ความคิดเห็นที่ 1 สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ "เข้าตรวจค้นในสถานีวิทยุชุมชนคลองเตย 107.5 MHz"   วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.10 น. พ.ต.ท.ประภัสสร ชาติพรหม รอง ผกก.ปป.สน.ท่าเรือ พร้อมพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ นำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ ค.158/2551 ลงวันที่ 27 พ.ค.2551 เข้าตรวจค้นในสถานีวิทยุชุมชนคลองเตย 107.5 MHz คลื่นพัฒนาคนเมือง ตั้งอยู่ที่บ้านไม่มีเลขที่ ฝั่งตรงข้ามมูลนิธิดวงประทีป เลขที่ 34 ล็อก 6 ซอยดวงประทีป แขวงและเขตคลองเตย กทม. หลังได้รับแจ้งจากวิทยุการบินว่าวิทยุชุมนุนดังกล่าวส่งสัญญาณคลื่นรบกวนการบิน            เมื่อตำรวจไปถึงพบนางสุภาพ ตะสูงเนิน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 282 หมู่ 11 ต.โนนทองหลาง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา กำลังจัดรายการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องโรคเอดส์อยู่ในห้องส่ง เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมพร้อมยึดของกลางเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมยี่ห้อ J 2 NETWORK จำนวน 1 เครื่อง ตั้งความถี่ใช้งาน 107.5 MHz เครื่องมิกซ์เสียงยี่ห้อ BERINGER รุ่น MX 1604 A จำนวน 1 เครื่อง เครื่องเล่นดีวีดียี่ห้อแฟนตาเซีย รุ่น FS 1050 จำนวน 1 เครื่อง เครื่องรับวิทยุกระจายเสียงยี่ห้ออะโคเนติก รุ่น AN 939 N จำนวน 1 เครื่อง สายนำสัญญาณเสียงจำนวน 6 เส้น หูฟัง 2 อัน ไมโครโฟน 1 ตัว สายอากาศชนิดรอบตัว พร้อมสายนำสัญญาณและขั้วหัวต่อ ยาวประมาณ 25 เมตร 1 ชุด จากนั้นคุมตัวนางสุภาพ และของกลางทั้งหมดส่ง พ.ต.ท.กู้เกียรติ จันทร์พุ่ม พงส.(สบ.3) สน.ท่าเรือ ทำการสอบปากคำดำเนินคดี            เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา 1.มีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต 4.จงใจกระทำให้เกิดการรบกวนต่อการวิทยุคมนาคม และ 5.ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานออกใบอนุญาต ทั้งนี้ นางสุภาพยอมรับสารภาพเพียง 2 ข้อหา เบื้องต้นเท่านั้น ส่วน 3 ข้อหาที่เหลือไม่ยอมเซ็นรับสารภาพ            ขณะเดียวกัน นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ที่ปรึกษาสถานีวิทยุดังกล่าวได้เดินทางมายัง สน.ท่าเรือ พร้อมเปิดเผยว่า วิทยุชุมชนดังกล่าวได้เปิดมาตั้งแต่ปี 2543 หลังจากที่ทางคณะรัฐมนตรีอนุโลมให้มีการจัดวิทยุเพื่อชุมชนขึ้น และตั้งแต่ตั้งสถานีมา ได้ปฏิบัติตามกฎกติกามาตลอด โดยใช้อัตราส่วน 30:30:15 ซึ่งหลังจากการ้เปิดสถานีวิทยุมาเป็นการจัดรายการเพื่อคนในชุมชนแออันของคลองเตย ให้ความรู้ด้านยาเสพติด เรื่องโรคเอดส์ และเรื่องอัคคีภัย โดยจะให้ความรู้เพื่อให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องเหล่านี้ เพราะชุมชนดังกล่าวมีคนยากจนอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเยาวชนในชุมชนมาคอยจัดรายการเรื่องการใช้คำพูด การดูแลสุขภาพ และเรื่องสตรีที่ไม่ให้ถูกละเมิดสิทธิ สลับกับการเปิดเพลงไปเรื่อยๆ โดยระยะเวลาในการเปิดสถานี จะเริ่มตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น.            นางประทีป กล่าวต่อว่า วิทยุชุมชนแห่งนี้เป็นการเปิดให้ความรู้กับชุมชนและคนยากจนโดยเฉพาะ ไม่มีการทำเพื่อผลประโยชน์ ไม่มีการเล่นการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง สปอตโฆษณาก็เป็นเรื่องให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ ส่วนเรื่องรายได้มาจากการจัดผ้าป่าในชุมชนจัดหากันเอง คนที่มาจัดรายการก็ไม่ได้รับรายได้แต่อย่างใด แต่เป็นอาสาสมัครที่มาจัดรายงาน ในขณะเดียวกัน เครื่องส่งก็ส่งไปได้ไม่ไกลไม่ถึง 5 กม. แค่ 2-3 กม.ก็ไม่ได้ยินแล้ว ส่วนเรื่องที่ไม่ได้ขออนุญาต ทางสถานีเห็นว่าทางคณะกรรมการเกี่ยวกับวิทยุโทรทัศน์ยังไม่เกิดขึ้นจึงไม่ได้ดำเนินการขออนุญาต เพราะทางสถานีไม่ได้มุ่งเรื่องผลประโยชน์ทางการค้า            “ทีกับบางสถานีที่เครื่องส่งแรงไปทั่วประเทศอย่าง 92.25 MHz ยังสามารถทำได้ อย่างเอเอสทีวี ทำไมถึงทำได้ อย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ทำไมถึงทำได้ ทั้งๆ ที่เป็นสถานีวิทยุที่ยุยงปลุกปั่น ใส่ร้ายป้ายสี ทำให้แตกแยก ทำให้คนตีกันกลับทำได้ แต่ทำไมสถานีวิทยุเล็กๆ อย่างเรากลับทำไม่ได้ เรื่องนี้ความจริงกฎหมายต้องเสมอภาคกัน ที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายแบบนี้ เพราะกฏหมายไม่เสมอภาค กฏหมายเลือกปฏิบัติ ดิฉันไม่ได้หมิ่นศาล แต่ดิฉันขอตั้งคำถามว่าทำไมศาลถึงอนุโลมคุ้มครองให้กับคนและสถานีพวกนี้ ขอตั้งคำถามว่าเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่” นางประทีปกล่าว            ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นางประทีปได้กล่าวถึงนายสนธิ และสถานีเอเอสทีวีในลักษณะดังกล่าวกับกลุ่มผู้สื่อข่าวถึง 2-3 รอบ            ด้าน พ.ต.ท.กู้เกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจจะต้องทำการสอบปากคำผู้ต้องหาก่อน จากนั้นจะพิจารณาว่าผู้ต้องหาจะมีลักษณะหลบหนีหรือไม่ เพื่อพิจารณาว่าเห็นควรจะให้ประกันหรือไม่ โดยเบื้องต้นจะใช้หลักทรัพย์ไม่เกิน 1 แสนบาท http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000061599 จากคุณ : pea_nort - [ 4 ก.ย. 51 07:37:09 A:125.25.193.0 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 การเสนอให้นายกลาออก มองมุมหนึ่งว่าเป็น การเสียสละเพื่อชาติ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการลาออกหรือยุบสภา เพราะจะเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าคนกลุ่มนี้ หรือกลุ่มอื่นๆ ไม่ชอบใจกับนายก หรือคณะรัฐมนตรี ก็จะรวมตัวกันกดดันรัฐบาลให้ลาออกได้ตลอดเวลาโดยไม่มีหลักเกณฑ์อะไร ทางออกที่ถูกต้องคือร่วมกันลงชื่อเพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรี แล้วเข้าสู่การพิจารณาของศาลถึงความผิด หรือความไม่ชอบมาพากลของนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาตามความผิด ซึ่งจะนำไปสู่การถอดถอนอย่างถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย ไม่ใช่ใช้กฏหมู่มาทำลายประชาธิปไตย การจะเปลี่ยนการเมืองใหม่ก็ต้องรณรงค์ให้ประชาชนเห็นถึงข้อดี ที่ดีกว่าในระบบเดิมแล้วให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบแล้วจึงค่อยเปลี่ยน การใช้ความรุนแรงกับประชาชนเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง แต่คำว่าประชาชน มีความหมายว่า เป็นประชากรซึ่งมีความรักชาติ เชิดชูพระมหากษัตริย์ แต่พวกพันธมิตรไม่ใช่ การใช้ความรุนแรงกับพวกหัวดื้อพวกนี้จึงถือว่าเป็นการรักษาประเทศ และประชาธิปไตยไว้ จากคุณ : 1 เสียง (lekshm) - [ 4 ก.ย. 51 07:43:11 A:125.26.53.114 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 70/30มันเกิดไม่ได้หรอกครับ ถ้ายังดึงดันจะเอาแบบนั้นก็ต้องสูญเสียมวลชนและแพ้ภัยตัวเองในที่สุด จากคุณ : Dead Drunk - [ 4 ก.ย. 51 08:48:17 A:203.156.86.183 X: ]