Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ข้อสังเกตเกี่ยวกับการให้เหตุผลทางกฎหมายและการตีความในคำพิพากษาของศาล โดย อ. ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช

    ได้มีโอกาสอ่านบทความของ รศ.ดร.ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนาพานิช เห้นว่าเป้นบทความที่มีเหตุมีผลน่าสนใจ เลยขออนุญาตนำมาเผยแพราต่อไปครับ

    บทนำ :

    ในช่วงระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยได้มีวาทกรรมตุลาการภิวัตน์ขึ้น โดยวาทกรรมนี้ถูกเสนอขึ้นในสังคมไทยโดยมุ่งหมายจะให้ประชาชนเข้าใจว่า ตุลาการภิวัตน์ หมายถึง กรณีองค์กรตุลาการเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง รวมถึงการขจัดปัญหาการทุจริตของนักการเมือง ซึ่งเป็นการบิดเบือนความหมายที่เเท้จริงของ Judicialization หรือ Judicial Activism ในภาษาอังกฤษที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งหมายถึง การควบคุมตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือการกระทำของรัฐบาล

    โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในทางตรงกันข้าม ตุลาการภิวัตน์ในสังคมไทยถูกนำเสนอขึ้นเพื่อสร้างความชอบธรรมที่จะใช้อำนาจตุลาการในการใช้และตีความ “กฎหมาย” เพื่อตัดตอนอำนาจทางการเมืองที่อยู่ตรงกันข้ามกับฝ่ายอำมาตยาธิปไตย โดยเนื้อหาหรือข้อความที่ปรากฏในคำพิพากษา มีข้อความในเชิงว่ากล่าว ตำหนิ อบรมสั่งสอน ฯลฯ ไปด้วย ซึ่งผิดปกติวิสัยลักษณะของคำพิพากษาที่มุ่งจะวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นประเด็นข้อพิพาทเท่านั้น ข้อเขียนนี้อธิบายลักษณะและหน้าที่ของคำพิพากษารวมถึงวิธีการตีความกฎหมายของต่างประเทศ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวิจารณ์ตุลาการภิวัตน์ในสังคมไทยต่อไป

    1.หน้าที่ของคำพิพากษา

    ตามระบบกฎหมายของภาคพื้นยุโรป เช่น ประเทศฝรั่งเศส คำพิพากษาของศาลจะสั้น กระชับ ไม่ยืดยาว โดยคำพิพากษาจะประกอบด้วย “ข้อเท็จจริงของคดี” และ “หลักกฎหมาย” ที่ใช้ในการตัดสินคดีเท่านั้น คำพิพากษาจะละเว้นไม่กล่าวถึงเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประเด็นข้อกฎหมาย ผู้พิพากษาชื่อว่า P.Mimin ได้ตำหนิผู้พิพากษาที่พยายามสอดแทรกข้อโต้แย้งทางนโยบาย (Policy argument) ความเห็นส่วนตัว (Personal views) หรือความไร้สาระ (nonsense) อื่นๆ ไว้ในคำพิพากษา1 ทำนองเดียวกับศาลของออสเตรเลียที่เห็นว่าข้อโต้แย้งด้านนโยบายไม่ควรปรากฏในคำพิพากษา2 พูดง่ายๆ ก็คือ ข้อโต้แย้งด้านนโยบายมิใช่เป็นเรื่องของศาล แต่เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ

    ในทางตรงกันข้าม หากกลับมาพิจารณาคำพิพากษาของศาลไทยในช่วงหลังรัฐประหาร 19 กันยายน ที่ผ่านมา จะพบว่าเนื้อหาของคำพิพากษาบางตอนมิได้เกี่ยวข้องกับการอธิบายหลักกฎหมาย หรือการตีความถ้อยคำทางกฎหมาย แต่มีความพยายามสอดแทรกทัศนคติ ความรู้สึกทางศีลธรรม ความควรความไม่ควร ฯลฯ การพยายามที่จะใส่ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้พิพากษาให้ปรากฏในคำพิพากษาไม่ว่าแรงจูงใจจะดีเพียงใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่มิใช่สาระสำคัญของคำพิพากษาแต่ประการใด คำพิพากษาที่ดีต้องประกอบด้วยข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นที่ยุติ และหลักกฎหมายที่ถูกต้อง ชัดเจน และอธิบายได้ คำพิพากษาของศาลมิใช่เป็นช่องทางสำหรับการอบรมสั่งสอนจริยธรรมว่าอะไรควรอะไรไม่ควร หรือว่ากล่าวตำหนิติเตียนผู้หนึ่งผู้ใด หน้าที่ของผู้พิพากษาคือการตัดสินประเด็นข้อกฎหมาย (Legal issues) และการตัดสินของผู้พิพากษาต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย หาใช่อ้างอิงหลักศีลธรรมจรรยาไม่

    ตัวอย่างของคำพิพากษาที่ปรากฏ “ถ้อยคำ” หรือ “ข้อความ” ซึ่งมิใช่สาระสำคัญของคดี แต่เป็นอารมณ์ความรู้สึกทางศีลธรรมจรรยา หรือความเห็นส่วนตัว เช่น

    1) คดียุบพรรคไทยรักไทย
    ข้อความตอนหนึ่งปรากฏว่า “ผู้ถูกร้องที่ 1 มิได้ให้ความสำคัญหรือเห็นคุณค่าของสิทธิเลือกตั้งของประชาชาชน...นอกจากนี้ยังแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง…ผู้ถูกร้องที่ 1 มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้า ดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชน…”

    2) คดีแถลงการณ์ร่วมกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก
    ข้อความตอนหนึ่งของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีการทำแถลงการณ์ร่วม ศาลรัฐธรรมนูญกล่าวว่า “…เป็นเรื่องที่ผู้ทำหนังสือสัญญาจะต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ ก่อนที่จะดำเนินการทำหนังสือสัญญาดังกล่าว…” “...การดำเนินการและพิจารณาวินิจฉัยในเรื่องนี้จึงต้องกระทำอย่างรอบคอบ” เเละ “…ซึ่งเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบในเรื่องอาณาเขตของประเทศไทย อันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนและอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศต่อไปภายหน้าได้” ...พึงเล็งเห็นได้ว่า หากลงนามคำแถลงการณ์ร่วมไป ก็อาจก่อให้เกิดการแตกแยกกันทางด้านความคิดของคนในสังคมทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งอาจก่อให้เกิดวิกฤติแก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศกัมพูชา”

    3) คดีหลบเลี่ยงภาษีหุ้น
    ข้อความตอนหนึ่งศาลกล่าวว่า “…จำเลยที่ 2 เป็นภริยาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับผู้บริหารประเทศ จำเลยทั้งสามจึงนอกจากมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตนเยี่ยงพลเมืองดีทั่วไปแล้ว ยังควรดำรงตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีสมฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย…”
    2.นิติวิธี : การตีความกฎหมาย
    ก่อนอื่นต้องอธิบายความแตกต่างระหว่างคำว่า “การตีความ” (Interpretation) กับการแปลความ (Translation) ก่อนว่าไม่เหมือนกัน การตีความนั้นเป็นการหยั่งหาความหมายของถ้อยคำทางกฎหมาย หรือบทบัญญัติ ว่ามีเจตนารมณ์หรือมีความหมายแคบกว้างเพียงใด ในขณะที่การแปลความเป็นการแปลถ้อยคำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการค้นหาหรือหยั่งทราบเจตนารมณ์ของถ้อยคำหรือบทบัญญัตินั้นๆ แต่อย่างใด

    หลักการตีความถ้อยคำทางกฎหมาย (Legal terminology) นั้นต้องคำนึงถึงหลักความเป็น “เอกภาพของระบบกฎหมาย” ด้วย ในประเด็นนี้ อ.หยุด แสงอุทัย กล่าวว่า

    “กฎหมายต่างๆ ไม่สามารถบัญญัติข้อความที่ใช้ในกฎหมายนั้นได้ทั้งหมดทั้งสิ้น จำเป็นต้องอาศัยข้อความที่กฎหมายอื่นบัญญัติไว้บ้าง เป็นต้นว่า ถ้าเราจะเปิดดูพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดแห่งกฎหมาย เราจะเห็นว่าไม่มีบทบัญญัติว่าคำว่า “ภูมิลำเนา” มีความหมายว่าอย่างไร โดยอาศัยหลักที่ว่า กฎหมายฉบับหนึ่งย่อมจะต้องอาศัยข้อความที่กฎหมายฉบับอื่นๆ บัญญัติไว้บ้าง หรืออีกนัยหนึ่ง โดยอาศัยหลักที่ว่า กฎหมายต่างๆ อาจเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน เราจึงต้องถือว่าคำว่า “ภูมิลำเนา” มีความหมายเช่นเดียวกับที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้ ทั้งนี้ ถือว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมายได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในเรื่องนี้”3

    นอกจากนี้ ผู้พิพากษายังต้องพิเคราะห์ถ้อยคำอีกด้วยว่า ถ้อยคำดังกล่าวเป็น “ถ้อยคำธรรมดา” หรือเป็น “ถ้อยคำตามกฎหมาย” ซึ่งถ้อยคำบางคำอาจมีความหมายได้ทั้งความหมายธรรมดาและความหมายทางกฎหมาย เช่น คำว่า “หนี้” หนี้ตามความเข้าใจของชาวบ้านทั่วไปหมายถึง หนี้เงิน แต่หนี้ในความหมายของวิชานิติศาสตร์หมายถึง การกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด หรืองดเว้นกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดและส่งมอบทรัพย์

    จากคุณ : inthemiddleofthesea - [ 2 ต.ค. 51 19:52:45 A:202.44.4.62 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom