การเมืองแบบ ปชป นั้น อาจารย์เอนก ท่านก็ได้วิพากษ์ไว้มากมายแล้ว และก็สรุปได้ว่า เขามีแนวทางเก่า ๆ แบบเดียวกับอายุของพรรคเขา และ เป็นไปแบบที่ นสพ ต่างชาติเรียก ปชป ว่า "Opportunist" (นักฉวยโอกาส) ซึ่งก็น่าจะมีสาเหตุมาจากการวิธีทำการเมืองแบบเก่า ๆ นั่นแหละ ผมไม่อยากมานั่งตำหนิใครในกระทู้นี้

   หากเรามาลองวิเคราะห์ดูว่า เหตุการณ์มันพัฒนาความเลวร้ายมาถึงจุดปัจจุบันนี้ได้อย่างไร ผมว่ามันน่าจะมีประโยชน์มากกว่านะ

   1. รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ผมขอเรียกว่า "บ่อเกิดแห่งความแตกแยก" สาเหตุเพราะ ฐานคติในการร่าง รธน นั้น เป็นฐานคติที่หวาดระแวง จึงกำหนดกฎหมายเชิงห้ามไว้มากมายจนทำงานลำบาก แทนที่จะร่างด้วยฐานคติไว้วางใจซึ่งกันและกัน แล้วไปร่างกฎหมายลูกให้เข้ม เพื่อป้องกันพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น กม. ปปช กม.เลือกตั้ง และผมอยากเสนอให้ตั้ง "สถาบันคุณธรรมจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" เพื่อเป็นเครื่องคุ้มครอง นักการเมืองน้ำดีไว้หน่อย (ปัจจุบันไม่มีใครอยากมาทำงานการเมืองกันเพราะกลัวเปลืองตัวหรือถูกเช็คบิล) สถาบันนี้มีไว้เพื่อให้คำวินิจฉัยในเรื่องที่ไม่ได้กำหนดไว้ในกฏหมายและเรื่องที่หมิ่นเหม่ หรือ ให้คำชี้แนะแก่ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนเริ่มกระทำการใด ๆ ที่ไม่แน่ใจว่าทำได้หรือไม่ เพราะเราต้องยอมรับว่า โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว แต่กฏหมายของไทยนั้นมันเก่ามาก รวมถึงกฎหมายที่ออกใหม่แต่ไม่สอดคล้องต่อบริบทสังคมโลก แต่หากผู้ดำรงตำแหน่งไม่เลือกใช้เส้นทางนี้ก็ต้องไปเสี่ยงกับ ปปช เอง ด้วยเหตุนี้หากบริบททางสังคมและประเด็นสังคมมันเปลี่ยนไป เราก็ไม่ต้องมานั่งแก้ รธน กันทุกครั้งไป
    ผมเป็นผู้หนึ่งที่อยากเห็น สสร 3 เพื่อปรับแนวทางการเมืองแบบใหม่ๆ โดยไม่ใช้ฐานคติเชิงลบ
   2. ความอยากในการเป็นพรรคจัดตั้ง รัฐบาล โดยใช้ บ้านเมืองเป็นตัวประกัน และ ยิงทิ้งตัวประกันที่ละตัว เพื่อสนองตัณหาของตน ผมอยากเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม ที่ต่ำของ สส. ส่วนใหญ่ในประเทศเรา ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่ง อำนาจ และได้กลายเป็นวัฒนธรรมการเมืองที่ฝังรากลึกไปแล้ว ในประเทศที่พัฒนาแล้วพรรคฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องค้านไปเสียทุกเรื่อง ด่ามันทุกเรื่องอย่างที่เป็นมา มันไม่แปลกเลยหากพรรคฝ่ายค้านจะสนับสนุนในเรื่องดี ๆ ที่มีหลักการตรงกันก็ควรแสดงออกและให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่เมื่อด่า ตำหนิ คัดค้าน ไปแล้วแต่ภายหลังมากลับลำก็จะเสียคนเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับนโยบายประชานิยมที่ ปชป กลับมานำเสนออยู่ในตอนนี้
   3. ความเป็นนักโต้วาทีของ สส. พรรค ปชป แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน และ มาตรฐานของสื่อสารมวลชนไทย รวมทั้ง ASTV ก่อให้เกิดการบิดเบือนและสร้างความเครียดต่อ ปชช ปลุกปั่นจนไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้ ความแตกแยกในหมู่ ปชช จึงเกิดจนเป็นวิกฤติไปแล้วในขณะนี้ เรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตมีความซับซ้อนหลายมิติ เช่น กรณีเขาพระวิหาร ซึ่ง ปชช อาจทำความเข้าใจในเหตุการได้ยากและอ่อนไหวต่อประเทศเพื่อนบ้าน กรณีเช่นนี้พรรคการเมือง และ รัฐบาล ควรมีมาตรการควบคุมไม่ให้ลุกลามไปได้
   4. ข้าราชการเก่าหรือที่เรียกว่า อำมาตยาธิปไตย ควรละเว้นการแทรกแซงกระบวนการพัฒนา ปชต ของประเทศ ประสบการณ์ความรู้ของพวกท่านมีคุณค่า แต่เมื่อเส้นทางการพัฒนาได้ผ่านจุดเริ่มต้นมาแล้ว ก็ควรนำความรู้เหล่านั้นมาส่งเสริมกระบวนการพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่ใช่มาล้มกระดานอย่างที่เกิดขึ้นโดย คมช จนกลายเป็น "ความมืดแห่งชาติ" ไปฉิบ

จากคุณ : ดร. ตาสีตาสา  - [ 28 ธ.ค. 51 17:42:21 A:192.168.0.17 X:58.136.203.91 ]

จากคุณ : ของ้าว99 - [ 28 ธ.ค. 51 17:50:27 A:222.123.111.66 X: ]