ความคิดเห็นที่ 1 เอามาจาก เวบประชาไท ค่ะ สำนักข่าวเอเอฟพีเปิดเผยผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมใน 12 ประเทศแถบทวีปเอเชีย เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2551 โดยอ้างอิงผลการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงบรรษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในเอเชีย รวมทั้งสิ้น 1,537 คน จัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาด้านความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ หรือ เพิร์ก (PERC: The Political and Economic Risk Consultancy) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง ผลสำรวจปรากฏว่าฮ่องกงเป็นประเทศที่มีกระบวนการยุติธรรมน่าเชื่อถือเป็นอันดับ 1 ในสายตานักลงทุนต่างชาติ โดยการจัดอันดับครั้งนี้เรียงจากประเทศที่ได้คะแนนน้อยไปหามาก (0-10 คะแนน) ้ดังนี้ 1. ฮ่องกง 1.45 คะแนน 2. สิงคโปร์ 1.92 คะแนน 3. ญี่ปุ่น 3.50 คะแนน 4. เกาหลีใต้ 4.62 คะแนน 5. ไต้หวัน 4.93 คะแนน 6. ฟิลิปปินส์ 6.10 คะแนน 7. มาเลเซีย 6.47 คะแนน 8. อินเดีย 6.50 คะแนน 9. ไทย 7.00 คะแนน 10.จีน 7.25 คะแนน 11. เวียดนาม 8.10 คะแนน 12. อินโดนีเซีย 8.26 คะแนน ทั้ง นี้ คะแนนที่ได้มาจากปัจจัยที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ ประเทศที่ได้คะแนนน้อยจึงได้แก่ประเทศที่มีปัญหาในกระบวนการยุติธรรมน้อย ขณะที่ประเทศที่ได้คะแนนมากคือประเทศที่มีปัญหาในกระบวนการยุติธรรมมากตามไป ด้วย การ ให้คะแนนกระบวนการยุติธรรมของแต่ละประเทศ ประเมินจากประสิทธิภาพในการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การจัดการปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ความโปร่งใสในการทำงานของศาลยุติธรรม ขอบเขตการใช้อำนาจทางกฎหมาย ความเป็นเอกเทศ ปลอดการแทรกแซงทางการเมือง รวมถึงประสบการณ์และมาตรฐานการศึกษาของทนายความและผู้พิพากษา บริษัท เพิร์กระบุว่าการให้คะแนนกระบวนการยุติธรรมของนักธุรกิจต่างชาติในแต่ละ ประเทศ มีความเกี่ยวพันกับการเปิดโอกาสด้านการลงทุน โดยประเทศที่กระบวนการยุติธรรมมีความน่าเชื่อถือติดอันดับต้นๆ เป็นประเทศที่เข้มงวดกับการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา มีอัตราการทุจริตคอรัปชั่นต่ำ และระบบเศรษฐกิจเจริญก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันด้วย ผล สำรวจความเห็นของประเทศสิงคโปร์ถูกระบุเพิ่มเติมว่าเป็นการประเมินจากมุมมอง ของนักลงทุนต่างชาติเท่านั้น แต่ไม่มีการสอบถามความคิดเห็นของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่โจมตีว่าระบบศาลยุติธรรมของสิงคโปร์ถูกใช้เป็นเครื่องมือปิดปาก ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลมากกว่า ส่วน เหตุผลที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของจีนและเวียดนาม เนื่องจากระบบศาลถูกแทรกแซงอย่างหนักจากพรรคคอมมิวนิสต์ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งมีสถานะเหนือกฎหมาย ไม่อาจตรวจสอบได้ ขณะที่อินเดียและฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบการปกครองแบบ ประชาธิปไตย แต่มีปัญหาใหญ่เรื่องการคอรัปชั่น ทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ ส่วน กรณีของมาเลเซีย นักลงทุนให้เหตุผลว่ากระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงจากรัฐบาล และถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ส่งผลให้ระบบศาลมาเลเซียขาดความน่าเชื่อถือเช่นกัน ขณะ ที่กระบวนการยุติธรรมของไทยมีปัญหาเรื่องขอบเขตอำนาจตุลาการ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่สงสัยว่าการเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายตุลาการจะส่งผลดีต่อทิศ ทางเศรษฐกิจไทยจริงหรือ นอกจากนี้ อินโดนีเซียซึ่งอยู่ในอันดับที่ 12 หรือ อันดับสุดท้ายในการสำรวจความคิดเห็น ถูกมองว่าเป็นประเทศทีมีปัญหาใน่กระบวนการยุติธรรมมากที่สุด จึงขาดความน่าเชื่อถือที่สุด และสถาบันตุลาการเป็นสถาบันที่อ่อนแอ ตกเป็นเป้าโจมตีจากสาธารณชน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพถือเป็นปัญหาใหญ่อันดับหนึ่ง ของสังคมอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม เพิร์กไม่ได้เปิดเผยกรณีตัวอย่างเรื่องความอ่อนแอของกระบวนการยุติธรรม อินโดนีเซียอย่างเป็นรูปธรรม จากคุณ : ใบโหระพา - [ 27 ก.ย. 51 17:38:41 A:58.8.105.210 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 เดี๊ยวจะมีคนมาบอกว่า "ทักษินซื้อเพิร์ก" จากคุณ : มหาสำลี - [ 27 ก.ย. 51 18:08:19 A:124.120.94.168 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อสังเกตุ............................... การ ให้คะแนนกระบวนการยุติธรรมของแต่ละประเทศ ประเมินจากประสิทธิภาพในการให้ความคุ้มครองทรัพย์สิน ทางปัญญา การจัดการปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ความโปร่งใสในการทำงานของศาลยุติธรรม ขอบเขตการใช้อำนาจทาง กฎหมาย ความเป็นเอกเทศ ปลอดการแทรกแซงทางการเมือง รวมถึงประสบการณ์และมาตรฐานการศึกษาของทนาย ความและผู้พิพากษา บริษัท เพิร์กระบุว่าการให้คะแนนกระบวนการยุติธรรมของนักธุรกิจต่างชาติในแต่ละ ประเทศ มีความเกี่ยวพันกับการ เปิดโอกาสด้านการลงทุน โดยประเทศที่กระบวนการยุติธรรมมีความน่าเชื่อถือติดอันดับต้นๆ เป็นประเทศที่เข้มงวด กับการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา มีอัตราการทุจริตคอรัปชั่นต่ำ และระบบเศรษฐกิจเจริญก้าวหน้ากว่า ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันด้วย ผล สำรวจความเห็นของประเทศสิงคโปร์ถูกระบุเพิ่มเติมว่าเป็นการประเมินจากมุมมอง ของนักลงทุนต่างชาติเท่านั้น แต่ไม่มีการสอบถามความคิดเห็นของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่โจมตีว่าระบบศาลยุติ ธรรมของสิงคโปร์ถูกใช้เป็นเครื่องมือปิดปาก ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลมากกว่า แต่จากการจัดอันดับของ สิงคโปร์มาเป็นอันดับ 2 เลย จึงแสดงให้เห็นว่า การประเมินนี้ อาศัยผลประโยชน์ของผู้ถูก ประเมินเป็นที่ตั้ง หากในประเทศนั้นมีระบบยุติธรรมที่ให้การคุ้มครองนักลงทุนจากต่างชาติที่ดี มีการคุ้มครองทรัพย์สิน ทางปัญญา มีการสื่สารด้วยภาษาอังกฤษที่ดี ทำให้ชาวต่างชาติไม่เสียเปรียบเมื่อต้องขึ้นศาลก็ได้ตะแนนดี ไม่เกี่ยว กับเรื่องการเมืองภายใน หรือความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจตุลาการกับอำนาจบริหารในประเทศนั้น ซึ่งนักลงทุนต่างประ เทศมองว่าไม่ใช่ธุระอะไรของเขา จากคุณ : thyrocyte - [ 27 ก.ย. 51 19:04:24 A:124.121.32.233 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 จากเวบของ Asia news net ซึ่งเป็นเกี่ยวข้องกับ Asia Risk assessment(PERC) ........ Survey respondents were 1,537 corporate executives working in Asia. They were asked to rate the judicial systems in the countries where they reside, using such variables as -the protection of intellectual property -corruption -transparency -enforcement of laws, -freedom from political interference -the experience and educational standards of lawyers and judges. http://www.asianewsnet.net/news.php?id=1519&sec=1 ****************************************************************************** Today's online ลงไว้ตอนท้าย ให้ความเห็นว่ามาเลเซียเองดูจะมีการแทรกแซงจากการเมืองมาก (แต่อันดับดีกว่าไทย) ในขณะที่ไทยเขาใช้แค่ว่าน่าสงสัยเท่านั้น...... The less favourable perception of China’s and Vietnam’s judicial systems are rooted in political interference, Perc said, adding that the Communist Party “is above the law in both countries”. Despite India and the Philippines being democracies, expatriates did not look favourably on their judicial systems because of corruption, Perc added. Malaysia’s judicial system has suffered a “serious reputation damage due to political interference”, while expatriates in Thailand “have serious doubts” that moves to expand the judiciary’s powers will be good for the country, it said. “In Singapore, the general perception of expatriates is that local politics has not compromised the way commercial and criminal law is conducted,” Perc said. AFP นั้นคือตราบเท่าที่การเมืองในประเทศนั้นๆไม่มากระทบกับธุรกิจของเขา เขาก็ให้คะแนนดี (แม้ระบบยุติธรรมจะมีปัญหาเขาก็ให้คะแนนดี) http://www.todayonline.com/articles/275959.asp จากคุณ : thyrocyte - [ 27 ก.ย. 51 19:17:19 A:124.121.32.233 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ชาวต่างชาติมองระบบยุติธรรมของไทยว่าไม่เอื้ออำนวยหรือปกป้องผลประโยชน์ของชาวต่างชาติมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2545 ก็มีบทความลงเรื่องราวเกี่ยวกับกระบวนการยุติรรมในไทย ที่ไม่รักษาผลประโยชน์ให้แก่ชาวต่างชาติ ตัวอย่างเช่นเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ชาวต่างชาติเขามาทำธุรกิจในไทย แล้วถูกฉ้อโกง ปรากฏว่าเมื่อเกิดปัญหาคดีความขึ้น คนไทยที่รวมทุน สามารถยักยอกเงินทุนกลับไปได้หมด ในขณะที่ชาวต่างชาติถูกปล่อยให้หมดตัว http://pws.prserv.net/studies/adven/adven_1.pdf จากคุณ : thyrocyte - [ 27 ก.ย. 51 19:26:12 A:124.121.32.233 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 มุมมองของชาวต่างชาติที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อชาวต่างชาติ สท้อนได้จาก บทความในเวบนี้ ที่อัพเดทไว้เมื่อ 14 พฤษภาคม 2549 น่าจะอธิบายได้ว่า ทำมไทยจึงได้คะแนนจากนัก ลงทุนชาวต่างประเทศน้อย นั้นเพราะระบบเราไม่ปกป้องพวกเขา(ไม่ใช่เพราะคดีทักษิณ,สมัครหรือพปช.) http://www.camblab.com/thai_02.htm จากคุณ : thyrocyte - [ 27 ก.ย. 51 19:33:42 A:124.121.32.233 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 6   มุมมองของชาวต่างชาติที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อชาวต่างชาติ สท้อนได้จาก บทความในเวบนี้ ที่อัพเดทไว้เมื่อ 14 พฤษภาคม 2549 น่าจะอธิบายได้ว่า ทำมไทยจึงได้คะแนนจากนัก ลงทุนชาวต่างประเทศน้อย นั้นเพราะระบบเราไม่ปกป้องพวกเขา(ไม่ใช่เพราะคดีทักษิณ,สมัครหรือพปช.) http://www.camblab.com/thai_02.htm จากคุณ : thyrocyte ------------------------------------------------------------------------ ถ้า เป็นกระบวนการ ยุติธรรม ที่ตัดสินคดีความ คุณทักษิณ   คุณสมัคร  สงสัย    คงต้อง รั้งอันดับ บ๊วย เลยหล่ะม้างงง   ตาชั่งบ้านเรา ไม่ใช่แค่เอียงอย่างเดียว   แต่มันมีธง ตั้งไว้ด้วย   ซึ่งบางทีแล้ว ไม่ต้องไปจัดอันดับหรอก  เพราะ มันไม่มีอยู่ใน  ระบบ  และ  ระเบียบ ของการจัดอันดับเลย จากคุณ : EUCALYPTUS007 - [ 27 ก.ย. 51 19:56:00 A:58.8.113.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ใช่ว่าเมื่อไทยดำเนินการเกี่ยวกัยคดีของอดีตผู้นำให้ลุล่วง แล้วภาพลักษณ์เราจะดีขึ้นหรือครับ เห็นเลขา องค์กร เพื่อความโปร่งใสให้ความเห็น อย่างนั้น..... http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=25538 นางจุรี วิจิตรวาทการ เลขาธิการองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย กล่าวว่า    การจัดอันดับครั้งนี้เป็นเครื่อง เตือนใจในเรื่องการคอร์รัปชั่นซึ่งเป็นปัญหาที่นิ่งเฉยไม่ได้ โดยเฉพาะในประเทศไทยนับเป็นปัญหารุนแรง ดังนั้น การแก้ไขปัญหาไม่ใช่จะปราบปรามเพียงอย่างเดียว สิ่งที่สำคัญคือจะทำอย่างไรที่จะสร้างและปลูกจิตสำนึกให้ คนในสังคมตระหนักและไม่ยอมรับการคอร์รัปชั่น ในช่วงที่มีการรัฐประหารที่ผ่านมา ภาพที่สะท้อนในมุมมองของ ชาวต่างชาติและนักลงทุนจากต่างประเทศมองว่า ปัญหาการคอร์รัปชั่นในประเทศไทยน้อยลง ดังนั้นหากมีมาตร การลงโทษนักการเมืองที่คอร์รัปชั่นก็มั่นใจว่า ภาพลักษณ์ในเรื่องการคอร์รัปชั่นในประเทศไทยจะดีขึ้นแน่นอน "การรวมรวมข้อมูลนี้เป็นการรวบรวมย้อนหลัง 2 ปี นับตั้งแต่การทำรัฐประหาร เพราะช่วงนั้นการเมืองนิ่ง นัก ลงทุนระบุว่า ในช่วงนั้นไม่มีการขอเรียกรับสินบน จึงทำให้ภาพลักษณ์การลงทุนดีขึ้นในสายตาคนต่างชาติ อย่าง ไรก็ตาม ที่ผ่านมาแม้จะมีการนำคดีทุจริตคอร์รัปชั่นของอดีตผู้นำขึ้นศาล แต่คดียังไม่ถึงที่สุด คาดว่าเมื่อคดีต่างๆ มีการตัดสินแล้ว จะทำให้ภาพความเอาจริงกับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นดีขึ้น" จากคุณ : thyrocyte - [ 27 ก.ย. 51 21:05:48 A:124.121.32.233 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าไม่มีคนนำถุงขนม2ล้านไปทำตกไว้ที่ศาล.....คงอยู่3อันดับแรกแน่นอน    อิอิ . แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 51 21:14:46 จากคุณ : แกงป่าปลาเห็ดโคน - [ 27 ก.ย. 51 21:14:18 A:125.25.116.244 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 thyrocyte ขยันจัง ที่คุณพูดน่าจะจริงนะ ตั้งแต่ พส 2545 โน่น ซึ่งเป็นผลพวงของระบอบการปกครองอำมาตย์ภายใต้พรรคชี้นำ แมลงสาบ.....อย่างคุณว่าแหละ....ชาวต่างชาติมองระบบยุติธรรมของไทยว่าไม่เอื้ออำนวยหรือปกป้องผลประโยชน์ของชาวต่างชาติมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2545 ก็มีบทความลงเรื่องราวเกี่ยวกับกระบวนการยุติรรมในไทย ที่ไม่รักษาผลประโยชน์ให้แก่ชาวต่างชาติ ตัวอย่างเช่นเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ชาวต่างชาติเขามาทำธุรกิจในไทย แล้วถูกฉ้อโกง ปรากฏว่าเมื่อเกิดปัญหาคดีความขึ้น คนไทยที่รวมทุน สามารถยักยอกเงินทุนกลับไปได้หมด ในขณะที่ชาวต่างชาติถูกปล่อยให้หมดตัว ...........อีกอย่าง คุณจะเห็นดีเห็นงามกับการโกงเพื่อนที่ร่วมธุรกิจแบบนี้ก็ตามใจนะ (นี่มันนิสัย แป๊ะ จริงๆ) นี่ถ้าฝรั่งตามข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินท่านนายกสมัคร เป็นบรรทัดฐาน แต่ คณะศาล มีงานเข้าไม่ต่างกันละก้อ น่ากลัวว่า เรตติ้ง คงจะร่วงลงไปใกล้เขมรแล้ว แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 51 22:11:12 จากคุณ : ใบโหระพา - [ 27 ก.ย. 51 21:57:51 A:58.8.105.210 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องถุงเงินสองล้าน ทำไมมันเงียบนักล่ะ ดังแว๊บเดียว เงินตั้งแยะ เรื่องที่คนรู้ง่ายๆ มักไม่ง่าย สำหรับคนที่แก่พอ หรือ เป็นนักค้นคว้า คงเคยได้ยิน เล่ห์ของพรรคแมลงสาบ เช่น ตะโกนในโรงหนัง ว่า ......... แม้ครั้งหนึ่ง ยังออกโปสเตอร์ ว่า จำลองพาคนไปตาย จนได้ชัยชนะในสนามเลือกตั้ง กทม ทุกวันนี้ มันไม่มีความยุติธรรมแล้ว สิ่งที่เห็น มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ บางคนไม่ค่อยเลว แต่โง่มาก หื่น บ้ากาม แต่มีคนยกย่อง สังคมเราพูดได้ วิจารณ์ได้ตามจริงหรือ เราสามารถตรวจสอบหน่วยงานให้โปร่งใสได้ทุกหน่วยงานหรือ จากคุณ : ใบโหระพา - [ 28 ก.ย. 51 10:27:49 A:58.8.105.210 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 1. จริงอย่างที่ thyrocite เสนอครับ ว่า เป็นการประเมินจาก "ชาวต่างชาติ" ซึ่งพิจารณาว่า ระบบ "ยุติธรรม" ของไทยนั้น "ไม่เอื้อ" ต่อพวกเขา 2. ปัญหาคือว่า นั่นคือ กระบวนทัศน์ของชาวต่างชาติ ซึ่งมีการตรวจสอบ พิจารณา "ผลประโยชน์" ของพวกเขา... ในขณะที่ภายในประเทศไทยเราเอง "กลับไม่เคย" แม้แต่ครั้งเดียวที่จะมีการ "ประเมิน" ว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น "เห็นแก่ประโยชน์" ของประชาชนคนไทยหรือไม่? ยกตัวอย่าง กรณี เชอรี่แอน ที่มีการพิจารณาคดีในชั้นศาลให้มีการจำคุก แต่พอความจริงกระจ่าง (ซึ่งดำเนินการโดยตำรวจ) กลับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ "ชดใช้" ความเสียหาย เนื่องจากตำรวจสร้างหลักฐานเท็จ... และรวมอีกหลายๆคดีคล้ายๆกันนี้ซึ่งมีอีกเป็นจำนวนมาก แต่ไม่เป็นข่าว เนื่องจากเป็นตาสี ยายสา  ฯลฯ 3.  ผมในฐานะประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตย ซึ่ง ระบบยุติธรรม เอาอำนาจของผมไปใช้ด้วย (อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ) ขอเรียกร้องให้ประชาชนสามารถ "ตรวจสอบ" การใช้อำนาจตุลาการได้ด้วย (มิใช่ตรวจสอบกันเอง โดยอ้างระบบอุทธรณ์ ฎีกา) ซึ่งก็คงเป็นในทำนองเดียวกันกับ การฟ้องตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ฟ้องร้องหมอชั้นผู้ใหญ่โดยผ่านแพทยสภา ฯลฯ... จะสวมหัวโขนอย่างไรมันก็ "มนุษย์เดินดิน" เหมือนกันมีรัก โลภ โกรธ หลง ทั้งนั้น 4. ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเห็นว่า ในเมื่อมีกระบวนการ "ตรวจสอบ" นักการเมืองอย่างเข้มงวด (นักการเมืองก็คือ ตัวแทนประชาชน ไปใช้อำนาจนิติบัญญัติ และบริหาร) เสียจนไม่ต้องมีอันทำงานทำการ แค่ร้องตีความต่อศาลอย่างเดียว ก็มีเหตุทำให้อำนาจที่ได้รับจากประชาชนเป็นหมันได้ภายในแค่วันเดียว และเพียงแค่ พจนานุกรม เล่มเดียว! 5. ก็แล้วด้วยเหตุในทำนองเดียวกัน ทำไมตัวแทนผู้ใช้อำนาจตุลาการของประชาชน กลับเป็นผู้ตรวจสอบได้แต่เพียงผู้เดียว ทำไมตัวเองถึงไม่ถูกตรวจสอบจากประชาชนได้บ้าง? หรือ อย่างน้อยก็ควรถูกตรวจสอบโดยอำนาจอธิปไตยอื่นใดที่ประชาชนมอบให้ได้ด้วย...บางทีเมื่อผ่านการตรวจสอบจากประชาชนแล้ว ประชาชนก็อาจจะได้เห็นอะไรดีๆจากกระบวนการยุติธรรมไทยไม่น้อยเช่นกัน! (คงน้ำเน่าไม่ต่างจากนักการเมืองเสียเท่าใด) 6. แม้จะอ้างว่าเป็นการทำงานพิพากษาภายใต้พระปรมาภิไธย แต่ก็ไม่เป็นเหตุ เพราะอำนาจอธิปไตยอื่นก็ทำงานเป็นผู้รับสนองพระราชโองการเช่นเดียวกัน (จริงๆแล้ว กรณีนี้ก็ควรจะต้องมีการอภิปรายกันต่อไปอีก แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่) 7. ดังนั้นการเรียกร้องการเมืองใหม่นั้น  ถ้าจะเรียกร้องกันจริงๆ ก็ควรจะเอาให้ใหม่เสียให้หมด รวมไปจนถึงอำนาจตุลาการด้วย! 8. เพราะอำนาจตุลาการก็คือ อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย หาได้ลอยมาจากฟ้า พระอินทร์ตัวเขียวๆมาประทานให้ไม่! จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 28 ก.ย. 51 13:17:12 A:172.18.0.77 X:203.148.137.226 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอขอบคุณ คุณนายเจ็ดตัวอักษร ที่พูดได้เรื่อง ตรงตามใจของดิฉัน ดิฉันเป็นแม่บ้าน ก็พูดไปตามที่คิดเท่านั้น แต่ไม่ทันพวกเจ้าเล่ห์ ขอบคุณจริงๆ เพิ่งเจอคนที่มีความรู้ที่จะพูดเรื่องความยุติธรรมที่ควรได้รับการตรวจสอบ จากคุณ : ใบโหระพา - [ 28 ก.ย. 51 16:44:59 A:58.8.110.176 X: ]