เอ่อ ไม่เคยจะโกรธขนาดนี้เลย ไม่คิดเลยว่าผลกระทบการปิดสนามบินมันจะมาตกกับเราเต็มๆ บ้าจริง!
เรานะใจเสียมาตั้งแต่ไปกดเงินเดือนเมื่อวันที่ 26 แล้ว
ปรากฏว่ามีเพียงแต่เงินเดือนเข้าคาอยู่ในบัญชี
ด้วยความอึ้งก็รีบวิ่งกลับไปที่สำนักงาน บอกคนทั้งที่ทำงานว่า เงินเดือนออกแล้วนะ แต่ทำไมไม่เห็นเงินโบนัสเลยเนี่ย ทำไมๆๆๆๆๆ
คนทั้งสำนักงานแตกตื่นรีบวิ่งไปกดเงินกันใหญ่ และกลับมาพร้อมกับหน้าที่เหี่ยวแห้ง บอก เอ่อว่ะ ไม่มีเงินโบนัสเข้าจริงๆด้วย
ผู้จัดการหน้าสุขุม นิสัยดี เลยเดินมาปลอบใจทุกคนว่า สงสัยเงินโบนัสเราคงเข้าช้าล่ะมั้ง อย่าพึ่งใจเสียกันเลย
เราก็พยักหน้าหงึกๆ โอเคค่ะ สงสัยโบนัสคงเข้าช้า มันถึงวันที่26เองเนอะ
วันเวลาผ่านไปเราก็เที่ยวไปกดดูเงินในบัญชีทุกวัน พร้อมกับที่ผู้จัดการพยายามปลอบเราว่า ประธานบริษัทเราเขาอาจถือเงินโบนัสมาให้เราก็ได้
วันที่29ก็แล้ว วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ประธานพร้อมกับภรรยาและลูกชายมาร่วมกิจกรรมแจกของขวัญกับเด็กๆในชนบทร่วมกับที่ทำงานเราด้วย
แต่ท่านทั้งสองยังวางสีหน้าสงบ ไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงแต่รอยยิ้มจริงใจให้เรา
พร้อมกันนั้นผู้จัดการก็บอกเราว่า วันนี้จะมีการประชุมกันนะ แล้วเราจะรู้ทุกอย่าง
สี่โมงกว่าพวกเราก็มานั่งรวมกันอยู่ในห้องประชุม พร้มกับท่านประธานและภรรยาของท่าน นั่งยิ้มรอเราอยู่อย่างใจเย็น
ท่านประธานพูดอวยพรพวกเราช้าๆ สิ้นคำอวยพรภรรยาของท่านก็เริ่มคุยกับพวกเราว่า
คุณคงรู้ว่าบริษัทของเราได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินมาก...
พี่เอง(ภรรยาของท่านเรียกแทนตัวเองว่าพี่)และคุณ....(ชื่อประธาน)พวกเราพยายามรักษาพนักงานไว้ทั้งหมด ไม่ได้ไล่ใครออกทุกบริษัทในเครือของเรา ทางรีสอร์ทที่ภูเก็ตได้รับผลกระทบมากที่สุดคือจากยอดจองห้องพักเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เหลือแค่สี่สิบเปอร์เซ็นเท่านั้น การส่งออกชะงักทั้งหมด และหุ้นที่เราเล่นก็ตก เราสูญเสียรายได้ทุกทางไปเยอะมาก...
ท่านประธานถอดแว่นออกมาซับน้ำตาที่ไหลออกมาต่อหน้าเราในที่ประชุม
เราในตอนนั้นทั้งอึ้งและสงสารเป็นที่สุด เราสงสารที่นักธุรกิจที่ดีอย่างประธานและภรรยาต้องมาได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปิดสนามบินเยอะขนาดนี้ และท่านก็อดทนมากพยายามที่กล่าวอวยพรพวกเราดีๆพร้อมกับอธิบายทุกอย่างให้ฟังแต่ในที่สุดท่านก็ร้องไห้
หัวใจเราเหมือนถูกบีบเลยในตอนนั้น มีแต่ความสงสาร...จับใจ
บรรยากาศในห้องประชุมเงียบกริบขณะที่ภรรยาของประธานอธิบายทุกอย่างทั้งหมด
เราได้แต่ยิ้มอย่างจริงใจและส่งสารตาที่เข้าใจมองไปที่ประธาน เราอยากพูดเหลือเกิน ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร...แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
ท้ายสุดท่านประธานหยิบซองขาวขึ้นมาทั้งหมดห้าซองตามจำนวนพนักงาน
ใจเราหล่นไปกองที่ตาตุ่ม หูเริ่มอื้อ... เหงื่อออกทั้งตัว ....ชั้น....กำลังจะตกงานจริงๆเหรอเนี่ย เรารู้สึกเครียดไปทั้งตัว
เราหันไปมองหน้าเพื่อนร่วมโต๊ะที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันอย่างช้าๆ ทุกคนเงียบและจ้องไปที่ซองขาวบนโต๊ะ
ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านี้ ภรรยาประธานก็พูดว่า เราขอขอบคุณที่พวกคุณทำงานหนักมาตลอดปี เราเลยนำของขวัญเล็กๆน้อยๆมามอบให้พวกคุณ เพราะเราอยากเห็นพวกคุณทุกคนมีความสุขในวันปีใหม่นะคะ
นี่คือน้ำใจจากเรา แล้วประธานกับภรรยาก็ยื่นซองสีขาวมาให้ทุกคน
เราก้มลงมองไปที่ซอง เขียนว่า สคส.แด่ ...... เราอึ้ง น้ำตาแทบไหลแหน่ะ
ซองนั้นคือซองเงินจำนวนหนึ่ง
ประธานพูดย้ำขึ้นอีกครั้ง เราอยากให้พวกคุณทุกคนมีความสุขในวันปีใหม่นะครับ
ภรรยาของประธานลูบไปที่แขนท่านและบอกว่าเมื่อทุกคนมีความสุขกันแล้ว คุณก็ต้องหาความสุขให้ตัวเองบ้างนะคะ และพวกเค้าก็มองหน้ากัน เรามองไปที่ท่านสองคนแล้วเรารู้สึกถึงความอบอุ่นยังไงไม่รู้ อยากให้เวลามันหยุดไว้ตรงนี้นานๆจริงๆ
......
หลังจากเลิกประชุม ประธานและภรรยาเดินทางกลับไป ทุกคนทั้งบริษัทยังนั่งอึ้ง พร้อมกับมองหน้ากันพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่มีใครโกรธประธานบริษัทหรอก ขอบคุณที่เรายังมีงานทำอยู่ แม้ปีนี้เราไม่มีโบนัสและเงินเดือนที่ไม่ขึ้นไปอีกพักใหญ่ไม่รู้นานเท่าไหร่
เปิดซองขาวที่ได้มามีเงินบรรจุอยู่ข้างในถึงห้าพันบาท ....
เราควรดีใจนะ ถ้ามันไม่มีรายจ่ายบานตะไทรอเราอยู่ในเดือนหน้านี้เพราะเราสัญญากับพ่อแม่ว่าเราจะจ่ายหนี้บางอย่างแทนพวกท่านเป็นของขวัญปีใหม่
แล้วตอนนี้เราไม่มี ไม่มีเงินมากพอ เงินที่เราฝันจะเอามาช่วยพ่อแม่...ไม่มีแล้ว
เราได้แต่นั่งคิดและเครียด กินข้าวไม่ลง เราจะหาเงินจากไหนมาหมุนกัน และ
เราจะทำยังไงดี...
มันทำไมต้องทำให้เราทุกข์ใจมากขนาดนี้มันเป็นเพราะใครกัน
พธม.พวกคุณรู้ตัวไหม... ตลอดเวลาที่พวกคุณนั่งกินนอนกินปรบมือแปะๆยิ้มหน้าบานอยู่ในสนามบินตอนนั้นมันส่งผลร้ายขนาดไหน
เราอยากจะถาม เราทำอะไรให้พวกคุณหื้ม? เราไปเผาบ้านคุณเหรอพธม. ทำไมต้องมาทำร้ายเราแบบนี้
เราอึดอัดใจมากเลย อยากให้พวกนี้มาตอบคำถามเราหน่อย เรากำลังจะร้องไห้รู้รึเปล่า เราเครียดมาก
เราเล่ามาขนาดนี้ยังภูมิใจอยู่ไหมว่าทำเพื่อประเทศชาติ
ใครที่เป็นพธม.หรือมีพ่อแม่พี่น้องหรือญาติที่ไปนั่งในสนามบินรู้ไว้ด้วยนะคะ เราคือคนไทยคนหนึ่งที่นั่งร้องไห้จากผลกระทบในการกระทำของคุณ มันงี่เง่า มันทำร้ายทั้งเราและคนดีๆอย่างประธานเรา รวมถึงคนอื่นๆที่เราเอ่ยถึงไม่มีวันหมดทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่ได้รับผลกระทบนี้
นี่ประธานบริษัทเราเขามีคุณธรรมเขามีความเห็นใจพนักงานนะเขาถึงไม่ปลดไม่ไล่ใครออกสักคนแม้ทุกอย่างมันแย่
แต่บริษัทอื่นล่ะ คนที่ตกงานเพราะบริษัทต้องปิดตัวล่ะ ใครจะรับผิดชอบเขา?
พธม.พวกคุณไม่มีวันจะมีชีวิตที่ดีหรอกเราขอบอกไว้ตรงนี้ คนที่สร้างความทุกข์ใจแสนสาหัสให้กับคนทั้งประเทศ คนที่ทำร้ายหัวใจของคนอื่นมันจะต้องพบกับความหายนะ เวรกรรมจะสนองคืนอย่างสาสมกับสิ่งที่คุณทำ...
สุดท้ายแล้วสุดท้ายจริงๆ ช่วยพธม.ทุกคนอ่านประโยคนี้นะคะ จงอ่านย้ำๆปริ้นมาติดไว้หัวนอนเลย
เราคนไทยคนหนึ่งไม่เคยขอให้คุณมาเป็นตัวแทนของเราไม่เคยอยากจะขับไล่รัฐบาลที่เราเลือกมาสักครั้ง มีแต่พวกคุณ และใครกันที่มันบงการอยู่เบื้องหลังทั้งนั้น มาทำลาย ทำลายทุกอย่างที่เราเลือกมา...
สิ่งที่พวกคุณทำมาทั้งหมด มันทำลายประเทศไม่ใช่กู้ประเทศจากที่ไหนทั้งนั้น
ตอนนี้คุณอาจนั่งขำและคิดในแบบพวกคุณเองว่า เราคือศัตรู เราไม่มีเหตุผล ท้ายสุดก็คงสรุปเอาว่าเราคงเป็นสีแดงแน่ คงเข้ามาแต่งเรื่องด่าพวกคุณไปวันๆ
ถ้ากำลังคิดแบบนี้ผิดล่ะ เราจะไม่เสียเวลามานั่งพิมพ์เรื่องโกหกตั้งกระทู้
เรื่องทั้งหมดมันคือความจริงที่เราต้องเผชิญและยังไม่รู้ว่าจะมีพายุลูกใหญ่ตามมาอีกไหมในปีหน้านี้
....เราไม่มีอะไรจะพิมพ์แล้วล่ะ เพราะมันคือเรื่องจริงไม่ใช่นิยาย และมันจะจบแค่นี้ไม่มีภาคต่อ
จากคุณ :
เสียงจากบ้านนา
- [
30 ธ.ค. 51 21:08:05
A:222.123.214.164 X:
]