ระบบ 70/30 การเมืองใหม่ ภัยของราชวงศ์จักรี (ตอนที่ 1)
สถาบัน พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่คู่สังคมไทยอย่างยาวนานนับพันปี
ในฐานะองค์กรสูงสุดของชาติ เป็นที่ยอมรับกันไปทั่วโลกว่าการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์
ของไทยได้สร้างคุณูปการให้แก่ประเทศอย่างใหญ่หลวง แต่ในโลกสมัยใหม่ สถาบันพระมหากษัตริย์
ถูกท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบด้านในรอบศตวรรษที่ผ่านมา สถาบันพระมหากษัตริย์ใน
หลายประเทศไม่สามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของกระแสโลกได้ ต่างก็พบจุดจบไป
อย่างรวดเร็ว ที่ดำรงอยู่ก็ลดบทบาทความสำคัญจนเกือบไม่มีความหมายใดๆ แต่ทว่าสถาบัน
พระมหากษัตริย์ของไทยกลับสามารถยืนหยัดรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคุกคาม
จากการล่าอาณานิคมของจักรวรรดินิยม ภัยของระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งทั้งหมดล้วนต้องการล้มล้าง
สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยให้ดับสูญไปอย่างสิ้นเชิง แต่สถาบันพระมหากษัตริย์สามารถปรับตัว
และต่อสู้กับภัยต่างๆจนยืนหยัดมาได้จนถึงปัจจุบัน
การที่สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ท่ามกลางภัยรอบด้านมานานนับศตวรรษได้ มิใช่เป็นเพราะ
อำนาจทหารหรือการปกครองใดๆเลย แต่พลังที่แท้จริงคือความศรัทธาของประชาชน ซึ่งเป็นพลัง
ที่ยิ่งใหญ่ที่ค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่ได้ตลอดมา แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
จากระบอบสมบูรณายาสิทธิราช มาสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย จะทำให้อำนาจในทางนิตินัย
ของพระมหากษัตริย์ในฐานะศูนย์รวมอำนาจลดลง แต่ในทางพฤตินัยแล้วกลับตรงกันข้าม
อำนาจของพระมหากษัตริย์กลับเพิ่มพูนขึ้นในฐานะศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย สถาบัน
พระมหากษัตริย์ของไทยได้ปรับตัวให้เข้ากับระบอบการปกครองของปวงชนได้อย่างกลมกลืน
โดยที่มิได้ลดสถานะความสำคัญลงเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าภัยร้ายล่าสุดจากระบอบการเมืองใหม่ซึ่งกำลังคุกคามความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์
อย่างร้ายแรงยิ่งกว่าภัยใดๆที่ผ่านมา นั่นคือระบอบการเมืองใหม่ที่กลุ่มพันธมิตรเสนอขึ้นซึ่งมา
เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ และแทนที่ด้วยระบอบการปกครองที่
พระมหากษัตริย์มิได้เป็นประมุขอีกต่อไป ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยอย่างชัดเจน
ในระบอบประชาธิปไตยปัจจุบัน ถือว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
แต่ทรงใช้อำนาจเหล่านั้นผ่านทางรัฐสภา ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ โดยคล้อยตาม
เจตนารมณ์ของประชาชน ซึ่งประชาชนจะแสดงความคิดเห็นผ่านการใช้สิทธิเลือกตั้ง
เพื่อคัดสรรผู้แทนของตนเพื่อมารองรับการใช้พระราชอำนาจ แทนพระมหากษัตริย์อีกทีหนึ่ง
แต่ระบอบการเมืองใหม่ที่ใช้ระบบ 70-30 ได้ทำลายการยึดโยงระหว่างพระราชอำนาจกับ
ความศรัทธาของประชาชน การแต่งตั้งสมาชิกรัฐสภาถึง 70% ซึ่งเป็นเสียงข้างมาก ทำให้กลุ่ม
บุคคลคณะใดคณะหนึ่งสามารถยึดกุมการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ได้อย่างอิสระเสรี
ปราศจากการควบคุมใดๆ ผู้แทนจากการคัดสรรของพันธมิตรฯ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงพระประสงค์
ของพระมหากษัตริย์และประชาชนอีกต่อไป แต่จะทำหน้าที่เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของ
ผู้ที่แต่งตั้งพวกเขาเข้ามา ดังตัวอย่าง สว แต่งตั้งชุดปัจจุบันบางส่วนที่ทำหน้าที่ตอกลิ่ม
ความขัดแย้งเพื่อตอบสนองความต้องการของพันธมิตรแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงพระประสงค์
ที่ต้องการให้คนไทยรู้รักสามัคคี ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนยิ่ง
ทำไมระบบการเลือกตั้งจากประชาชนจึงมีส่วนช่วยในการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้
เป็นเพราะอำนาจที่แท้จริงของสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย คือพลังศรัทธาของประชาชน คนที่
มาจากการคัดสรรของประชาชนก็จะสะท้อนถึงความจงรักภักดีของประชาชนไปด้วย ในระบบการเลือกตั้ง
หากผู้แทนของประชาชนกระทำตน ให้เห็นว่ามีเจตนาร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แน่นอนว่า
ผู้แทนคนนั้นจะเสื่อมความนิยมลงและจะไม่ได้รับเลือกตั้งอีกต่อไป ในอดีตหลัง ยุค 14 ตุลาคม
ก็มีการก่อตั้งพรรคที่ยึดแนวทางแบบสังคมนิยมซึ่งต่อต้านระบบกษัตริย์ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจาก
ประชาชน ในที่สุดก็ต้องยุบเลิกพรรคการเมืองเหล่านั้นไปโดยปริยาย หรือในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
พลตรีจำลอง ศรีเมือง ซึ่งได้รับกระแสพระราชดำรัสตักเตือนให้คำนึงถึงประเทศชาติ แต่พลตรี
จำลอง ก็ได้แสดงพฤติกรรมว่ามิได้คำนึงถึงพระราชดำรัส ยังคงไม่ยอมหยุดความทะเยอทะยาน
ของตนเองในการแสวงหาอำนาจ ซึ่งทำให้ความนิยมจากประชาชนหมดไป พรรคการเมืองของ
พลตรีจำลองก็เริ่มถดถอยจนสูญสลายไป พลตรีจำลองก็ต้องอำลาจากการเมือง
จะเห็นได้ว่า ระบบการเลือกตั้งจากประชาชนเป็นระบบที่คัดกรองผู้ไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน
พระมหากษัตริย์ออกจากระบบการเมืองไปโดยอัตโนมัติ การเลือกตั้งจึงเป็นการแสดงออก
ถึงความจงรักภักดีของประชาชนที่มีต่อพระมหากษัตริย์ของพวกเขา ด้วยการเลือกผู้แทนที่
จงรักภักดี แต่ระบบ 70-30 จะทำลายการยึดโยงระหว่างความศรัทธาของประชาชนที่มี
ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้หมดสิ้นลง ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ก็อาจถูก
คัดสรรมาเป็นผู้แทนได้ หากเอื้อประโยชน์ให้แก่พันธมิตร เช่นในเวทีพันธมิตรก็มีบุคคลที่เป็น
ศัตรูกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอดขึ้นมาเป็นแกนนำ หากพันธมิตรได้รับชัยชนะ
ก็จะต้องตอบแทนให้แก่บุคคลเหล่านี้ ซึ่งในระบบการเลือกตั้ง คนเหล่านี้จะถูกประชาชนปฏิเสธ
โดยสิ้นเชิง ไม่มีวันที่จะได้รับอำนาจใดๆทั้งสิ้น
หากระบบการเมืองใหม่ของพันธมิตรถูกนำมาใช้ ความสั่นคลอนจะเกิดขึ้นกับสถาบัน
พระมหากษัตริย์อย่างแน่นอน เมื่อสภาที่เกิดจากปวงชนที่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ถูกแทนที่
ด้วยสภาที่จงรักภักดีต่อกลุ่มพันธมิตร เมื่อนั้นการเมืองใหม่ก็มิใช่ระบอบที่จะค้ำจุนสถาบัน
พระมหากษัตริย์อีกต่อไป
พลเมืองไทย เมื่อ : 2551-09-06 15:58:29 IP Address : 125.25.104.150
แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 51 17:38:58
แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 51 17:38:29
จากคุณ :
เต่าหลังอ่อน
- [
6 ก.ย. 51 17:26:27
A:203.156.64.91 X:
]