พอดีเห็นคุณแป่วแมน จากประชาไทย นำมาให้อ่าน ก็เลยขออนุญาตนำเสนอต่อเพื่อ ตอบข้อซักถามว่า ทักษิณโกงชาติ ว่าความจริงจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนท่านที่เห็นว่า ยังไงก็โกง ก็ช่วยทำให้บทความนี้หมดความนี้น่าเชื่อถือได้ หากข้อมูลของท่านเป็นที่น่าเชื่อถือยิ่งกว่า
(ถ้ามีคนโพสต์ไว้แล้ว ก็แจ้งลบกระทู้นี้ได้เลยนะคะ)
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ตามที่ได้มีกลุ่มบุคคลผู้ไม่ประสงค์ให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ได้ทำการเคลื่อนไหวกดดันและกล่าวหาผมและครอบครัว ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ ทำให้พี่น้องประชาชนสับสนและเข้าใจผิดต่อผมและพรรคไทยรักไทย
ผมขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้สมาชิกพรรคไทยรักไทย และพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนผมและพรรคไทยรักไทย ได้ทราบข้อเท็จจริง ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้
1.ทำไมต้องขายหุ้นชินคอร์ป?
วันแรกที่ผมประกาศลงสนามการเมือง ในนามหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ผมถูกจ้องเล่นงานด้วยเรื่องหุ้น ในที่สุด ผมก็รอดมาได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าผมไม่มีเจตนาที่จะปกปิด หรือซุกหุ้น
เมื่อพ้นคดีซุกหุ้นมาได้ ผมตั้งปณิธานว่าจะทำงานเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมืองของผมด้วยชีวิต และสติปัญญาที่มีอยู่ เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ผมก็จะทำเพื่อสนองคุณแผ่นดิน และสนองพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย
เพื่อจะยุติปัญหาทั้งปวงเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เรื่องหุ้น และบริษัทผมได้ปรึกษากับครอบครัวว่า ผมต้องการทำงานการเมืองด้วยความอิสระ การที่คนในครอบครัวยังทำธุรกิจ ถือหุ้นอยู่ อาจจะเกิดความผิดพลาดโดยไม่เจตนาขึ้นอีก ทุกคนในครอบครัวเข้าใจเจตนารมณ์ของผมดี จึงยอมขายบริษัทที่สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของทุกคน
แต่การขายหุ้นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ เช่น ชินคอร์ป ไม่ใช่เรื่องที่ขายได้ง่ายๆ เพราะครอบครัวผมตั้งเงื่อนไขกับผู้ซื้อว่า ซื้อไปแล้ว ต้องให้คนไทยบริหารไม่ปลดพนักงาน และต้องดำเนินการใต้กฎหมายไทย เนื่องจากกิจการนี้เป็นสัมปทาน บริษัทได้สิทธิในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น โดยรัฐยังคงเป็นเจ้าของ หากบริษัทหรือผู้ซื้อกิจการทำผิดสัมปทาน รับก็ยังคงยกเลิกได้
คณะที่ปรึกษาของลูกๆ ได้ใช้เวลานานพอสมควร จึงเจรจาขายหุ้นบริษัทในส่วนที่ครอบครัวผมถืออยู่ได้สำเร็จ ซึ่งในครั้งแรกผมถือว่าเป็นโชคดีของผม ที่จะสามารถทำงานการเมืองได้อย่างอิสระ ไม่ต้องกังวลเรื่องหุ้นของคนในครอบครัวอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นว่า เจตนาดีที่ตั้งใจไว้ กลายเป็นคราวเคราะห์เมื่อมีผู้บิดเบือนข้อมูล ทำความจริงเป็นความเท็จ ทำให้เรื่องปกติกลายเป็นเรื่องผิดปกติ จนเกิดการเข้าใจผิดแก่ประชาชน และขยายวงกว้างจนทำให้สังคมเข้าใจผมผิดๆ
ถ้าผมทราบล่วงหน้าว่าเจตนาดีที่ผมตั้งใจจะทำงานให้บ้านเมืองอย่างอิสระจะถูกบิดเบือนเช่นนี้ ผมคงจะไม่ให้ความเห็นให้ครอบครัวขายหุ้น เมื่อครอบครัวมาขอความเห็น เพราะทำให้ทุคนเดือดร้อน ทั้งๆ ที่ถ้าถือหุ้นอยู่ก็ยังได้รับเงินปันผลและกำไรจากบริษัทอยู่ ซึ่งดีกว่าการขายออกไป ทำให้หมดสิทธิได้รับส่วนแบ่งจากกำไร แล้วยังถูกโจมตี ใส่ร้าย เช่นที่เกิดขึ้นในเวลานี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ก็เพราะครอบครัวผมยังไม่สามารถทำให้ประชาชนเข้าใจเจตนาดีของพวกเราทุกคนได้ เนื่องจากไม่มีโอกาสที่จะชี้แจงต่อประชาชน ทำให้ผู้ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเร่งโหมสร้างข้อมูลเท็จ และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อผมและครอบครัวอย่างมาก
ผมมั่นใจว่าด้วยหัวใจที่เป็นธรรม และปราศจากอคติของพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน จะเข้าใจเรื่องการขายหุ้นชินคอร์ปได้ หากได้รับทราบข้อมูลที่เป็นจริง ครบถ้วน และไม่ถูกบิดเบือนเช่นที่ผ่านมา
2.ขายหุ้น ได้กำไร ต้องเสียภาษีหรือไม่?
กฎกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 126 ซึ่งประกาศใช้เมื่อ พ.ศ.2509 ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (23) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 187 พ.ศ.2534 กำหนดไว้ว่า เงินได้จากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษี
หมายความว่า ทุกคนที่มีรายได้จากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือตลาดหุ้น ไม่ต้องเสียภาษี ทุกคนที่ซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้น ได้รับสิทธิได้รับการยกเว้น เสมอภาค เท่าเทียมกัน และปฏิบัติกันเช่นนี้มาเป็นเวลา 16 ปีแล้ว คือตั้งแต่เมื่อ พ.ศ.2534 ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมาใช้กับครอบครัวผมเป็นรายแรก และไม่ใช่ว่าครอบครัวผมได้รับสิทธิพิเศษใดๆ เหนือกว่าคนอื่นๆ ขอให้คนไทยนับแสนที่เคยเล่นหุ้นช่วยเป็นพยานด้วยว่ารายได้จากการเล่นหุ้น ขายหุ้นในตลาดหุ้นนั้น ท่านต้องเสียภาษีหรือไม่
แต่มีผู้บิดเบือนข้อเท็จจริง ให้ข้อมูลแก่ประชาชนว่า ครอบครัวผมมีรายได้จากการขายหุ้น 73,000 ล้านบาท แล้วไม่ยอมเสียภาษี เป็นการเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ส่วนรวม ซึ่งมีเจตนาที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อผมและครอบครัว
ไม่ใช่ว่าครอบครัวผมไม่ยอมเสียภาษี แม้ครอบครัวผมอยากจะชำระภาษี กรมสรรพากรก็ไม่สามารถรับได้ เนื่องจากว่ารายได้ที่เกิดขึ้นเป็นรายได้จากการขายหุ้นในตลาดหุ้นทั้งสิ้น เพราะหุ้นที่ขายเป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหุ้น ไม่ใช่หุ้นที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่ารายได้จากการขายหุ้นในตลาดหุ้น ได้รับการยกเว้นภาษี เช่นเดียวกับนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้น ก็ได้รับการยกเว้นภาษีทุกคน
คุณบุญชัย เบญจรงคกุล และครอบครัว ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทยูคอม จำกัด (มหาชน) เจ้าของโทรศัพท์ DTAC ขายหุ้นไปก่อนหน้าชินคอร์ป ประมาณ 3 เดือน ก็ไม่เสียภาษี เพราะได้รับการยกเว้นเช่นเดียวกัน
ผู้บริหารบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์มติชน ข่าวสด ผู้บริหารบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์เนชั่น กรุงเทพธุรกิจ คม-ชัด-ลึก ผู้บริหารโพสต์พับบลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ โพสต์ทูเดย์ ขายหุ้น ก็ไม่ได้เสียภาษีเพราะได้รับการยกเว้นตามกฎหมายฉบับเดียวกับที่ครอบครัวผมได้รับ
นักการเมืองฝ่ายค้านในพรรคประชาธิปัตย์บางคนเป็นนักลงทุนซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นเป็นอาชีพ ได้กำไรปีละหลายร้อยล้านบาท ก็ไม่เคยเสียภาษีรายได้จากการขายหุ้นสักบาทเดียว เพราะกฎหมายยกเว้นให้เช่นเดียวกัน
นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทชินวัตรขึ้นมา ผมและครอบครัวชำระภาษีรายได้เต็มจำนวนเป็นประจำทุกปี ไม่เคยขาดแม้แต่บาทเดียว นับถึงวันนี้ คิดเป็นเงินที่ผมและครอบครัวชำระภาษี ร่วม 3,000 ล้านบาท ในส่วนของบริษัทชินคอร์ป นับแต่ก่อตั้งขึ้นมาจนถึงขณะนี้ ได้ชำระภาษีและค่าสิทธิการดำเนินงานต่างๆ แก่รัฐไปแล้วเกือบ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นได้ว่าผมและครอบครัวไม่เคยมีเจตนาที่จะหลบหนีภาษี
กรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นเพราะมีผู้บิดเบือนข้อมูล ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าครอบครัวผมทำผิดกฎหมาย ไม่ชำระภาษี โดยผมให้การสนับสนุนการทำผิดกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งผมต้องขอความกรุณาประชาชนได้พิจารณาไตร่ตรองข้อมูลที่ได้รับก่อนจะเชื่อและคล้อยตาม
3.ขายชาติใช่ไหม?
ข้อกล่าวหาที่รุนแรงที่สุดสำหรับคนไทยอย่างผม ก็คือ ขายชาติ ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือเป็นประชาชนธรรมดา ผมไม่มีวันที่จะขายชาติ หรือนำสมบัติของชาติไปขาย อย่างที่มีผู้กล่าวหาผม
การขายหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวผม ให้แก่ เทมาเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสัญชาติสิงคโปร์ เป็นการขายหุ้นของบริษัท ไม่ใช่การขายใบอนุญาตการให้บริการสัญญาณดาวเทียม โทรศัพท์ และโทรทัศน์ ไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อกิจการของประเทศอื่น สิทธิทั้งหมดยังคงเป็นของประเทศไทย และใช้ประโยชน์เพื่อคนไทย เทมาเล็กเป็นเพียงเข้ามาบริหาร เข้ามาลงทุน และได้ผลตอบแทนทางธุรกิจในรูปแบบของกำไร หรือราคาหุ้นที่สูงขึ้นในอนาคตเท่านั้น
ประเด็นสำคัญก็คือ บริษัทชินคอร์ป เป็นบริษัทสัญชาติไทย ตั้งอยู่ และประกอบกิจการในประเทศไทย ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทยเท่ากับว่าเทมาเล็ก ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ขณะกิจการโทรคมนาคม มีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เป็นผู้กำกับดูแลรักษาประโยชน์ของประเทศ ที่จะได้รับจากการให้สิทธิบริการโทรคมนาคม เป็นไปไมได้ที่เทมาเล็กจะชี้นำให้บรษัท ชินคอร์ปดำเนินการฝ่าฝืน หรือขัดต่อกฎหมายไทย เพื่อประโยชน์ของชาติอื่น เพราะ กทช.จะไม่ยอมให้มีการดำเนินการเช่นนั้นแน่ จริงๆ แล้วสิทธิและความเป็นเจ้าของอุปกรณ์ทุกอย่างยังเป็นของรัฐบาลไทยตามกฎหมายเดียวกับวิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคมทุกประการ
มีคำถามมากว่าทำไมไม่ขายให้คนไทยด้วยกัน เท่าที่ผมทราบ ผู้บริหารบริษัทชินคอร์ป ได้พยายามแล้ว แต่ไม่มีกลุ่มใดสนใจ เมื่อกลุ่มธุรกิจในประเทศไม่สนใจจึงมีการไปเจรจาหาผู้ซื้อในต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เทมาเส็กรายเดียว แต่มาจบได้ที่เทมาเส็ก
ผมขอยืนยันว่า การขายหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวผม ไม่ใช่การขายชาติ หรือนำสมบัติของชาติไปขาย เป็นเพียงการขายหุ้นส่วนที่เป็นของครอบครัวในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น
จากคุณ :
ก็เก๋เก๋
- [
14 พ.ย. 51 19:48:51
A:125.24.238.206 X:
]