จากที่เคยได้รับรางวัลข่าวยอดเยี่ยมปี 48 จากหัวข้อข่าว "ข่าวผ่าขบวนการคอร์รัปชั่น ...สินบนข้ามชาติซีทีเอ็กซ์" หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจในเครือเนชั่นฯ ต้องมาลงข่าวแสดงการขอโทษ พร้อมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริง หลายประเด็น
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ หนึ่งในหนังสือพิมพ์เครือเดอะเนชั่นกรุ๊ป ตีพิมพ์คำโทษอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 51 ในกรณีที่ได้แสดงความเท็จ กล่าวหาว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX เพื่อใช้ติดตั้งในสนามบินสุวรรณภูมิ การตีพิมพ์ข่าวเท็จดังกล่าวนอกจากจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท แพทริออท บิซิเนส คอนซัลแตนส์ จำกัด และนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือเสียเชแล้ว บรรดาพันธมิตรฯและสมุนของกลุ่มอำมาตยาธิปไตย ยังได้ใช้เรื่องดังกล่าวโจมตีรัฐบาลในขณะนั้น และทำโพรพาแกนด้าสร้างเงื่อนไขในการทำรัฐประหารรัฐบาลประชาธิปไตยอีกด้วย
เปิดปูมประกาศชี้แจงกรณีซีทีเอ็กซ์ของกรุงเทพธุรกิจ
ในประกาศลงวันที่ 22 ก.ย. (ลิงก์) ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ มีเนื้อหาคร่าวๆที่เราจะสรุปดังนี้
1. กรุงเทพธุรกิจยอมรับว่าได้เสนอข่าวกรณี CTX ผิดพลาดจริง และขอโทษเสี่ยเชและบริษัท
2. เคยระบุว่าเสี่ยเชเป็นนายหน้า ค้ากำไรเครื่อง CTX เกินจริงกว่าพันล้านบาท อีกทั้งใส่ความว่าได้ให้ค่าคอมมิชชั่นกับนักการเมือง แต่วันนี้ยอมรับว่าเสี่ยเชไม่ได้เป็นนายหน้า การค้ากำไรเกินควร รวมถึงเรื่องใต้โต๊ะคอรัปชั่นต่างๆ ที่กล่าวหาไป ล้วนเป็นเรื่องที่ใส่ความเขา
3. ยอมรับว่า เข้าใจตัวสัญญาผิด โดยเฉพาะที่เคยระบุว่างานทั้งระบบสี่พันกว่าล้านบาท ซึ่งในความเป็นจริงเป็นงานรวมการติดตั้งและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่ใช่เฉพาะตัวสินค้า
4. แปลข้อความของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯผิดหลายประการ จนไปกล่าวหามั่วๆ ว่ามีการคอรัปชั่น
5. ยอมรับว่าไม่มีสินบนใดๆ เกิดขึ้น ตามที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเคยนำเสนอ
ประกาศชี้แจงกรณีซีทีเอ็กซ์
หนังสือพิมพ์รายวันกรุงเทพธุรกิจ และนายจักรกฤษ เพิ่มพูน โดยตำแหน่งบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ใคร่ขอโทษ บริษัท แพทริออท บิซิเนส คอนซัลแตนส์ จำกัด และนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือที่เรียกในข่าวว่า "เสี่ยเช" ที่ได้เสนอข่าวผิดพลาดเกินความจริง จนทำให้เกิดความเสียหายต่อกิจการ และชื่อเสียง จากการที่หนังสือพิมพ์รายวันกรุงเทพธุรกิจ และจากเว็บไซต์ www.bangkokbiznews.com/2005/special/ctx ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้ตีพิมพ์ข่าวและวิเคราะห์ข่าวในวันที่ 25 เมษายน 14 พฤษภาคม และ 16 พฤษภาคม 2548 เป็นต้น
ได้ลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง อันเป็นความเข้าใจผิดและวิเคราะห์ข่าว หรือสรุปข่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ได้ข้อเท็จจริง บริษัท แพทริออท บิซิเนส คอนซัลแตนส์ จำกัด เป็นผู้รับเหมาช่วงงานจัดซื้อและติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดทั้งระบบ คือ บริษัท แพทริออท ไม่ใช่บริษัทนายหน้า รับงานมูลค่า 2,003 ล้านบาท และมูลค่าของเครื่อง CTX9000Dsi จำนวน 26 เครื่อง มีมูลค่า 1.43 พันล้านบาท หรือ 35.81 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานติดตั้งที่บริษัทแพทริออทได้รับงานเท่านั้น
โดยมีบริษัทผู้รับเหมาช่วงอื่นรับงานระบบสายพานลำเลียงอีก 2,300 ล้านบาท รวมงานทั้ง 2 ระบบเป็นมูลค่างานรวมเป็นเงิน 4.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทแพทริออท จะได้ผลกำไรถึงกว่า 1,000 หรือ 2,000 ล้านบาท จากที่มีกำไรเพียง 3.15% ต่อเครื่อง หรือ 52 ล้านบาท ตามที่นายวรพจน์ หรือเสี่ยเช ได้ลงข่าวในวันที่ 11 มิถุนายน 2548
และจากการแปลเอกสารมีความคลาดเคลื่อนในการแปลเอกสารการสืบสวนของกระทรวงยุติธรรม สหรัฐ ที่สรุปว่า บริษัทอินวิชั่น มีความเป็นไปได้อย่างสูง มิใช่ยอมรับว่ามีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลในพรรคการเมืองของไทย ในการขายอุปกรณ์ตรวจสอบวัตถุระเบิดภายในท่าอากาศยาน
และยังแปลคลาดเคลื่อน คำว่า Distributor ที่แปลว่า ตัวแทน ผู้ค้าส่ง หรือผู้จัดจำหน่าย เป็นบริษัทนายหน้า ทำให้บริษัทแพทริออทกลายเป็นบริษัทนายหน้า ที่แปลว่าบุคคลผู้ชี้ช่องหรือจัดการให้บุคคล 2 ฝ่ายได้เข้าทำสัญญากัน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ปี 2542 ต่างจากสถานะบริษัทแพทริออทเป็นผู้รับเหมาช่วง ซึ่งจะต้องดูแลรับผิดชอบจัดซื้อและติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดทั้งระบบ
ทั้งนี้ การวิเคราะห์หรือสรุปข่าวว่าบริษัทแพทริออท และนายวรพจน์ หรือเสี่ยเช เป็นบริษัทนายหน้าที่ให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลในพรรคการเมืองของไทยนั้น เป็นเสมือนการพิพากษาบริษัท แพทริออท และนายวรพจน์เป็นจำเลยสังคม
ซึ่งนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือเสี่ยเช ได้ยืนยันในการเสวนาที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2548 และกับคณะกรรมการสืบสวนคดีทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ทุกคณะ ว่า ไม่ได้เป็นคนจ่ายสินบน และไม่ชอบการจ่ายสินบน ประกอบการธุรกิจด้วยความสุจริต
โดยข้อเท็จจริงจำต้องนำสืบข้อมูลและพยาน เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาล ว่า ข้อกล่าวหาของกระทรวงยุติธรรม สหรัฐ ที่สรุปว่า บริษัทอินวิชั่นมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลในพรรคการเมืองของไทย มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทแพทริออท และนายวรพจน์หรือไม่
จากข่าวผิดพลาดเกินความเป็นจริง จนทำให้เกิดความเสียหายต่อกิจการและชื่อเสียงของความที่กล่าวข้างต้นนั้น จึงใคร่ขอโทษบริษัท แพทริออท บิซิเนส คอนซัลแตนส์ จำกัด และนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือที่เรียกในข่าวว่า "เสี่ยเช" และหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและบรรณาธิการ จึงขอแสดงความรับผิดชอบในการแก้ข่าวเผยแพร่ข้อเท็จจริง
ที่มา เอกสารแนบท้าย บันทึกข้อตกลง คดีหมายเลขดำที่ 2775/2548
.......................................................
**กระตุกต่อมจริยธรรมจารุวรรณ ขอให้มีความละอายแก่บาปกรรมที่ตนกระทำ**
นอกจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจที่เป็นผู้ตีข่าวเท็จดังกล่าว สร้างความสับสนให้กับสังคม สร้างความเสียหายให้กับผู้อื่นและประเทศชาติ นางจารุวรรณ เมณฑกา และคตส.ก็ยังเป็นอีกกลุ่มคนที่ประชาชนเห็นควรให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยนางจารุวรรณกล่าวผ่านสื่อโดยไร้ยางอายว่า
"เรื่องใหญ่ที่จะต้องออกมาใน 1-2 วันนี้คือ ซีทีเอ็กซ์ เราสรุปผลเสร็จแล้วเหลือแค่กลั่นกรองคำพูดเล็กน้อย เรื่องซีทีเอ็กซ์อยากจะให้ทันในสัปดาห์นี้ แต่บอกตรง ๆ ว่าทุกเรื่องสำคัญหมด เงินมันเยอะเป็นพันเป็นหมื่นล้านบาท แต่เรื่องซีทีเอ็กซ์ตอนนี้พร้อมสุด มั่นใจว่าเอาผิดได้แน่นอน - 21 กันยายน พ.ศ. 2549 หลังการทำรัฐประหารสองวัน (ลิงก์)
**ความเคลื่อนไหวล่าสุดของคดี CTX**
คุณว่านสี่ทิศ แจ้งความเคลื่อนไหวล่าสุดของคดีดังกล่าวดังนี้
"ข่าวล่าสุดแจ้งว่า ปปช.เห็นด้วยกับความเห็นของอัยการสูงสุดที่จะไม่ฟ้องตามสำนวนของ คตส. ที่อ่อนด้วยหลักฐาน
ขณะนี้ กำลังสอบสวนพยานสำคัญ (ที่ คตส. กันไว้เป็นพยาน เพื่อให้ซัดทอดถึงท่านคุณทักษิณ)
ปรากฎว่าพยานสารภาพว่า กล่าวเท็จตามคำขอของ คตส. คดีนี้จึงมีแนวโน้มจะตกกระป๋องไป ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ คุณหญิงเป็ดย่น บอกตอนรัฐประหารใหม่ๆว่า สามารถสรุปฟ้องได้ภายในอาทิตย์เดียว"
-thaienews-
จากคุณ :
cacarot
- [
7 พ.ย. 51 13:46:20
A:222.123.138.64 X:
]