ไหนๆ คดี ปรส.คงถูกปล่อยให้หมดอายุฟามแน่ๆ จึงขอเสนอบทฟามนี้เพื่อบอกต่อแก่รุ่นลูกรุ่นหลาน จะได้ช่วยกันสาปแช่งไปอีกยาวนาน
วิกฤติเศรษฐกิจปี 40 และ กรณี ปรส.อัปยศ
.
วิกฤติเศรษฐกิจ ปี 40 ถือได้ว่าเป็นวิกฤติทางการเงินการคลังครั้งที่รุนแรงที่สุดในประวัติชาติไทยสร้างความเสียหาย นับล้านล้านบาท ส่งผลกระทบถึงแวดวงธุรกิจเป็นวงกว้างส่งผลกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างถ้วนทั่ว ความเสียหายเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากสาเหตุจากบริหารการเงินการคลังในอดีตที่ผิดพลาดเท่านั้น แต่การบริหารและแก้ไขปัญหาหลังวิกฤติกลับเป็นตัวซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้น
เพื่อให้การติดตามอ่านบทความนี้ให้สามารถเข้าใจได้อย่างกระจ่างชัดบทความนี้จะแบ่งออกเป็นสองภาคส่วน คือ หนึ่ง สาเหตุแห่งวิกฤติ และสอง กรณีปรส.อัปยศ
.
สาเหตุแห่งวิกฤติ
.
การเกิดขึ้นของวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 เป็นการเกิดขึ้นของหลายสาเหตที่ได้ ก่อตัวมาก่อนหน้านั้นนานหลายปี จนสถานการณ์ถึงขั้นสุกงอม ตกอยู่ในสถานะที่อ่อนไหวเสมือนต้นไม่ที่พร้อมจะล้มได้ทุกขณะเมื่อมีลมกรรโชกเพียงเบาๆ ก็ล้มครืนลงทันที
.
การก่อตัวของวิกฤตินี้เริ่มจาก
.
1. การขาดดุลการค้ามานับสิบปี ในรัฐบาลต่างๆ หลายรัฐบาล ทั้งที่การส่งออกในหลายๆช่วงมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่แท้จริงแล้วตัวเลขการนำเข้ากลับสูงกว่า เมื่อขาดดุลย์การค้า ค่าเงินบาท ที่น่าจะมีค่าที่ลดลงแต่เนื่องจากเราเอาเงินบาทไปผูกติดกับ ยูเอสดี มันก็เลยคงที่อยู่ที่ประมาณ 25 บาทคลอดมา ซึ่งก็เป็นค่าที่ผิดจากค่าที่แท้จริงของเงินบาทควรจะเป็น
.
2. การเปิดเสรีทางการเงินแบบไม่มีมาตรการการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดทำให้มีการกู้เงินนอกเข้ามาเกิดขึ้นมากมาย ส่วนใหญ่เพื่อเก็งกำไรใน อสังหาฯและตลาดทุน แต่ไม่ใช่การลงทุนในภาคการผลิต ........ ที่สำคัญต้องเข้าใจก่อนว่าการไหลของเงินทุนนั้น มีธุรกรรมได้สามแบบ คือ IN-OUT, OUT-IN, และ OUT-OUT แต่หลังจากการเปิดเสรีทางการเงิน ธุรกรรมแทบจะทั้งหมดกลับเป็นแบบ OUT-IN อย่างเดียวเท่านั้น นั่นหมายความว่า มีแต่การกู้เข้ามาลูกเดียวมันก็เลยเกิดความไม่สมดุลย์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้เงินกู้ระยะสั้น ซึ่งเมื่อครบกำหนดจะต้องชำระคืนทันที
.
3. การล้มลงของธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการจากการดำเนินการอย่างไม่โปร่งใสทำให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่เจ้าหนี้ต่างชาติและเริ่มระแวงสงสัยในเรื่องความมั่นคงของสถาบันการเงินต่างๆของไทย
.
4. เมื่อค่าเงินผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงมากๆก็เท่ากับเปิดโอกาสให้นักเก็งกำไรค่าเงินสามารถเข้ามาโจมตีเพื่อหากำไรจากค่าเงินได้ และเผอิญ ธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงนั้นได้เอาเงินสำรองของประเทศเข้าทำการต่อสู้ค่าเงินอย่างไร้สติจนหมดหน้าตัก
.
5. และเมื่อเจ้าหนี้ทราบข่าวนี้ก็ทำการทวงหนี้คืนในทันที ในจำนวนหนี้ทั้งหมดในระยะนั้นเป็นหนี้ระยะสั้นมีอยู่เป็นจำนวนมากจึงทำให้ไม่สามารถชำระคืนให้เจ้าหนี้ได้ทัน
รวมๆแล้วนี่คือสาเหตุของวิกฤติในครั้งนั้น
.
คำวินิจฉัยของศปร.
.
" วิกฤติครั้งนี้เริ่มมาจากเอกชนแต่รัฐมีส่วนทำให้ปัญหาบานปลายอย่างไม่มีขีดจำกัด"
.
บทสรุปจากรายงาน ที่จัดทำโดยคณะกรรมการการศึกษาและเสนอแนะมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศ (ศปร.)เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล ซึ่งก็มีรายละเอียดต่อดังนี้
ข้อบกพร่องของโครงสร้างระบบการบริหารการเงินอันนำไปสู่วิกฤตการณ์และความไม่มีประสิทธิภาพในการตัดสินใจเชิงนโยบาย
วิกฤตการณ์เศรษฐกิจไทยครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากการก่อหนี้ของภาคเอกชนแต่การดำเนินนโยบายการเงินของรัฐก็มีส่วนทำให้ปัญหาการก่อหนี้บานปลายอย่างแทบไม่มีขีดจำกัด
ขั้นตอนของความเพลี่ยงพล้ำในการดำเนินนโยบายการเงิน ลำดับได้ดังนี้
1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจเลือกที่จะไม่ให้เปิดตลาดทุนเสรีตั้งแต่พ.ศ. 2533 แต่ธปท.ก็เลือกที่จะให้เปิด การตัดสินใจให้เปิดครั้งนั้นนับว่าเป็นผลพวงของแนวนโยบายที่เป็นมาโดยต่อเนื่องเป็นระยะยาวนานและสะท้อนความต้องการของฝ่ายการเมืองในขณะนั้นอย่างเต็มที่เมื่อนายวิจิตรเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการก็สานต่อนโยบายนั้นอย่างขะมักเขม้นถึงขั้นเปิดวิเทศธนกิจซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย
2.เมื่อธปท.เลือกที่จะเปิดตลาดเงินตลาดทุนให้เสรีแล้วธปท.ก็ควรเลือกที่จะให้อัตราแลกเปลี่ยนยืดหยุ่นมากกว่านี้แต่ธปท.ก็เลือกที่จะรักษาช่วง (band) อัตราแลกเปลี่ยนที่แคบมากไว้จะมาเริ่มพิจารณาก็ในเดือนเมษายน 2539 ซึ่งสายไปเสียแล้วเพราะหลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นก็รุนแรง จนทำให้ธปท.กลัวที่จะดำเนินการใดๆ อีกต่อไป เพราะเกรงว่าจะส่งสัญญาณผิดให้กับตลาด
3.เมื่อธปท.เลือกที่จะรักษาอัตราแลกเปลี่ยนที่แคบไว้เช่นนั้น ก็หมายความว่าแนวนโยบายทางด้านอุปสงค์รวม จะต้องมีความระมัดระวัง (CONSERVATIVE) เป็นพิเศษโดยเฉพาะในระยะตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมานโยบายการคลังเป็นเรื่องของรัฐบาลและรัฐสภาก็จริงอยู่ แต่ธปท.ก็มิได้ผลักดันอย่างจริงจังให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเกินดุลซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงนั้น ส่วนนโยบายการเงินที่ดึงปริมาณเงินในประเทศก็ไร้ผลเพราะถูกลบล้างด้วยเงินกู้จากต่างประเทศ ที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
4. เมื่อธปท.ไม่สามารถใช้นโยบายการคลัง หรือการเงินได้ก็ควรจะใช้มาตรการไม่ให้เงินกู้ไหลเข้าประเทศอย่างมากมายเสียตั้งแต่ต้นแต่มาตรการที่ประกาศเป็นมาตรการที่อ่อน และนำมาใช้เมื่อสายไปแล้วคือหลังจากที่ไทยมีหนี้สินระยะสั้นในระดับสูงมากเกินไปเสียแล้ว
ที่กล่าวมาแล้วเป็นบทสรุปของศปร.เกี่ยวกับสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งจะเห็นว่าเป็นปัญหาที่ก่อเกิดจากการเปิดเสรีทางการเงินแบบผิดๆ ต่อไปนี้คือเหตุผล
แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 03:37:39
จากคุณ :
Money Honey
- [
5 ก.ย. 51 03:36:50
A:61.90.6.177 X:
]