ชุมนุมกันมาเป็นร้อยวัน แพ้ชนะกันมาไม่รู้กี่หน แก้ผ้ากันไปแล้วตั้งหลายคน เจ็บตัวกันถ้วนหน้าทุกคน ถึงเวลาประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินแล้วครับ

ที่ผ่านมาจุดยืนและเป้าหมายที่ผ่านมาของ นปก. หรือ นปช. คืออะไรครับ ต่อต้านเผด็จการ, ต่อต้านพันธมิตร? หรือเชียร์ทักษิณ เชียร์สมัคร เชียร์รัฐบาล?
เชื่อผมเถอะครับว่ามีคนจำนวนไม่น้อย(แต่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ)ที่ไม่ชอบพันธมิตรและเป็นกลาง แต่มอง นปช. เป็นพวกสมัครและทักษิณ
และพวกเขาเหล่านั้นก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมหรือเห็นด้วยกัน นปช. เพราะพวกเขาอยากเป็นกลาง(หรืออย่างน้อยก็อยากได้ชื่อว่า "เป็นกลาง") ยอมรับความจริงตรงนี้กันเถอะครับ.

ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตัว นปช. หรอกครับ ปัญหามันอยู่ที่คนส่วนใหญ่เขาไม่อยากเลือกข้าง และด้วยตรรกะเดียวกัน พันธมิตรเองก็น่าจะเจอปัญหาเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่เขามีการประชาสัมพันธ์ที่ดีกว่าฝ่ายเรามากและเขาก็เป็นปึกแผ่นกว่าเรามาก ทำให้การปลุกระดมและชักจูงสมาชิกหน้าใหม่ของเขาทำได้ง่ายกว่าของเรา เช่นมีอยู่ช่วงหนึ่งที่กระแสปราสาทพระวิหารมาแรง คนที่อยู่ตรงกลางและไม่เลือกข้างก็เลยเฮกันไปฟากโน้น แต่สักพักก็กลับสู่สภาวะเดิมๆ แต่อย่างน้อยพวกที่เคยไปตามกระแสก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมตรงนั้นและก็ทำให้จิตใจโอนเอนไปบ้างไม่มากก็น้อยและทำให้ง่ายต่อการที่จะถูกชักจูงต่อในครั้ง(กระแส)ต่อๆไป ซึ่งถือว่าแย่มากๆสำหรับฝ่ายเรา

ดังนั้นสิ่งที่ นปช. ควรทำเป็นสิ่งแรกก็คือ เปลี่ยนจุดยืน

นปช. ควรจะแถลงยุติบทบาทและจุดยืนเก่าที่เคยทำมาทั้งหมด เหตุผลก็อย่างที่ผมเขียนไว้ด้านบน เพราะไม่มีใครอยากเลือกข้าง

และจุดยืนใหม่ของ นปช. ก็คือ    เรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือพันธมิตร เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติ

แค่นั้นครับง่ายๆและแค่นี่จริงๆ เพราะนี่คือความคิดของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ณ.เวลานี้ คือต้องการความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศชาติและทุกคนก็พร้อมที่จะเข้าร่วมและสนับสนุนความคิดนี้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีผู้นำ

คีย์เวิร์ดในที่นี้คือ "ผู้นำ" ครับ ตอนนี้ในสังคมเรายังไม่มี ผู้นำ หรือ แกนนำ ที่บริสุทธิ์และถ่ายทอดความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ในประเทศที่ต้องการความสงบเรียบร้อยกลับคืนสู่บ้านเมืองโดยปราศจากการเลือกข้าง ดังนั้น นปช. จะต้องทำหน้าที่ตรงนี้ และการที่ นปช. จะทำหน้าที่ตรงนี้ได้นั้น นปช. ก็ต้องสลัดภาพเก่าๆที่คนทั่วไปมองว่าอิงแอบอยู่กับรัฐบาล โดยการยุติบทบาทและจุดยืนเก่าทั้งหมด เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจและความพร้อมที่จะเป็น "ผู้ นำ"  ซึ่งตรงนี้สำคัญมากๆและก็ขึ้นอยู่กับตัว นปช. เองด้วยที่ต้องแสดงและพิสูจน์ให้เห็นว่านี่คือจุดยืนเพียงหนึ่งเดียวของ นปช. โดยไม่มีเป้าหมายอื่นใดทั้งสิ้นแอบแฝงอยู่ โดยแรกๆอาจจะยากและใช้เวลานานที่จะทำให้ทุกคนเชื่อและยอมรับถึงความบริสุทธ์ใจของ นปช. เพราะต้องเริ่มต้นทุกอย่างใหม่จากศูนย์ แต่นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะพิสูจน์ถึงตัว นปช. เอง และหาก นปช. สามารถทำตรงนี้และเป็นผู้นำตรงนี้ได้ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะออกมาสนันสนุนและแสดงพลังตรงนี้แน่นอน ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มคนที่ไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรเองก็เถอะผมรับประกันว่าจะต้องมีการถอยหลังกลับออกมามากมายเลยหล่ะเพราะแนวคิดนี้ไม่มีการแบ่งแยกฝ่าย มีแต่ความปราถนาดีต่อประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าจะเป็นใครหรือมาจากไหนก็สามารถเข้าร่วมได้ แล้วใครบ้างหล่ะที่ไม่อยากมา

ปัญหาและความยากของเรื่องนี้ก็คือตัว นปช. เองที่จะต้องพิสูจน์ความบริสุทธ์ใจตัวเองต่อสาธารณะชน และสามารถเริ่มต้นทำได้โดยไม่ต้องไปสนใจการชุมนุมของพันธมิตร ปล่อยเป็นหน้าที่ของทหารที่จะควบคุมดูแลไม่ให้สร้างความวุ่นวายมากไปกว่านี้ หรือเรื่องความเป็นธรรมของตุลาการ ก็ต้องปล่อยให้พลังประชาชนแก้ไขกันไป จะไปอุทรณ์ ฎีกาหรืออะไรก็ว่ากันไป จะตั้งพรรคใหม่เตรียมไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะเลือกตั้งใหม่ จะกี่ครั้งหรือเมื่อไหร่ ก็ชนะอยู่ดี ประชาชนที่ชื่นชอบในนโยบายเขาไม่เปลี่ยนใจง่ายๆหรอก แต่อย่าตีกันเองจนเละก็พอ เพราะถ้าจะแพ้ก็แพ้ภัยตัวเองนี่แหละ ส่วนเรื่องชื่อ นปช. จะเปลี่ยนดีหรือไม่ก็เป็นเรื่องปลีกย่อยก็ว่ากันไป

สิ่งต่อมาที่ นปช. ควรทำคือ เปลี่ยนเป้าหมาย

เป้าหมายของ นปช. ตอนนี้ไม่ควรเป็นพันธมิตรแล้วครับ

พรก. ก็มีแล้ว ผมเองแม้ก็ไม่ค่อยชอบนักในช่วงแรก แต่หลังจากติดตามความคิดเห็นจากหลายๆที่ ก็เริ่มเห็นด้วยในเหตุและผล
เรื่องพันธมิตรปล่อยให้ทหารเขาดูแลไป ทหารจะทำหน้าที่กันไม่ให้พันธมิตรออกมาเพ่นพ่านสร้างปัญหาใหม่เพิ่มเติม ส่วนเขาจะพล่ามอะไรก็เรื่องของเขา ณ.เวลานี้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีใครสนใจที่จะฟังพวกเขาแล้ว เพราะนับวันก็ยิ่งเลอะเทอะขึ้นเรื่อยๆทั้งเรื่อง ความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด เรื่อง 70/30 หรือเรื่องนายกและรัฐบาลพระราชทาน ความจริงแล้วกลุ่มนักวิชาการ สว. และ สส. ที่สนับสนุนอยู่ก็น่าจะเริ่มรู้ตัวแล้วหล่ะว่าอนาคตมันมืดมนขนาดไหน แต่จะทำไงได้จะถอยก็ไม่ได้ จะย้ายข้างเปลี่ยนความคิดก็ไม่มีที่ให้ไป ก็เลยต้องยอมหลอกตัวเองและป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเรือที่ตัวเองนั่งอยู่นั้นถึงแม้จะรั่วแต่จะไม่มีทางจมลงแน่นอน
ส่วนกบฎทั้ง9คนก็ให้มีข้อหากบฎรอจัดการอยู่แล้ว ออกมาเมื่อไหร่โดนจับเข้าคุกทันที และหากใครทำซ่ารัฐบาลก็ตั้งข้อหาเป็นกบฎเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆเหมือนกัน ตรวนี้ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาหรอก ขอเพียงศาลอย่าบ้าจี้ถอนข้อหากบฎก็แล้วกัน
ส่วนคนที่มาร่วมชุมนุมก็ทำผิด พรก.ฉุกเฉินอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าคิดจะจับหรือสลายเมื่อไหร่ก็ทำได้อย่างชอบธรรมได้ทันที แต่คงไม่มีความจำเป็นหรอกเพราะพวกเขามันก็เป็นแค่เบี้ยธรรมดาตัวหนึ่งเหมือนเราๆท่านๆนี่แหละ

ขอเสริมตรงนี้นิดนึงว่าอยากให้คุณวีระ คุณจตุพร และคุณณัฐวุฒิ แยกตัวออกมาจาก นปช.อย่างสิ้นเชิง และทำหน้าที่ขุดคุ้ยเปิดโปง กกต. ปปช. สตง. และกลุ่มคนไม่ดีทั้งหลาย เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบความชั่วร้ายของพวกเขา แต่อย่างที่บอกว่าจะต้องแยกออกมาจาก นปช. โดยสิ้นเชิง ไม่มีการรับลูก ไม่แลกเปลี่ยนข้อมูล ไม่มีการสนับสนุนกันและกัน เพื่อไม่ให้ภาพของ นปช.ใหม่ไม่บริสุทธิ์

และอย่างสุดท้ายที่ นปช. ควรทำคือ การเปลี่ยนสี

นปช. ควรเปลี่ยนสีครับ เหตุผลก็เพื่อสลัดภาพเก่าๆ แค่นั้นเอง
แต่เราก็สามารถทำให้มันได้มากกว่านั้นได้อีกคือ อาจจะเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู แล้วรณรงค์ให้คนที่เห็นด้วยกับแนวคิด นปช. คือ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือพันธมิตร เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติ ใส่เสื้อสีชมพูทุกวันอังคาร เพื่อเป็นการแสดงพลังของประชาชนว่าต้องการความสงบเรียบร้อยกลับคืนสู่สังคมไทย โดยวิธีนี้จะสามารถแสดงพลังของประชาชนทั้งประเทศได้อย่างแท้จริงและทุกคนในประเทศสามารถมีส่วนร่วมและร่วมแสดงออกได้ด้วย



ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าหากเราสามารถเริ่มต้นทำตรงนี้ได้โดยยึดความสงบสุขของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ประชาชนก็จะให้ความสนันสนุนและจะออกมาเข้าร่วมมากขึ้นเพื่อแสดงพลังของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ต้องการความสงบสุขกลับมาสู่สังคมไทย และที่นี้จะต่อให้ กี่มือที่มองไม่เห็น จะกี่คนที่อยู่ข้างหลัง ก็ไม่สามารถที่จะทานพลังของประชาชนได้หรอกครับ (แต่ประชาชนต้องมีจำนวนเยอะๆหน่อยนะ)
หากใครเห็นด้วยอย่างที่ผมกล่าวมา ก็ช่วยเผยแพร่ไปให้ถึง นปช. ทีนะครับ  อย่าปล่อยให้ตกไป

จากคุณ : Moomba - [ 4 ก.ย. 51 14:02:01 A:117.47.177.226 X: ]