ความคิดเห็นที่ 1 ขอแสดงความเห็นใจ และ ขอให้กำลังใจ จขกท ที่ต้องทนผจญกับความลำบากที่ กลุ่มคนที่ต้องการทำรัฐประหาร สร้างขึ้น งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา .... วันที่เลิกรา อาจมาช้า หรือ มาเร็ว ไม่มีใครรู้ เห็นใจค่ะ ที่จะต้องทนต่อไป ดิฉันเชื่อว่า โลกนี้ มีความยุติธรรมเสมอ คนที่ทำความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ย่อมต้องได้รับกรรมสนอง จากคุณ : ใบโหระพา - [ 4 พ.ย. 51 00:26:54 A:58.8.105.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 แฟนผมทำงานที่คุรุึสภา เดือดร้อนเหมือนกันครับ จากคุณ : เด็กโคราชเด้อ - [ 4 พ.ย. 51 00:28:34 A:58.9.6.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นใจครับ.. ปล. ถ้าพันธมิตร ไปยึดสนามมังคลาฯ แล้วอยู่ไปเป็นปี จะดีกว่าไม๊ จุคนได้เยอะดีนะ.. ห้องน้ำ ห้องท่า ก็เยอะ สะดวก..  หน้ารามก็ของกินเยอะ.. ไม่รบกวนใครด้วย น่าจะได้คนเข้าสีเหลืองอีกนะ.. วอนแกนนำลองทบทวนดู   จากคุณ : จ๊ะจ๋าจ๋าจ๊ะ - [ 4 พ.ย. 51 00:32:59 A:161.200.255.162 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ด้วยความเข้าใจและเคารพในความเห็น เห็นใจน้องๆ ที่เดือนร้อนด้วย แต่อยากจะให้มองไปที่ต้นตอของปัญหาด้วยนะคะ รัฐบาลหุ่นเชิด, นักการเมืองโกงกิน และ ทักษิณคนที่ด่าท่อประเทศไทยไปทั่ว การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อพวกพ้อง การเอาตัวคนผิดโกงชาติมาลงโทษ ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้..เมื่อไหร่จะจบลงด้วยความถูกต้องหล่ะคะ ทนายเค๊าเองยังหิ้วเงินจิ๊บๆ แค่ 2 ลบ. ไปเป็นค่าขนมให้เจ้าหน้าที่... แค่นี้บอกอะไรไม่ได้เลยหรือคะ ว่านายคนนี้เป็นคนยังไง จากคุณ : neatsky - [ 4 พ.ย. 51 00:39:21 A:58.9.186.210 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 เพื่อ คุณ neatsky (3) ในยามที่มีการเลือกตั้ง ประชาชนชั้นล่างก็จะเลือกนักการเมืองเหล่านี้เข้าไปในสภาและรัฐบาลซึ่งมักจะมีปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ประชาชนชั้นล่างก็จะถูกกล่าวหาจากปัญญาชนในเมืองทุกครั้งว่า “เห็นแก่เงิน ขายสิทธิ์ขายเสียงให้นักการเมืองเข้ามาทุจริตทำลายชาติ” ทั้งที่สาเหตุรากฐานที่แท้จริงคือการผูกขาดอำนาจรัฐโดยกลุ่มจารีตนิยม-ราชการที่รวมศูนย์โภคทรัพย์ความร่ำรวยและความสะดวกสบายทุกชนิดเอาไว้ที่พวกตนกลุ่มเล็ก ๆ ในเมืองหลวง โดยมีชนชั้นกลางในเมืองได้รับเศษผลประโยชน์ ไม่แบ่งปันทรัพยากรความมั่งคั่งไปสู่ประชาชนชั้นล่าง ไม่พัฒนาบริการของรัฐให้ทั่วถึงเป็นธรรม ทั้งระบบราชการที่ทุจริต ข้าราชการสมคบกับกลุ่มทุนเก่าและกลุ่มทุนภูธร ทั้งหมดนี้กดทับอยู่บนความทุกข์ยากของประชาชนชั้นล่างทั่วประเทศตลอดมา ชนชั้นล่างเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2540 ทำให้มีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่เข้มแข็ง ชนะเลือกตั้งเข้ามาสู่รัฐสภาและจัดตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็ง สามารถดำเนินนโยบายที่มีทิศทางเป็นเอกภาพได้ พวกเขาเลือกพรรคไทยรักไทยเข้าสู่สภาและเป็นแกนกลางของรัฐบาลในต้นปี 2544 เพราะว่านักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมากที่พวกเขาผูกพันอยู่ได้ย้ายเข้าพรรคไทยรักไทย อีกทั้งพวกเขาต้องการทดสอบพรรคไทยรักไทยซึ่งหาเสียงเลือกตั้งด้วยนโยบายประชานิยมว่า จะนำประโยชน์ดังกล่าวมาให้พวกเขาได้จริงหรือไม่ ชนชั้นล่างในเมืองและชนบทจึงเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากระบอบประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญ 2540 และจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ที่สำคัญที่สุดคือ โครงการสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค) ทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากการพึ่งพาคลินิกแพทย์และระบบคนไข้อนาถาของโรงพยาบาลรัฐ ได้เข้าถึงทรัพยากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพเป็นครั้งแรก ได้รับการรักษาเอาใจใส่เยี่ยงเพื่อนมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรี พวกเขายังเริ่มมีช่องทางเข้าถึงปัจจัยทุนและเงินกู้ในระบบผ่านการพักหนี้เกษตรกร ธนาคารประชาชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง การแปลงทรัพย์สินเป็นทุน แท็กซี่เอื้ออาทร บ้านเอื้ออาทร ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โอนหนี้นอกระบบเป็นหนี้ในระบบ เป็นต้น ทำให้พวกเขาเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำไปปลดหนี้นอกระบบหรือเป็นทุนประกอบอาชีพ ขยายโอกาสสร้างรายได้ เพียงแค่ให้การรักษาพยาบาลและเงินกู้ในระบบสองประการนี้ก็ทำให้คนชั้นล่างสามารถลดเลิกการพึ่งพาหนี้นอกระบบได้ มีเงินเหลือไปประกอบอาชีพหรือใช้จ่ายจำเป็นในด้านอื่น ชนชั้นล่างยังได้รับประโยชน์จากนโยบายประชานิยมด้านสังคม เช่น โครงการเอสเอ็มแอลให้สิ่งปลูกสร้างถาวรในหมู่บ้าน การลดอิทธิพลในพื้นที่ ปราบปรามยาเสพติด ให้มีหวยบนดินผนวกกับโครงการหนึ่งทุนหนึ่งอำเภอให้โอกาสลูกชาวบ้านชนบทได้ไปเรียนถึงต่างประเทศ เป็นต้น (มีต่อ) จากคุณ : ใบโหระพา - [ 4 พ.ย. 51 00:51:01 A:58.8.105.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพื่อ คุณ neatsky (4) แต่โครงการประชานิยมกลับเป็นที่เกลียดชังโดยชนชั้นปกครองและชนชั้นกลางในเมือง โดยเฉพาะพวกนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ราษฎรอาวุโส และองค์กรพัฒนาเอกชน พวกเขาด่าทอโครงการประชานิยมว่า “กระตุ้นลัทธิทุนนิยม-บริโภคนิยม” ในหมู่ประชาชน “มอมเมาซื้อเสียงจากชาวบ้าน” “ก่อหนี้ให้ชาวบ้านตกเป็นทาสที่พึ่งพารัฐบาลตลอดไป” คนพวกนี้ดูถูกดูแคลนคนชั้นล่างด้วยการวาดภาพว่า ชาวบ้านกู้เงินไปใช้จ่ายบริโภคฟุ่มเฟือย กินใช้ตะกรุมตะกรามจนหมดตัว ส่วนคนที่เอาเงินไปลงทุนประกอบอาชีพ ก็โง่เง่าไร้ความสามารถจนขาดทุนสิ้นเนื้อประดาตัว สุดท้ายมีแต่หนี้สินท่วมหัว ในสายตาของผู้ปกครองและปัญญาชนชั้นกลางในเมืองกลุ่มนี้ ประชาชนชั้นล่างถึงอย่างไรก็เป็นพวกโง่ อ่อนแอและไร้ความสามารถอยู่วันยังค่ำ สิ่งที่คนชั้นล่างควรทำไม่ใช่การดิ้นรนต่อสู้ด้วยตนเอง แต่เป็นชะเง้อ “รอคอยหยาดฝนชุ่มฉ่ำอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัย” เท่านั้นพอ ปัญญาชนพวกนี้ไม่มีวันยอมรับว่า ประชาชนชั้นล่างก็มีสติปัญญาความสามารถ คิดวางแผนชั่งน้ำหนักที่เป็นเหตุเป็นผลได้ไม่น้อยกว่าคนที่มีการศึกษาในเมือง เพียงแต่สิ่งที่พวกเขาขาดคือ โอกาสเข้าถึงทรัพยากรและทุน ปัญญาชนพวกนี้อ้างด้านเดียวว่า นโยบายประชานิยมทำให้หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นมากมาย แต่พวกเขาจงใจละเลยด้านคู่กันที่เป็นสาระสำคัญคือ การเพิ่มขึ้นของด้านทรัพย์สิน ซึ่งผู้กู้ใช้ประกอบอาชีพสร้างรายได้ เกิดเป็นกระแสเงินสด สะท้อนถึงความสามารถในการหารายได้และแบกรับภาระหนี้ของชาวบ้าน ข้อนี้เห็นได้จากข้อมูลซึ่งแสดงว่า ทั้งธนาคารประชาชนและกองทุนหมู่บ้านส่วนใหญ่มีหนี้เสียน้อยมาก เพียงร้อยละ 2-3 ของยอดเงินกู้รวมเท่านั้น ซึ่งยังต่ำกว่าสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในเมืองเสียอีก ปัญญาชนเหล่านี้แกล้งทำเป็นลืมไปว่า แม้แต่ในหมู่พวกเขาเองก็ต้องมีหนี้สินเพื่อจุนเจือบ้าน รถยนต์ การศึกษาของบุตร สิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิต และการประกอบธุรกิจของพวกเขาเอง นโยบายประชานิยมทำให้ประชาชนชั้นล่างในเมืองและชนบทเข้าใจว่า ประโยชน์ที่ได้รับทั้งหมดนี้มากับระบอบประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญ 2540 นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารับรู้ว่า “ประชาธิปไตยนั้นกินได้และเห็นหัวคนจน” ประชาธิปไตยทำให้พวกเขามีโอกาสทำกิน มีเงินทุน มีอาชีพ ปลดหนี้ มีแพทย์พยาบาลและยารักษาโรค ลดหรือปลอดยาเสพติดและอิทธิพลเถื่อน พวกเขาจึงเกิดการตื่นตัวทางประชาธิปไตยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กลายเป็นฐานพลังอันเข้มแข็งสนับสนุนผู้นำพรรคไทยรักไทย ปกป้องประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 (มีต่อ) จากคุณ : ใบโหระพา - [ 4 พ.ย. 51 00:51:55 A:58.8.105.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 เพื่อ คุณ neatsky (5) ความนิยมของประชาชนชั้นล่างจำนวนมากที่มีต่อผู้นำพรรคไทยรักไทยได้ถูกเยาะเย้ยว่า “งมงายยึดติดตัวบุคคล” โดยไม่เข้าใจว่า คำว่า “รักทักษิณ” ไม่ได้หมายถึง “รักตัวบุคคลทักษิณ ชินวัตร” แต่หมายถึง รักประชาธิปไตย รักรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ให้อำนาจพวกเขาตัดสินใจเลือกคนที่จะนำประโยชน์ต่าง ๆ ที่พวกเขาต้องการและความเจริญก้าวหน้าของประเทศมาให้ โดยไม่ต้อง “รอเทวดามาโปรด” อีกต่อไป พลังสนับสนุนผู้นำพรรคไทยรักไทยแสดงออกชัดในการเลือกตั้งต้นปี 2548 ด้วยคะแนนท่วมท้นถึง 19 ล้านเสียง ซึ่งได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับกลุ่มจารีตนิยม-ราชการ-ทุนเก่า-ปัญญาชนขวาจัด ซึ่งสูญเสียประโยชน์ อำนาจ และสถานภาพจากนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและประชานิยมมาตลอด ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ แม้จะมีขบวนการปลุกปั่นบิดเบือนข้อมูล รุมโจมตีจากปัญญาชนและสื่อทุกชนิดรอบด้านตลอดช่วงปี 2548-49 แต่ผู้นำพรรคไทยรักไทยก็ยังคงได้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากประชาชนชั้นล่างทั่วประเทศและชนะการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ได้ถึง 16 ล้านเสียง รวมถึงครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯ พวกอำนาจนิยมขวาจัดจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลไทยรักไทย รัฐประหาร 19 กันยายนมีลักษณะเช่นเดียวกับรัฐประหาร 16 กันยายน 2500 และ 6 ตุลาคม 2519 คือ เป็นการกระทำของกลุ่มจารีตนิยมโดยตรงเพื่อโค่นล้มพลังการเมืองที่เห็นว่า “เป็นภัย” ต่อตน (จอมพล ป.พิบูลสงครามและส่วนที่เหลือของคณะราษฎรเมื่อ 16 กันยายน 2500 นิสิตนักศึกษาฝ่ายซ้ายเมื่อ 6 ตุลาคม 2519 และผู้นำพรรคไทยรักไทยเมื่อ 19 กันยายน 2549) เป็นรัฐประหารเพื่อฟื้นหรือเสริมความเข้มแข็งให้กับอำนาจรัฐผูกขาดของกลุ่มจารีตนิยม มีการก่อตัวยาวนาน เดินแผนเป็นขั้นตอน ปล่อยข่าวลือ สร้างเรื่องเท็จ ขยายเรื่องเกินจริง ปลุกกระแสคลั่งชาติ ปั้นข้อหา “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ให้เป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบันกษัตริย์กับฝ่ายตรงข้าม สร้างกลุ่มมวลชนที่คลุ้มคลั่งเกลียดชังอย่างสุดขั้วออกมาเคลื่อนไหวสร้างวิกฤต เป็นเงื่อนไขรัฐประหารในที่สุด (มีต่อ) จากคุณ : ใบโหระพา - [ 4 พ.ย. 51 00:52:56 A:58.8.105.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 เพื่อ คุณ neatsky (6) แต่รัฐประหาร 19 กันยายน ก็มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างคือ เกิดขึ้นท่ามกลางการตื่นตัวทางประชาธิปไตยอย่างสูงและความยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ 2540 อย่างแรงกล้าในหมู่ประชาชนชั้นล่างและชั้นกลางจำนวนมาก ความขัดแย้งทางการเมืองตั้งแต่ต้นปี 2549 จนถึงรัฐประหารทุกขั้นตอนเกี่ยวพันถึงสถาบันจารีตประเพณีอย่างชัดแจ้ง รัฐประหารครั้งนี้จึงมีผลสะเทือนทางการเมืองที่แตกต่างจากในอดีตทุกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ประชาชนชั้นล่างรู้สึกต่อต้านรัฐประหารอย่างชัดเจนและเข้าใจว่า ได้ถูกปล้นชิงสิทธิ เสรีภาพ และอำนาจอธิปไตยไป พวกเขาโกรธเคืองเมื่อคณะรัฐประหารใช้กำลังอาวุธเข้าควบคุมพื้นที่และการสัญจรของประชาชน และยิ่งโกรธเคืองเมื่อรัฐบาลจากรัฐประหารตั้งหน้าบั่นทอนและทำลายนโยบายประชานิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขายิ่งตระหนักชัดว่า รัฐประหารครั้งนี้ก็เพื่อแย่งชิงเอาผลประโยชน์ที่พวกตนเพิ่งได้มาตลอด 5 ปีนี้คืนไป ชนชั้นปกครองอาจได้กระทำความผิดพลาดครั้งสำคัญที่สุดไปแล้วเมื่อวันที่ 19 กันยายน โดยประเมินพลังอำนาจทางจิตวิญญาณของพวกตนสูงเกินไป ประชาชนชั้นล่างและชั้นกลางจำนวนหนึ่งได้ “ตื่นจากฝันในเทพนิยาย” รู้แจ้งว่า แท้จริงแล้ว อะไรคือปัจจัยขัดขวางประชาธิปไตยและเป็นรากเหง้าของรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดหลายสิบปีมานี้ ผู้ปกครองกำลังบีบให้ประชาชนชั้นล่างและชั้นกลางต้องตัดสินใจเลือกที่เจ็บปวดและอันตรายที่สุดคือ การเลือกระหว่างระบอบอำนาจนิยมที่เป็นอำนาจรัฐผูกขาดของกลุ่มจารีตนิยม-ราชการและมีเปลือกนอกหุ้มห่อเป็น “ประชาธิปไตยแบบไทย” ในด้านหนึ่ง กับระบอบประชาธิปไตยมหาชนที่ปวงชนชาวไทยเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และเป็นผู้ใช้อำนาจนั้นด้วยตนเองในอีกด้านหนึ่ง เป็นการตัดสินใจเลือกระหว่างการยอมเป็น “ราษฎร” ที่อยู่ “ข้างใต้ผงฝุ่นใต้ฝ่าเท้า” ของผู้ปกครอง กับการลุกขึ้นยืนหยัด ประกาศตนเป็น “พลเมือง” ที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อันเท่าเทียม มีสิทธิ เสรีภาพ เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและใช้อำนาจนั้นด้วยตนเอง ประชาชนชั้นล่างในเมืองและชนบทกำลังครุกรุ่นไปด้วยความโกรธ พวกเขามีจำนวนนับสิบล้านคนทั่วประเทศ มีการจัดตั้งผ่านเครือข่ายธรรมชาติในชุมชนและองค์กรท้องถิ่นต่าง ๆ เป็นกองทัพหลวงแห่งประชาธิปไตยที่รอวันยาตราทัพ มีเป้าหมายชัดเจนคือ เรียกร้องประชาธิปไตย ทวงอำนาจอธิปไตย เอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับคืนมา ให้มีการเลือกตั้งโดยทันที วันนี้ ประชาชนชั้นล่างในเมืองและชนบทเปรียบเสมือนฟางแห้งกองสุมกระจายอยู่ทั่วประเทศ รอเพียงเกิดประกายไฟและลมพายุ โหมกระพือให้เป็นไฟป่าไหม้ลามทุ่งเท่านั้น! (จบแล้ว) จากคุณ : ใบโหระพา - [ 4 พ.ย. 51 00:54:48 A:58.8.105.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 คหที่ 4 ว่างๆ จะลอง หาคนไปปิดถนน บ้านท่านบ้างไหม จากคุณ : เด็กโคราชเด้อ - [ 4 พ.ย. 51 01:05:45 A:58.9.6.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 บทความของ อาจารย์ ลิขิต เขียนไว้ก่อน พธม ยึดทำเนียบ แต่ ก็มองกันออกว่า พธม คือ ตัวแทนกลุ่มชนชั้นข้าราชการระดับสูงและคนที่เคยมีความสุขบนความผูกขาดทางเศรษฐกิจไม่ต้องการกระจายโอกาสการค้าขายลงมาสู้ประชาชนทั่วไป ซึ่ง ถ้าเลือกตั้ง หนึ่งคนหนึ่งเสียง ภาคประชาชนต้องชนะแน่ จึงตะแบงขอระบบแต่งตั้ง ทั้งหมดนี้ ทำได้โดยการรัฐประหาร และเงื่อนไขรัฐประหารจะเกิดได้ ต้องมีการสังเวยชีวิตหมู่ เหตุการณ์ดมื่อ 7 ตค เกือบสำเร็จ โชคดี ที่พระสยามเทวาธิราช ช่วย ฝ่ายประชาชนไว้ ด้วยการ...ซึ่งทุกท่านคงรู้ ก้อบ ข่าวล่าสุด เรื่องกองทุนหมู่บ้าน ที่ตรวจสอบโดบ สตง (คู่อริกับทักษิณ..ย่อมเชื่อได้ว่า เธอ ตรวจแบบไม่ให้ลอดสายตาแน่ๆ ลองอ่านดู).....เพื่อจะได้รู้ว่า ชนบทเดินหน้าไปไกลแล้ว นี่คือ เหตุผล ที่ประเทศเรายืนได้โดยไม่เดือดร้อนเหมือนเมื่อก่อน เมื่อน้ำมันขึ้นราคา ไป ลิตรละ มากกว่า 30 บาท ผมเห็นลงใน กท ธุรกิจ หน้า 4 search  ในnet ไม่ยักเจอ  ลองอ่านกันดู   สตง.ชี้  ยอดหนี้ค้างชำระกองทุนหมู่บ้าน 17%    รายงานข่าวเปิดเผยว่า สถานะปัจจุบันของกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง มีทั้งหมด 7.89 หมื่นกองทุน  แบ่งเป็นกองทุนหม่บ้าน 7.74 หมื่นกองทุน กองทุนชุมชนเมือง 3.45พันกองทุน  กองทุนชุมชนทหาร 738 กองทุน มีกรรมการและสมาชิก12.8ล้านคน โดยปัจจุบันมีเงินทุนหมุนเวียนทั้งสิ้น  1.32 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนประเดิมและเงินเพิ่มทุนจากรัฐบาล 8.12 หมื่นล้าน บาท  เงินออมจากประชาชน 3.01 หมื่นล้านบาท  และเงินกู้ต่อยอดของสถาบันการเงิน  2.16 หมื่นล้านบาท        ทั้งนี้ การกู้เงินหมุนเวียนสะสม 7 รอบต่อกองทุน   จำนวนสมาชิกที่กู้เงินสะสม  10.28 ล้านคน  หรือ 87%ของสมาชิกทั้งหมด  โดยเงินกู้ส่วนใหญ่ หรือ 74.3 % นำไปลงทุนด้านการผลิตสินค้าเกษตร     16.28%ลงทุนด้านการค้าขาย 3.64% ลงทุนอุตสาหกรรมครัวเรือน    2.84%  ลงทุนด้านการบริการ    1.74% นำไปใช้ด้านบรรเทาภาวะฉุกเฉิน    และดำเนินกิจการกลุ่มคิดเป็น  1.2%    ปัจจุบันกองทุนหมู่บ้าน  จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว 6.93 หมื่นหมู่บ้าน จาก 7.8 หมื่นหมู่บ้าน  หรือคิดเป็น 88.89%  และ มีการสนับสนุนให้ตั้งเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน 7.41 พันเครือข่าย มีการยกสถานะกองทุนหมู่บ้านเป็นสถาบันการเงินชุมชนแล้ว 449 แห่ง  และมีแผนการจัดตั้งสถาบันการเงินชุมชนต้นแบบ ทุกอำเภอๆละ 2 พันแห่ง    นอกจากนี้   ผลการสำรวจของ สทบ.พบ พบว่า ปี 2549 กองทุนหมู่บ้านมีการชำระคืน 88.26% และเป็นหนี้ค้างชำระ 11.74%    ขณะที่ สตง.  ระบุว่า ในปี 2548 มีการชำระคืน 83%  และเป็นหนี้ค้างชำระ 17%        ส่วนโครงการ เอส เอ็มแอล ในปีงบประมาณ 2551  มีหมู่บ้าน/ชุมชน จำนวน 7.94 หมื่นหมู่บ้าน  เสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณเป็นเงิน  1.87 หมื่นล้าน บาท  และคณะกรรมการSML ได้อ นุมัต งบประมาณ สนับสนุนโครงการ SMLให้กับหมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศ  3 ครั้ง จำนวน 4 หมื่นหมู่บ้าน รวม4.93หมื่นโครงการ   เป็นเงิน  9.39 พันล้านบาท และเหลืองบประมาณอีก 405 ล้านบาท  ที่เตรียมโอนให้หมู่บ้าน 1.76 พันแห่ง  ในวันที่ 29 ต.ค. นี้       สัดส่วนโครงการ SML แบ่งเป็น25.97% เป็นโครงการด้านสาธารณูปโภค    44.83 %   เป็นโครงการด้านการเกษตร  16.66% เป็นโครงการด้านการส่งเสริมอาชีพและการสร้างรายได้   11.43% เป็นโครงการด้านสวัสดิการชุมชน  และอื่นๆอีก 1.2%       ส่วนปีงบประมาณ 2522  รัฐบาล  ได้จัดสรรงบโครงการSML 1.5หมื่นล้านบาท  และคณะกรรมการ sml ได้อนุมัติงบประมาณ 8.88พันล้านบาท ให้หมู่บ้าน/ชุมชน ที่ได้รับการอนุมัติในวันที่ 12-14 พย. 2551 พร้อมกันนั้น จะมีการโอนงบSML ปี2552 ที่เหลืออีกประมาณ 6.2 พันล้านบาท ให้หมู่บ้าน/ชุมชน  ที่ได้รับการสนับสนุนงบ smlปีงบ 2551จำนวน 7.94 หมื่นหมู่บ้าน แต่คงจะไม่จัดสรรให้ครบทุกหมู่บ้าน  โดยจะจัดสรรให้หมู่บ้านที่โครงการมีความพร้อมก่อน  โดยจะมีการโอนงบก้อนดังกล่าว  ได้ภายในต้นปี2552  อีก1หมื่นล้านบาท  เพื่อจัดสรรให้หมู่บ้าน/ชุมชน ในรอบปีที่3ต่อไป จากคุณ : dukey - [ 3 พ.ย. 51 00:16:58 A:222.123.175.114 X: ] หมายเหตุ มีรายงาน (ขอโทษ ที่ลืมที่มา) ว่า หนี้เสีย เกิดจากภาคใต้มากที่สุด แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 51 01:32:55 จากคุณ : ใบโหระพา - [ 4 พ.ย. 51 01:22:52 A:58.8.105.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 เฮ้อ...สงสารน้องๆที่ต้องไปโรงเรียน... จากคุณ : Molecular - [ 4 พ.ย. 51 01:35:57 A:125.27.214.160 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่กองทัพนำกำลังสารวัตรทหาร มาดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งตนรู้สึกเสียใจที่ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ส่งกำลังสารวัตรทหารจาก 3 เหล่าทัพ มาคุมกันปกป้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มพันธมิตรฯ รอบๆทำเนียบรัฐบาล อยากถามว่าทำเพื่ออะไร เพราะตามกฎหมายนายสนธิและกลุ่มพันธมิตรฯนั้นเป็นผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย เข้ามายึดทำเนียบรัฐบาลอันเป็นสถานที่ของรัฐบาล “ข้องใจจริงๆ คนทำผิดกฎหมาย กองทัพกลับส่งเจ้าหน้าที่ไปคุ้มกันดูแล ทหารมีภารกิจมากมาย ต้องเหนื่อยในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ปกป้องอธิปไตย แต่นี่มันเป็นเรื่องของคนทำผิดแต่เจ้าหน้าที่กลับให้การดูแล แล้วบ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น และการทำเช่นนี้จะทำให้พวกการ์ดพันธมิตรยิ่งได้ใจเหิมเกริมขึ้นทุกวัน” พล.ต.ขัตติยะกล่าว           พล.ต.ขัตติยะ กล่าวด้วยว่า อยากให้ ผบ.เหล่าทัพตัดสินใจในสถานการณ์ขณะนี้ให้ดี ในการดูแลปกป้องบ้านเมืองในทางที่ที่ถูกต้องและให้ความเป็นธรรม คนที่ทำผิดเป็นกบฏ แต่ได้รับการดูแลเหมาะสมหรือไม่ แต่อย่าได้ใจไปเพราะขณะนี้ประชาชนหลายกลุ่มกำลังจองกฐินการ์ดพันธมิตรอยู่ ก็เริ่มสงสัยในจุดยืนกองทัพ เพราะหากเป็นเช่นนี้เกรงว่าจะเป็นตัวจุดชนวนจุดให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ อย่าลืมว่าคนที่จ้องเล่นงานมีเยอะ และพลังประชาชนสีแดงก็แสดงให้เห็นว่ามีจำนวนมากขนาดไหน จากคุณ : เป็นประธานกฐินปีละวัด - [ 4 พ.ย. 51 01:40:54 A:119.31.84.179 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 วันนี้ผมต้องมีธุระไปแถว หลังกระทรวง ทั้งที่ไม่ค่อยได้ผ่านแถวนั้นบ่อย ต้องมาเสียเวลากับพวกอันธพาลปิดถนน ทำให้เสียเวลาขับรถไปพอสมควร ที่น่าตกใจกว่าคือ มีกองยางเป็นพะเนินวางเรียงราย เหมือนกับเมืองไทยเกิดสงครามกลางเมือง..ยังไงยังงั้น วานผู้มีอำนาจ..ขี่ม้าขาวมาช่วยจัดการที ฤาจะปล่อยไว้เช่นนี้ให้ประชาชีเขาลำบากใจ... จากคุณ : หม่ำมำม้ำ - [ 4 พ.ย. 51 02:03:56 A:115.67.110.74 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขออนุญาตแปะความเห็นตัวเองอีกครั้ง เราก็เป็นคนนึงที่เดือดร้อนมากจากการปิดถนนของพวกพันธมาร บ้านเราอยู่ทางปิ่นเกล้า ออฟฟิตอยู่พญาไท ตอนเช้าไปทำงานรถก็ติดมากๆ เพราะถนนถูกปิดทำให้ไปได้บางส่วน ตอนเย็นยิ่งลำบาก จากเคยกลับทางถนนศรีอยุธยาแล้วเลี้ยวผ่านราชดำเนินเพื่อไปขึ้นพระราม 8 ก็ต้องอ้อมไปทางอื่น ซึ่งทุกคนก็ไปเบียดกันทางเดียวทำให้รถยิ่งติดหนัก แล้วเราต้องทำงานกับกระทรวงศึกษา วันไหนต้องไปประชุมกับลูกค้าที่นั่นจะเดือดร้อนเป็นพิเศษ เพราะต้องอ้อมไปด้านคุรุสภา แล้วไปจอดในวัดมกุฎ วันก่อนไปหาลูกค้า ขากลับลงลิฟท์มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่กระทรวง เค้าก็บ่นให้ฟังว่าเดือดร้อน นี่คือคำพูดของพี่คนนั้น "พวกมันคิดว่ามันเป็นเจ้าของถนนหรือไง คิดจะปิดก็ปิด ทำให้คนอื่นเดือดร้อน" เฮ้อ ประเทศไทย จากคุณ : NuPlawan - [ 4 พ.ย. 51 02:16:25 A:125.24.91.162 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 สงบของมันคือไม่สนใจไงครับว่าใครจะเดือดร้อน แค่กูอยู่ของกูสงบ หน้าไหนจะเป็นไงก็ช่างหัวมัน แมร่ง  ด้านจริง ๆ คห.4  ที่บอกว่าเห็นใจไปดูที่ต้นตอน่ะ ทำแบบนี้มันสมควรกับประชาชนคนอื่นแล้วเหรอครับ  มีสมองสักนิดนะ  พวกคุณน่ะเป็นต้นตอที่ทำให้คนอื่น  ๆ ที่เขาไม่ "กบฏ" เดือดร้อน อยากเล่นงานอะไรใครไปทำวิธีอื่นไม่ใช่ทำให้ประชาชนคนอื่นเดือนร้อนแบบนี้ แบบนี้เค้าไม่เรียกทำเพื่อประเทศหรอกนะ คุณ "ใบโหระพา" ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่เตือนสติกับพวกสติยังคิดล้าหลัง  ชัดเจนมาก  ๆ จากคุณ : takeru01 - [ 4 พ.ย. 51 03:15:55 A:119.31.58.244 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 การใช้สิทธิของตนเองนั้น ต้องมิให้ไปริดรอน สิทธิของผู้อื่น เห็นเขยนกันว่าโกงชาติ ใครโกงยังไง ใครตัดสินยังไง มีแต่คุณทักษิณเซ็นต์ยินยอมให้ภรรยาไปซื้อที่ดิน ซึ่งศาลพิภากษาแล้วว่าการซื้อที่ดินนั้นไม่ผิดอะไรนี่ครับ ที่ตัดสินลงโทษคุณทักษิณ 2 ปี อ่านแล้วยัง งงๆ อบู่ เหมือนกับว่าเป็นนายก ไม่น่าจะให้เมียไปซื้อของจากรัฐอย่างถูกกฎหมาย เอ.....แล้วจะให้ซื้อยังไงหว่า?  ก็ งง อีกแหละครับ จากคุณ : ไทยสยาม - [ 4 พ.ย. 51 05:13:18 A:124.121.18.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมเห็นใจคับ ส่วนneatskyไม่เห็นเข้ามาตอบเลยฮับ ช่วยมาตอบหน่อยฮะ จากคุณ : ชิบะจัง - [ 4 พ.ย. 51 06:53:54 A:58.9.158.81 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 ปวดร้าวนะ จากคุณ : @NBC - [ 4 พ.ย. 51 07:45:09 A:58.9.4.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 คห 4 แล้วยึดทำเนียบ ปิดถนน มันแก้ปัญหาได้ตรงไหน  ช่วยตอบและบูรณาการเชื่อมโยงคำตอบให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมด้วย จากคุณ : jaijant - [ 4 พ.ย. 51 07:49:05 A:203.156.140.15 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 ..แกนนำเขาก็ออกมาบอกแล้วไงว่า.. ..เสียสละกันหน่อยนะพี่น้อง..พวกผมยังหาทางลงไม่เจอ.. .. ..555.. จากคุณ : ก้องบ้า - [ 4 พ.ย. 51 07:57:04 A:117.47.158.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถึง คห. 4 งั้นการปิดถนน ยึดทำเนียบรัฐบาล คือการแก้ปัญหาที่ถูกต้องแล้วใช่มั้ย อีกหน่อยก็ไปยึดสถานทูตอังกฤษปิดถนนแถวนั้นดิ เพราะตอนนี้ทักษิณอยู่ที่นั่นแล้ว หรือไม่ก็ไปลอนดอนไปปิดถนนที่โน่นกดดันรัฐบาลอังกฤษเลยไป๊ ถ้าคิดว่าการจะยึดที่นั่นที่นี่ ปิดถนนแล้วแก้ไขปัญหาได้ เอาทักษิณมาติดคุกได้ก็ตอบมา ถ้าไม่มีปัญญาตอบได้ ก็อย่ามาแสดงความเห็นแบบข้าง ๆ คู ๆ เลย จากคุณ : บูม.. - [ 4 พ.ย. 51 08:22:53 A:202.47.231.130 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 เป็นครั้งแรก ที่ผมอ่านข้อความทุกตัวอักษร คือบทความของ คุณใบโหระพา           โดยปกติบทความยาวๆ หรือหนังสือทั่วไป ผมจะอ่านแบบผ่านๆ กวาดตามองผ่านไป เจอข้อความที่น่าสนใจจะหยุดอ่านทบทวน         ผมใช้วิธีนี้มาตั้งแต่สมันเรียนหนังสือ (เหมือนจะแก่เลยนะเนี่ย) ถึงจะไม่ได้ ป.ตรี ที่คน (ใคร) ยกย่องว่าปัญญาชน  แต่ก็ใกล้เคียง     เจอ "ใบโหระพา" เข้าไป แกะอ่านทุกตัวอักษร และขออนุญาตนำภาพรวมของบทความไปใช้ ในการสนทนาในกลุ่ม           เอาไป 3 Give เสียดายเข้ามาอ่านช้าไปหน่อย เลยหายไปสามอัน จากคุณ : kan korach - [ 4 พ.ย. 51 08:29:54 A:117.47.25.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 จขกท. หัวอกเดียวกันครับ จากคุณ : Moresato (moresato) - [ 4 พ.ย. 51 10:22:15 A:203.158.239.239 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นใจกับคนที่ต้องสัญจรผ่านบริเวณนั้น คุณใบโหระพา ข้อมูลครบถ้วนกระชับได้ใจความทั้งหมดครับ ขอชม จากคุณ : manfa - [ 4 พ.ย. 51 11:46:58 A:117.47.234.84 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรียนคุณ nestsky คุณก็ 1 เสียง เราก็ 1 เสียง คนยากคนจนก็ 1 เสียง ทำไมพันธมิตรถึงไม่เอาเลือกตั้ง คุณดูถูกเสียงของประชาชน   เสียงของคุณใหญ่กว่าเสียงของใครๆ หรือไง   หากเลือกตั้ง จะเป็นอย่างไรก็เสียงประชาชนไม่ใช่หรือ คุณจะบอกว่าซื้อเสียงแล้วอีกฝ่ายบอกว่าคุณซื้อเสียงบ้างละ คุณแก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติหรือ คุณคงไม่รู้จักประชาธิปไตยหรอกพันธมิตร จากคุณ : บ้านบ่อโพง - [ 4 พ.ย. 51 13:20:56 A:210.246.188.223 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 เดือดร้อนมาก เดือดร้อนจนเข้าใจเลยว่าทำไม คนเขาถึงเอาระเบิดไปขว้าง จากคุณ : บ้านบ่อโพง - [ 4 พ.ย. 51 13:23:00 A:210.246.188.223 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณใบโหระพา......................................... จริง ๆ ก็ว่าจะไม่อ่านบทความของคุณแล้วเชียวนะ เพราะยาวม๊ากมากกกกกแต่ก็ลองอ่านดู แล้วเมื่อพออ่านจบ ก็รู้สึกว่า... ไม่เสียดายเลยที่ได้อ่าน ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 51 20:13:25 จากคุณ : พิซซ่าหน้าบูด - [ 4 พ.ย. 51 19:47:31 A:58.9.202.241 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 บทความที่นำมาเป็นของ อาจารย์ลิขิต ธรรมศาสตร์ ค่ะ ดิฉันเก็บสะสมไว้แยะ แต่ทำไม ตอนแรกจึงถูกลบ ก็ไม่ทราบ ดิฉันอยากให้ช่วยกันเผยแพร่ จากคุณ : ใบโหระพา - [ 4 พ.ย. 51 20:04:01 A:58.8.101.52 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรียนคุณใบโหระพา อีกครั้ง ไม่ทราบว่าได้หลังไมค์หรือเปล่า หากแต่จะกรุณา กรุณาเพิ่มบทความที่หายไปได้ไหมคะ นานๆจะเจอบทความดีๆ แต่พออ่านได้ไม่ครบ เลยรู้สึกว่า...อารมณ์ค้าง จากคุณ : พิซซ่าหน้าบูด - [ 4 พ.ย. 51 20:28:39 A:58.9.202.241 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 ในโลกนี้......ย่อมมีคนแบบนี้  ที่เขาเรียกว่า เดียรถีย์   สมัยพระพุทธเจ้าก็ได้เจอคนจำพวกนี้มากมาย ในยุคสมัยนี้  เรียกว่า   เดียรถีย์ พธม...ได้ไหม จากคุณ : รากเหง้า - [ 4 พ.ย. 51 20:53:44 A:114.128.123.241 X: ]