PANTIP.COM : P6972866 อยากฟังความคิดเห็นของฝ่ายพัธมิตร ช่วยตอบหน่อยครับ []

ความคิดเห็นที่ 14

เข้ามาตอบให้ จขกท ฟังนะครับ แบบปัญญาชนด้วย ^_^

พธม ออกมาคัดค้านเรื่องแรกก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 และ 273 ทั้งๆที่เพิ่งเริ่มใช้ รัฐธรรมนูญ ฉบับนี้มาได้ไม่นาน แล้วไม่ได้แก้ไขเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยรวมแต่เป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคลมากกว่า เป็นการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ คตส ไม่มีอำนาจ ดังนั้นคดีของคุณทักษิณ จึงเป็นโมฆะ หมดขอรับ ซึ่งเรื่องนี้ถ้าจะว่าไปก็ต้องย้อนกลับไปถึงตอนปี 2548 ต้องพูดกันยาวเลยว่าสิ่งที่ พธม นั้นต่อสู้นั้นเพื่อสิ่งใด แต่ก็มาเจอการปฏิวัติขัดขวางไว้ก่อน
ส่วนอีกเรื่องก็คือความไม่สง่างามของการเลือกประธานสภาคุณยงยุทธ ที่เจอข้อหาใบแดงจากกกตแล้ว จนต้องรอศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน และที่สำคัญก็คือตัวคุณสมัครเองก็เคยพูดว่าเป็นรัฐบาล นอมินี ของคุณทักษิณ ดังนั้นทาง พธม จึงรวมตัวกันประท้วงอีกครั้ง
แต่สุดท้ายก็มีการยื่นชื่อถอดถอน สส หรือ สว ที่ลงเห็นชอบมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 20000 รายชื่อ พร้อมกับ สว อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเรื่องก็ถูกดึงกลับไปแล้ว แต่ทางรัฐบาลคุณสมัครก็ไม่ได้ให้คำสัญญาว่าจะไม่แก้ เพียงแต่ระงับไว้ก่อนเท่านั้น ซึ่งจริงๆ ถือว่ามีมูลความผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญข้อใดข้อหนึ่งซึ่งผมจำไม่ได้แล้ว ดังนั้นทางแกนนำจึงยังไม่หยุดชุมนุมเพราะกลัวว่าถ้าหยุดชุมนุมเมื่อไหร่ รัฐบาลก็จะยื่นอีก

เรื่องต่อมาก็คือเรื่อง การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ของคุณ จักรภพ เพ็ญแข ซึ่งขณะนั้น ทางรัฐบาลคุณสมัครก็นิ่งไม่ทำอะไร ตำรวจก็เฉย สุดท้ายก็ด้วยแรงกดดันทางสังคมคุณจักรภพก็ลาออกไปเอง แต่ก็ยังไม่ได้ถูกดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการสรุปสำนวนปีกว่าๆแล้ว ยังไม่คืบหน้าเลยครับ เรื่องนี้จึงทำให้ทาง พธม มีแนวร่วมมากขึ้นทั้งทหารและ ข้าราชการเพราะเป็นเรื่อง sensitive ของประชาชน

เรื่องต่อมาก็เป็นกรณีเขาพระวิหาร ยอดฮิต ซึ่งทางรัฐบาลคุณสมัคร หรือ ครม ได้ไปลงนามทำสัญญายอมให้อีกฝ่ายไปขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวพร้อมๆกับยอมรับแผนที่ของทางฝั่งเขมรหรือของฝรั่งเศส แทนที่จะเป็นแผนที่ของไทยซึ่งยึดถือตามหลักน่านน้ำสากล
เรื่องนี้ทำให้หลายๆคนในชาติเริ่มตระหนักถึงอันตรายต่อการบริหารงานของรัฐบาลคุณสมัครซึ่งมักจะทำอะไรที่ไม่ได้เป็นผลประโยชน์ต่อชาติ และก็ไม่ได้ฟังคำคัดค้านใคร
เรื่องเขาพระวิหารนั้นได้เป็นที่พูดกันมากในสังคม ซึ่งไม่ใช่ทางฝั่ง พธม ที่พูดเรื่องนี้อย่างเดียว แต่ขณะนั้นหลายๆสื่อ นักวิชาการก็ออกมาวิจารณ์ ซึ่งขณะนั้นรัฐบาลคุณสมัครก็มีแรงกดดันทางสังคมจึงให้เปิดอภิปรายในสภา หรือการใช้สภาแก้ไขปัญหา สิ่งนี้ก็พอแสดงให้เห็นได้บ้างแล้วว่าสภานั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือไม่สามารถตรวจสอบการทำงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลได้เลย เพราะ ระบบนี้ก็ยังคงเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบพวกมากลากไป คือฝ่ายรัฐบาลผู้มีเสียงข้างมาก แม้ว่าจะตอบคำถามได้ไม่ clear หรือไม่สามารถตอบคำถามได้ ก็ยังมี สส ฝ่ายรัฐบาลยกมือไว้วางใจหมด ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการลงคะแนนไว้วางใจคุณนพดล
ในสภามีหลายเรื่องที่คุณสมัครหรือคุณนพดลไม่ได้พูดความจริงหรือพูดความจริงไม่หมดก็มีให้เห็นหลายๆเรื่อง ซึ่งก็ได้ข้อพิสูจน์ภายหลังจากการตัดสินของศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ตัวอย่างเช่น คุณนพดลบอกว่าสิ่งนี้เป็นเพียงคำแถลงการไม่ต้องผ่านสภา แต่ทางศาลท่านก็ตัดสินแล้วว่าเป็นเหมือนสนธิสัญญาและต้องทำการผ่านรัฐสภาก่อนจึงผิดกฎหมาย รธน มาตรา 190
มากกว่านั้นทางคุณนพดลบอกว่าไม่เสียดินแดนหรอก แต่คุณนพดลเป็นคนที่รักษาดินแดนไว้ต่างหาก แต่ว่าศาลปกครองท่านก็ตัดสินมาว่าให้ระงับคำแถลงการไว้ก่อน เพราะเป็นคำแถลงการนั้นสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนของไทยแต่รัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการระงับเหตุคำแถลงการเพื่อผลประโยชน์ชาติ และสุดท้ายตอนนี้ก็ต้องเจรจากับเขมรด้วยความเสียเปรียบตลอดเวลากลับกันทางฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะคุณสมัครยังได้กล่าวหาว่าศาลเข้ามามีบทบาทมากไป ต้องลดอำนาจ โดยไม่ได้หันกลับไปดูตัวเองเลยว่า พวกตนและครม ทั้งหมดนั้นได้ทำผิดกฎหมาย รธน หรือไม่ นอกจากนี้คุณสมัครยังได้สนับสนุนคุณนพดลอีก พร้อมกับยังบิดเบือนความจริงเรื่องคำตัดสินของศาลโลกที่บอกว่าไทยเรานั้นได้เสียเขาพระวิหารไปให้กับทางเขมรไปแล้วตั้งแต่ปี 2505 ตามคำตัดสิน ซึ่งจริงในคำตัดสินนั้นได้บอกถึงเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น แต่ไม่ได้รวมถึงพื้นที่รอบๆตัวปราสาทหรือพื้นที่ใต้ตัวปราสาท ซึ่งยังเป็นผืนแผ่นดินไทย แต่ไทยเราเสียแค่อำนาจอธิปไตย ณ จุดปราสาทเท่านั้น ดังนั้นถ้าทางฝ่ายรัฐบาลมีความจริงใจต่อประเทศชาติจริงๆ ต้องระงับคำแถลงการหรือขอทางฝั่งเขมรจดทะเบียนร่วมเป็นมรดกโลกร่วมกัน และก็การดำเนินการหลายๆอย่างไทยเราเสียเปรียนตลอดจึงมีคำถามว่า ทำไม ทำไม และ ทำไม นอกจากนั้น คุณสมัครยังโกหกหน้าตายแล้วก็ไม่มีความรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง เช่น ท่านบอกว่าตอน 6 ตุลามีคนเสียชีวิตเพียงคนเดียว และคุณสมัครก็ไม่เกี่ยวด้วย แต่ในประวัติศาสตร์ก็มีเขียนเอาไว้ว่าเป็นการฆาตรกรรมหมู่ของคนไทยด้วยความโหดเหี้ยมหลายๆศพ และก็คุณสมัครนั้นเกี่ยวข้องแน่นอนเพราะสมัยนั้นคุณสมัครเป็นผู้หนึ่งที่ปลุกระดมวิทยุยานเกราะบอกว่ามีการซ่องสุมอาวุธ พวกนั้นเป็นพวกเวียดนาม ล้มล้างสถาบัน เป็นต้น เป็นดังเช่นในสมยนี้ จึงเห็นได้ชัดเจนว่าคุณสมัครนั้นมีคุณสมบัติเป็นผู้นำหรือไม่ นอกจากนั้นคุณสมัครก็ยังบอกอีกว่าที่ตากใบคนอดอาหารไม่แข็งแรงจึงล้มทับกันตาย แต่ที่จริงได้มีหลักฐานชัดเจนว่าพวกเขาเหล่านั้นตายอย่างไร แต่คุณสมัครก็เถียงไปเรื่อยๆอีกว่า "ก็ผมไม่รู้นี่ คนเป็นนายกนี่ต้องรู้ทุกอย่างหรือ" สิ่งนี้เป็นการแสดงถึงความไม่รับผิดชอบในคำพูดฐานะผู้นำประเทศ นอกจากนั้นก็มีการไม่ไว้วางใจรฐมนตรีหลายๆท่าน โดยเฉพาะคุณมิ่งขวัญ และเรื่องที่ส่อการทุจริตคอรัปชั่นเรื่อง รถเมล์ 6000 คัน แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมคือสภาแบบลากตั้ง คือใครคุมเสียงข้างมากก็อภิปรายชนะกันไป ดังนั้นจึงเป็นเหมือน โชว์การโต้วาทีมากกว่าการเข้ามาถกปัญหาที่เกิดขึ้นกันจริง ปัญหาที่ฝ่ายค้านมีเข้ามา ทางฝ่ายรัฐบาลก็เฉยและไม่ได้ทบทวน โดยอาศัยกระบวนการสภาเป็นการสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง สุดท้ายสิ่งที่ตนคิดก็ผ่านมติตลอด
นอกจากนั้นรัฐบาลคุณสมัครก็ขาดในเรื่องของจริยธรรมหลายเรื่อง โดยเฉพาะตัวคุณสมัครเอง ดังนั้นหากเป็นนักการเมืองผู้เสียสละเพื่อส่วนรวมจริงและมีความรับผิดชอบต่อการกระทำผมคิดว่า ทางคุณสมัครน่าจะรู้แล้วว่าต้องควรทำอย่างไรโดยไม่ต้องรอให้บ้านเมืองเข้าสู่ทางตันจนสายเกินแก้ไข....

เอาเป็นว่าเท่านี้แล้วกันก่อนนะครับรู้สึกว่าเขียนเยอะแล้ว
ผมไม่ได้มีอคติต่อรัฐบาลไหนๆ ไม่ได้เชียร์จนไร้เหตุผล แต่ผมนั้นไม่สนับสนุนการนโยบายที่ทำให้ชาติเสียผลประโยชน์ และก็ไม่สนับสนุนนโยบายที่มีการสุ่มเสี่ยงต่อการคอรัปชั่นของนักการเมืองต่อการโกงชาติ จริงๆแล้ว จะเห็นได้ว่าตั้งแต่มีประชาธิปไตยขึ้นมานั้น ก็จะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งคือ ใครที่ได้เสียงเข้ามามากเป็นรัฐบาล ก็จะชนะการอภิปรายตลอด จนทำให้เกิดปัญหามาทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคไทยรักไทย และอีกอื่นๆ ก็เป็นแบบนี้ด้วยกันทั้งสิ้น แต่คนไทยเพิ่งจะมาตื่นตัวจริงๆก็เมื่อสมัยพรรคไทยรักไทย เมื่อมีการออกมาแฉเรื่องการทุจริตในวงการต่างๆ การปกครองแบบนี้โดยมากก็เหมือนประชาธิปไตย แต่จริงๆแล้วเป็นดั่ง เผด็จการสภา หรือ คณาธิปไตย ที่เป็นการปกครองแบบหมู่คณะ ทำเพื่อพวกพ้องหรือพรรค นายทุนของตนเป็นหลัก แต่คิดถึงประชาชนน้อยกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

จริงๆแล้วระบบนั้นไม่ผิด แต่ว่าผิดที่ผู้ที่นำไปใช้ต่างหาก ไม่ว่าเป็นระบบไหนๆก็ตาม ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการเมืองเก่านั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเท่าเทียมกันของสังคมได้ มีแต่จะทำให้ช่องว่างของประชาชนมากขึ้น ดังจะเห็นได้ว่า รวยก็รวยล้นฟ้า จนก็จนสุดโต่งไม่มีสิทธิ์ลืมตาอ้าปาก ส่วนที่ทาง พธม นั้นเสนอมา 70/30 ผมนั้นก็เห็นว่าเป็นระบอบที่เป็นอำมาตยาธิปไตยมากไป ซึ่งคิดว่าคงจะต้องนำมาปรับเปลี่ยนแนวคิดกันอีกที ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง แต่คงไม่ใช่ระบบนี้หรอกครับ ซึ่งผมได้เคยเขียนแนวทางแก้ไขไว้แล้วในกระทู้ก่อนหน้านี้ ที่ไม่ต้องพึ่งระบอบ 70/30 และไม่ต้องหวนกลับไปพึ่งการเมืองแบบเก่าที่ทำให้สังคมไทยนั้นแตกแยกไป 2 ฝัก 2 ฝ่ายอย่างทุกวันนี้ แต่ผมคงไม่เขียนไปในที่นี่แล้วกันครับ

ประชาธิปไตยที่แท้จริงคือ การที่ประชาชนมีส่วนร่วมจริงๆ มีสิทธิ์มีเสียงจริงๆ ผู้แทนที่เข้าไปต้องเป็นอิสระไม่ใช่ทำเพื่อพวกพ้องหรือกลุ่มทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะต้องทำเพื่อประชาชนจริงๆ เท่าเทียมกัน ส่วนเรื่องการอธิบายระบบนี้ไว้ถ้าอยากคุยด้วยค่อยมาถกปัญหากันอีกทีครับ

สุดท้ายผมอยากจะบอกว่าแม้ผมนั้นจะเป็นแนวร่วมทาง พธม นั้นก็ไม่ได้แปลว่าผมจะเห็นด้วยทั้งหมด แต่ว่ามีแนวคิดแนวเดียวก็คืออยากให้คนที่ดีจริงๆ นักการเมืองประเภทที่ทำเพื่อส่วนรวมเข้ามาบริหารประเทศ และผมก็ไม่ได้มีความเกลียดชังนักการเมืองคนใดคนหนึ่งหรือเกลียดคนที่ไม่เห็นด้วย เพียงแต่ผมอยากให้สังคมไทยเราอยู่กันได้อย่างสงบ อยากเห็นนักการเมืองที่มีจริยธรรม สังคมมีความเสมอภาค ไม่ว่านายทุน ชาวนา ข้าราขการก็สามารถอยู่ร่วมกันได้มีความสุข โดยยึกหลัก พอเพียงของพ่อหลวงเรา

จากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ^_^

จากคุณ : Better View - [ 7 ก.ย. 51 17:01:40 A:222.123.213.154 X: ]