ความคิดเห็นที่ 1 หากมีโกดังกระจายสินค้าเกิดขึ้นจริงๆ คิดว่าพ่อค้ารายย่อย สามารถสู้ราคาร้านสะดวกซื้อหรือห้างยักษ์ได้ เพราะต้นทุนคงไม่ห่างกันมาก เน้นแข่งที่ราคา  บริการกันเอง  มนุษยสัมพันธ์เพื่อนบ้าน รู้จักการจัดโปรโมชั่นแข่งบ้าง ตามข่าวโปรโมชั่นร้านสะดวกซื้อด้วย อันไหนแข่งได้ จัดโปรฯไปเลย เหมือนที่โลตัสบิ๊กซีเฉือนกันไปมา แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 52 23:16:51 จากคุณ : พระลพ - [ วันปีใหม่ 23:15:58 A:125.26.37.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไอเดียดี เคยมีคนเสนอแล้ว แต่ไปไม่ถึงฝั่ง -*- แล้วก้เงียบไป จากคุณ : Kross_ISC - [ วันปีใหม่ 23:45:46 A:193.61.104.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 การทำโกดังกระจายสินค้าดังกล่าว ปัญหาคือ ผู้ค้าปลีก จะต้องร่วมลงทุนในลักษณะ"หุ้นส่วน"ของโกดัง และใช้เงินส่วนกลางของหุ้นนั้น ในการสั่งสินค้าจากผู้ผลิต เพราะการที่รัฐจะเป็นผู้ลงทุนนั้น การ order สินค้า จะกลายเป็นภาระของทางรัฐ และรัฐจะกลายเป็น megastore เสียเอง ส่วนการให้เอกชนเป็นผู้ order เทสโก้ ก็จะอ้างว่าเขาทำอยู่แล้ว ยังไม่รวมปัญหาของยี่ปั๊ว ที่มีโกดังของตนอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะรวมตัวกันได้ระดับจังหวัด ก็ไม่สามารถสู้ทุนใหญ่ได้อยู่ดี เพราะรายนั้น เขา order รวมระดับประเทศ ทางออกที่ดีคือ รัฐต้องกำหนดโซนิ่งของการตั้ง Megastore ให้ห่างจากชุมชน เพื่อเป็นการแยกตลาดให้ชัดเจน ระหว่างคนที่จะเดินทางไกลๆเพื่อซื้อของล็อตใหญ่ กับคนที่อยากซื้อแค่แปรงสีฟัน ยาสีฟันอย่างเดียว ผมว่าภัยคุกคามของร้านปลีกในชุมชน ไม่ใช่ Megastore แต่เป็นร้านสะดวกซื้อ อย่าง 7-11 108shop และ familyMart มากกว่า เนื่องจากจากร้านค้าเหล่านี้ มีระบบ Logistic ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากกว่าร้านปลีก ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าแบบร้านปลีกในราคาที่ถูก และมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ใจกลางชุมชนได้ ร้านปลีกเอง ก็ต้องมีการพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่รอเจ๊ง หรือรอแต่รัฐช่วย การปรับปรุงร้านให้ทันสมัย สะดวกสะบายแก่ลูกค้า มีการตรวจสอบสต๊อกที่มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบคุณภาพสินค้าจะทำให้ร้านปลึกมีความน่าเชื่อถือในชุมชนมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ถามหาแชมพูกลิ่นกุหลาบเพราะใช้ประจำ ก็ไม่มี มีแต่กลิ่นอัญชัน จะเอามั้ย เหลือขวดสุดท้าย ไอ้นั่นไม่มี ไอ้นี่หมด โดนแบบนี้ครั้งสองครั้ง ลูกค้าก็หนีไปร้านสะดวกซื้อ บางร้านขายมา 20 ปี แต่ไม่มีงบปรับปรุงร้าน เพราะขายได้เท่าไหร่ ก็ใช้จ่ายหมด ขาดการวางแผนร้านค้าที่ดี ไม่มีการสำรองงบสำหรับการพัฒนาและปรับปรุงบริการ เมื่อมีร้านใหม่ ที่ทันสมัยกว่าเข้ามา ก็เสียเปรียบ อันนี้คงไปโทษทางนักลงทุนไม่ได้ มันเป็นกลไกของธุรกิจ ซึ่งต้องสนองความต้องการของลูกค้า หากไม่สามารถสนองได้ ก็เสียลูกค้า เป็นธรรมดา เห็นใจร้านปลีก แต่ท่านก็ต้องรู้ว่าปัญหาส่วนหนึ่ง เกิดจากการไม่พัฒนาของท่านเอง และคนที่จะแก้ปัญหาได้ ต้องเริ่มที่ตัวท่านเองก่อน อยู่ในชุมชนมานาน มีข้อได้เปรียบเรื่องความสัมพันธ์อยู่แล้ว ใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ข้อเสียเปรียบมีอะไร ต้องดูร้านท่านเอง แล้วลบจุดด้อยให้ได้มากที่สุด ทำแล้ว ค่อยเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าช่วยเหลือในสิ่งที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 52 00:13:27 จากคุณ : asiam - [ 2 ม.ค. 52 00:02:19 A:125.27.70.189 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นไปได้ไหมครับที่จะผลักดันนักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นคนไทยแท้ๆ มีประสบการณ์ด้านธุรกิจ  อยากขยายกิจการมาลงทุนธุรกิจตัวนี้ สั่งสินค้าล๊อตใหญ่จากผู้ผลิต เอาให้ได้ราคาเหมือนที่โลตัสเขาซื้อ บริหารจัดการกระจายสินค้ารวดเร็วทันท่วงที เก็บฐานข้อมูลสำคัญ ในส่วนที่ยี่ปั๊วสินค้าบางประเภทที่มีโกดังใหญ่อยู่แล้ว ก็อาจจะไม่ต้องทำในส่วนนั้น แต่ประสานงานกัน ประชาสัมพันธ์ให้พ่อค้ารายย่อยทราบ ไม่ว่าต้องการสินค้าราคาขายส่งชนิดใด ต้องได้ซื้อ โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงกทม. ใครอยากขายอะไร ต้องได้ขาย และรู้แหล่งที่ซื้อ ขั้นต่ำต้องซื้อเท่าไร ถึงจะได้ราคาเท่าไร หมดฤดูเก็บเกี่ยว นายไก่ ชอบขายไม้กวาด ไปถึงโกดังซื้อมา หรือถ้าโกดังไม่มี ต้องรู้แหล่งยี่ปั๊วรายอื่นที่ไม่ต้องไปถึงกทม. ไม่มีรถ ก็เดินเร่ขายไปเรื่อยๆ อย่างไม้กวาดทางมะพร้าวนี่ ห้างไม่มีขาย  ประชาชนซื้อของห้างซะจนบางทีจะซื้อของบางอย่าง ยังไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน นางสาวกุ๊ก นักศึกษา  อยากมีรายได้พิเศษช่วงเทศกาล หุ้นกับเพื่อน ไปซื้อตุ๊กตาที่โกดัง เพื่อนบางคนเอารถที่บ้านออกมาใช้ได้ ก็ช่วยกันไปขนตุ๊กตา  คืนวันลอยกระทง มาเปิดท้ายขายของแถบวัด สถานที่ลอยกระทง นายบอย ออกจากงานประจำ มีเงินเก็บ ภรรยามีฝีมือทำอาหาร อยากทำร้านหมูกะทะ  ก็ไปซื้อของสดที่ห้องเย็นก็ได้ ทั้งหมู ผัก ผลไม้ แต่หากซื้อน้อยก็ซื้อตลาดสดใกล้บ้านแทนก็ได้ ซื้อจำนวนมาก ต่อรองราคาพ่อค้าที่ตลาดให้ได้ถูกกว่าซื้อจำนวนน้อย หากขยายกิจการใหญ่โต  ก็ค่อยไปซื้อจากโกดังห้องเย็นก็ได้ จากคุณ : พระลพ - [ 2 ม.ค. 52 00:28:25 A:125.26.37.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 "ผมว่าภัยคุกคามของร้านปลีกในชุมชน ไม่ใช่ Megastore แต่เป็นร้านสะดวกซื้อ อย่าง 7-11 108shop และ familyMart มากกว่า เนื่องจากจากร้านค้าเหล่านี้ มีระบบ Logistic ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากกว่าร้านปลีก ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าแบบร้านปลีกในราคาที่ถูก และมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ใจกลางชุมชนได้" พ่อค้าปลีกไม่มีกำลังซื้อล๊อตใหญ่ จึงได้สินค้าที่ต้นทุนมาแพง แข่งราคา 7-11 ไม่ได้  หากได้สินค้าต้นทุนถูก  จะช่วยลดต้นทุนได้ สามารถแข่งราคาได้ หากมีโกดังที่มีสินค้าหลากหลายครอบคลุม  โดยที่พ่อค้าไม่ต้องไปสั่งยิบย่อยจากกทม.ตรงนั้นที่ตรงนี้ที  และก็ไม่ได้ราคาถูกด้วยเพราะไม่ได้ซื้อล๊อตใหญ่ๆเท่าโลตัส หรือเซเว่นเขา  มีโกดังตรงนี้น่าจะช่วยได้เยอะ ตอนนี้โลตัสทำ Lotus Express ด้วยแล้ว เซเว่นเองก็โดนแบ่งส่วนแบ่งร้านสะดวกซื้อไปเหมือนกัน ส่วนการปรับปรุงร้านของพ่อค้า นั้นสำคัญยิ่งเลยครับ บางทีอยากทำเบเกอรี่ ไปซื้อของที ฝุ่นนี่เขรอะเลย   ของลง แกะลังเปิดเลย ไม่มีที่วางชั้นวางมากพอ พ่อค้าควรศึกษาเรียนนรู้ฝึกฝนกลยุทธ์ใหม่ๆมาต่อสู้ แต่หากไม่มีใครสอนเขา ให้ความรู้แก่เขาก็คงยากเหมือนกัน เพราะแม้แต่จบป.ตรีมา บางทียังได้เรียนแต่ตำรา ต้องเน้นฝึกจริง มีเทรนเนอร์มืออาชีพ แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 52 00:38:49 จากคุณ : พระลพ - [ 2 ม.ค. 52 00:35:11 A:125.26.37.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ต้นไม้ในป่า  มักโต ด้วยตนเอง รัฐบาล มีหน้าที่ป้องกัน  รักษาความสงบ และ ผลกระทบจากต่างประเทศ เท่านั้นพอ ที่เหลือ  ประชาชน  ทำเอง  คนที่เก่ง มีความสามารถ ก็ไปรอด เอง ไม่ต้องมาบิดเบือนตลาด  เปล่าประโยชน์โดยแท้ .................................................................................   การค้า คือ ศาสตร์ และ ศิลป์ จากคุณ : siri_IP - [ 2 ม.ค. 52 00:37:58 A:124.121.141.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 นักลงทุนไทยแท้ๆ กำลังทำอยู่ ก็คือ เครือสหพัฒน์ครับ แต่เขาเปิดร้าน 108 shop ขายซะเอง โดยใช้ Logistic ขนาดยักษ์ของสหพัฒนพิบูลย์ในการส่งสินค้า ก็อย่างที่บอกครับ ถ้าเอกชนลงทุน ก็ไม่ต่างอะไรกับ Tesco หรอกครับ ไม่ว่าไทยหรือเทศ ไม่มีใครจะทำธุรกิจเพื่อการกุศลแน่นอน ร้านปลีกต้องช่วยตัวเองครับ วิธีง่ายๆเลย สมัครเป็นเฟรนไชส์ของบริษัท Logistic รายใหญ่เลยครับ ตอนนี้มีเปิดหลายแห่ง ไม่ได้โฆษณาให้ครับ แต่ผมว่าเป็นทางรอดแบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ระหว่างธุรกิจในชุมชน กับผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้ารายใหญ่ จากคุณ : asiam - [ 2 ม.ค. 52 00:38:02 A:192.168.0.17 X:125.27.70.189 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การค้า คือ ศาสตร์ และ ศิลป์ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แต่ชาวบ้านต่างจังหวัด ยังขาดชั้นเชิงอยู่มากจริงๆในเรื่องการค้า รู้แค่ซื้อมา ขายไป  บางทีก็ไม่ได้สนใจค่าใช้จ่ายที่ซ่อนเร้นต่างๆ จากคุณ : พระลพ - [ 2 ม.ค. 52 00:40:55 A:125.26.37.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 แค่คิดก็ผิดแล้ว  ถามว่า  SME ต้องการวัตถุดิบราคาถูก   หรือ  ต้องการ  โอกาสการขายกันแน่ ถามผม  ......  โอกาสการขาย ครับ ไปคิดต่อเอาเองนะ :-) จากคุณ : siri_IP - [ 2 ม.ค. 52 00:43:51 A:192.168.0.17 X:124.121.141.173 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณนะครับ สำหรับความคิดเห็น เราเองไม่ได้มีความรู้ประสบการณ์ด้านธุรกิจมาก่อน ได้แต่สอนหนังสือ แต่ตอนนี้ ไปกลับกทม.กับตจว.ทุกอาทิตย์ เพราะว่าต้องไปหาแฟน  ก็เลยมาเริ่มขายของตลาดนัด โดยซื้อสินค้าจากห้างไอที ก็จะได้ราคาถูก สามารถตั้งราคาแข่งกับโลตัสที่จังหวัดเราได้เลย เราขายของตลาดนัดที่ตั้งด้านนอกห้างนั่นแหละ เราหั่นราคาให้ลูกค้าเห็นๆเลย   เราคิดว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ เน้นถูกมากกว่าความสะดวกสบาย   ถ้าได้ถูก ต่อให้เดินวนจนขาลาก ลูกค้าซื้อร้านที่ถูกที่สุด  บางคนต่อราคาเราอีก เราไม่ลดให้ สุดท้ายก็กลับมาซื้อเรา เราขาย ชาร์จมือถือ อันละ 59บ. ถูกสุดในละแวก คุณภาพเหมือนๆกัน มีประกันหลายเดือน ในขณะที่โลตัสขาย 199บ.มั๊ง หรือ 99บ.เนี่ยหละถ้าจำไม่ผิด   สินค้าเกรดเดียวกัน ร้านค้าปลีกตลาดนัดขายมากกว่าเราสักประมาณ 20บ. เราคิดว่า โอกาสในการขายของเรา มาจากการที่เราตั้งราคาถูกด้วยนะ แต่สินค้าประเภท ยาสีฟัน แปรงสีฟัน อันนี้อาจเป็นอีกอย่าง ให้เรามาซื้อแชมพูตามตลาดนัดเราก็ไม่กล้า เพราะเคยได้ยินมาว่ามีของปลอมด้วย จากคุณ : พระลพ - [ 2 ม.ค. 52 00:54:50 A:125.26.37.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยกับ คห.10 นะครับ แต่เรื่องการลดต้นทุนการผลิต ก็เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มโอกาสในการขายครับ และต้นทุนวัตถุดิบ ก็เป็นส่วนสำคัญของต้นทุนการผลิต ทั้งโอกาสการเข้าถึงวัตถุดิบราคาถูก กับโอกาสในการกระจายผลผลิต ผมว่าสำคัญเท่าๆกันครับ ควรให้ความสำคัญทั้งสองส่วน เพียงแต่ว่า การให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบราคาถูก ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนกลไกตลาด เพียงแค่ป้องกันการผูกขาด หรือการตั้งราคาวัตถุดิบสูงเกินจริงก็พอครับ ยกตัวอย่าง บริษัทขายไก่สดชื่อดัง ที่เจ้าของไปสร้างบ้านใหญ่ๆแถวพัทยา มีบริษัทขายอาหารไก่ในเครือ ขายให้บริษัทตัวเอง 10บาท ขายให้คนเลี้ยงไก่ทั่วไป 20บาท แบบนี้เกษตรกรคนเลี้ยงไก่ท่ไหน จะกดต้นทุนสู้ได้ครับ ต้นทุนเลี้ยงไก่สูงกว่า ก็ออกมาสู้ตลาดไม่ไหว ประเด็นเหล่านี้ คือส่วนที่รัฐบาลจะมาช่วยกำกับดูแลได้ และควรอย่างยิ่งครับ เงินเป็นแสนล้าน เอาออกมาช่วยนักเล่นหุ้น นายธนาคารไม่กี่คน ยังทำมาแล้ว สักอะไรกับการช่วย เกษตรกร 80% ของคนในชาติ เรื่องค้าปลีก และ sme ก็เช่นกันครับ ช่วยดูแลความเป็นธรรม และการผูกขาดวัตถุดิบให้ ก็จะช่วยได้มาก จากคุณ : asiam - [ 2 ม.ค. 52 00:55:17 A:125.27.70.189 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เซ็ง ตัวเอง การเพิ่มโอกาสการขาย > 4 P เป็น การเพิ่มความน่าจะเป็นของการขาย  ..... หัวใจเลยนะ การลดต้นทุน < 4 M  เป็นส่วนย่อย ของ ธุรกิจ  (เมื่อธุรกิจ ไม่มีทางอื่น) .............................................................................................. ตลาดปัจจุบัน ยังไม่เป็นตลาดในอุดมคติ (เศษศาสตร์เบื้องต้น)  ประชาชน ยังไม่เข้าถึงข้อมูลตลาด    มีกี่คน รู้ว่าคุณขายเครื่องไฟฟ้าถูกกว่า โลตัส , แล้วใครจะเชื่อว่าดีจริง และเราควรทำอย่างไรให้ขายได้? ตอบ ...  (คำตอบอยู่ข้างบน) อ่านดี ๆ ...................................................... การค้า  ถ้าคิดจะค้ากับคนในบ้าน ไม่มีวันโต (วันนี้ คุณท่องศัพท์ ภาษาอังกฤษ จีน ฯลฯ แล้วหรือยัง) ....................................................... ถ้าคิดจะอยู่อย่าง เล็ก ก็ต้องประหยัด (คุณคิดถูก) ถ้าคิดจะอยู่อย่าง ใหญ่ ก็ต้องคิดใหญ่ ๆ(คุณคิดผิด) ........................................................ อย่าคิดใช้มือคนอื่น ช่วยเรา  เราควรช่วย....ตนเอง 5555 (อย่าคิดลึก) แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 52 01:21:50 จากคุณ : siri_IP - [ 2 ม.ค. 52 01:19:39 A:124.121.141.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 บังเอิญสินค้าจีนใช้ 4M ตีตลาดโลกกระเจิงเลยนะท่าน น่าสนใจศึกษาไม่น้อย จากคุณ : asiam - [ 2 ม.ค. 52 01:22:22 A:125.27.70.189 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ยังไม่นอนหรือ จีนโต เพราะอะไร???  เพราะ ค่าแรงถูกที่สุดในโลกหรือ (มีที่อื่นถูกกว่าไหม) หรือว่าคนลงทุนคิดว่าจีนมีโอกาส....กิจ  บลา บลา บลา :-) สินค้าอะไรเอ่ยที่จีนโตตัวของมันเอง  นอกจากผลไม้, สินค้าพลาสติกเกรด สอง ? แล้วใครเป็นคู่แข่ง ? วันนี่  คุณซื้อ Iphone copy จากจีนแล้วหรือยัง หรือ จะรับ Iphone ของแท้ราคาแพงแต่จ้างจีนทำดี ครับ ?? แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 52 01:39:47 จากคุณ : siri_IP - [ 2 ม.ค. 52 01:34:20 A:124.121.141.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอโทษ ครับ จขกท ที่นอกเรื่อง แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 52 01:45:53 จากคุณ : siri_IP - [ 2 ม.ค. 52 01:45:34 A:124.121.141.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนนี้ร้านค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในห้างไอที ที่เราเดินซื้อของมาขาย มีร้านที่เจ้าของร้านเป็นคนจีน ประมาณ 20% นะ อีกหน่อยคงแทรกซึมมามากกว่านี้ จากคุณ : พระลพ - [ 2 ม.ค. 52 01:51:30 A:125.26.37.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ท่อง สร้างโอกาส ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อ่าน คคห 13 การค้า  ถ้าคิดจะค้ากับคนในบ้าน ไม่มีวันโต (วันนี้ คุณท่องศัพท์ ภาษาอังกฤษ จีน ฯลฯ แล้วหรือยัง) *คนจีน ท่องภาษาไทยแทน จากคุณ : siri_IP - [ 2 ม.ค. 52 01:59:42 A:124.121.141.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 สมัย เนวิน เป็น รมช.พานิช มีโครงการ ร้านค้าเข้มแข็ง ก็ใช้แนวคิด เรื่องการใช้ศูนย์กระจายสินค้า แต่ทำไม่ทันเห็นผล ก็ย้ายไปเกษตร ซะก่อน รมช.ใหม่ก็ไม่ได้สานต่อโครงการนี้ สุดท้าย ก็เงียบหายไป ร้านค้าอย่าง ปลีกอย่าง โลตัส บิ๊กซี  ยังไม่น่ากลัว เพราะ โดนกฏหมาย บีบ เรื่อง การขยายสาขา ในปัจจุบัน แต่ร้านสะดวกซื้อ น่าจะเป็น ศัตรูสำคัญ อันดับ 1 มากกว่า แม้ว่าราคา โดยรวมจะแพงกว่า หรือ เท่ากับ ร้านโชว์ห่วย แต่ความครบครัน ของสินค้า โปรโมชั่นต่างๆ ที่ร้านสะดวกซื้อ จัดเอง หรือจัดร่วมกับเจ้าของสินค้า ทำให้มีจุดแข็ง เหนือกว่าร้านโชว์ห่วย แต่ในอนาคต ที่น่ากลัว ยิ่งกว่า คือ ร้าน ค้าปลีกขนาดเล็ก อย่าง โลตัสเอ็กเพรส หรือ มินิคาร์ฟูล  ที่จะทะลุทะลวงเข้าไปในพื้นที่ขนาดเล็กต่างๆ ที่น่ากลัว เพราะ สินค้า ในร้านค้าประเภทนี้ จะถูกกว่าร้านสะดวกซื้อ รวมไปถึงมีสินค้าจ้างผลิตจำหน่ายด้วย ( สินค้าตราโลตัส หรือ คาร์ฟูล ) ร้านพวกนี้แหละครับ ศัตรูตัวจริง แล้วผมก็ชอบไปเดินด้วย เพราะหาของได้ครบ มีให้เลือกมากกว่า 7-11 โดยไม่ต้องไปเดินเมื่อย ในห้างใหญ่ๆ จากคุณ : คนชอบเขียน - [ 2 ม.ค. 52 02:14:33 A:118.172.36.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 โกดังสินค้าเป็นแนวความคิดที่ล้าหลังหลายปีนะครับผมว่า ไม่ได้ว่าคุณพระลพ นะครับแต่แนวความคิดยุคปัจจุบันมันเปลี่ยนแล้ว ยกตัวอย่างโรงงานประกอบรถยนต์ Toyota นะครับ ขณะนี้ใช้ระบบ No-sparepart เลยคือไม่มีการสต็อคอะไหล่ ( เป็นไปได้ไงครับ ? โรงงานแท้ๆแต่ไม่มีชิ้นส่วนเก็บไว้ ! ) อะหลั่ยทุกชิ้นจะมาถึงโรงงานก่อนประกอบ 2-4 ชั่วโมงครับก่อนหน้านี้ไม่รับ เป็นหน้าที่ของเมกเกอร์ครับที่ต้องส่งชิ้นส่วนต่างๆให้ได้ตามกำหนด  ใครทำไม่ได้เปลี่ยนรายครับ พอพาร์ทเข้าไลน์ก็ประกอบเลย  โรงงานมีต้นทุนต่ำลงเพราะไม่ต้องสต๊อค และไม่มีการผลิตสต๊อคครับทำตามออเดอร์เท่านั้น อนาคตระบบนี้น่าจะได้รับความนิยมขึ้นครับเพราะโรงงานที่ใช้ระบบเก่าๆผลิตขาดทุนยับเยินในภาวะวิกฤตเช่นนี้ ( ขนาด 3 พี่เบิ้มของอเมริกาอย่าง ฟอร์ด , จีเอ็ม , ไครสเลอร์ ยังไปไม่รอด ) ดังนั้นการสร้างโกดังขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นที่เก็บ + กระจายสินค้า ก็ทำให้ต้นทุนของสินค้าเพิ่มขึ้นครับ แถมไม่ได้ช่วยให้ซับสินค้าในท้องตลาดเข้าไปได้เท่าไหร่ด้วย อดีตเคยมีรัฐมนตรีบางคนคิดว่าการให้ห้างสรรพสินค้าต่างชาติขนาดใหญ่เข้ามาตั้งสาขาในประเทศไทยมากๆถือเป็นเรื่องดี แกยกตัวอย่างว่ามี 100 ห้างก็ซับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร + การจ้างงานมหาศาล ราคาผลผลิตทางการเกษตรต้องดีขึ้นแน่นอน เพราะสินค้าหายไปจากท้องตลาด ปรากฎว่าไม่จริงครับ ( ก็เห็นๆกันอยู่ ) มนุษย์มีศักยภาพไม่สิ้นสุนครับ  ต่อให้มีคนปลูกข้าวหรือจับปลาแค่ 5% มันก็ล้นโลกเกินจะบริโภคทันได้ สร้างอะไรมาใส่มันก็มีผลแค่ช่วงระยะเวลาเดียวครับต่อจากนั้นมันก็ไม่มีที่ไป การสร้างโกดังหรือการรับจำนำพืชผลในทางเสรษฐศาสตร์จึงเป็นแค่นโยบายระยะสั้นและมีผลลบติดตามมาครับ การวางแผน  กำหนดพื้นที่  วางเป้าหมายราคาของสินค้าเกษตรแต่แรกจากภาครัฐ ( ที่มีข้อมูลอยู่ในมือ ) จึงเป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่า ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือกับเกษตรกรและใช้เวลาด้วยครับจึงจะสำเร็จ ดังนั้นผมเห็นด้วยกับหลายๆท่านว่ามีตลาด ( มีที่ขาย ) ดีกว่ามีสต๊อค ( มีที่เก็บ ) ครับ จากคุณ : ตอสระอือ - [ 2 ม.ค. 52 03:54:47 A:192.168.0.17 X:58.9.236.53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กระทู้เล็กๆ แบบนี้ หัวหน้า พรรค ปปช. จะรู้ มั้ย  ว่า ต้อง ทำไง ถึง รู้ และ คุณ กรอบ สลัด   จะ ทำ ให้ คน ไทย อึ้ง ไป เป็น ปีๆ แน่ แบบ ที่ เคย ทำ ให้ พิธีกร รายการ เจาะใจ อึ้ง ไป 2.75 sec จากคุณ : RareRabbit - [ 2 ม.ค. 52 04:03:46 A:192.168.1.12 X:58.136.74.127 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ปัจจุบันผู้บริโภคที่อยู่ในเขตเมืองต้องซื้อสินค้าผ่านระบบคนกลางในราคาที่ สูงกว่าจากผู้ผลิตรายย่อยเช่นสินค้าเกษตรจากเกษตรกรโดยตรง ระบบร้านค้าสหกรณ์ ให้สมาชิกมีโอกาสนำสินค้าที่ตนเองผลิตมาจำหน่ายโดยตรงแก่ผู้บริโภค เหมือนการค้าในตลาดนัดตามชานเมือง ที่อยู่ในปัจจุบัน น่าจะเป็นทางออกทางหนี่งในระบบการค้าปลีกครับ สิ่งที่ผู้ผลิตรายย่อย เกษตรกรต้องการคือ สถานที่ค้าขายที่ถาวร สะดวก เช่น มี่ที่จอดรถ และที่สำคัญคือค่าเช่าที่ขายที่ไม่แพงมาก อยู่ในเขตเมือง ที่รัฐบาลควรจัดการสร้างให้ครับ เมื่อมีครบองค์ประกอบที่ว่า คงไม่ยากที่จะดึงดูดผู้ซื้อครับ จากคุณ : raklur - [ 2 ม.ค. 52 07:20:27 A:124.120.25.106 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 โกดังกระจายสินค้า ในปัจจุบันเป็นหัวใจของระบบ โลจิสติก ในปัจจุบัน เพราะ เป็นตัวลดต้นทุน ที่มากที่สุดอย่างหนึ่งของสินค้า คือ การขนส่ง โกดังกระจายสินค้า ไม่ได้ทำแค่กกระจายสินค้า แต่จะเป็นศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น เพิ่อเตรียมส่งไปยังแหล่งอื่นด้วย  หรือเป็นระบบ COLLECT & DISTRIBUTE จากคุณ : ceebee50 - [ 2 ม.ค. 52 09:04:46 A:124.121.11.244 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมมีโอกาสได้ไปดูงานระบบกระจายสินค้าของบริษัทชั้นนำของประเทศอังกฤษครั้งหนี่ง องค์ประกอบที่สำคัญที่ทำให้บริษัทประสพความสำเร็จในการดำเนินงานในปัจจุบันคือ การพัฒนาระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนที่ได้ร่วมกันค้นคิดและสร้างขึ้นมา โดยพัฒนาการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญพอยกเป็นตัวอย่างให้ดู ได้แก่ ระบบเส้นทางขนส่ง ทั้งทางถนน รถไฟ และทางอากาศ ระบบเชื่องโยงคอมพิวเตอร์ระหว่างบริษัท ฐานะตัวกลาง กับผู้ผลิตสินค้า และผู้ซื้อ เพื่อทราบสถานะของสินค้า การควบคุมสต๊อกในปริมาณที่เหมาะสม การติดตามสินค้าระหว่างการขนส่ง ให้ทุกขั้นตอนสามารถสอบทานได้ ระบบการชำระเงิน การเรียกร้องค่าทดแทนสินค้ากรณีเกิดการเสียหาย พัฒนาการดังตัวอย่างที่ว่าอยู่เบื้องหลังการประสพความสำเร็จของบริษัทครับ สำหรับประเทศไทย ถ้ารัฐบาลจะสนับสนุนเอกชนที่ดำเนินการอยู่แล้ว เช่นเครือซิเมนต์ไทย รัฐบาลอาจส่งทีมงานไปศึกษา บริษัทคงใหความร่วมมือที่ดีครับ ขอให้รัฐบาลประสพความสำเร็จในการบริหารงานครับ จากคุณ : raklur - [ 2 ม.ค. 52 10:02:59 A:124.120.25.106 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 คคห.20 ดูจะสับสน เรื่องศูนย์กระจายสินค้า กับ Just in time ในระบบของศูนย์กระจายสินค้า ก็มีการใช้ JIT เข้ามาบริหารคำสั่งซื้อ และพื้นที่ จัดเก็บสินค้ารอส่ง และใช้ JIT ที่ตัวร้านค้าเอง เช่นกัน สาเหตุที่ บริษัท ไม่ใช้ JIT โดยให้ร้านค้า สั่งซื้อโดยตรงกับ ผู้ผลิต เพราะมันแพงครับ แพงเพราะ ออร์เดอร์ย่อยๆ ไม่มีอำนาจต่อรอง เรื่องราคา  และ แพงค่าขนเพราะสั่งมากสั่งน้อย บริษัทผู้ผลิต คิดค่าส่งสินค้าเท่าเดิม ศูนย์กระจายสินค้าจึงเป็นตัวกลาง ในการรับออเดอร์ จากร้านค้า โดยกำหนดรอบการสั่งซื้อ ซึ่งการซื้อจำนวนมากในทีเดียว ทำให้ได้ส่วนลดการค้า ประหยัดค่าขนส่งต่อชิ้น ลง หลังจากนั้น ศูนย์กระจายสินค้าจึงจะแยก ออเดอร์ สินค้าแต่ละชนิด จากแต่ละร้านค้า เพื่อ จัดส่งให้อีกที ทำให้ลดค่าขนส่ง ที่ต้องวิ่งรถหลายเที่ยว เพื่อส่งสินค้าแต่ละชนิดไปยัง ร้านค้าย่อย เหลือ รถเพียง 1-2 เที่ยวที่จะจัดส่งสินค้าทุกชนิดไปยังร้านค้า ร้านค้าย่อย ก็สามารถใช้ JIT ได้ โดยทางศูนย์กระจายสินค้าจะเก็บสินค้ากันชน จำเป็นไว้ให้ แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 52 10:44:50 จากคุณ : คนชอบเขียน - [ 2 ม.ค. 52 10:43:50 A:192.168.0.17 X:118.172.36.57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ร้านค้า 10 ร้าน ต่างคนต่างสั่งสินค้าเหมือนๆกัน 10 ชนิด จาก 10 โรงงาน โรงงาน จะคิดค่าส่งทั้งหมด 100 เที่ยว ร้านค้า 10 ร้านส่งคำสั่งซื้อไปให้ ศูนย์กระจายสินค้าสั่งทีเดียวจาก  10 โรงงาน แต่ละโรงงานก็ส่งสินค้า 10 เที่ยว มายัง ศูนย์กระจายสินค้า  พอได้สินค้าครบทุกชนิด ศูนยกระจายสินค้า ก็จัดรถส่งสินค้า ไปให้แต่ละร้าานค้าทั้ง 10 แห่งอีกที หลังจากใช้ ศูนย์กระจายสินค้าแล้ว เหลือ การขนส่งแค่ 20 เที่ยวเอง 10 เที่ยวจากโรงงาน มายังศูนย์ 10 เที่ยวจากศูนย์ ไปยังร้านค้า จากคุณ : คนชอบเขียน - [ 2 ม.ค. 52 10:57:15 A:118.172.36.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 กลับมาอ่านกระทู้นี้แล้วดีใจครับ มีแต่ความคิดเห็นที่มีสาระประโยชน์ ต่อสมาชิก และต่อสังคม ขอบคุณทุกคำตอบครับ จากคุณ : asiam - [ 2 ม.ค. 52 13:14:04 A:125.27.39.184 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 ก่อน จะ ทำอะไร  ถามใจตน  ก่อนว่าเป็นไปได้ไหม..... :-)  ไม่มีอะไรง่าย เหมือนที่ตาเห็น จากคุณ : siri_IP - [ 2 ม.ค. 52 19:01:29 A:192.168.0.17 X:124.121.141.173 ]

ความคิดเห็นที่ 29 :-)  ไม่มีอะไรง่าย เหมือนที่ตาเห็น ใช่ครับ  ไม่อะไรง่ายเลย แต่หากมีคนเริ่มคิด อาจมีคนเริ่มทำ ล้มเหลวบ้าง สักวันต้องสำเร็จ แต่ไม่อยากให้คนไทยท้อ อยากให้ต่อสู้กันไป   ที่บ้านเราเปิดโรงเรียนเอกชน กลางวันเราก็ทำงานโรงเรียน กลางคืน เราก็ขายของตลาดนัด สัปดาห์ละ 2 วัน ใช้เวลาแค่ ห้าโมงเย็น - สามทุ่ม เสาร์-อาทิตย์ เราเข้ามาเดินห้างไอที ปกติเข้ามาเดินอยู่แล้วเพราะชอบไอที เห็นว่าพอมีลู่ทางขายของได้ ก็เลยเอาไปขายดู ไม่อายใคร ทำเพราะอยากมีรายได้เพิ่ม และก็อยากให้คนที่จังหวัดได้สินค้าที่ไม่แพงเกินไป เคยซื้อสินค้าประเภทนี้แล้วมันแพงมาก ก็เข้าใจว่าพ่อค้า คงไม่ได้เข้ามาซื้อของบ่อยๆ เขาคงตุนของไว้ทีเยอะๆ ตั้งราคาสูงมาก แต่เราถูกได้ เพราะเรารถNGV ไปกลับแค่200บ. เราไม่คิดมากอะไร เพราะมาหาแฟนที่กทม. ซื้อมาก็ขายไป ไม่ได้ตุนเยอะ เนื่องจากว่าต้องเดินทางเข้ากทม.ทุกอาทิตย์อยู่แล้ว เราก็คิดว่า ถ้ามี โกดังกระจายสินค้าที่ว่านั่นจริงๆ พ่อค้าที่จังหวัดเรา จะได้ไม่ต้องเดินทางมาเอาของถึงกทม. เพราะมาทีเขาก็ต้องตุนเยอะ เงินขาดสภาพคล่อง เค้าก็ต้องตั้งราคาสูงๆเข้าไว้ แต่ถ้าไม่ตุนเยอะ ก็ต้องเข้ามาเอาของบ่อยๆ ก็เปลืองค่าเชื้อเพลิงอีก เลยคิดว่าถ้ามี มันน่าจะดีนะ จากคุณ : พระลพ - [ 3 ม.ค. 52 23:11:03 A:192.168.0.17 X:124.120.242.58 ]