Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    5 อาจารย์นิติศาสตร์ มธ. ออกแถลงการณ์ คำตัดสินศาล รธน. ยุบ 3 พรรค

    http://www.prachatai.com/05web/th/home/14730

    5 อาจารย์นิติศาสตร์ มธ. ออกแถลงการณ์ คำตัดสินศาล รธน. ยุบ 3 พรรค

    5 อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถลงกรณีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณี ยุบ 3 พรรคการเมือง ระบุ ความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นในสังคมที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงหรือไม่ มิใช่เพียงเพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้แล้วจึงสมควรยอมรับ  หากยังจำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดของเรื่องประกอบกันว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมหรือความอยุติธรรม จะก่อให้เกิดความยุติธรรมอันควรแก่การสมานฉันท์หรือไม่ หรือมีคุณค่าควรแก่การยอมรับนับถือในฐานะที่เป็นคำวินิจฉัยในทางตุลาการหรือไม่



    อนึงก่อนหน้านี้ ในเดือนมีนาคม คณาจารย์กลุ่มดังกล่าว ได้แถลงการณ์ถึงการตีความมาตรา 237 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550





    000



    แถลงการณ์ของ ๕ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

    เรื่อง คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคการเมือง



    ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พรรคพลังประชาชน  พรรคชาติไทย  และพรรคมัชฌิมาธิปไตยแถลงปิดคดีในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๑ โดยหลังจากที่มีการแถลงปิดคดีแล้ว  ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยในวันเดียวกันให้ยุบพรรคการเมืองทั้งสามพรรค  พร้อมทั้งสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคทั้งสามพรรคนั้น



    ระหว่างรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเผยแพร่ต่อสาธารณะต่อไป  เรา  กลุ่ม ๕ อาจารย์คณะนิติศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   ขอแสดงความคิดเห็นเบื้องต้นต่อคำวินิจฉัยของศาลในเรื่องดังกล่าว ดังต่อไปนี้



    ๑.  ความยุติธรรมเป็นคุณค่าสูงสุดที่องค์กรตุลาการจำต้องรักษาไว้ให้มั่นคงและแสดงออกให้สาธารณชนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์  เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ว่าความขัดแย้งภายในสังคมจะเป็นอย่างไร   องค์กรตุลาการจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่าการพิจารณาคดีและการวินิจฉัยคดีจะเป็นไปตามกรอบของกฎหมายบนพื้นฐานแห่งความเป็นธรรม



    ๒.  ความน่าเชื่อถือต่อองค์กรตุลาการ   แท้ที่จริง หาได้เกิดจากบทบัญญัติแห่งกฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดอำนาจศาล หรือการกล่าวอ้างว่าคำพิพากษาเป็นที่สุดแล้วซึ่งเราทุกคนจำต้องเคารพแต่อย่างใดไม่  ตรงกันข้าม  เรื่องดังกล่าวนี้จำต้องเกิดมาจากความสมเหตุสมผลในเหตุผลประกอบคำพิพากษา  ความเป็นภววิสัยของเหตุผลประกอบคำพิพากษา  อีกทั้งความเป็นอิสระและการดำรงตนอย่างปราศจากอคติของผู้พิพากษาเท่านั้น คำพิพากษาของศาลจะมีคุณค่าหรือไม่ อย่างไร  นอกจากเพราะกฎหมายกำหนดให้คำพิพากษามีค่าบังคับแล้ว  ก็ยังต้องอาศัยความเชื่อถืออันกอรปด้วยเหตุผลของสาธารณชนประกอบกัน



                  ๓. ในการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อนำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๓๒ และข้อ ๓๗ จะกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีดุลพินิจในการงดไต่สวนพยานหลักฐาน หากศาลเห็นว่าคดีหนึ่งคดีใดมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยก็ตาม ก็มิได้หมายความว่าศาลรัฐธรรมนูญจะปฏิเสธการรับฟังพยานหลักฐานทั้งหมดอย่างสิ้นเชิงจากผู้ถูกร้องตลอดจนจากบุคคลที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากคำวินิจฉัยได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมจะกล่าวไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องตลอดจนผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากคำวินิจฉัยได้มีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มที่แล้วตามหลักการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม



                  ๔.  ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันก็คือ แม้ศาลจะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องในคดีได้แถลงปิดคดีก็ตาม   แต่ในวันที่มีการแถลงปิดคดี  เมื่อผู้ถูกร้องได้แถลงปิดคดีเสร็จสิ้นแล้ว ถัดจากนั้น ด้วยระยะเวลาเพียงเล็กน้อย  ศาลรัฐธรรมนูญก็อ่านคำวินิจฉัยในทันที และปรากฏความผิดพลาดในคำวินิจฉัยซึ่งทำให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องแก้ไขคำวินิจฉัยในขณะที่อ่าน อันเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนทั่วไป การอ่านคำวินิจฉัยของศาลโดยรีบด่วนเช่นนี้  คำวินิจฉัยที่ศาลอ่านจะเป็นคำวินิจฉัยที่ผ่านการพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบกอปรด้วยความเป็นธรรมหรือไม่ วิญญูชนย่อมพิจารณาได้เอง



      ด้วยข้อเท็จจริงข้างต้น  ในสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังขาดความไว้วางใจระหว่างกันอย่างรุนแรงของผู้คนในสังคม เราเห็นว่าความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ย่อมมิใช่เพียงเพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้แล้วจึงสมควรยอมรับ  หากทว่ายังจำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดของเรื่องประกอบกันว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมหรือความอยุติธรรม คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคการเมืองทั้งสามพรรคดังกล่าวนี้ จะก่อให้เกิดความยุติธรรมอันควรแก่การสมานฉันท์หรือไม่ หรือมีคุณค่าควรแก่การยอมรับนับถือในฐานะที่เป็นคำวินิจฉัยในทางตุลาการหรือไม่ คำตอบย่อมขึ้นอยู่กับเสียงแห่งมโนธรรมสำนึกของแต่ละบุคคล  



                                                                      รองศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์

                                                                  รองศาสตราจารย์ ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช

                                                                               อาจารย์ ดร.ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล

                                                                                          อาจารย์ ธีระ สุธีวรางกูร

                                                                                  อาจารย์ ปิยบุตร แสงกนกกุล

    คณะนิติศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

                                                                                             ๓ ธันวาคม  ๒๕๕๑

    จากคุณ : ไม่หวั่นแม้วันมามาก - [ 3 ธ.ค. 51 08:40:38 A:192.168.1.149 X:119.42.77.22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com