PANTIP.COM : P7388080 มาแล้วจ้า!!!!!! ในที่สุดเราก็จะได้เห็นเงินกู้ มิยาซาว่า ภาค 2 แล้วววววววว [การเมือง]

ความคิดเห็นที่ 18

โครงการเงินกู้มิยาซาวา(คนไทยต้องจำประวัติศาสตร์ ) (อภิปรายนอกสภา)

เมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 ในที่ประชุมรัฐสภา ขณะพิจารณาคำแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรีนายสมัคร สุนทรเวช

ในช่วงเช้ามีสมาชิกพลังประชาชนคนหนึ่ง ลุกขึ้นปกป้องโครงการ เอสเอ็มแอล ของรัฐบาล โดยยกขึ้นเปรียบเทียบกับ โครงการมิยาซาวา ในรัฐบาลชวน หลีกภัย 2 และกล่าวหาว่าโครงการมิยาซาวาได้ทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติถึงประมาณ 50,000 ล้านบาท

และในตอนบ่ายวันเดียวกัน มีสมาชิกพรรคพลังประชาชนอีกคนหนึ่งลุกขึ้นอภิปราย ในคำอภิปรายตอนหนึ่ง ได้ย้ำประโยคสำคัญว่า"คนไทยไม่จำประวัติศาสตร์"

เพื่อความเข้าใจ โครงการมิยาซาวา วันเสาร์นี้"อภิปรายนอกสภา" ขอยกเรื่อง โครงการมิยาซาวาขึ้นมาทบทวน และย้ำเตือนให้นักการเมืองบางคนได้ "จำประวัติศาสตร์"

วิกฤตการณ์ของประเทศชาติเมื่อปี 2540 นอกจากก่อให้ความเสียหายอย่างรุนแรงในทางเศรษฐกิจแล้ว ยังก่อให้เกิดผลกระทบอย่างสำคัญในทางสังคมด้วย

ผลจากการที่สถาบันทางการเงินต้องถูกปิดถึง 58 แห่ง และธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งต้องถูกควบรวมหรือหยุดกิจการ ทำให้ธุรกิจจำนวนมากต้องปิดกิจการไปด้วย ส่งผลให้ประชาชนในประเทศจำนวนมากต้องว่างงาน ทั้งผู้ที่เคยมีงานทำอยู่แล้ว และผู้ที่กำลังจะเข้าสู่ภาคการจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา

ปัญหาการว่างงาน เกิดทั้งกับผู้ที่มีทักษะและการศึกษาจำนวนนับแสนคน และทั้งผู้ใช้แรงงานอีกจำนวนหลายแสนคน

ประชาชนจำนวนมากที่หัวหน้าครอบครัวต้องว่างงาน หลายครอบครัวต้องว่างงานทั้งสามีและภรรยา

ผู้ว่างงานจำนวนหนึ่งยังต่อสู้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง จำนวนมากได้เคลื่อนย้ายกลับสู่ภูมิลำเนาต่างจังหวัด และจากในเมืองเคลื่อนย้ายไปสู่ชนบท

ภารกิจสำคัญของรัฐบาลคือ ความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาผลกระทบสังคม และปรับโครงสร้างสังคม ซึ่งต้องดำเนินการอย่างรีบด่วนไปพร้อมๆ กัน

รัฐบาลชวน หลีกภัย เข้ารับหน้าที่เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 ขณะที่ทุกอย่างได้เสียหายร้ายแรงแล้ว จนนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านั้นต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

รัฐบาลใหม่มีข้อจำกัดในด้านงบประมาณ ฐานะทางการคลังอ่อนแอ เงินคงคลังร่อยหรอ ดุลเงินสดขาดดุล และประเทศชาติขาดดุลการค้าต่อเนื่องมานับปีแล้ว ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศแทบหมดสิ้น ค่าเงินบาทอ่อน ข้อสำคัญคือฐานภาษีสำคัญของประเทศหลายทางได้เสียหายไปมาก ในทางตรงกันข้ามกลับต้องพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบสังคม

อย่างรีบด่วนด้วยการลดภาระภาษีแก่ประชาชน ทั้งภาษีที่เกี่ยวกับทางธุรกิจ ภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม อันจะทำให้รายได้ของรัฐต้องลดน้อยลงไปอีกมาก

การกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบสังคมจำเป็นต้องทำอย่างรีบด่วน การรองบประมาณแผ่นดินมีข้อจำกัด และไม่ทันการ จำเป็นต้องอาศัยมาตรการรีบด่วนโดยใช้เงินกู้

โครงการมิยาซาวา คือส่วนหนึ่งของ มาตรการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (มพร.)

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2541 นายเคียวสุเกะ ชิโนซาวา (Kyosuke Shinozawa)ประธานกองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเลแห่งญี่ปุ่น (The Overseas Economic Co-operation Fund : OECF) ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และลงนามในโครงการเงินกู้เพื่อมาตรการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ(มพร.)

มีวัตถุประสงค์คือ

(1) กระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นการลงทุนที่ก่อให้เกิดผลผลิตและการสร้างงานในประเทศ

(2) บรรเทาผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยเน้นพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายที่ยากจน และได้ผลกระทบจากเศรษฐกิจ

(3) ส่งเสริมการสร้างฐานรากในการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป

วงเงินของโครงการมีทั้งสิ้น 1,450 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบด้วยเงินกู้จากกองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเลจากญี่ปุ่น (OECF) จำนวน 250 ล้านเหรียญ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศญี่ปุ่น (J-Exim Bank) จำนวน 600 ล้านเหรียญ และ ธนาคารโลก ภายใต้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและการเงินครั้งที่ 2 จำนวน 600 ล้านเหรียญ

(เมื่อปี 2541 OECF และ J-Exim ได้รวมกันเรียกชื่อใหม่ว่า JBIC คือ Japan Bank for International Corporation)

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2541 มีการแต่งตั้ง นายเคโสะ โอบูชิ (Keizo Obuchi) เป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และแต่งตั้ง นายคิอิชิ มิยาซาวา (Kiichi Miyazawa) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง การใช้เงินกู้ตามโครงการนี้จึงถูกเรียกว่า โครงการมิยาซาวา

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2543 ในที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ มีรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ในโครงการมิยาซาวา ที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจและการปรับโครงสร้างในด้านการสร้างงาน ส่วนที่เกี่ยวกับการใช้เงินกู้มิยาซาวาบางส่วน

"สามารถจ้างงานผู้มีการศึกษาแล้ว จำนวนประมาณ 109,000 คน จาก เป้าหมาย 86,000 คน (คิดเป็นร้อยละ 126.74) และจ้างผู้ใช้แรงงานได้จำนวน 367,000 คน จากเป้าหมาย 400,000 คน (คิดเป็นร้อยละ 91.92)"

ผลการดำเนินงานได้รับการชื่นชมจากสถาบันแหล่งเงินกู้ทั้งสามแห่ง และหลายเรื่องได้ถูกหยิบยกเป็นต้นแบบไปดำเนินการที่อื่น

สิ่งที่นักการเมืองผู้หยิบยกเรื่องมิยาซาวาขึ้นมาตำหนิในสภา ต้องศึกษาเพื่อความเข้าใจคือ

(1) สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมเมื่อปี 2540 กับหลังปี 2544 จนถึงวันนี้มีความแตกต่างกัน

(2) การจ้างงานในชนบท เป็นงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างสังคมชั่วคราว และมุ่งเน้นในด้านบรรเทาผลกระทบสังคมยิ่งกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ

(3) จำนวนเงินที่ใช้เพียงไม่กี่พันล้านบาท ใช้จากเงินกู้ในโครงการเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้ใช้เงินถึง 50,000 บาท ตามความเข้าใจ

(4) การใช้จ่ายเงินกู้มุ่งเน้นในพื้นที่เป้าหมายที่มีความยากจน และกระทบทางเศรษฐกิจโดยตรง เพื่อมุ่งหมายในทางบรรเทาผลกระทบสังคม ไม่ใช่มุ่งหมายผลทางการเมืองเพื่อการเลือกตั้ง

"การแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองในวันนี้ ต้องมีความเข้าใจปัญหา และ "ต้องจำประวัติศาสตร์"

จากคุณ : pojta - [ 5 ม.ค. 52 13:54:34 A:58.137.211.99 X: ]