ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าไม่หวังกำไรจะเอาอะไรไปขยาย ไปซื้ออุปกรณ์ และ เทคโนโลยีล่ะ ยิ่ง รพ เอกชน ล่ะก็ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 51 13:28:49 จากคุณ : For nuch - [ 20 ก.ย. 51 13:28:39 A:124.120.213.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 - keyword -google.com "โรงพยาบาล ไม่แสวงหากำไร" keyword -สรรพากร http://www.rd.go.th "สถานพยาบาล" พ.ร.บ.สถานพยาบาล http://www.reic.or.th/law/law45.htm ------------------------ P7012399 ความจริงอีกด้าน...มหาวิทยาลัยเอกชน เป็นองค์กรที่แสวงหากำไรจริงหรือ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7012399/P7012399.html#90 แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 51 13:42:50 จากคุณ : mcu51 - [ 20 ก.ย. 51 13:33:56 A:124.120.12.186 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 โรงบาลเอกชนบางแห่ง เป็นหวัดนิดหน่อยไปหาทีเป็น 1000 คงไม่แสวงหากำไรมั้ง จากคุณ : NegiSpringfield - [ 20 ก.ย. 51 13:40:12 A:203.156.85.100 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าไม่แสวงหาผลกำไร แพทย์คงไม่ใช่อาชีพร่ำรวยที่ใครๆก็อยากเป็นหรอกครับ จากคุณ : endless man - [ 20 ก.ย. 51 13:52:09 A:117.47.93.193 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเป็นรพ. และสถานพยาบาล ของรัฐ ไม่ใช่ ครับ เป็นบริการประชาชน แต่ถ้าเป็นของเอกชน เป็นธุรกิจ ที่ต้องทำกำไรให้เลี้ยงตัวเองอยู่รอดและให้ผลตอบแทน แก่ผู้ประกอบการ แต่ ธุรกิจ สถานพยาบาล จะต่างกับ ธุรกิจอื่นที่จะต้องมีเมตตาธรรม และความเหมาะสม ด้วย ครับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 20 ก.ย. 51 14:16:52 A:118.172.176.116 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 กิจการเอกชนก็มุ่งเน้นผลกำไรทั้งนั้นแหละครับ(ยกเว้นngoไม่หากำไร แต่หารายได้อย่างเดียว) และจริงๆ ก็ไม่ใช่เฉพาะโรงพยาบาล หรือแพทย์ ที่ต้องมีคุณธรรม ทุกกิจการโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับปัจจัยสี่ (อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า และยา ) ต้องมีคุณธรรมทั้งสิ้น แต่โรงพยาบาล(และมหาวิทยาลัย)อ่อนไหวกับเรื่องการเอาเปรียบผู้บริโภคเป็นพิเศษ เพราะในหลายๆกรณีผู้บริโภค ไม่สามารถเลือกได้ จากคุณ : ริมน้ำวาง - [ 20 ก.ย. 51 14:29:38 A:202.91.19.204 X:127.0.0.1, 202.229.32.79 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หมายเหตุไว้ว่า แพทย์เป็นวิชาชีพอิสระ หมายความว่า แพทย์ไม่ได้เป็นพนักงาน ลูกจ้างของโรงพยาบาลเอกชน รพ.จะไม่ได้จ่ายเงินเดือนแต่จ่ายเป็นค่าตอบแทนแพทย์ รายเดือน หากเกิดผิดพลาดจากการรักษา รพ.ย่อมไม่มีส่วนรับผิดชอบด้วย ยกเว้นพนักงาน รพ.มีส่วนให้เกิดเหตุนั้น จากคุณ : ริมน้ำวาง - [ 20 ก.ย. 51 14:40:17 A:202.91.19.204 X:127.0.0.1, 202.229.32.79 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โรงพยาบาลบางแห่งก็มุ่งหวังขาดทุน เช่น โรงพยาบาลสงฆ์ จากคุณ : หมอแว่น - [ 20 ก.ย. 51 14:44:38 A:125.25.249.154 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 เหอะๆ หมอมันยังประท้วงไม่รักษาด้วยเลยนี่ ไม่รู้แพทย์สภามีไว้ทำอะไร คงปกป้องหมอเถื่อนเป็นอย่างเดียว เอาภาษีประชาชนไปเรียนแล้วไม่ยอมรักษาคน ทำมาขู่ไม่รักษาเพราะอยากได้ลัทธิคอมมิวนิสต์ ถ้ารพ.ไม่หากำไร แล้วทำไมรพ.ต้องเสียภาษีล่ะ เหอๆ จากคุณ : aris_rabbit - [ 20 ก.ย. 51 14:51:05 A:58.64.115.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 กิจการโรงพยาบาลแม้จะมีกฏหมายควบคุมหลายฉบับ แต่ไม่มีกฏหมายที่ห้ามไม่ให้นายทุนเจ้าของโรงพยาบาล เข้ามาบริหารเองโดยตรง และเมื่อมีรายได้หรือกำไรเท่าไร ก็สามารถนำไปทำอะไรก็ได้ตามแต่ปราถนาของเจ้าของ กิจการหรือนายทุนของโรงพยาบาลนั้น ซึ่งต่างจากกิจการมหาวิทยาลัยเอกชนไปอยู่บ้าง เพราะกิจการมหาวิทยาลัย เอกชนนั้น นายทุนเป็นได้แค่ผู้ขอใบอนุญาตตั้งมหาวิทยาลัย แต่การบริหารมหาวิทยาลัยต้องทำผ่านสภามหาวิทยาลัย ซึ่งจะถูกตั้งโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย แม้นายทุนผู้ขอใบอนุญาตจะสามารถเสนอชื่อใคร เข้ามาเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยนี้ก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าสภามหาวิทยาลัย กับนายทุนผู้ขอใบอนุญาตเป็นบุคคลคนละ คนกัน และกรรมการสภามหาวิทยาลัยนี้ยังมีกำหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาร่วมเป็นอีกด้วย อีกทั้งการบริหารมหาวิทยาลัยนี้ ก็ทำโดยสภามหาวิทยาลัย นายทุนไม่สามารถเข้ามาบริหารด้วยตัวเองได้ ตลอดจนรายได้ จากการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย ก็มีกำหนดในกฏหมายอย่างแน่ชัดว่า จะต้องนำเข้ากองทุนของมหาวิทยาลัยก่อน หาก รายได้เกินกว่ารายจ่าย ส่วนเกินจึงแบ่งคืนให้นายทุน และจะแบ่งคืนนายทุนทั้งหมดก็ไม่ได้ กฏหมายกำหนดให้ได้ไม่เกินร้อย ละ 30ของส่วนที่เกินนี้ ที่เหลือต้องกลับไปสู่กองทุนมหาวิทยาลัยอีก ความเป็นเจ้าของในกิจการสถานพยาบาลจึงเกือบเท่าธุรกิจแสวงกำไรอื่น เพียงแต่ต้องระวังการถูกฟ้องร้องเรื่องจริยธรรม จากคุณ : thyrocyte - [ 20 ก.ย. 51 15:01:16 A:124.121.31.249 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 รพ. เอกชน แสวงหากำไรแน่นอน ไม่ต้องเถียง รพ. หลวง  ปัจจุบันก็ต้องดิ้นรนหารายได้เลี้ยงตัวเอง ตรงไหนชาร์จได้ก็ชาร์จ เพียงแต่มักทำกับผู้ใช้สิทธิเบิกได้ เป็นส่วนใหญ่ มหาลัยเอกชน ของ ตลก คาเฟ่ ไม่แสวงหากำไร จ่ายค่าตอบแทนให้คนมาสอนถือว่าเหมือนจ่ายทิป  เด็กรับรถ  ไม่ถือว่าเป็นการจ้าง  แต่อย่าไปยุ่งกับเด็กรับรถมาก เดี๋ยวมันขูดสีรถเอานา จากคุณ : cb4449401 - [ 20 ก.ย. 51 15:34:20 A:118.172.54.103 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ  อสูรแดงคืนชีพ  ตั้งกระทู้กว้างไป คงไม่ทราบว่า โรงพยาบาลนั้น       มีทั้ง ของรัฐ และของเอกชน  และขององค์กรสาธารณะกุศล        สำหรับโรงพยาบาลเอกชน    คงจำต้องถอนทุนและแสวงหากำไรเลี้ยงสถานบริการและลูกเมียตนเองด้วย  แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในกรอบของจริยธรรมและจรรยาแพทย์                  ส่วน โรงพยาบาลของรัฐ ก็เป็นบริการสาธารณะ  ไม่(ควร)แสวงหากำไร  ได้รับการสนับสนุนจากเงินงบประมาณของรัฐเป็นประจำปี                สำหรับแพทย์ ที่ไปรับจ้าง ทำการ เป็นครั้งคราวในโรงพยาบาลเอกชน  โดยไม่เบียดเบียฬเวลาราชการ   พบว่าทำกันมากมาย  ไม่ทราบว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะเกี่ยวหรือไม่อย่างไร   ไม่ทราบ    แต่ที่ คห. # 9 aris_rabbit      เรียกสรรพนามหมอเช่นนั้น  คงไม่ค่อยเหมาะนัก        ขออภัย ผมอาจเจอะแต่คุณหมอ ใจดีก็เป็นได้ จากคุณ : วอน (วอน) - [ 20 ก.ย. 51 16:11:14 A:125.27.251.13 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ว่ารพ.รัฐบาลหรือเอกชน หาจะพิจารณาว่าแสวงหากำไรหรือไม่นั้น  ผมว่าจะต้องดูที่เจตนาของการกระทำและผล เช่น รพ.รัฐโดยหลักแล้วไม่หวังผลกำไร แต่หากเก็บค่ารักษาพยาบาล ค่ายา แพงเกินจริง แล้วทำให้ รพ.มีกำไรมหาศาล ผมก็ว่าแสวงหากำไรครับ รพ.เอกชน ขึ้นชื่อว่าเอกชนอาจมองว่าเป็นธุรกิจหากำไร  หากแต่เก็บค่ารักษาพยาบาลพอดีๆ ไม่แพงเกิน ผลประกอบการ ไม่ได้กำไรสูงจนน่าเกลียดเมื่อเทียบกับปริมาณรายได้ ผมก็ว่าไม่แสวงหากำไร เพราะหากดูที่สภาพการประกอบธุรกิจเองแสดงถึงการช่วยเหลือผู้คนส่วนใหญ่โดยไม่ปิดกั้นเฉพาะบุคคลใด จากคุณ : peamsosad - [ 20 ก.ย. 51 16:32:00 A:125.26.6.79 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 โรงบาลบางแห่ง เป็นที่ที่นางพยาบ...สามารถไปเป็นภรรยา(น้อย) ของหมอได้ จากคุณ : สงครามเย็น - [ 20 ก.ย. 51 17:26:42 A:58.9.159.102 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 "โรงพยาบาลนั้นเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นหากำไรหรือเปล่า" ถ้ามี กำไรไม่ว่ามากหรือน้อย มานก็ต้องถือว่าแสวงหากำไรทั้งนั้น ถ้าไม่แสวงหากำไร ก็ต้องอากำไรไปใช้สาธารณะกุศลต่างๆ ไปสอน เอาค่าสอนสูงๆ  สูงกว่าค่าเดินทาง และค่าอาหาร มานจะเป็นวิทยาทานได้อย่างไร ...นะครับ จากคุณ : สุทธิสาร - [ 20 ก.ย. 51 17:35:09 A:58.8.104.175 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความเห็นที่ 13 ของคุณ peamsosad  ถูกต้อง เลยครับ ชื่นชม ในความคิดที่เป็นกลาง ไม่อัคติ ครับ แต่สำหรับ ความเห็นที่ 14 ผมว่า มันเป็นเรื่อง ของตัวบุคคล แต่ละคน ซึ่งในทุกวงการ ก็อาจจะมี แต่การนำมาพูดลอยๆ อย่างนี้ ผมว่า ไม่ได้เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้เลย และไม่เหมาะมั้งครับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 20 ก.ย. 51 17:57:02 A:118.172.175.219 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมไม่มีความเชื่อถือ อาชีพหมอเลยนะ เพื่อนผม เมียไปคลอดลูกที่ โรงพยาบาลรัฐ แถวสามย่าน นอนพัก สี่ คืน และ ผ่าออก เสียไปหมื่นหกพันบาท แต่เดี๋ยวก่อนนะ ผมไปเยี่ยมเพื่อน ได้มีโอกาสคุยกับคุณแม่มือใหม่หลายๆคน แต่ละคน โดนผ่าออกหมดเลยนะ ร้อยละแปดสิบ คับ โดยเค้าบอกว่า หมอบอกว่า เด็กคลอดเองไม่สะดวก ควรผ่า ว่าแต่ว่า ต้องผ่ากันเกือบหมดเลยเหรอ ถามสิบคน ผ่าสิบคน ผมไม่เชื่อว่า มันจะบังเอิญขนาดนั้นนะ ธรรมชาติคน ยังไงก็คลอดเองได้ ถ้าจะมีปัญหา ก็ไม่น่าจะมากขนาดนี้ (ทุกคนอยากคลอดเองเป็นส่วนใหญ่ครับ แต่ที่ยอมผ่า เพราะหมอแนะนำ ) ผมเลยคิดว่า ถ้าคลอดโดยการผ่าเนี่ย หมอจะกำหนดเวลาตัวเองได้ ว่าวันนี้จะผ่ากี่คน แต่ถ้ารอคลอด เสียเวลาครับ ไม่รู้มันจะคลอดเมื่อไร กี่โมงก็ไม่รู้ มันคอนโทรลไม่ได้ ยังไม่จบครับ ผ่าเสร็จ หมอถามต่อว่า เตรียมซองไว้รึยัง ถามว่าเท่าไร เค้าบอกว่า ปกติ ก็เจ็ดพันขึ้นไป สรุปครับ ผ่าคลอด พัก สี่คืน หมื่นหก  ค่าซองหมอ (ค่าอะไรไม่รู้ ประมาณว่าค่าน้ำใจในการผ่า) อีก เจ็ดพัน รวม สองหมื่นสามพันบาทถ้วนครับ เพราะฉนั้น อย่าบอกเลย ว่าเป็นหมอแล้วไม่แสวงหากำไร เพื่ออุดมการณ์ จะอยู่โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน หมอก็คือหมอ หาเงินเหมือนกัน (ยังไม่รวม เรื่องโรงพยาบาลสัตว์ที่นั่นด้วยนะครับ เห็นใครแต่งตัวมาไม่ดี ถามก่อน มีตังค์จ่ายป่าว อยากรู้ป่าวครับ ถ้าถามจะเล่าให้ฟัง ทุกวันนี้ โรงพยาบาลรัฐแถวสามย่าน จะโรงพยาบาลสัตว์ โรงพยาบาลคน ผมไม่เหยียบเลย เข้าโรงบาลเอกชน ดีๆ รู้แล้วรู้รอด จ่ายแพงเหมือนกัน บริการดีกว่าเยอะ) จากคุณ : megaxx - [ 20 ก.ย. 51 18:27:37 A:58.8.128.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 #5 แล้วคลีนิคนอกเวลาราชการจะจัดเป็นประเภทไหนครับ แบบว่าผมสงสัย จากคุณ : ขยะสังคม - [ 20 ก.ย. 51 20:05:54 A:210.246.81.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 .        อยากรู้ว่าโรงพยาบาลนั้นเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นหากำไรหรือเปล่าครับ        ขึ้นกับรูปแบบของการจัดตั้ง ส่วนรายละเอียดของการบริหารและบริการ ไม่ใช่สาระครับ จากคุณ : บุรุษหน้าเหล็ก - [ 20 ก.ย. 51 22:25:18 A:222.123.251.79 X: ]