“เคารพต่อกฎหมาย”


บทนำมติชน


เมื่อแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศยุติการชุมนุมที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และทำเนียบรัฐบาล ผู้ชุมนุมถอนตัวออกไปในวันที่ 3 ธันวาคม ทำให้ผู้คนพากันโล่งอกที่ความสงบเรียบร้อยจะหวนคืนมาเสียทีหลังตกอยู่ในสภาวะแห่งความอกสั่นขวัญแขวนจากปัญหาความร้าวฉานของคนไทยจนเกิดความรุนแรงหลายครั้งและความฝืดเคืองทางด้านเศรษฐกิจมานานกว่า 6 เดือน

ในส่วนของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่นัดชุมนุมกัน ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพฯ และมีคนส่วนหนึ่งพากันไปปิดล้อมสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลปกครองเพื่อกดดันคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดให้ตัวแทนพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยมาแถลงปิดคดีก่อนจะวินิจฉัยคดียุบพรรคในเช้าวันที่ 2 ธันวาคม แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปด้วยดี แม้พรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนจะถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรค นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ตลอด 6 เดือนเศษที่เกิดความขัดแย้งทางการเมือง พันธมิตรชุมนุมในที่สาธารณะบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก ดาวกระจายไปหน่วยงานของรัฐหลายแห่ง เช่น ปตท. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง ฯลฯ ก่อนจะมาปักหลักในทำเนียบรัฐบาลกว่า 3 เดือน และเข้ายึดสนามบินนานถึง 1 สัปดาห์ จนสายการบินต่างๆ ต้องหยุดขึ้น-ลง ไม่สามารถรับและส่งผู้โดยสารได้ตามปกติ ได้เกิดการต่อต้าน ขัดขวางจากมวลชนที่ให้การสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคพลังประชาชน มีการปะทะกันด้วยอาวุธนานาชนิด การใช้มือตบเข้าไล่ล่ารัฐมนตรี มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนับพันคน สะท้อนให้เห็นว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกไม่ว่าการพูด การแสดงความคิดเห็น การชุมนุม การเดินทาง การเคลื่อนไหว การประทุษร้ายต่อกัน ฯลฯ ถูกใช้ไปอย่างฟุ่มเฟือย ไม่คำนึงถึงผู้อื่นจะเดือดร้อนและเสียหายอย่างไรจากการกระทำของพวกตน เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็ไม่สามารถปกป้องและคุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชนได้เลย

ความไม่มีขื่อมีแปของบ้านเมือง ใครอยากจะด่าใคร ใครอยากจะยึดสถานที่ราชการชุมนุมอย่างไรก็ทำได้โดยไม่ถูกสั่งห้าม ไม่ถูกลงโทษจากกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องการเมืองแห่งการหักโค่น จ้องแต่คอยทำลายล้างกันอยู่ตลอดเวลา ไม่คำนึงถึงเลือดเนื้อและชีวิตของคนอื่น ไม่นำพาต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศ ไม่แยแสว่าถ้าสถาบันบริหารอันหมายถึงรัฐบาลและสถาบันนิติบัญญัติ อันหมายถึงรัฐสภา ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ สังคมไทยจะชะงักงันแค่ไหนและจะอยู่กันไปได้อย่างไร ถ้าคนไทยแบ่งฝ่ายแบ่งสี เลือกข้าง เอาแต่ประหัตประหารกันเอง ชีวิตของคนไทยถูกมองด้วยความอาฆาต เคียดแค้น ชิงชังจากคนอีกฝ่ายราวกับเป็นศัตรูต่างชาติที่ต้องฆ่าให้ตาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อคลื่นลมแห่งความโกรธแค้นสงบลง การกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายก็ไม่ควรจะปล่อยให้ผ่านเลยไปเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดี จะคดีแพ่งหรือคดีอาญาก็ขึ้นกับพฤติการณ์ที่กระทำ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เสียหายจะต้องเข้ามาจัดการ เพื่อให้คนในสังคมทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่ได้เข้าใจว่าถึงแม้จะเกิดวิกฤตแต่ก็มิใช่ข้อแก้ตัวของใครและฝ่ายใดที่จะนำมาอ้างเพื่อให้พวกตนได้รับยกเว้น ไม่ต้องถูกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเข้ามาดำเนินการซึ่งไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรมกับประเทศชาติ

หลายฝ่ายวิเคราะห์ตรงกันว่าความสงบเรียบร้อยที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงระยะสั้นๆเท่านั้น อีกไม่ช้าก็จะมีการเคลื่อนไหวชุมนุมและเกิดปะทะกันอีก แกนนำพันธมิตรแถลงว่าถ้ารัฐบาลหุ่นเชิดกลับมาอีก ทางพันธมิตรก็จะนัดชุมนุมทันที ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบความสงบเรียบร้อยโดยเฉพาะตำรวจจะต้องสรุปบทเรียนและปรับวิธีการทำงานในการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ตรงไปตรงมา ไม่ปล่อยให้ใครและฝ่ายใดกระทำผิดกฎหมายอย่างอุกอาจแล้วทำหน้าตาเฉยเหมือนที่เคยเป็นมาได้อีกแล้ว ตราบใดที่กฎหมายเป็นแค่เพียงเศษกระดาษ เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ตราบนั้นความปั่นป่วน วุ่นวายก็จะไม่มีวันสิ้นสุดลงได้เลย การเคารพต่อกฎหมายและให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และเคารพต่อกฎหมาย และหากใครฝ่าฝืนก็สมควรถูกดำเนินคดี

(ที่มา มติชนรายวัน , 4 ธ.ค. 2551)

จากคุณ : จำปีเขียว - [ วันพ่อแห่งชาติ 18:54:18 A:125.25.35.77 X: ]