ปัญหาอธิปไตยบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร โดยเฉพาะพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีการพูดกันมากว่าไทยจะเสียดินแดน โดยพยายามปลุกกระแส คลั่งชาติ โดยโจมตีนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ เมื่อครั้งไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ทั้งที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เฉพาะตัวปราสาท ไม่เกี่ยวกับพื้นที่โดยรอบ
ขณะที่ฝุ่นควันเริ่มจางลง ได้มีการตรวจสอบพบความจริงว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เป็นอดีต รมช.ต่างประเทศ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยลงนามใน บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก เมื่อปี 2543 สมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เป็น รมช.ต่างประเทศในขณะนั้น ได้เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543 ให้การปักปันเขตแดน โดยอ้างถึงแผนที่ฉบับลงนาม ณ กรุงปารีส 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904 ในการจัดทำหลักเขตแดนซึ่งเป็นฉบับที่เคยทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องเสียน้ำตามาแล้วเพราะต้องเสียปราสาทเขาพระวิหารให้กับกัมพูชาไปเมื่อปี พ.ศ.2505 แต่กลับไม่ได้ระบุถึงแผนที่แอล 7017 ของอเมริกาที่ไทยใช้อ้างอิงมาโดยตลอด ซึ่งอาจทำให้คนไทยต้องน้ำตาตกอีกครั้งหากกัมพูชายกขึ้นมาอ้างอิงกับศาลโลก
หากจะเปรียบเทียบกับแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศไปดำเนินการเจรจาที่ใช้การขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ทางกัมพูชายอมรับเงื่อนไขที่ไทยเสนอทั้งหมดนั่นคือให้กัมพูชาตัดพื้นที่ทับซ้อนออกและขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท โดยแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวทำให้ไทยกลับมาเป็นฝ่าย ได้เปรียบ ในหลายด้าน ทำให้กัมพูชายอมรับพื้นที่ที่เป็นของเขาจริงๆเพียงบริเวณที่ตั้งตัวปราสาทเท่านั้น ตามข้อ 2. ด้วยเจตนารมณ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือกันราชอาณาจักร- กัมพูชายอมรับว่าปราสาทพระวิหารที่จะเสนอขอขึ้นทะเบียนไว้ในบัญชีมรดกโลกในขั้นนี้จะไม่รวมพื้นที่กันชนทางด้านเหนือและด้านตะวันตกของปราสาท
ใคร? เป็นคนทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนตัวจริงกันแน่? เชิญหาความจริงตามเอกสารประกอบ..
ประชาทรรศน์ ปีที่2 ฉบับที่ 79
แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 51 15:10:18
แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 51 14:58:03