ความคิดเห็นที่ 1 ตามความเห็น อันหนึ่ง ขอไม่ระบุ ชื่อว่าใคร   ตั้งคำถาม ว่า ทำไม 8 ปี ไม่ดำเนินคดี  กับ คนที่เกี่ยวข้อง มา พูดอะไรตอนนี้ **************************************** เริ่มต้น ตรงนี้ ครับ พอเกิดความไม่ชอบมาพากล ต่าง ๆ เกิดความเสียหาย   คณะกรรมาธิการการเงินการคลังของวุฒิสภา ชุดอาจารย์มีชัย ฤชุพันธ์ได้เสนอรายงาน เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลนี้อย่างชัดเจน วุฒิสภาลงมติให้เสนอรัฐบาลดำเนินการในปี 2543 รัฐบาล  ลงมติรับทราบ และตั้งคณะกรรมการ “ศปร. 2” ขึ้นมาสอบสวน ผลสอบ “ศปร. 2” ออกมา แต่ไม่มีการเปิดเผย อ้างเป็นชั้นความลับ ( คณะกรรมการศึกษาและเสนอแนะมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศ (ศปร.) ) จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 21:36:19 A:192.168.0.17 X:192.168.200.11, 119.42.65.15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในขณะนั้น  เรื่อง ก็เงียบ ไปโดยปริยาย เป็นคำถาม ที่ถูกตั้ง ขึ้น สำหรับ 56 บริษัท นั้น เหมือนดู งง ๆ ว่า จะทำอย่างไรต่อ จะมีทิศทางไหน  จะไปไหน ต่อ หลังจากนั้น  ก็มี เรื่องการเมืองเรื่องอื่น ๆ เข้ามา ********จนดูเหมือน ว่า  เรื่องจะเริ่มเงียบหาย *************** จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 21:45:59 A:192.168.200.11 X:119.42.65.15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจาก ตั้ง ศรป 1,2 ,3 ผลสอบ ”ศปร. 3” ที่ออกมาแล้ว และได้ชี้ให้เห้นถึงความไม่ชอบมาพากลและความผิดพลาดของปรส.ตั้งแต่ต้นจนปลาย (ลองหาอ่านในหนังสือ “เปลือยธารินทร์” จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ที่เดี๋ยวนี้กลายเป็น "หนังสือหายาก" ไปแล้ว) ขอสรุปสั้น ๆ ด้วยภาษาชาวบ้านดังนี้ 1. รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตั้งปรส.ขึ้นมา ให้ทำหน้าที่ปฏิรูปสถาบันการเงินให้มีความแข็งแรง และฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบเพื่อเป็นกำลังทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป จึงให้หยุดกิจการ 58 สถาบันการเงินเป็นการชั่วคราว แต่ครั้นเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ นโยบายก็เปลี่ยนแปลงไปหมด มีการสั่งปิดตาย 56 สถาบันการเงินทันที และให้เปิดเพียง 2 แห่ง เสมือนเป็นการเริ่มต้นของแผนร้ายที่ถูกเรียกขานว่า “ปล้นชาติ” และ “ขายชาติ” โดยไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์เดิม 2. เมื่อปิดสถาบันการเงิน แล้วโอนทรัพย์สินและลูกหนี้ประมาณ 8 แสนล้านบาทไปให้ ปรส.บริหารจัดการ โดยรัฐบาลรับใช้หนี้เงินฝากแก่ประชาชน ดังนั้นการบริหารจัดการจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ คือจะต้องจัดการให้ได้รับผลตอบแทนที่ทัดเทียมกัน มิฉะนั้น รัฐบาลก็จะเสียหาย ซึ่งก็คือประชาชนเสียหาย 3. ผู้บริหาร ปรส. และ ธปท. จ้างฝรั่งมาเป็นที่ปรึกษา และกำหนดให้ขายทรัพย์สินทั้ง 8 แสนล้านบาทโดยเร็ว แต่ไม่ให้ลูกหนี้เดิมมีส่วนซื้อ และจะขายเป็นกอง ๆ ละประมาณหมื่นล้านบาท เท่ากับเป็นการเปิดทางให้เฉพาะต่างชาติซึ่งเป็นพรรคพวกเท่านั้น 4. ที่ปรึกษาฝรั่งเข้ามาตรวจสอบรายการทรัพย์สินที่เป็นลูกหนี้ทั้งหมด รวบรวมเก็บข้อมูลทั้งหมด แล้วจัดกองลูกหนี้เองทั้งหมด จากนั้นก็กำหนดเงื่อนไขการขาย คือไม่ให้ลูกหนี้เข้าประมูล และเมื่อขายกองละหมื่นล้านบาทขึ้นไป ก็เท่ากับกีดกันผู้ประมูลทั่วไป ให้เหลือน้อยลง แต่คนที่รู้ไส้รู้พุงก็คือที่ปรึกษาฝรั่งนั้น 5. เมื่อประกาศประมูลก็มีผู้แสดงความสนใจหลายราย ต่อมามีการเปิดให้มีการตรวจกองลูกหนี้เพื่อจะได้รู้ฐานะและจะเสนอราคาได้ถูกต้อง หลังจากเปิดให้ตรวจแล้วมีการสลับกองลูกหนี้ ย้ายลูกหนี้กองนั้นไปไว้กองโน้น ทำให้ผู้สนใจที่มาตรวจดูกองลูกหนี้ไม่แน่ใจว่ากองหนี้ที่ตั้งใจจะประมูลเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จึงทำให้มีผู้สละสิทธิ์ไม่เข้าประมูลหลายราย เหลือแต่พรรคพวกในขบวนการเดียวกันเท่านั้น 6. ในจำนวนผู้สนใจซื้อหนี้ มีบริษัทที่ที่ปรึกษาฝรั่งถือหุ้น 99.99 % รวมอยู่ด้วย และชนะการประมูลเพราะรู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว ทรัพย์สิน 8 แสนล้านบาทจึงขาย***เพียง 2 แสนล้านบาท เท่ากับชาติถูกปล้นไป 6 แสนล้านบาท ! เป็นมหาวีรกรรมในการปล้นชาติระดับโลกที่ต้องจารึกไว้ชั่วลูกชั่วหลาน 7. พอชนะประมูลแล้วยังคิดโกงภาษีต่อไป โดยยกเว้นภาษีให้ แต่ต้องตั้งเป็นกองทุน ดังนั้น เมื่อถึงวันเซ็นสัญญา ผู้ชนะประมูลไม่ได้เซ็นสัญญา คงมีแต่ปรส.เซ็นชื่อข้างเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการทำสัญญาแบบไหน แล้วมีการโอนเงินเข้ามาชำระเงินงวดแรก หลังจากนั้นอีกหลายเดือนเมื่อมีการตั้งกองทุนเสร็จ ก็เอากองทุนเข้ามาทำสัญญา เป็นการโกงภาษีอีกต่อหนึ่ง ความเสียหาย 6 แสนล้านบาท คนไทยทั้งประเทศต้องรับผิดชอบต่อไปอีกนานหลายปี จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:05:19 A:192.168.0.17 X:192.168.200.11, 119.42.65.15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผลสอบ มาแล้ว ว่า ผิด จริง ๆ ครับพี่น้อง งง **แต่เรื่อง ถูก ดอง ครับผม*** ..เหตุผล เพราะ เรื่องการเมือง....   .....ที่รัฐบาล ต่อจากนั้น สนใจเรื่อง การกู้ เศรษฐกิจ ให้ ประเทศได้ฟื้นฟู  และใช้ หนี้ IMF จนทำให้ประเทศไทย  ปลดหนี้ และ พัฒนา ได้อย่างรวดเร็ว  ..... แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 22:10:58 จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:06:29 A:192.168.0.17 X:192.168.200.11, 119.42.65.15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แต่ ตราบาป นั้น ยัง อยู่ ในหัวจิตหัวใจ คนไทย และผู้ได้รับผลกระทบ เป็นผลทำให้ ******************************** วันที่ 15 ก.ค. 44 กลุ่มพลังเงียบมหาชน นำโดย พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ประธานชมรมกลุ่มพลังเงียบมหาชน เดินทางมายังกระทรวงการคลัง เพื่อยื่นหนังสือถึง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง   เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบข้อเท็๋จจริงเกี่ยวกับ การดำเนินงานขององค์การ ปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ในช่วงที่ผ่านมา หนังสือดังกล่าวได้ระบุถึงความไม่โปร่งใส ในการดำเนินงานของ ปรส. ที่ทำหน้าที่ดูแลบริหารทรัพย์สิน ของสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการจำนวน 56 แห่ง ในช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ******************************** จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:14:09 A:192.168.200.11 X:119.42.65.15 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โดยปัญหาของ ปรส. ที่ประชาชนไม่มั่นใจ คือ ปัญหาการสมคบกันแสดงหาผลประโยชน์อันมิชอบ ปัญหา ต่างชาติเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ระยะสั้น ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติอย่างร้ายแรง เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า 6 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะประเด็นการขายสินทรัพย์ของ ปรส. ให้กับต่างชาติ ซึ่งมีการกล่าวหา ปรส. สมคบกับต่างชาติปล้นทรัพย์สินของชาติ และเพื่อหามาตรการป้องการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของชาติในอนาคต มิให้ดำเนินการผิดพลาดในทำนองขายชาติ ขายแผ่นดินดังที่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:15:49 A:192.168.200.11 X:124.120.167.85 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อย่าง คห 4  .. ตอนนั้น รัฐบาล ทักษิณ  สนใจในเรื่อง การบริหาร กู้เศรษฐกิจ เป็นหลัก การหารายได้เข้าประเทศ และ นโยบาย ต่าง ๆ  แล้ว ประสบผลสำเร็จ ทำให้ เศษฐกิจประเทศ ดีขึ้น และก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก... ..คดี ปรส นี้ ก็ ต้อง ถูกพับเก็บรอการ พิจารณา ต่อไป .... แต่................................. แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 22:21:39 จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:20:29 A:192.168.200.11 X:124.120.167.85 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทรท.รื้อคดี ปรส. บุกดีเอสไอ แจ้งเอาผิด ปชป. โดย 6 พฤษภาคม 2549 "วีระ มุสิกพงศ์" บุก ดีเอสไอ แจ้งความเอาผิด รัฐบาลชวน บิ๊กกระทรวงการคลังภาคเอกชน และผู้เกี่ยวข้องคดี ปรส. วันนี้ ( 6 พ.ค. ) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) นายนายวีระ มุสิกพงศ์ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ไปเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) ให้เข้าไปทำการสืบสวนหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ องค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ขายทรัพย์สิน ของ 56 ไฟแนนซ์ ที่ปิดกิจการ เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540-2543 ในราคาที่ต่ำทำให้รัฐเสียหายกว่า 6 แสนล้านบาท โดยให้สอบสวนดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง คือรัฐบาลของพรรคประชาธิปัติย์ในขณะนั้น อดีตผู้บริหารกระทรวงการคลัง ภาคเอกชน และคณะกรรมการผู้บริหารองค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) โดย นายวีระ กล่าวว่าการดำเนินการในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่เป็นการดำเนินการตามที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า การขายทรัพย์สิน ของ (ปรส.) ในช่วงรัฐบาลพรรคประชาธิปัติย์ เป็นการนำทรัพย์สินมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท ออกประมูลขายไปในราคาที่ต่ำมาก ทำให้ผลกำไรตกอยู่กับผู้ประมูลรายใหญ่ ที่เป็นบริษัทต่างชาติ รวมทั้งมีลูกหนี้รายใหญ่หลายรายได้ว่าจ้างผู้ประมูลเพื่อประมูลทรัพย์ของตัวเองออกมา ก่อนแบ่งปันผลกำไรกัน ขณะเดียวกันลูกหนี้หลายรายกลับถูกเรียกเก็บหนี้เต็มทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ทั้งๆ ที่ผู้ประมูลหนี้ซื้อมาในราคาต่ำ เพียงไม่ถึงร้อยละ 30 นอกจากนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีกับผู้บริหาร 56 ไฟแนนซ์ที่ถูกสั่งปิดกิจการ ด้าน พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) กล่าวว่าในเบื้องต้นได้รับคดีไว้พิจารณา โดยหากพบว่าคดีมีมูล จะได้เสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ)เพื่อพิจารณา รับคดีมาอยู่ในการพิจารณาสอบสวนของกรมสอบสวนคดี จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:23:45 A:192.168.200.11 X:124.120.167.85 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดีเอสไอฟัน 5 บิ๊กปรส. - 16/11/2549 ดีเอสไอฟัน 5 บิ๊กปรส. ++ เร่ขายทรัพย์สินเจ๊ง 6 แสนล. “ดีเอสไอ” สรุปคดี ปรส. ชี้เร่ขายสินเชื่อที่อยู่อาศัย 56 สถาบันการเงิน มิชอบด้วยกฎหมาย กำหนดหลักเกณฑ์เอื้อประโยชน์เอกชน ทำรัฐสูญกว่า6 แสนล้าน จ่อ..ออกหมายเรียก 5 กรรมการมารับทราบ ข้อกล่าวหา ......ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 15 พ.ย.49 นายไกรสร บารมีอวยชัย รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จัดประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อสรุปสำนวนคดีการขายทรัพย์สิน ขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ซึ่งดีเอสไอรับโอนคดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาเป็นคดีพิเศษตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.49 จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:29:28 A:192.168.200.11 X:124.120.167.85 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เพื่อสอบสวนว่ามีการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากการนำทรัพย์สินของ 56 สถาบันการ เงินที่ถูกปิดกิจการมูลค่า 851,000 ล้านบาท ไปประมูลขายเพียง 190,000 ล้านบาทหรือไม่ และการดำเนินการของ ปรส. ขัดต่อวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่มุ่งแก้ไข ระบบสถาบันการเงินด้วยการฟื้นฟูฐานะของบริษัท ที่ถูกระงับการดำเนินการ แต่ขั้นตอนดำเนินการของ ปรส.กลับไม่แยกหนี้ดี หนี้เสีย เพื่อแยกหนี้ดีไปให้กับธนาคารรัตนสิน จำกัด(มหาชน) นำไปบริหาร ทำให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้ต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์โดยมิชอบ ....ก็มีขั้นตอน การเรียกสอบสวน ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด ......... **และแล้ว DSI หลังจาก รับเรื่อง สอบสวน แล้ว     ...สรุป สำนวนส่งฟ้อง ไปยังอัยการสูงสุด ในเวลาต่อมา แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 22:35:03 จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:31:21 A:192.168.200.11 X:119.42.65.15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 บุคคลที่ถูกฟ้องในกรณีดังกล่าวมี 8 ราย คือ 1.นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ เลขาฯ ปรส. 2.บริษัทเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ 3.นายคาร์รอส มานาแลค ชาวฟิลิปปินส์ อายุ 42 ปี (ซึ่งขณะนี้ได้หลบหนีคดี) 4.กองทุนรวมโกลบอลไทย พร็อพเพอร์ตี้ 5.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวรรณ 6.นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ 7.นายอมเรศ ศิลาอ่อน ประธานกรรมการบริหาร ปรส. 8.บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส ประเทศไทย จำกัด ********ในความผิดตามประมวลอาญา มาตรา 157 ********                            ประมวลกฎหมายอาญา                                     หมวด 2                           ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ "มาตรา 157(8) ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:40:19 A:192.168.200.11 X:124.120.167.85 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นั่นไง แค่ เฉพาะ คดี อาญา ก่อนนะครับ พี่น้อง จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:43:00 A:192.168.200.11 X:124.120.167.85 ]

ความคิดเห็นที่ 13 และมีการ ดำเนินการ สั่งฟ้อง รายอื่น ๆ อีก แต่เนื่องจาก สำนวน ถูกส่งไป สองทาง คือ 1. อัยการสูงสุด ซึ่งกำลังพิจาณา ในชั้นศาล เพื่อเอาผิด บุคคลทั้งหมด 2. ปปช  ซึ่งเกี่ยวข้องกับ เจ้าหน้าที่รัฐ แต่เนื่องจาก ปปช. ไม่ดำเนินการ หรือ ดำเนินการ ล่าช้า เนื่องจาก สาเหตุที่เชื่อได้ว่า ปปช ต้องการให้ขาดอายุความ เพราะ การวิ่งเต้น ต่าง ๆ  ของผู้ที่ถูกกล่าวหา *****เป็นผลทำให้ การดำเนินคดี นั้น ล่าช้า นั่นเอง ************** จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 22:54:34 A:192.168.200.11 X:124.120.167.85 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คนที่น่าไปถามเรื่อง ปรส. อีกคนคือ สัก กอแสงเรือง ตอน ปรส.ประกาศเอาทรัพย์สินจาก 56 ไฟแนนซ์ออกประมูล เขาเป็นคนออกมาคัดค้าน โต้แย้งถึงความไม่ชอบมาพากลต่างๆที่เกิดขึ้น ออก ทีวี ก็ตั้งหลายครั้ง แต่เมื่อตนมีอำนาจในการจัดการ กลับไม่ทำเรื่อง ปรส. ปล่อยให้หมดอายุความไปเฉยๆ ทั้งที่รู้ว่าเกิดความสูญเสียอย่างมหาศาลกลับไม่ทำอะไร (หลายแสนล้าน)   ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับ 52 ไฟแนนซ์  ตอนแรกเห็นคุณ สัก ตั้งท่าแข็งขัน ผมก็เลยเอาบ้าง ทำหนังสือถึงไฟแนนซ์คัดค้านการนำทรัพย์สินของผมไปประมูล เนื่องจากผมเป็นหนี้ดีที่มีประวัติการชำระเงินตรงกำหนดตลอดเวลา (เป็นตั๋ว pn) ทางไฟแนนซ์แจ้งกลับมาว่า ไม่สามารถทำได้ต้องนำไปประมูล ผมก็เลยทำเรื่องเข้าไปใหม่ว่า ถ้าจะเอาทรัพย์สินของผมไปประมูล ผมขอซื้อคืนในอัตรา 60-80% ของมูลค่า พร้อมกับคำด่าไปอีกกองหนึ่งใหญ่ๆ เป็นบทสรุปในหนังสือที่ยื่นไปว่า ผมหวังว่าท่านคงอนุมัติให้ผมทำการซื้อคืนทรัพย์สินของผม เพราะผมพิจารณาดูแล้วว่า พวกท่านทั้งหลายล้วนแต่เป็นคนที่มีการศึกษา มีวุฒิภาวะทางสมองที่สูงกว่าคนธรรมดาถึงได้เข้ามาทำงานในตำแหน่งใหญ่โตเช่นนี้ได้  จึงไม่มีเหตุผลที่ท่านจะเอาทรัพย์สินผมไปประมูลในราคาไม่ถึง 25% ในขณะที่ผมขอซื้อคืนในอัตราที่มากกว่า  ครั้งนี้ได้ผลเลยครับ ทางไฟแนนซ์โทรมานัดวันให้เข้าไปคุย     พอถึงวันนัด ผมก็เข้าไปที่ไฟแนนซ์  เข้าห้องประชุมที่มีพนักงานของไฟแนนซ์ 3 คน พนักงานของ ปรส. 2 คน กับทนายความอีก 2 คน ผมไปคนเดียว คุยกันตั้งแต่ บ่ายโมงครึ่ง จน 5 โมงเย็น (ชั่วโมงแรก คุยกันธรรมดา หลังจากนั้นผมด่าอย่างสุภาพอย่างเดียว) สรุปวันนั้นก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย ต้องรอเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการ ปรส.ก่อน   วันรุ่งขึ้น ผมโทรไปหา พนักงานไฟแนนซ์ที่ปกติจะดูแลบัญชีของผม พนักงานบอกว่า พี่เมื่อวานตอนพี่กลับไป ผมเห็นเขาฉีกหนังสือพี่ทิ้งถังขยะไปแล้ว สงสัยต้องปล่อยให้ไปประมูลแล้วค่อยไปซื้อคืนตอนหลัง  แต่พี่เมื่อวานผมฟังอยู่ข้างนอก โคตรมันเลยพี่ พวกเค้าออกมายังคุยกันเลยว่า สมควรให้ลูกค้าด่าจริงๆ เพราะ 60% ได้แน่ๆไม่เอา ต้องเอาไปประมูล 25% ถึงหรือเปล่ายังไม่รู้เลย  แต่กฎมันออกมาเป็นแบบนี้จะทำอะไรได้   เล่ารายละเอียดมาซะยาว เห็นคุณที่ระลึก ตั้งใจเปิดเรื่องนี้มาหลายตอนแล้ว เลยเอาประสบการณ์มาแชร์ด้วย เอาใจช่วยครับ  ผมสรุปให้ฟังเลยดีกว่า กรณีของผมสุดท้าย ผมต้องซื้อคืนทรัพย์สินของผม(ที่ดิน) เต็ม 100% ตามหนังสือฉบับสุดท้ายของ ปรส. ที่ประกาศว่า ให้ลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี ผ่อนชำระได้ 15 เดือน โดยเอาหลักทรัพย์นั้นออกได้เลยในวันทำสัญญาขอผ่อนชำระคืน    มี 2 ประเด็นสุดท้ายก่อนจบคือ 1. หลายเดือนที่ปะทะคารมกับ ปรส. ไม่เห็น คุณ สัก เลย (เหนื่อยโคตรๆ) 2. ทำไมหลักทรัพย์ของเรามันไม่ล่องหนหายไปจาก ปรส. เหมือน แปะลิ้ม มั่งก็ไม่รู้     ปล. เอาใจช่วยคุณ ที่ระลึก อีกครั้งครับ คนรุ่นหลังจะได้ศึกษาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในอีกแง่มุมหนึ่งจาก คุณที่ระลึก  ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : คนเรื่องมาก - [ 6 ม.ค. 52 23:19:01 A:124.120.189.169 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากครับ คุณ คนเรื่องมาก จริง ๆ ผมก็อยากให้ คนที่ประสบการณ์ มาเล่าความ รู้สึก หรือ เหตุการณ์ จริง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อย้อนให้เห็น ถึง ความ ไม่ชอบมาพากล และจะได้รู้ ข้อเท็จจริง   อย่างคุณ คนเรืองมาก และ คุณ มหาชำร่วย (ยุคที่2..มหาReload) สำหรับ การโกง อีกทั้ง การขายชาติ ของ ปชป เรื่อง นี้ เดี๋ยวจะสรุปให้ตอนสุดท้าย   และผมอยากให้ คุณคนเรื่องมาก ได้ นำ เอา ข้อมูลที่ สามารถเปิดเผยได้ หรือ พฤติกรรม ของ คนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด ออกมา แฉ   และฝากไปยัง เพื่อน สมาชิก ห้องราชดำเนิน ด้วย ที่มีประสบการณ์ เรื่องนี้  ออกมาเล่าให้ฟังด้วย เพื่อ ข้อมูลจะได้มีน้ำหนักมากขึ้น กับความเดีอดร้อนที่ได้รับ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 23:50:57 จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 23:28:39 A:192.168.200.11 X:124.120.167.85 ]

ความคิดเห็นที่ 16 และ ติดตาม ตอนจบ วันพรุ่งนี้ นะครับ  - การย้อนรอย  เรื่อง ปรส ครั้งนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร -  เราจะหวัง ผลการ  ย้อนรอย ได้ไหม -  และ เราจะดำเนินการเอาผิด กับพวกโจร ปล้นชาติพวกนี้     ต่อไป อย่างไร .***ถ้าความยุติธรรมยังมีอยู่ ใน ประเทศนี้   เชื่อได้ว่า  เราต้องได้รับ ความเป็นธรรม *** แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 23:43:47 จากคุณ : ที่ระลึก - [ 6 ม.ค. 52 23:41:27 A:192.168.200.11 X:119.42.65.15 ]

ความคิดเห็นที่ 17 13 กย 2008 คดีนี้อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้วเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายอมเรศ ศิลาอ่อน อดีตประธานคณะกรรมการ ปรส. และนายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ อดีตเลขานุการ ปรส. กับพวกอื่นๆ ซึ่งเป็นนิติบุคคล รวม 6 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และเป็นผู้สนับสนุนพนักงานในการกระทำความผิด ซึ่งนายอมเรศ และนายวิชรัตน์ ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวต่อศาล โดยศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสอง โดยตีราคาประกันคนละ 3 ล้านบาท จากคุณ : ที่ระลึก - [ 7 ม.ค. 52 07:49:26 A:192.168.0.90 X:58.8.26.90 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ส่งให้ ปปช  ยังไม่มีการพิจาณา หรือ จงใจ จะทำให้คดี ขาดอายุความ และไม่สสามรถ ดำเนินคดีกับ นักการเมืองได้อย่างนั้นหรือ ..สอบถามไป อ้างแต่ ว่ารอเอกสาร ข้อมูล จากคุณ : ที่ระลึก - [ 7 ม.ค. 52 08:02:21 A:192.168.0.90 X:58.8.26.90 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาดู ตอนจบ กันครับ จากคุณ : ที่ระลึก - [ 7 ม.ค. 52 08:07:52 A:192.168.0.90 X:58.8.26.90 ]