ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยครับ... จากคุณ : Golgon - [ 19 ต.ค. 51 11:07:52 A:125.25.131.184 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ... จากคุณ : หลุมดำคืนชีพ - [ 19 ต.ค. 51 11:08:33 A:58.9.198.213 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ว่ากันว่าการปกครองมีหลายรูปแบบ แต่ปกครองที่เลวน้อยที่สุดก็คือ การปกครองด้วยระบบประชาธิปไตย เหล่าบรรดานักวิชาการเลือกข้างก็ทราบดี แต่นักวิชาการบางคนบางกลุ่มรับไม่ได้ หากจะให้มีการปกครองด้วยระบบประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ เพราะนั้นหมายถึงตัดหนทางความร่ำรวยของกลุ่มก้อนของพวกตนเอง นักวิชาการเหล่านี้จึงใคร่ได้ใคร่มีรัฐบาลที่อ่อนแอ แอบอ้างการปกครองด้วยระบบประชาธิปไตยตบตาชาวโลกมาโดยตลอด ตัวอย่าง สมัยทักษิณฯ ไม่ง้อนักวิชาการพวกนี้ รัฐบาลจัดสรร สวัสดิการให้ประชาชนเองหมด ปิดหนทางหากินกับความด้อยโอกาสของคนชนบท จะเห็นว่าทุกโครงการที่ส่งผลกระทบกับกลุ่มชนชั้นบน ซึ่งเป็นกลุ่มชนส่วนน้อยของประเทศ เราจะเห็นกลุ่มคนพวกนี้ออกมาต่อต้านระบบทักษิณฯ 30 บาทรักษาทุกโรค กระทบกับกลุ่มใด otop กระทบกับกลุ่มใด กองทุนหมู่บ้าน กระทบกับกลุ่มใด แม้แต่ราคายางพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กระทบกับกลุ่มใด ฯลฯ นี่คือหนังอย่างแค่สั้น ๆ 5 - 6 ปีที่ทักษิณฯ โชว์ให้ดูว่า ถ้าปกครองด้วยระบบประชาธิปไตย โดยอาศัยอำนาจการปกครองด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว การเปลี่ยแปลงที่เกิดขึ้น มีใครได้ มีใครเสีย ทำไมต้องมีกลุ่มคนทุมทุนสร้างภาพล้มล้างระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ด้วยการใส่ร้ายเป็นระบอบทักษิณฯ ในวันนี้ นี่คือเหตุผลว่าทำไม ผมจึงต้องการให้มีการปฏิวัติ รัฐประหาร อย่างจริงๆ เสียที สำหรับประเทศไทย จากคุณ : ตต - [ 19 ต.ค. 51 11:10:55 A:61.19.210.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าจะว่ากันให้ถูกนะครับ ประเทศไทยมีการปฎิวัติเพียงแค่ ครั้งเดียว คือ ครั้งที่สมัยรัชกาลที่ึ7 มีการปฎิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากระบบ สมบูรญาณาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขครับ   ส่วนเหตุการณ์ที่ผ่่านมานั้น เรียกว่า รัฐประหาร ครับ เป็นการล้มอำนาจรัฐ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง สรุป ปฎิวัติ = ใช้กับการยึดอำนาจเพื่อเปลี่ยนระบบการปกครอง รัฐประหาก = ใช้กับการยึดอำนาจรัฐเพื่อจัดระเบียบใหม่ โดยยังใช้ระบบการปกครองเดิมครับ ผมเชื่อว่าพี่น้องชาวไทย และผม ก็คงหวังให้มีการปฎิวัติเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ อย่าให้มีครั้งที่ 2 เลย เพราะมันหมายถึง ........... ซึ่ง .... ยอมไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 51 11:20:44 จากคุณ : kiazoo - [ 19 ต.ค. 51 11:19:58 A:125.25.72.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 คห.4 ผมเข้าใจที่ท่านสื่อมา แต่ทว่าเมื่อโลกมันก้าวไปข้างหน้าไม่หยุด แต่เราเองกลับหยุดนิ่งกับที ผมว่าผลพวงที่จะตามมามันจะยิ่งทำให้เสื่อมหนักไปอีก ผมว่าคนไทยเก่งกว่าคนบางประเทศ คนรอบข้างก็ต้องรู้ว่า อังกฤษ ญีปุ่น อยู่ได้ต้องวางตนเองในสถานอย่างไร ผมเสียใจแทนทักษิณฯ ที่จะเอาไปวางไว้บนหัว ไม่ต้องเปลื่องตัวมาก แต่รอบข้างสือไปอีกแบบ สุดท้ายเสียหายหนักไปกว่าเดิม จากคุณ : ตต - [ 19 ต.ค. 51 11:26:53 A:61.19.210.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 การปฏิวัติ  (revolution) หมายถึง การใช้ความรุนแรงทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างเบ็ดเสร็จ โดยมีวัตถุประสงค์อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครอง อุดมการณ์ทางการเมือง วัฒนธรรม วิถีชีวิต ระบบเศรษฐกิจ ความเชื่อทางศาสนา และระบบสังคมโดยรวม การปฏิวัติเป็นความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยครั้งนัก เพราะจะต้องโค่นล้มลงทั้งระบบ  ซึ่งหากสภาพสังคมไม่สุกงอมเต็มที่ หรือสภาพสังคมยังไม่พร้อมแล้วการปฏิวัติจะเป็นไปได้ยากมาก ตัวอย่างของการปฏิวัติที่ผ่านมาก็คือการปฏิวัติฝรั่งเศส การปฏิวัติรัสเซีย  การปฏิวัติจีน และการปฏิวัติเมื่อ ๒๔ มิถุนายน  ๒๔๗๕ ของไทยเราที่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่พระมหา กษัตริย์มีพระราชอำนาจเต็มในการปกครองประเทศมาเป็นการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็นต้น            การรัฐประหาร (coup d’état) หมายถึง การใช้ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันด่วน โดยมีวัตถุประสงค์อยู่ที่การเปลี่ยนตัวหัวหน้ารัฐบาล หรือผู้ปกครองประเทศ แล้วจัดตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ที่อยู่ภายใต้ผู้ก่อการรัฐประหารขึ้นมา โดยที่รูปแบบการปกครองไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด มีแต่ตัวผู้นำและคณะผู้นำเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐประหารจึงเป็นความ รุนแรงทางการเมืองที่มักเกิดขึ้นโดยกลุ่มทหาร เพราะทหารถูกฝึกมาอย่างมีระเบียบวินัย มีกำลังพลอาวุธในมือ จึงมีศักยภาพในการทำรัฐประหารในสถานการณ์ที่ปัจจัยภายนอกคือประเทศชาติประสบ ปัญหาความวุ่นวาย ประกอบรวมเข้ากับปัจจัยภายในกองทัพคือ การที่ทหารต้องสูญเสียผลประโยชน์หรือถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองมากเกินไป และเมื่อปัจจัยทั้งสองอย่างประสานกันได้อย่างเหมาะสมแล้ว จึงเป็นที่มาของข้ออ้างในความชอบธรรมของการทำรัฐประหาร           ประเทศที่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นบ่อยครั้งนั้น มักเป็นประเทศที่ประชาชนไม่ค่อยชอบเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง การหยุดชะงักทางการเมืองด้วยกระบวนการรัฐประหารจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหาก ประชาชนเข้ามามีกิจกรรมทางการเมืองสม่ำเสมอโดยมิใช่เพียงแต่หย่อนบัตรในวัน เลือกตั้งเท่านั้น(one day democracy) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คืออินเดียที่แม้ว่าจะยากจนและมีอัตราการรู้หนังสือ ต่ำกว่าเรา แต่ก็ไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นเพราะประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองสูง           การทำรัฐประหารที่ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากจะต้องเตรียมการอย่างปิดลับอย่างยิ่งยวดและใช้เวลารวดเร็วฉับพลันแล้ว ภายหลังจากการรัฐประหารจะต้องสร้างอุดมการณ์ของชาติขึ้นมาเสมอ ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการลุกฮือขึ้นต่อต้านจากประชาชนนั่นเอง ตัวอย่างของการรัฐประหารของไทยมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้ายึดอำนาจโดยใช้ชื่อว่าคณะปฏิวัติฯ คณะปฏิรูปฯ คณะ รสช. ฯลฯ และล่าสุดก็คือคณะปฏิรูปฯ เมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ที่ผ่านมา ล้วนแล้วแต่เป็นการรัฐประหารด้วยกันทั้งสิ้น          การกบฏหรือขบถ (rebellion) นั้น หมายถึงการที่กลุ่มคนพยายามทำการปฏิวัติหรือรัฐประหารแต่กระทำไปไม่สำเร็จ จึงได้ชื่อว่าเป็นกบฏนั่นเอง ตัวอย่างของไทยเราก็เช่น กบฏบวรเดช กบฏนายสิบ กบฏเสนาธิการหรือกบฏนายพล กบฏวังหลวง กบฏแมนฮัตตัน กบฏ ๒๖ มีนาคม(พล.อ.ฉลาด) กบฏเมษาฮาวายหรือกบฏยังเติร์ก กบฏสองพี่น้อง ฯลฯ           การเมืองไทยตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ ถึงปัจจุบัน ถูกมองว่าเป็นวงจรอุบาทว์ เพราะเป็นการวนเวียนระหว่างการทำรัฐประหารนำไปสู่การฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเดิม แล้วจึงนำไปสู่การเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แล้วต่อมาก็จัดให้มีการเลือกตั้ง และย้อนกลับไปยังการทำรัฐประหารอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ครั้งล่าสุดที่ว่างเว้นจากครั้งที่แล้วมาถึง ๑๕ ปี โดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้อีก           อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ที่ผ่านมาเราคงไม่สามารถย้อนเวลากลับไปห้ามมิให้เกิดขึ้นได้ แต่ภายใต้วิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งดีและไม่ดี ซึ่งก็ในส่วนที่ไม่ดีนั้นแน่นอนว่ามีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อ เศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของต่างประเทศหรือผลกระทบการพัฒนาระบบประชาธิปไตยที่ต้องสะดุด หยุดลง ฯลฯ           ระบอบประชาธิปไตยที่เป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ กำลังอยู่ในขั้นตอนพัฒนา สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดรวมทั้งการรัฐประหารก็คือปฏิกิริยาจากขั้วอำนาจเก่า ที่ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก การปะทะกันของความคิดเห็นสองฝ่ายที่ถือในค่านิยมที่แตกต่างกันเป็นเรื่อง ธรรมดาที่เกิดขึ้นไปพร้อมกับพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยและเป็นเรื่องที่จำ เป็น เพราะสังคมไทยจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างให้ได้ ที่ผ่านมาสังคมไทยเมื่อมีความขัดแย้งกันคราใด มักจะต้องพึ่งพาคนกลางอยู่เสมอ คำถามก็คือว่าแล้วเราจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานสักเท่าไหร่ เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างกันให้ได้ โดยวิธีการที่เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย จากคุณ : Jenova7th - [ 19 ต.ค. 51 11:57:11 A:124.120.244.212 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ่อนอื่น ผมต้องขอออกตัวก่อน ว่าผมไม่ได้เข้าข้างไหนนะครับ  เดี๋ยวจะหาว่าที่ผมพูดไปนั้น ไปโจมตีใคร หรือเข้าข้างใคร แต่ผมจะขอพูดตามที่ผมคิด  ซึ่ง ก็ไม่ค่อยได้พูดเท่าไหร่นัก เพราะว่า ตอนนี้สีมันออกแยกชัดเหลือเกิน  คนที่เป้นสีขาวก็ลำบาก เพราะเซมากไม่ได้ เดี๋ยวจะไปเลอะสีที่อยู่ข้างๆ อิอิอิอิ ต่มที่ท่านเจ้าของกระทู้พูดมาก็เข้าใจครับ ตอนนี้บ้านเราก็ยังคงถูกครอบงำด้วยอำนาจอำนาจหนุ่งที่หลายๆคนก็รู้ หรือแกล้งไม่รู้  ซึ่งอาศับบารมีของพ่อหลวงอันเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทย ซึ่งทำให้เราขยับได้ลำบาก ไม่ได้เห็นประชาธิปไตยเสียที  ทุกอย่างตอนนี้ หมุนไปตามกลไกโลก กระแสเศรษฐกิจ ซึ่งหากเราตามาไม่ทัน เราก็จะเป็นอย่างเช่นที่เขมร หรือพม่ากำลังประสบอยู่ ซึ่งเราก็ก้าวใกล้เข้าไปในจุดนั้นเต็มที ทุกวันนี้ กลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ ก็พยายามออกมาเคลื่อนไหว ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ เพื่อให้ตนได้เป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ที่กำลังจะถูกเขียนขึ้นใหม่ โดยไม่ได้คำนึงถึง ผลกระทบหรือความเสียหายในประเทศที่กำลังพอกพูนเพิ่มมากขึ้น   บางครั้ง ตอนนี้ผมแทบจะไม่คิดแล้วว่าฝ่ายไหนจะชนะ หรือได้อะไรแล้ว เพราะว่าตอนนี้ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ ต่างก็ยืนอยู่บนซากปรักหักพังของประเทศด้วยกันเท่านั้น เฮ้อ นานๆทีจะได้ะบายอารมณ์ซักที ขอกระทู้ท่าน   ดด  เป็นที่ระบายอารมณ์หน่อยคงไม่ว่ากันนะครับ   แต่อย่างไรก็ตาม ประชาธิปไตยที่หลายๆคนถวิลหา  คือประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ  สภาที่ทุกคนจะช่วยกันทำงานในทุกเรื่อง ทุกนโยบายเพื่อผลักดันประเทศ  ฝ่ายค้านคอยตรวจสอบการทุจริจที่อาจเกิดขึ้น และสนับสนุนใน่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ค้านตลอด  รัฐบาลก็ปฎิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ แต่ที่ว่ามาก็เป็นียงอุตมคิ เมื่อไหร่จะได้เห็นน๊า ปล. ใครอยากด่า จะว่าก็เชิญ จะเข้ามาอ่านแต่ไม่ขอตอบโต้ ที่เขียนมา รู้แล้วล่ะว่าต้องโดน  ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ จากคุณ : kiazoo - [ 19 ต.ค. 51 12:10:05 A:125.25.72.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยว่าแค่ขู่กรรโชกเอาสิทธิเลือกตั้งของประชาชนซึ่งเป็นที่มาของอำนาจ อธิปไตยแล้วยึดเอาไปใช้เสียเองแทนที่จะให้ประชาชนเลือกตั้ง จากคุณ : NiyomC - [ 19 ต.ค. 51 12:15:22 A:61.19.66.79 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 คห 6 เด็ดขาด อิอิอิอิ จากคุณ : kiazoo - [ 19 ต.ค. 51 12:15:33 A:125.25.72.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ประเทศที่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นบ่อยครั้งนั้น มักเป็นประเทศที่ประชาชนไม่ค่อยชอบเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง การหยุดชะงักทางการเมืองด้วยกระบวนการรัฐประหารจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหาก ประชาชนเข้ามามีกิจกรรมทางการเมืองสม่ำเสมอโดยมิใช่เพียงแต่หย่อนบัตรในวัน เลือกตั้งเท่านั้น(one day democracy) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คืออินเดียที่แม้ว่าจะยากจนและมีอัตราการรู้หนังสือ ต่ำกว่าเรา แต่ก็ไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นเพราะประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองสูง ............................................................................................... ไม่เห็นด้วยที่จะโทษประชาชนฝ่ายเดียว ถามกลับ ประชาธิปไตยของไทย ให้โอกาสการเรียนรู้ภาคประชาชนส่วนใหญ่มากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ ก็ผู้มีอำนาจส่วนกลางรวมหัวกันแสวงหาประโยชน์ ประโยชน์ไม่ลงตัวก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่โดยอ้างประชาชนส่วนใหญ่ เป็นรับบาล 1 - 2 ปี หมุนเวียนเปลี่ยนกันเสวยอำนาจ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีรับอานิสงค์จากผลงานของรัฐบาล ประเทศไทยเป็นหนึ่งเอกสังคม ไม่ใช่พหุสังคมเหมือนอินเดีย ความแตกแยกทางสังคมไม่รุนแรง แต่ผู้มีอำนาจแอบอ้างความแตกแยกของคนไทยทำการเปลี่ยนแปลงตลอด ไม่เปิดโอกาสให้มีการปกครองด้วยระบบประชาธิปไตยให้ต่อเนื่อง รัฐธรรมนูญปี 40 ป้องกันไม่ให้มีรัฐบาลอ่อนแอ ก็ล้มล้าง มาใหม่ 50 ก็พยายามทำให้การเมืองอ่อนแอไปเหมือนเก่า แล้วการเมืองและภาคประชาชนมันจะเข้มแข็งพัฒนาต่อเนื่องได้อย่างไร อย่าปฏิเสธว่า กลุ่มคนที่ทำลายบ้านเมืองอยู่เวลานี้กล้วการเมืองภาคประชาชนที่แท้จริงเข็มแข็งจึงพยายามสกัดกั้น ใช่หรือไม่ จากคุณ : ตต - [ 19 ต.ค. 51 12:17:48 A:61.19.210.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ที่ผ่านมาเราคงไม่สามารถย้อนเวลากลับไปห้ามมิให้เกิดขึ้นได้ แต่ภายใต้วิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งดีและไม่ดี ซึ่งก็ในส่วนที่ไม่ดีนั้นแน่นอนว่ามีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อ เศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของต่างประเทศหรือผลกระทบการพัฒนาระบบประชาธิปไตยที่ต้องสะดุด หยุดลง ฯลฯ ................................................................................................. ประเทศไทยไม่มีอะไรแน่นอน วันที่ 19 ก.ย. 49 เกิดขึ้นได้ย้อนกลับไม่ได้ ต่อไปก็ต้องมีขึ้นมาอีกได้ ตราบใดโครงของประเทศไทยโดยปกคลุมด้วยกลุ่มคนพวกนี้ มันจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงด้วยความเป็นประชาธิปไตยอย่าง นา นา อารยประเทศ ไม่ต้องบอกว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะประเทศไทย ถ้าเช่นนั้นก็ออกกฏหมายเฉพาะออกมาว่า จะปกครองแบบใหน อย่างไร ให้พรรคใดเป็นรัฐบาลโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีวันจบสิ้น นอกจากจะพากันสิ้นชาติไปข้างหนึ่ง จากคุณ : ตต - [ 19 ต.ค. 51 12:21:43 A:61.19.210.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ระบอบประชาธิปไตยที่เป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ กำลังอยู่ในขั้นตอนพัฒนา สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดรวมทั้งการรัฐประหารก็คือปฏิกิริยาจากขั้วอำนาจเก่า ที่ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก การปะทะกันของความคิดเห็นสองฝ่ายที่ถือในค่านิยมที่แตกต่างกันเป็นเรื่อง ธรรมดาที่เกิดขึ้นไปพร้อมกับพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยและเป็นเรื่องที่จำ เป็น เพราะสังคมไทยจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างให้ได้ ที่ผ่านมาสังคมไทยเมื่อมีความขัดแย้งกันคราใด มักจะต้องพึ่งพาคนกลางอยู่เสมอ คำถามก็คือว่าแล้วเราจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานสักเท่าไหร่ เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างกันให้ได้ โดยวิธีการที่เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย .............................................................................................. เมื่อรู้ว่าปรับตัวเข้ากับสภาพการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ ก็สมควรต้องอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม ไม่ควรออกมาสร้างความแตกแยกให้สังคม ต้องบอกว่าสังคมไทยส่วนใหญ่ อ่านว่า ส่วนใหญ่ ยอมรับได้ แต่สังคมส่วนเล็ก ๆ ที่กัดเซาะประเทศไทยมานาน และแอบแฝงอยู่ในทุกอณูของสังคมไทย เป็นตัวการทำลายชาติ อย่าลืมว่า พลังเงียบที่เงียบเพราะพวกเขาห่วงใยประเทศไทยไม่ต้องการซ้ำเติม แต่หากวันใด พวกเขาทนไม่ได้ จะกลายเป็นคลื่นยักที่จะถาโถมส่วนน้อยได้ทุกเมื่อ อย่าประมาท โลกยุดนี้ที่การสื่อสารไร้พรมแดน จากคุณ : ตต - [ 19 ต.ค. 51 12:26:31 A:61.19.210.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 คห.7 ระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง เมือประชาชไว้วางใจพรรคใดแล้ว ถือว่ามีความชอบธรรม ส่วนการบริหารจะพิดพลาดประการใด ก็มีช่องทางมากมายที่จะตรวจสอบ ที่ผ่านมาก็มีผิดมีพลาด แล้วทำไมต้องเล่นกันถึงขนาดเอาประเทศชาติเป็นเดิมพัน ที่ผ่านมาไม่มีการตรวจสอบในช่องทางที่ควรจะเป็น แต่เล่นกันข้างถนน คนที่ถือหางก็บ้าไสยศาสตร์ หมอดู เชื่องมงาย ไม่สนใจ ความรู้สึก นึกคิดความเดือนร้อนของประชาชนและประเทศชาติ อย่างนี้ มันจะเหลือความเป็นชาติได้อย่างไร จากคุณ : ตต - [ 19 ต.ค. 51 12:34:26 A:61.19.210.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 และอีกสิ่งหนึ่งที่ตอกย้ำ คนไทยส่วนใหญ่โง่ ไม่รู้เท่าทันเลห์นักการเมือง ฟังไว้นะครับ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ก็ทำให้แตกแยก ในขณะเดียวกันปากก็อ้างประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ประชาชนจะไม่เรียนรู้ภาคการเมือง ไม่ใช่ประชาชนจะไม่รู้ทันนักการเมือง ไม่ใช่ประชาชนจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ประชาชนส่วนใหญ่เขาก็รักและหวงแหนประเทศชาติบ้านเมือง ตรงกันข้ามพวกเขาอาจจะรักประเทศมากกว่าพวกที่กระทำการอยู่ที่ทำเนียบก็ได้ จากคุณ : ตต - [ 19 ต.ค. 51 12:40:39 A:61.19.210.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ใช่แล้วครับท่าน ดด จัดปาย แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 51 12:43:41 จากคุณ : kiazoo - [ 19 ต.ค. 51 12:42:46 A:125.25.72.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทำไมไม่ตั้งข้อสังเกต ทำไมทักษิณฯ จึงไม่เหมือนกับอดีตนายกฯ ที่โดนพวกนี้ปฏิวัติ ทำไมกองทัพใช้สรรพกำลังทุกอย่าง สกัดกั้นคนรักทักษิณฯไม่ได้ ทำไมใช้ทุกสถาบันแล้วยังหยุดระบอบทักษิณฯไม่ได้ ทำไมไม่ฉุกคิดกับสิ่งที่ทักษิณฯ ทำไว้ ไม่ต้องดูอะไรที่ซับซ้อนดูแค่ว่า เขามีเงินก่อนเล่นการเมืองมา 50,000 ล้านบาท เขาเล่นการเมืองเพิ่มขึ้น 20,000 ล้านบาท เวลาจะยึดกลับยึดของเขาทั้งหมด 70,000 บาท อย่าว่าแต่คนไทยที่ได้รับอานิสงค์ของระบบทักษิณฯ เขาจะคิดเลยครับ นา นา อารยะ เขาก็รับตรงนี้ไม่ได้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ ต้นทุนทางสังคมไม่มี เขาไม่อายหรอกครับ ส่วนใครที่มีต้นทุนทางสังคมสูงทะลุโลก ไม่อายก็ไม่รู้จะอะไรต่อ จากคุณ : ตต - [ 19 ต.ค. 51 12:47:01 A:61.19.210.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ทุกหัวข้อที่ เจ้าของความเห็นแสดงก็พอจะมองระบอบการปกครองของบ้านเราได้ชัดเจน อดีต นายก หม่อม คึกฤทธิ์ เคยแสดงความเห็นว่า ปชต.แบบไทยๆไว้นั่นก็คือหนึ่งในสองข้อที่ท่านเจ้าของความเห็นแสดงไว้ ซึ่งผมก็เห็นด้วยครับแต่ขอเสริมนิด นักการเมืองครับ นักการเมืองของเรามีสองขั้วชัดเจน    และก็มอง การปกครองของระบอบ ปชต.ต่างมุมกันพอสมควร แม้แต่ สว.ก็มองไม่เหมือนกัน จากคุณ : 22air (22air) - [ 19 ต.ค. 51 13:27:12 A:124.157.181.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 คห.17 ความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยและทั่วโลก แต่ต้องเคารพความคิดเห็นส่วนใหญ่ของคนประเทศนั้น ๆ นักวิชการบางคนบอกว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง ตรรกะมันแปลก ๆ นั้นยอมหมายถึงว่า ถ้าเลือกตั้งมาแล้วเสียงส่วนใหญ่ไม่ใช่พรรคตนก็ไม่ยอมรับ ถ้าเคารพสิทธิของคนส่วนใหญ่ ประเทศไทยจะเป็นอย่างนี้หรือ กล่าวอ้างว่า เสียงส่วนใหญ่ ทักษิณฯ ซื้อมา แม้แต่คนที่เป็นศาลมาก็ออกมาสำทับว่า ทักษิณฯ ซื้อมาหัวละ 1000 บาท พวกนี้มันกล้วทักษิณฯ จะแย่งความรักจากประชาชน มันก็โทษประชาชนโดนซื้อ โยนความผิด สมคบกันมานานปี กำจัดทักษิณฯ มีเหตุผลเดียว ดี เด่น ดัง เกินหน้า เกินตา รับไม่ได้ แต่กลับปล่อยให้ประเทศชาติถอนหลัง ปล่อยประชาชนกลับไปสู่วังวนเดิม เศร้าใจแทนประเทศนี้จริง ๆ จากคุณ : ตต - [ 19 ต.ค. 51 13:43:58 A:61.19.210.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 มีครั้งเีดียวคือ เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 นอกนั้นเป็นรัฐประหารครับ จากคุณ : hottoilet - [ 19 ต.ค. 51 20:28:05 A:125.24.68.233 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 โอเค แล้วคืนนี้จะมีปฏิวัติมั้ย จากคุณ : ultratum - [ 20 ต.ค. 51 11:39:12 A:61.7.190.58 X: ]