เราอาจจะต้องมาทบทวนอำนาจของตุลาการศาลไทยกันเสียแล้ว
เพราะทุกวันนี้ตัดสินกันตามอำเภอใจโดยไม่อายชาวพารา ไม่อายขาวโลก
ไม่มีอำนาจอะไรคานถ่วงดุล เล่นกันจนผู้คนหมดความเชื่อถือ นักกฏหมายยังมึนกันไม่หาย กลายเป็นอยุติธรรม และไม่มีใครเชื่อถืออีกต่อไป
บ่่อยครั้งที่การตัดสินคดีไม่ได้ยึดหลักกฏหมาย และเสรีภาพของประชาชนเป็นที่ตั้ง จนมีแพะออกมาร้องเกลื่อนเมือง
คนเหล่านี้น่าสงสารมากต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตไป โดยที่ไม่อาจเรียกร้องกลับคืนมาได้
ชีวิตครอบครัวแตกสลาย ชีวิตที่เหลือก็พังทลายลงจนแทบไม่มีกำลังใจจะมีชีวิตต่อไป
คดีดังอย่างเชอรี่แอนหรืออีกหลายคดีที่เป็นข่าวและที่ไม่เป็นข่าวก็มีอีกมาก
ซึ่งหากความจริงปรากฏจะตกใจในสภาพที่เป็นอยู่
หลักกฏหมายมีว่าปล่อยคนผิดไป 10 คน ดีกว่าลงโทษคนบริสุทธิ์เพียงคนเดียว
แต่ดูเหมือนการณ์จะกลับกันคือ ลงโทษผู้บริสุทธิ์ 10 คน ดีกว่าปล่อยคนผิดไปเพียงคนเดียว
ที่ผ่านมาแม้ในชั้นศาลจะกำหนดองค์คณะว่าต้องมีองค์คณะ 2 คนจึงจะครบองค์คณะพิจารณาพิพากษาตัดสินได้
แต่ ในทางปฎิบัติผุ้พิพากษาเจ้าของสำนวนเพียงคนเดียวจะเป็นผู้ตัดสิน ส่วนคนอื่นแค่ลงชื่อให้ครบองค์คณะตามกฏหมายเท่านั้นไม่ได้มีส่วนตัดสิน
จึงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าชิวิตและเสรีภาพของผุ้ถูกกล่าวหาขึ้นอยู่กับ ความคิดเห็นของบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้น จึงมีเปอร์เซ็นต์ผิดพลาดได้สูง
การรับผู้พิพากษาของไทยมีข้อบกพร่องมากมาย
คุณทราบไหมคะว่ามีผู้พิพากษาอายุไม่เกิน 30 มากมาย ยังเด็กเหลือเกิน ประสบการณ์ในชีวิตยังน้อยนิดที่จะมาตัดสินผู้คน
บางคนเป็นคุณหนูมาตลอด ไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไรสกปรกแค่ไหนตำรวจเสนออะไรมาเชื่อหมด มีตำรวจมากมายที่สร้างหลักฐานเท็จเพื่อปิดคดี ตนเองก็จะได้ผลงานได้เลื่อนยศสูงขึ้น
การตัดสินคดีไม่ได้ใช้แต่เพียงหลักกฏหมายอย่างเดียว
แต่ต้องใช้ประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงด้วย
ในประเทศอเมริกาหรือยุโรปผู้ที่ต้องการจะเรียนสาขากฏหมายนั้น กำหนดว่าขั้นต่ำจะต้องจบปริญญาตรีสาขาใดสาขาหนึ่งมาก่อนจึงจะเข้าเรียนได้
ผู้พิพากษาของเขาก็ไม่มีเด็กๆแบบนี้ เขาจะคัดเลือกมาจากอัยการ หรือทนายความที่มีชื่อเสียงไม่มีประว้ติด่างพร้อย เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์
จะสังเกตุได้ว่าผู้พิพากษาของประเทศเขาจะเป็นคนวัยกลางคนที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์
ของไทยหรือบางคนพ่อเป็นผู้พิพากษา พอลูกจบหมาดๆก็ยัดเข้าไปเป็นผู้พิพากษา ประสบการณ์หรือไม่ต้องพูดถึงชีวิตคนไทยราคาถูกถึงเพียงนี้หรือ
วิกฤตตุลาการครั้งนี้เหมือนกับฟางเส้นสุดท้าย
ที่เราจะต้องต่อสู้เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงปฎิรูประบบกระบวนการยุติธรรมที่หมักหมมนี้แล้ว
โดยใช้วิธีการตัดสินระบบคณะลูกขุนเหมือนอย่างในอเมริกา และประเทศที่เจริญแล้ว
คณะลูกขุนจะถูกคัดเลือกจากบุคคลหลากหลายสาขาที่มีีความน่าเชื่อถือในสังคมและไม่เป็นปฎิปักษ์กับจำเลย
ศาลจะไม่มีอำนาจชี้ถูกผิดอีกต่อไป คณะลูกขุนจะเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเพื่อลงมติชี้ถูกผิด
ศาลมีอำนาจเพียงกำหนดโทษที่จะลงเท่านั้น
ดิฉันละเหี่ยกับระบบนี้มานาน และจะรณรงค์ต่อไปกับเรื่องนี้ ขอเสียงสนับสนุนด้วยนะคะ
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 51 08:12:50