5 พฤศจิกายน 2551 กองบรรณาธิการ
ขณะที่ท่านหยิบ "ไทยโพสต์" ฉบับนี้ขึ้นอ่านตอนเช้า ก็หมายความว่ามีคนคนหนึ่งกำลังจากเราไปไกล และ ณ เวลานี้ อาจเวิ้งว้างอยู่กลางฟ้าด้วยเครื่องยูไนเต็ด แอร์ไลน์ จากสุวรรณภูมิ
มุ่งสู่สหรัฐอเมริกาที่ "โอบามา" กำลังจะ CHANGE ไปแล้ว-ลาลับ หรือจะได้กลับมาตัวเป็นๆ..ใครเล่าจะรู้?
อดีตนายกรัฐมนตรี "สมัคร สุนทรเวช" ผู้ทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งขมขื่น กับสังคมไทยมายาวนานคนนั้นแหละครับ คิดดูก็น่าขัน เมื่อวาน-สูงสุดถึงนายกฯ ๗ เดือน วันนี้-ต่ำสุดถึงคุก ๒ ปี
ส่วนพรุ่งนี้ล่ะ!?
จากโรคร้ายที่ต้องขออนุญาตศาลไปรักษา ขาไป-เฟิสต์คลาส ขามา-จะคาร์โก หรือไม่?
ถึงอย่างไรก็ "อโหสิ" ล่วงหน้ากันไว้ จะได้ตัดวาสนาไม่ต้องพากันไปเกิดร่วมชาติ-ร่วมชะตากันอีก และจากใจส่วนตัวผมนั้น
ขอให้โรคท่านหายวัน-หายคืน แต่ตัวอย่าได้หายไปเลย..เพี้ยง!
นี่ก็ใจหายเหมือนกัน คือคาร์บอมบ์ที่หน้าอำเภอสุคิริน นราธิวาส เมื่อวานนี้ ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ซ่อนใจช้ำๆ ปลงเสียเถอะว่า "มันเป็นวาสนาชะตาชาติ" วันนี้โรยรา พรุ่งนี้รุ่งเรือง
เอางี้ดีมั้ย เราเช่าโบกี้รถไฟด่วนใต้ซัก ๕๐ โบกี้ เสื้อแดง ๒๐ โบกี้ เสื้อเหลือง ๒๐ โบกี้ ที่เหลืออีก ๑๐ โบกี้ไว้บรรทุกข้าวของจากใจ "เหลือง-แดง" ที่จะเอาไปฝากพี่น้อง ๓ จังหวัดใต้ ครู นักเรียน ทหาร และตำรวจ ที่นั่น
ใครอยากเหลือง ใครอยากแดง แต่งตามสบาย!
แต่ไปด้วยกันให้เต็มพรึ่บเป็นคาราวาน "รถไฟน้ำใจ" ไปเยี่ยมเยียนพี่น้องร่วมชาติของเราที่ ๓ จังหวัดใต้นั่น ไปด้วยกัน และไปพร้อมๆ กัน
รายการอย่างนี้ ต้องให้ "คุณพรศิริ มโนหาญ" ผู้ว่าฯ ททท.คนเก่ง เป็น:-)านจัดซักเดือนละครั้ง เรียกว่าพลิกจุดอันตรายให้เป็นจุดขายท่องเที่ยว การไปเสี่ยงๆ เสียวๆ อย่างนี้
ด้วยฝีมือโปรโมตของ ททท.ขี้เกียจจะมีคนแย่งกันจองคิวยาวข้ามปี ขบวนแรกแจกตะกรุดลูกปืน "อาจารย์อ๊อด" ไว้คาดเอวคนละดอกไปเลย..เป็นไง?
วันนี้ เราอยู่ดูโลกให้มันโศภิน อย่าไปเครียดให้มันมากนะครับ พยายามมองอะไรในทางสร้างสรรค์ไว้บ้าง อย่างเครื่องหมาย - เห็นแล้วเศร้าใจอยากเป็นบวก ก็ไม่เห็นยากตรงไหน
ขีดเครื่องหมาย - ลงไปอีกอันในแนวตั้ง มันก็กลายเป็น + เองแหละ!
อย่างเรื่องที่ทักษิณกับสมุน "จัดฉาก" โฟนอิน เพื่อไปสู่เป้าหมาย "ถวายฎีกา" ขอพระราชทานอภัยโทษนั่นเหมือนกัน ถ้าจะทำจริงๆ ก็ทำได้ แต่ก่อนอื่น ทักษิณต้อง "ทำตัวเอง" ให้เข้าระบบก่อน
พูดง่ายๆ คนจะขออภัยโทษ ก็หมายความว่า คนนั้นสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ และยอมรับโทษจากความผิดนั้น ขั้นตอนก็จะเกิดเป็นทางให้เดิน
จากเรือนจำไปถึงอธิบดี จากอธิบดีไปถึงรัฐมนตรี จากรัฐมนตรีไปถึงสำนักราชเลขาฯ อย่างนี้เป็นต้น
อย่างทักษิณนี่ไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อยืนกรานว่าตัวเองไม่ผิด-ไม่มีโทษ แล้วจะมาขออภัยโทษอะไร?
เอางี้ดีกว่า พูดเฉยๆ มองไม่เห็นภาพ ผมจะยกกรณีตัวอย่างมาให้ดู จะได้รู้ว่าการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษที่ถูกต้อง นั้น เขาทำกันอย่างไร?
ความจริง คนที่จะสอนได้ดีที่สุดคือ "นายวีระ มุสิกพงศ์" นั่นแหละ เพราะเขาเคยมาด้วยตัวเขาเอง แต่ไม่เป็นไร ผมจะเอามาสอนแทนก็ได้
คือในสมัยรัฐบาล "พลเอกเปรม ติณสูลานนท์" ในยุคเปรม ๔ เมื่อปี ๒๕๒๙ นายวีระซึ่งขณะนั้นเป็น "ลูกรักป๋า" มีตำแหน่งเป็น รมช.มหาดไทย สังกัดพรรคประชาธิปัตย์
มีการยุบสภาฯ เลือกตั้งกันใหม่ นายวีระก็ไปช่วยหาเสียงให้ "นายพรเทพ เตชะไพบูลย์" ที่บุรีรัมย์ ปรากฏว่า คำปราศรัยบางตอนเป็นการ "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"
ทหารเครียด และไม่ยอม!
เหมือนอย่าง "เครียดอยู่ในที่ตั้ง" กับโฟนอินทักษิณตอนนี้ สุดท้าย นายวีระต้องลาออกจากตำแหน่ง รมช. ตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท
ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำคุก ๖ ปี และศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นจำคุก ๔ ปี
นั่นคือ นายวีระกลายเป็น นักโทษเด็ดขาด ของเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๓๑
และติดคุกได้เพียงเดือนเดียว เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ ก็มี พระบรมราชโองการอภัยโทษ ให้นายวีระพ้นจากการเป็นนักโทษ!
ขอแทรกไว้นิดนะครับ ๑ ในจำนวน ๓๐ กว่าพยานปากเอกฝ่ายโจทก์ที่เอานายวีระเข้าคุก ก็คือ "นายสมัคร สุนทรเวช" คนที่วันนี้ นายวีระซูฮกยกขาคร่อมหัว
ก็แทรกเป็นข้อสังเกตอีกนิด นายวีระทั้งที่เป็นรัฐมนตรี และทั้งที่เป็น "ลูกรักป๋าเปรม" แต่เมื่อมีการกระทำเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ฝ่ายทหาร คือฝ่ายกองทัพสมัยนั้น
"ไม่ยอม" ปล่อยผ่าน ไม่ว่าหน้าไหน ใครทั้งสิ้น แตะต้องสถาบันเมื่อไหร่ "ทหารเป็นต้องเอาตาย" เมื่อนั้น!
พลโทพิจิตร กุลละวณิชย์ แม่ทัพภาคที่ ๑ จี้ติดเรื่องนี้ชนิดไม่ยอมปล่อย ทำหนังสือถึงมหาดไทย ถึงกรมตำรวจ ถึง ผบ.ทบ. จนกระทั่งเป็นคดีถึงศาลและถึงที่สุด คือนายวีระเข้าคุกดังที่ปรากฏ
ก็มาดูขั้นตอนนะครับว่า เพราะเหตุใด นายวีระจึงได้รับพระราชทานอภัยโทษ ขั้นแรก ในระหว่างเป็นผู้ต้องหา นายวีระสำนึกในความผิด ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบรมสาทิสลักษณ์ ที่รัฐสภา ท่ามกลางทหารรายล้อม
"ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า นายวีระ มุสิกพงศ์ พระราชอาญามิพ้นเกล้า ตามที่ข้าพระพุทธเจ้าฯ ได้ไปปราศรัยที่จังหวัดบุรีรัมย์ ๒ ครั้ง ที่อำเภอลำปลายมาศ และอำเภอสตึก และได้กล่าววาจาพาดพิงไปถึงใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ซึ่งเป็นการมิบังควร ซึ่งทั้งนี้ข้าพระพุทธเจ้ามิได้มีเจตนาที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแต่ประการใด แต่อาจจะเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และหากคำพูดดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดความระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาทอย่างหนึ่งอย่างใด ข้าพระพุทธเจ้าได้สำนึกในการกระทำดังกล่าว จึงขอพระราชทานกราบบังคมเบื้องพระยุคลบาทขอพระราชทานอภัยมา ณ ที่นี้
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"
ครับ..นี่ในเดือนสิงหาคม ปี ๒๕๒๙ ก่อนคดีสู่ศาล และเมื่อคดีถึงชั้นศาลฎีกาพิพากษาเป็น "นักโทษเด็ดขาด" ในเดือนมิถุนายน ๒๕๓๑ สาระที่ทักษิณควรทราบก็คือ นายวีระสำนึกผิด ขอพระราชทานอภัยโทษ ยอมรับคำตัดสินศาล และยอมเป็นนักโทษอยู่ในคุก เรียกว่าปฏิบัติตนตามกระบวนการบ้านเมืองครบถ้วน
จากนั้น นักโทษเด็ดขาดวีระจึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษ!
และเพื่อให้ทักษิณได้รู้ธรรมเนียมปฏิบัติ ด้วยไม่ใช่ "ตีตนเสมอเจ้า" ขอพึ่งพระบารมีมาทางโฟนอินอย่างนี้ ก็จะเอาข่าวที่ "เดลิมิเรอร์" เสนอไว้ครั้งนั้นให้ศึกษาแนวทาง
-ที่กระทรวงมหาดไทย วันที่ ๒๒ ก.ค.๓๑ เวลา ๑๕.๓๐ น. พลเอกประจวบ สุนทรางกูร รมว.มหาดไทย เผยกับผู้สื่อข่าวว่า นายสนิท รุจิณรงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้นำสำเนาพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษแก่นายวีระ มุสิกพงศ์ ซึ่งถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก ๔ ปี ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามที่นายวีระได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์จะได้อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวนายวีระพ้นโทษ ไปอ่านให้นายวีระรับทราบตามพิธีการต่อไป
...................
อนึ่ง ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาจำคุกนายวีระ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๓๑ จากนั้นได้รับการลดโทษ ๙ เดือน ในวโรกาสรัชมังคลาภิเษก.
พวก "สอพลอทักษิณ" ที่พล่านจะล่ารายชื่อถวายฎีกานั้น ก็ทราบระเบียบ และขั้นตอนกันตามนี้ด้วย นักโทษและคนสำนึกในโทษที่ตัวเองทำเท่านั้นแหละ จะเป็นผู้ทำหนังสือขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาด้วยตัวเอง
และนี่คือหนังสือ "พระราชทานอภัยโทษ" นำมาให้ดูเป็นทัศนศึกษานะครับ
ที่ 24/87 พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ 19 กรกฎาคม พุทธศักราช 2531
ตามที่นักโทษเด็ดขาดชาย วีระ มุสิกพงศ์ เลขประจำตัว 184/2531 แห่งเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ ต้องโทษฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท กำหนดโทษจำคุก 4 ปี ยื่นฎีกาขออภัยโทษ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สอบสวนพิจารณาพฤติการณ์ของนักโทษเด็ดขาดชาย วีระ มุสิกพงศ์ และเหตุผลอื่นๆ ประกอบกันแล้วเห็นควรอภัยโทษปล่อยตัว นั้น ให้อภัยโทษปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดชาย วีระ มุสิกพงศ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอมานั้นไปเถิด
พระปรมาภิไธย ปร.
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พล.ร.อ.สนธิ บุณยะชัย
รองนายกรัฐมนตรี
อืมมมม...คิดแล้วก็แปลกนะครับ นายวีระ เหมือนลูกหมาที่ป๋าเก็บมาเลี้ยง ในชีวิตของเขาได้เป็นรัฐมนตรีถึง ๔ ครั้ง ๓ กระทรวง ก็ด้วยความรัก-ความเมตตาจากป๋า ติดคุก ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ก็เมตตาจากป๋า แต่วันนี้ นายวีระกลับเนรคุณป๋า-สวามิภักดิ์ทักษิณ สูญสิ้นจิตสำนึกกระทั่ง "บุกพังบ้านป๋า"
คุณเป็นคนด้วย "ราคาเท่าไหร่?"
จากคุณ :
โบริโบริ
- [
5 พ.ย. 51 18:49:07
A:210.4.143.1 X:
]