Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ต้องหยุดการก่อการร้ายของแกนนำพันธมิตรก่อนชาติจะล่มจมมากกว่านี้

    ไม่ว่าแกนนำพันธมิตรฯจะใช้ข้ออ้างใดในการบุกยึดสถานที่ราชการหรือปิดถนนก็ตาม จะเห็นว่าการกระทำต่างๆ ล้วนแล้วแต่ละเมิดหลักการขั้นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญที่ไปละเมิดสิทธิบุคคลอื่นทั้งสิ้น แต่ที่รุนแรงและรับไม่ได้เลยก็คือการยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งผมเห็นว่า น่าจะเข้าข่ายการก่อการร้ายแล้วตามคำอธิบายของ ศูนย์ศึกษาการก่อการร้าย (Terrorism Studies Center) ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ Thai E-News ซึ่งได้อรรถาธิบายไว้ว่า





    ก.การก่อการร้ายสากล



    -ความหมายของคำว่าการก่อการร้ายสากล
    ในการประชุมสมัชชาองค์การสหประชาชาติ เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๑๕ คณะกรรมการร่างกฎหมายองค์การสหประชาชาติกำหนดว่า “การก่อการร้ายสากล” เป็นการกระทำที่



    ๑) มุ่งกระทำต่อบุคคลซึ่งอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น ผู้นำของรัฐ หรือ

       นักการทูต
    ๒) เป็นสลัดอากาศกระทำต่อเครื่องบินโดยสารพลเรือน
    ๓) ส่งผู้ก่อการร้ายไปปฏิบัติการนอกประเทศ
    ๔) ใช้ชีวิตมนุษย์ผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือของการก่อการร้าย



    รัฐบาลไทยกำหนดนิยามคำว่าการก่อการร้ายสากลไว้ในนโยบายการแก้ปัญหาการก่อการร้ายสากลว่า เป็นการปฏิบัติการคุกคาม หรือใช้ความรุนแรงของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มุ่งหวังผลตามเงื่อนไขข้อเรียกร้องทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งส่วนใหญ่จะปฏิบัติการล่วงล้ำเขตแดนหรือเกี่ยวพันกับชาติอื่น การกระทำนั้นอาจเป็นไปโดยเอกเทศปราศจากการสนับสนุนจากรัฐใด หรือมีรัฐใดรัฐหนึ่งสนับสนุนรู้เห็นก็ได้ เมื่อเกิดขึ้นย่อมมีผลกระทบโดยตรงต่อผลประโยชน์ของชาติ พันธกรณีระหว่างประเทศ นโยบายของชาติด้านการเมือง การป้องกันประเทศ เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา ชื่อเสียง และเกียรติภูมิของชาติ


    ข.ลักษณะพิเศษของการก่อการร้ายสากล
    ๑) ผู้ก่อการร้ายอาจไม่เคยมีความบาดหมางและไม่เคยมีความสัมพันธ์มาก่อนกับฝ่ายปราบปรามหรือรัฐที่ทำการปราบปราม แต่ต้องการให้รัฐนั้นปฏิบัติตามหรือจัดให้มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตนต้องการ เงื่อนไขดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐนั้นหรือความสัมพันธ์กับรัฐอื่น หรือทำให้ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ชื่อเสียง และเกียรติภูมิของชาติเสียหาย


    ๒) การก่อการร้ายจะทำให้เกิดการตื่นตระหนกจนควบคุมสถานการณ์ได้ยาก อาจมีการใช้เด็กและผู้หญิงเป็นตัวประกัน ถ้าไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องอาจเกิดอันตรายแก่ตัวประกัน แต่ถ้ายอมทำตามข้อเรียกร้องอาจขัดต่อนโยบายของชาติ และกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การใช้กำลังเข้าปราบปรามอาจเกิดความผิดพลาด ทำให้เสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ สื่อมวลชนจะประโคมข่าวโจมตีปฏิบัติการปราบปราม จนอาจทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปราบปรามต้องโทษถูกจำคุก


    ๓) ผู้ก่อการร้ายจะกระทำต่อเป้าหมายด้วยวิธีการที่ตนต้องการโดยไม่คำนึงว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นชนชาติใดและทรัพย์สินเป็นของชาติใด เช่น การปล้นยึดอากาศยานจะมีหลายชาติเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกเรือ ผู้โดยสาร เครื่องบิน สนามบินที่แวะเติมเชื้อเพลิง สนามบินที่จี้ไปลง ฯลฯ ประชาชนผู้บริสุทธิ์มีความผิดเพียงสถานเดียวคืออยู่ผิดสถานที่และเวลา


    ๔) การแก้ไขสถานการณ์การก่อการร้ายสากลมีกฎหมายเข้าเกี่ยวข้องมากมาย ตั้งแต่กฎหมายภายในประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ ความตกลงทวิภาคี ไปจนถึงความตกลงพหุภาคี

    การแก้ไขวิกฤตการณ์จึงต้องให้หัวหน้ารัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจสั่งการ



    ๕) ในวิกฤตการณ์การก่อการร้ายสากลจะมีสื่อมวลชนจำนวนมากและทุกแขนงมาชุมนุมกันทำข่าว และจะหาวิธีเข้าไปใกล้เหตุการณ์ให้มากที่สุด ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปราบปราม และในทางตรงกันข้ามจะเกื้อกูลต่อฝ่ายผู้ก่อการร้าย โดยผู้ก่อการร้ายสามารถสดับตรับฟังความเคลื่อนไหวและเห็นภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งผู้ก่อการร้ายย่อมปรารถนาจะให้สื่อมวลชนกระจายข่าวการกระทำ ข้อเรียกร้องและอุดมการณ์ของกลุ่มไปสู่ชาวโลก


    ๖) การแก้ไขวิกฤตการณ์การก่อการร้ายสากลต้องการความมีเอกภาพในการตัดสินใจและสั่งการเป็นที่สุด ผู้รับผิดชอบแก้ไขการณ์จะต้องมีเสรีในการตัดสินใจโดยไม่ถูกแทรกแซงจากผู้อื่นหรือหน่วยงานอื่น มิฉะนั้นจะเกิดการลังเลใจ การเสียเวลา และการพลาดจังหวะจัดการขั้นเด็ดขาดเมื่อโอกาสมาถึง


    ค. วัตถุประสงค์การก่อการร้าย
    ค.๑ วัตถุประสงค์ในระยะสั้น (Immediate goals)
    ค.๑.๑ สร้างการยอมรับของการกระทำในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ หรือนานาชาติ
    ค.๑.๒ สร้างสถานการณ์ให้รัฐบาลตอบโต้ กระทำรุนแรงเกินเหตุ และกำหนดข้อจำกัดต่าง ๆ
            ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่พอใจของสาธารณชน
    ค.๑.๓ รบกวน ทำให้อ่อนกำลังหรือสร้างความอับอายให้รัฐบาล กำลังทหารหรือหน่วยรักษาความ

            ปลอดภัยอื่น ๆ
    ค.๑.๔ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลขาดความสามารถในการปกป้องพลเมือง นักการทูตหรือชาวต่างชาติ
    ค.๑.๕ รวบรวมเงินทุนและยุทโธปกรณ์
    ค.๑.๖ ขัดขวางและทำลายระบบสื่อสารคมนาคม
    ค.๑.๗ แสดงพลังและภัยคุกคามที่น่ากลัว
    ค.๑.๘ ขัดขวาง หรือก่อให้เสียเวลาในการตัดสินใจในระดับรัฐบาล ระดับชาติ
    ค.๑.๙  ก่อให้เกิดการนัดหยุดงาน หรือทำงานให้ช้าลง
    ค.๑.๑๐ ทำให้การลงทุนหรือการช่วยเหลือจากต่างชาติหยุดชะงัก
    ค.๑.๑๑ สร้างอิทธิพลต่อการเลือกตั้ง
    ค.๑.๑๒ ปลดปล่อยนักโทษ
    ค.๑.๑๓ สนองแรงจูงใจในการแก้แค้น


    ค.๒ วัตถุประสงค์ระยะยาว (Long-range goals)
    ค.๒.๑ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญในระดับรัฐบาล เช่นการปฏิวัติ สงครามกลางเมืองหรือ

            สงครามระหว่างชาติ
    ค.๒.๒ ให้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ระดับชาติ หรือระหว่างชาติ ในการตัดสินใจนโยบายสำคัญ ๆ และ

            ประชามติ
    ค.๒.๓ ให้ได้รับการยอมรับในทางการเมือง ในฐานะผู้แทนที่ชอบธรรมของกลุ่มชนของชาติหรือกลุ่ม

            การเมือง



    ง.ขั้นตอนของการก่อการร้ายสากล
    การก่อการร้ายสากลส่วนใหญ่ มักจะเป็นการกระทำเพื่อบีบบังคับรัฐบาลของประเทศใดประเทศหนึ่งให้ปฏิบัติตามความต้องการของตนโดยพฤติการณ์ต่างๆ เช่น การจี้เครื่องบิน, การก่อวินาศกรรม, การลอบสังหาร และการลักพาตัว เป็นต้น แต่สิ่งที่ผู้ก่อการร้ายจะต้องกำหนดไว้ในขั้นต้น คือ เป้าหมายของการก่อการร้ายซึ่งจะเป็นเครื่องบังคับหรือต่อรองให้ได้ผลมากที่สุด



    จ.เป้าหมายในการก่อการร้าย อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
    1. เป้าหมายที่ดำเนินการแล้วเกิดผลกระทบรุนแรง อาทิ สถานที่ราชการ, บุคคลที่สำคัญของรัฐ และบุคคลสำคัญต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศหรือเดินทางผ่าน



    2.เป้าหมายที่ดำเนินการแล้วเกิดผลกระทบเล็กน้อยแต่มีผลทำให้มวลชนเสื่อมศรัทธาต่อรัฐที่ไม่สามารถให้ความคุ้มครองได้ อาทิ สถานีตำรวจ, กิจการขนส่งมวลชน, คลังสินค้า เป็นต้น



    ฉ. เป้าหมายผู้ก่อการร้าย
    ๑. เป้าหมายทางทหาร ได้แก่ ทหาร, ที่ตั้งทางทหาร, อาวุธ, กระสุน/วัตถุระเบิด, ศูนย์เครือข่ายคอมพิวเตอร์, สถานที่พักผ่อน รถโรงเรียน เป็นต้น



    ๒. เป้าหมายทางพลเรือน ได้แก่ ระบบพลังงานและวิศวกรรม (เขื่อน, โรงไฟฟ้า, บ่อขุดเจาะน้ำมัน, ท่อส่งน้ำมัน/ก๊าซ, โรงน้ำมัน ฯลฯ) ระบบคมนาคม (เส้นทางรถไฟ, ท่ารถ, ท่าเรือ, สนามบิน ฯลฯ) ระบบการติดต่อสื่อสาร (เครื่องมือ/อุปกรณ์การติดต่อสื่อสาร, ศูนย์คอมพิวเตอร์ ฯลฯ) และบุคคลสำคัญ (จนท.รัฐ/สถานทูต, ตำรวจ, จนท.ติดต่อประสานงาน ฯลฯ)



    ช. เครื่องมือต่อต้านลัทธิการก่อการร้าย
    การโจมตีทางทหารนับเป็นมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายที่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเป็นวิธีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเอาชนะผู้ก่อการร้ายมากที่สุด



    0 0 0



    จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าการกระทำของพันธมิตรนั้นเข้าข่ายของการกระทำที่เป็นการก่อการร้ายแล้ว และวิธีการที่หยุดยั้งการก่อการร้ายที่ว่านี้ ต้องใช้ยุทธวิธีทางทหารเท่านั้น และต้องเป็นยุทธวิธีทางทหารที่ชอบด้วยกฎหมาย มิใช่การปฏิวัติรัฐประหารซึ่งเป็นวิธีการที่ผิดกฎหมาย



    ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะชื่อสมชาย ทักษิณ สนธิ หรือจำลอง หรือไม่ก็ตาม เมื่อเหตุการณ์ถึงขั้นยึดสนามบินนานาชาติสร้างความพินาศย่อยยับให้กับประเทศชาติอย่างประเมินค่ามิได้ ผู้ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นกลไกของรัฐในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่จะนิ่งเฉยดูดายปล่อยให้ประเทศย่อยยับไปกับตาต่อไปไม่ได้แล้ว



    มิฉะนั้นแล้วตราบาปก็จะติดตัวท่านตลอดไปในฐานที่ปล่อยให้ประเทศล่มจมด้วยการ ละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของท่านนั่นเอง

    ที่มา http://www.prachatai.com/05web/th/home/14643

    จากคุณ : อี้จับสี่ - [ 29 พ.ย. 51 02:27:27 A:118.172.66.84 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com