี่ศาลตัดสินว่าเป็นของกัมพูชาหรือเปล่าครับ ที่ศาลบอกว่าบริเวณใกล้เคียงตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา ศาลท่านได้บอกรายละเอียดหรือเปล่าครับจากไหนถึงไหนหรือว่าบอกแค่ว่าใกล้เคียง แล้วทำไมเพิ่งจะมาถอนทหารออกจาก พท.ทับซ้อนตอนนี้ล่ะครับ ศาลตัดสินมาตั้งหลายปีแล้ว แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 51 05:05:02 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 51 04:43:16 จากคุณ : tHeNuT - [ วันเข้าพรรษา 04:27:34 A:58.9.39.235 X: ]