ความคิดเห็นที่ 1 ระบบพรรคการเมือง 2 พรรค+พรรคอิสระ เป็นยอดปรารถนาของการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่กว่าเราจะไปถึงจุดนั้น ต้องเตรียมความพร้อมมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะ คุณภาพประชากร มิเช่นนั้น นักการเมือง จะซื้ออำนาจปกครองได้ จากคุณ : asiam - [ วันสิ้นปี 12:14:19 A:192.168.0.17 X:125.27.28.195 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ^^^ แนวความคิดคุณเป็นการดูถูกประชาธิปไตย ทำให้นำมาเป็นข้ออ้างว่า ที่ชนะมาเพราะมีแต่คนโง่ๆเลือก มีแต่คนถูกซื้อมา จากคุณ : ผู้เสพความรอด - [ วันสิ้นปี 12:54:45 A:222.123.164.77 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 แนะให้ลองกลับไปศึกษาการเมืองของประเทศสารขัณฑ์ในช่วงหลังปี 41-42 ตอนนั้นประเทศนั้นก็แทบจะเหลือ 2 พรรคแ้ล้ว แต่พรรคที่แพ้มีตัวช่วย ระบบของประเทศจึงพัง แถมพรรคเล็กพรรคน้อยเกิดขึ้นมาเต็มไปหมด ทุกอย่างย้อนกลับไปก่อนช่วงปี 35 ทีการจัดตั้งรัฐบาลเป็นแบบ buffet cabinet (ผมเขียนถูกหรือเปล่า) จากคุณ : khanchang - [ วันสิ้นปี 13:20:29 A:124.120.160.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 การที่มีพรรคเพียง 2-3 พรรค น่าจะเป็นการกำจัดนักการเมืองที่ชอบขายตัวเอง หรือแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการรวมกลุ่มก๊วนเพื่อใช้เป็นอำนาจต่อรอง เหมือนอย่างกลุ่มก๊วนการเมืองเลวๆบางกลุ่ม   เพราะหากเขาสามารถไปตั้งพรรคใหม่หรือไปสังกัดพรรคใหม่ได้ง่ายๆ พวกนี้ก็จะไม่ลังเลใจที่จะเอาอำนาจต่อรองของตัวเองไปต่อรองกับใครก็ได้ แต่หากประเทศไทยมีเพียง 2-3 พรรค คนกลุ่มนี้จะหากกระทำการใดๆที่ประชาชนรู้สึกเกลียดชัง พวกนักการเมืองขี้ฉ้อเหล่านี้ก็แทบหมดอนาคต เพราะคราวหน้าประชาชนก็ไม่เลือก หรือไม่ก็พรรคใหญ่ๆเหล่านี้ก็มีสิทธิ์ไม่รับนักการเมืองเหล่านี้เข้าพรรคได้ เพราะขืนรับเข้ามาประชาชนก็จะไม่เลือกพรรคนั้น ผมมองที่ประเด็นนี้...อย่างน้อยก็คือการคัดกรองนักการเมืองเลวๆบางประเภทออกไปจากสังคมไทยได้บ้าง ส่วนการมองของความเห็น 2 นั้น ผมว่าการดูถูกประชาธิปไตย คือ การดูถูก ประชาชนว่าโง่ (ที่ชนะมาเพราะมีแต่คนโง่ๆเลือก) เพราะผมเชื่อว่าคนเราไม่ได้ฉลาดมาตั้งแต่เกิด จะต้องผ่านชั่ว ผ่านดี ผ่านประสบการณ์ทั้งดีและเลวมาก่อน และรู้จักจดจำ แยกแยะสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตได้ รวมทั้งมีพวกพ้อง น้องพี่ที่ช่วยกันประคับประคองไปด้วยกัน นั่นจึงถือว่าเป็นประชาธิปไตย เพราะเป็นการ่วมมือกันของคนส่วนใหญ่ เสียงส่วนใหญ่ และเห็นดี เห็นชอบกับคนส่วนใหญ่ ร่วมทางไปด้วยกัน... ส่วนความเห็นที่ 3 ผมเห็นด้วยกับมุมมองเรื่องปี 41-42 ที่มีพรรคเข้มแข็งอยู่เพียง 2-3 พรรค หากไม่ถูกแทรกแซงจากกลุ่มอำนาจบางกลุ่มที่ไม่ยอมใช้วิถีทางประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่แอบแฝงมาใช้วิธีการบางอย่างของประชาธิปไตย และอาศัยการค่อยๆทำลายระบอบประชาธิปไตยทีละน้อยๆ รวมถึงใช้วิธีการเอาชนะแบบไม่รู้จักน้ำใจนักกีฬา และไม่ยอมใช้วิถีทางของประชาธิปไตย แค่การกล่าวอ้าง แต่ทำลายสังคม และเศรษฐกิจของชาติจนย่อยยับ (เหตุผลนี้ที่ผมกล่าวมาเสมอในห้องนี้ การมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ คือ ทุกคนมีสิทธิ์ แต่ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิ์ผู้คนอื่นด้วย) จากคุณ : hairmaster - [ วันสิ้นปี 13:49:26 A:192.168.0.17 X:124.120.49.201 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนนี้เมืองไทยกำลังจะเหลือพรรคใหญ่พรรคเดียว การไปประท้วงดิฉันไม่เห็นว่าเกิดประโยชน์ นอกจากทำให้เสียหายกันหมดทุกฝ่าย คนที่ได้ประโยชน์ก็มีแค่แกนนำ ถ้าจะรวมตัวกันโดยไม่ต้องอาศัยแกนนำ ถึงจะเป็นเพียงหลัก 100 แต่ดิฉันว่ายังมีพลังกว่า การพึ่งแกนนำที่สังคมรับไม่ได้ แต่ถ้าจะให้มีพลังกว่านั้น ควรมีคนทุกหมู่เหล่า เสื้อทุกสี มันดูเป็นความต้องการของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่การเอาชนะคะคานกัน เวลาเรียกร้องอะไรขอให้มีเหตุมีผล ไม่ใช่แบบวันก่อน มาพูดได้ไงว่า "เปิดทางให้เข้าแล้ว รัฐบาลไม่เดินไปเอง" ประชาชนได้ยินก็ส่ายหัว แต่ถ้าเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญ ปล่อยนักการเมืองออกจากบ้านเลขที่ 111 น่าจะมีนักวิชาการ ประชาชนช่วยหนุนหลังให้ เพราะถ้าเรียกร้องให้ยุบสภา แต่พอมองไปที่พรรคเพื่อไทยตอนนี้ แต่ละคน... ใครวะ? ว่าแล้วก็หันไปสนับสนุนให้ปชป.บริหารต่อไป ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ต่อไปจะเหลือปชป.เป็นพรรคใหญ่พรรคเดียว แล้วดิฉันอยากให้เพื่อไทยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ การเมืองที่จะหวังพึ่งคนคนเดียวเป็นจุดขายมันโบราณไปละ ทั้งๆที่มีคนเก่งมีความสามารถอยู่ไม่น้อย แต่ประชาชนไม่รู้หรอก นึกว่าทุกอย่างมาจากสมองทักษิณคนเดียว สมมุตินะ แค่สมมุติ เกิดอะไรขึ้นกับทักษิณปุ๊บ เพื่อไทยก็จบเห่ทันที จากคุณ : NoMerzi - [ วันสิ้นปี 16:00:46 A:61.7.141.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 อยากให้มีพรรคเด่นพรรคเดียว เหมือนสิงคโปร์ครับ จากคุณ : Mr.Green - [ วันสิ้นปี 20:15:57 A:58.8.97.162 X: ]