PANTIP.COM : P6888354 พวกที่บอกศาลตั้งธงไว้แล้วน่ะเข้ามาอ่าน []

ความคิดเห็นที่ 16

ถามคุณที่บอกว่าตั้งธงไว้น่ะ ว่า ถ้าทักษิณไม่เห็นด้วยกับการการขึ้นศาล แล้วกลับมาทำไมครับ ในเมื่อกล้ากลับมาขึ้นศาล ก็น่าจะหมั่นใจว่าสู้ได้จริงมั้ยครับ คตส.เขาไม่ได้เข้ามาทำงานเมื่อตอนทักษิณกลับมา เขาทำงานมา 1-2 ปีแล้ว ถ้าคิดว่ามีการตั้งธงจริง ก็ไม่ควรจะกลับมาตั้งแต่ต้นเพื่อสู้คดีครับ เพราะถ้าคิดงั้น ก็คือไม่เป็นธรรมตั้งแต่ต้นแล้ว คุณจะเดินทางกลับมาสู้คดีทำไม แล้วถ้าคิดว่าตั้งธง ทำไมไม่หนีไปล่ะครับ ก่อนที่คดีเลี่ยงภาษีจะมีการพิจารณาน่ะ แต่นี่กลับหนีหลังจากคดีมีผลออกมาแล้ว และคดียังมีการต่อสู้ในขั้นอุทธรณ์แต่กลับไม่สู้ แต่หนีไปซะเอง ซึ่งถ้าให้ผมเดา ผมว่าเขาหนีเพราะรู้ว่า ตนสู้ไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานหรือพยาน พร้อมทั้งคำแก้ตัวนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือไงครับ แล้วก็ไปโทษศาลว่าตั้งธง หากว่าศาลท่านตั้งธงจริง ผมถามว่า คุณคิดว่าศาลจะปล่อยให้คนมีคดีและตั้งธงไว้แล้ว หนีรอดลอยนวลไปต่างประเทศรึครับ เป็นผมไม่ปล่อยให้เดินทางออกนอกประเทศหรอกครับ แต่นี่ศาลท่านกลับอนุญาตให้เดินทางได้ เพราะอะไรล่ะ เพราะศาลท่านไม่ได้ตั้งธงไงครับ และคิดว่าคนที่มีหน้ามีตา มีศักดิ์มีศรีอย่างทักษิณ คงไม่หนีหรอก เพราะก่อนหน้านั้นก็ประกาศแล้วว่าจะอยู่เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน แล้วเป็นไงครับ คนที่มีหน้ามีตา มีศักดิ์มีศรี ทรยศต่อความไว้วางใจที่ศาลมีให้ หนีไปอังกฤษ แถมยังแถลงการณ์มาต่อว่าทางศาลอีก คนแบบนี้รึครับ ที่สังคมควรยกย่องน่ะ เลิกว่าศาลตั้งธงซะทีเถอะ มีสติแล้วคิดสักนิดครับ ว่าการหนีครั้งนี้น่ะใครกันแน่ที่สมควรถูกประนามน่ะ

เปรียบเทียบน่ะ พิมพ์ไปแล้วที ขี้เกียจพิมพ์ซ้ำ ขอก๊อปปี้แปะน่ะครับ

หากมีคนที่ต้องขึ้นศาล แล้วหนีคดี หนีประกัน คนๆนั้นไม่ใช่ชื่อทักษิณ แต่ชื่อสนธิ ลิ้มทองกุล คนที่นี่จะพิมพ์ว่าไงครับ เป็นผม ผมก็ด่าเหมือนกันครับ สนธิ ที่พวกคุณด่ากันน่ะ ผมว่าเขายังลูกผู้ชายกว่าคนที่คุณยกย่องซะอีก เพราะเขากล้าเดินไปศาลไม่ว่าศาลนั้นจะเป็นช่วงที่ทักษิณเป็นนายกหรือไม่เป็น เขาต่อสู้กับทุกคดีในชั้นศาลครับ ไม่ได้บินหนีไปไหน ถ้าผมจำไม่ผิด มีอยู่ครั้งหนึ่งมีคดีฟ้องร้องกับทักษิณอยู่ พอเขาบินไปนอก ที่นี่ก็มีข่าวลือปล่อยมา ว่าหนีไปแล้ว แล้วสุดท้ายเป็นไงครับ คนที่คุณด่าก็กลับมาสู้คดี แล้วตอนนี้ล่ะคนที่คุณปกป้องอยุ่น่ะ ทำอย่างสนธิรึเปล่า?

ผมไม่ได้ยกสนธิว่าดีเลิศ แต่ผมยกตัวอย่างผู้นำสองคนในสองฝ่าย มาเปรียบเทียบกันครับ(อย่ามาอ้างว่าเอาเบี้ยแลกขุนน่ะ แล้วต้องเป็นใครเปรียบเทียบล่ะพวกคุณถึงคิดว่าเหมาะสมน่ะ เสนอมาครับ เอาที่มีคดีเหมือนกันน่ะ) ว่าคนๆหนึ่ง เดินขึ้นศาลต่อสู้ทุกคดี ทุกช่องทางที่กฏหมายอนุญาตและกำหนดไว้ อีกคน ยังไม่ทันสู้ ก็หนีหายไปซะงั้น แล้วก็มาไปปล่าวประกาศให้คนอื่นฟังว่า " ผมโดนรังแก "

คำถามครับ

ผู้นำแบบไหนที่ควรจะยกย่องครับ ?

แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 00:35:27

จากคุณ : kukrit - [ 14 ส.ค. 51 00:34:28 A:58.9.174.169 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40

สำหรับผมนะครับ ผมเห็นว่า ตอนนี้ คนที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับทั้งฝ่าย
พันธมิตรและฝ่ายคุณทักษิณ ต่างมีความคิดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คือ
สองฝั่งนั้น เกลียดคนเลวทั้งคู่ ชอบคนดีทั้งคู่ ปัญหาคือ เห็นไม่ตรงกัน
ในแง่คำจำกัดความของความดีและความเลว และความเหมาะสมหรือ
ไม่เหมาะสมกับการกระทำต่าง ๆ

ส่วนหนึ่งก็เพราะสื่อ คนเสพสื่อ ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่
มักจะได้บทสรุป ได้แนวคิด ได้ความเชื่อ เร็ว ๆ นี้ มีเรื่องของข่าวลือ
เรื่องเปลี่ยนเวลา 30 นาที กระจายทั่ว forward mail ก็เห็นเชื่อกัน มี
น้อยจริง ๆ ที่เช็คไปเจอว่า เออ ไม่จริง กูโง่นี่หว่า หรือ เห็นว่า เออ แฮะ
นี่เราก็เชื่อข่าวลือที่มีแนวโน้มน่าเชื่อนี่หว่า

ASTV มีส่วนมาก เพราะพูดจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ตั้งหัวข้อให้เป็นงั้นบ้าง
เป็นงี้บ้าง ข่าวธรรมดา ก็เป็นข่าวแย่ได้ คือ ทำให้คนมองคุณทักษิณ
แย่มาก ๆ ได้ (ลองเอาข่าวที่เป็นกลาง ๆ แล้ว ดูเวลาเว็บเมเนเจอร์
พาดหัว จะเห็น ถ้ามองเป็นแบบกลาง ๆ)

ทีนี้ องค์คณะผู้พิพากษา ก็ประกอบด้วยผู้พิพากษาหลาย ๆ คน มีโอกาส
กฏหมายมีจริง แต่ดุลยพินิจก็มีเยอะ และมีบทบาทมากด้วย ดุลยพินิจ
เหล่านี้ ก็คล้าย ๆ ว่า ออกได้สองหน้านั่นแหละ จะออกทางไหน ก็ได้
แล้วเอาคนที่มีความเชื่อว่า คุณทักษิณเลว เลวมาก ๆ โกง โกงมาก ๆ
เป็นภัยต่อประเทศ ฯลฯ (นี่ผมไม่ได้บอกว่าผิดหรือถูก แต่ถ้าเอาคนที่มี
ความเชื่อแบบนี้ มาใช้ดุลยพินิจ ก็แน่นอนว่า ไอ้ที่ก้ำกึ่งหรือ ไอ้ที่ค่อน
ไปทางว่าคุณทักษิณไม่ผิด ไม่เกี่ยวนั้น ก็คงกลายเป็นว่า ผิด หรือ เกี่ยว)

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเอาคนที่คิดว่าคุณทักษิณดี และฐานะเขาก็สร้างมาด้วย
ลำแข้ง มีทรัพย์สินก่อน ด้วยซ้ำ เอามาใช้ดุลยพินิจ ก็จะเห็นว่า เออ ไม่ผิด
ค่อนไปทางผิด ก็ว่าไม่ผิด อะไรแบบนี้

กรณีคุณปรีดีย์ ถ้าคุณปรีดีย์ไม่หนี แล้วเอาขึ้นศาลมันตอนนั้นเลย คุณคิดว่า
คุณปรีดีย์จะโดนตัดสินอย่างไร ตอนที่คนส่วนมากคิดว่า คุณปรีดีย์ฆ่า
ในหลวง ดุลยพินิจจะมีผลไหม (คือพร้อมจะเชื่ออยู่แล้วว่าเขาฆ่าน่ะ
ขอแค่มีเหตุผลมารองรับนิด ๆ ก็เอาละ แล้วเป็นไง หลักฐานเท็จ ก็มา
พบหลายปีให้หลัง)

ดุลยพินิจที่ว่านี้ ขึ้นชื่อว่าดุลยพินิจ นั้น แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีคำว่าเป็น
กลาง แต่ว่า ควรไหมที่จะให้มันขึ้นอยู่กับคน และความรู้สึกคน เว้นแต่ว่า
มันขึ้นอยู่กับหลักการ

คำว่าหลักการนี้ คือ ไม่เลือกหน้าอินทร์ หน้าพรหม หน้าไหน ก็ตาม
ทักษิณหรือไม่ทักษิณ ทำแบบเดียวกันผิดหมด แล้วมันเป็นแบบนี้ไหม

เวลายึดถือหลักการ จะมีมาตรฐานเดียวเสมอ แล้วเรามีไหม มาตรฐาน
เดียวนี้ นี้ ผู้พิพากษามีมาตรฐานเดียวไหม (คือ ไม่ว่าตัดสินใคร ฐานะ
อย่างไร รูปร่างอย่างไร ก็ตัดสินออกมาเหมือนเดิมไหม)

ตอนที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีมติไม่เลือกคนมาแทน กกต. ที่เสียชีวิตไป
ใน รธน.ปี 2540 เขียนไว้ชัดด้วยซ้ำ ว่าที่ประชุมศาลฎีกา ต้องทำอย่างไร
แล้วท่านทำกันไหม? แล้วท่านทำอย่างไร? ใช้มาตรฐานเดียวกันกับคน
อื่นไหม แล้วเวลามีความคิดออกไปด้านใดด้านหนึ่ง ก็ทำให้มองไม่เห็น
ข้อบกพร่องเอาเสียอย่างนั้น

นี่ ที่ผมว่า ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่จะตัดสินคดีแบบนี้ ใครเป็นผู้
พิพากษา อยู่ในวงการคงรู้ดี ว่า เออ มุมมองของผู้พิพากษามีส่วน
ให้คำตัดสินเปลี่ยนได้ เพราะกระทบดุลยพินิจโดยตรง

กฏหมายที่เขียนไว้ก่อนล่วงหน้าก่อนเหตุเกิด ดี เพราะไม่มีอารมณ์และ
ความเชื่อ หรือสิ่งที่ใคร ๆ คิด หรือ ที่เรียกว่า มุมมองเอนเอียงไปข้างใด
ข้างหนึ่งมาเกี่ยว อย่างนั้น ตัดสินแล้วเป็นธรรม ไม่เข้าใครออกใครชัวร์
แต่กฎหมายที่มาเขียน หรือมาตีความหลังเหตุเกิดแล้ว มันเปิดโอกาสให้
ความเอนเอียงมีบทบาท ช่วงใช้ดุลยพินิจ

ผมว่าคุณทักษิณถูก พอ ๆ กับที่คุณปรีดีย์ถูก ว่า ตอนที่ดุลยพินิจมีโอกาส
ถูกอิทธิพลของกระแส ความเอนเอียง และความเชื่อส่วนบุคคล (ซึ่งเป็น
ผลลพต่อคนทั้งสอง ตามที่คนทั้งสองท่านนั้นเชื่อ นี่ผมไม่ได้บอกว่าใคร
ผิดใครถูก แต่ผมว่า เขาเชื่อตามนั้น) เขาก็ออกไปนอกขอบเขตอำนาจ
ของศาล ถ้าเขาสามารถทำได้ ก็ในเมื่อเขาทำได้ เขาก็ทำ เขาผิดไหม
ที่จะไม่ยอมถูกตัดสิน ในบรรยากาศที่เขาเชื่อ 100% (นี่เขาเชื่อนะ ไม่ใช่
ผม เมื่อเขาเชื่อ เขาก็ตัดสินใจแบบนั้น) ว่า ไม่เป็นการดีกับเขา และเปิด
โอกาสให้ใช้ดุลยพินิจ ในทางเป็นปฏิปักษ์กับเขา

เขาทำเกินขอบเขตไหม เกินอย่างไร เขาไปเผาโน่น เผานี่ ทำให้ใคร
เดือดร้อนไหม ก็เปล่า เขาก็แค่รู้จักเอาตัวรอด คนไม่รู้จักเอาตัวรอด
ก็มี แต่เขาสองคนรู้จักเอาตัวรอด (จริง ๆ พวกคุณ ราเกซ คุณ อะไร
ต่อมิอะไร ที่หนีน่ะ เขาก็รู้จักเอาตัวรอด)

สุดท้าย เอาเป็นว่า แค่คนมองว่า 7 หมื่นกว่าล้าน ที่เกิดจากการขายกิจการ
ที่เขามีมาก่อนแล้ว ควรถูกยึดไหม ถามสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งก็ว่า ยึดมันเลย
มันโกง มันเลว อีกฝั่งหนึ่งว่า บ้า หรือเปล่า มันเป็นธรรมเหรอ นี่เรื่อง
ง่าย ๆ ก็มองต่างได้ ด้วยความคิดความเชื่อพื้นฐานแค่ว่า อย่างไรดี
อย่างไรเลว เอาเป็นว่าคนที่เชื่อว่าคุณทักษิณเลว มาก ๆ ไม่มีทางไม่เห็น
ด้วย ผมเข้าใจดี เพราะเวลาผมเชื่อว่าใครเลว ผมก็ว่าดี เช่น เวลาที่ผม
เชื่อว่าใครเป็นโจรข่มขื่น ผมก็ว่า เออ ดี เออ สมควร ถูกจับ ถูกรุม
ประชาทัณฑ์ เลยเข้าใจ

คนโดยมากเลือกฝั่งแล้วไม่ค่อยเปลี่ยน เพราะมีเหตุผลของเขา

แต่สำหรับคนที่เป็นกลาง หรืออยากลองหาตรรกะในการคิด ลองถามตัว
เองว่า ในวันที่คุณปรีดีย์ คุณป๋วย คุณราเกซ หนีไปนั้น การหนี หรือ
ไม่หนี ดีกว่า ณ วันนั้น

การหนีไม่ทำให้คนผิด เป็นคนถูก แต่ทำให้คนไม่ผิด ได้มีโอกาสเป็น
คนถูกและได้รับการยกย่องมากมายภายหลังจากนั้น เพราะถ้าไม่หนี
ทุกคนที่กล่าวมานั้น ก็คงตายและติดคุกหมด (100% จาก 100%)
แต่ถ้าหนี ก็อาจจะมีคนที่ไม่ผิด และได้มีโอกาสอยู่ เพื่อพิสูจน์ตนเอง
ภายหลัง ไม่ใช่ว่าคนที่หนี ทุกคนจะถูก แต่บางคนในนั้น พิสูจน์ตนเอง
สำเร็จ ดังนั้น ก็จะมีคนรอด อย่างน้อย x% ใน 100% - x น้อยกว่า
หรือเท่ากับ 100)

ดูตรรกะแล้ว หนีดีกว่าครับ.

จากคุณ : StoneFox - [ 14 ส.ค. 51 23:54:53 A:202.7.193.219 X:202.7.176.134 ]