PANTIP.COM : P7394520 ==> สนามจุคนได้ 4 หมื่น ขายบัตรใบละ 200 เกิดอะไรขึ้นกับ ผู้ชุมนุมมาฟังการเมือง ต้องเสียตังค์เข้าร่วม?? []

ความคิดเห็นที่ 56

เอามาให้อ่าน เผื่อจะสำนึกกันบ้าง เดี๋ยวจะคิดว่าสิ่งที่ทำนี่ดีเหลือเกิน

น้ำตา..ดอกกล้วยไม้ หลั่งให้ม็อบสนามบิน [5 ธ.ค. 51 - 15:23]

"ต้นทุนการผลิตกล้วยไม้ช่อหนึ่ง 1.75 บาทเป็นอย่างน้อย"

นายชัชวาลย์ เกตุแก้ว เกษตรกรปลูกกล้วยไม้ ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร บอกถึงต้นทุนการผลิตดอกกล้วยไม้

และ ยังบอกอีกว่า แต่ละวันที่กลุ่มพันธมิตรฯยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้กลุ่มผู้ส่งออกกล้วยไม้ไทยสูญเสียรายได้วันละ 30 ล้านบาท ตัวเลขนี้เฉพาะกล้วยไม้ที่สูญเสียไปแต่ละวัน ไม่นับภาระรายจ่ายอื่นๆที่จะต้องตามมา

เลวร้ายที่สุดก็คือ การสูญเสียลูกค้าที่ติดต่อกันมาอย่างยาวนาน เพราะกลายเป็นผู้ผิดสัญญาในการจัดส่งกล้วยไม้ ให้ถึงมือตามเงื่อนไขเวลาที่ตกลงกันไว้

ปรากฏการณ์แบบนี้ “ผมว่าเมืองไทยไม่น่าเกิด แต่เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องจัดการให้เร็วที่สุด แล้วต้องมีขั้นตอนการเยียวยาบ้าง รัฐบาลจะช่วยอะไรได้บ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี เอาแค่เล็กน้อยก็พอ ใครที่จะรับผิดชอบต่อไปก็ต้องกลับมาดูบ้างว่าบ้านเราเกิดอะไรขึ้น และต้องมีการแถลงข่าวให้ชาวโลกรู้ว่า บ้านเราเหมือนเดิมนะ ไม่มีปัญหาเหล่านี้ต่อไปอีกแล้ว ต้องเร่งสร้างภาพลักษณ์ให้ดีที่สุด” นายชัชวาลย์บอก

สวนกล้วยไม้ของนายชัชวาลย์เป็นหนึ่งในอีกหลายสวน กล้วยไม้ของจังหวัด สมุทรสาคร ซึ่งมีพื้นที่ปลูกกล้วยไม้ใน พ.ศ.2551 นี้ประมาณ 4,110 ไร่ มูลค่าการส่งออกประมาณปีละ 368 ล้านบาท เฉพาะตำบลหนองนกไข่ มีพื้นที่ปลูกกล้วยไม้ 550 ไร่ ส่งออกประมาณ 270 ล้านต่อปี และขายในประเทศได้ประมาณ 98 ล้านบาทต่อปี

สวนของนายชัช วาลย์มี 50 ไร่ และยังรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรรายอื่นๆในนามบริษัทสยามไทโยอีกประมาณ 110 ราย รวมเนื้อที่ปลูกประมาณ 300 ไร่ เพื่อการส่งออกอีกด้วย

ปริมาณการ ส่งออกแต่ละปีประมาณ 9.5 ล้านช่อ เฉลี่ยเดือนละ 800,000 ช่อ มูลค่าการส่งออกปี พ.ศ.2550 ที่ผ่านมาคือ 83 ล้านบาท นับเป็นเกษตรกรปลูกกล้วยไม้รายใหญ่ของจังหวัดสมุทรสาคร

กว่าจะมาเป็น กล้วยไม้ส่งออก นายชัชวาลย์บอกว่า เวลาปลูกอย่างน้อยต้อง 8 เดือนถึงจะตัดพวงช่ออันงดงามออกมาขายได้ หลังจากนั้น ต้นพันธุ์สามารถปลูกเลี้ยงต่อไปอีกประมาณ 4 ปี

การดูแลกล้วยไม้ ต้องมีตารางเวลาว่าวันไหนทำอะไร เป็นต้นว่า ต้องรดน้ำทุกวัน ฉีดยาป้องกันแมลงอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และใส่ปุ๋ยไปตามตารางที่วางไว้ “สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือโรคเชื้อรา เวลาฝนตกมามักจะเกิดโรคเชื้อรา ไม่สามารถตัดดอกขายได้ เราต้องประคบประหงมเป็นอย่างดี กว่าจะได้ดอกที่สวยงามตามต้องการ”

ลักษณะ ดอกที่สมบูรณ์คือ “ในหนึ่งช่อจะต้องมีดอกบานมากที่สุดคือ 70 ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ และในดอกจะต้องไม่มีเชื้อรา เชื้อโรค และแมลงติดอยู่” นายชัชวาลย์บอก

สำหรับการส่งออก กล้วยไม้พันธุ์เอกในสวนคือ หวายแอนนีน่าไทโย สีชมพูอ่อน และพันธุ์อื่นๆอีกหลายพันธุ์ ช่อกล้วยไม้เหล่านี้ จะส่งออกไปยังประเทศเกาหลี อเมริกา ฝรั่งเศส อิตาลี และญี่ปุ่นเป็นรายใหญ่ที่สุด

เรื่องการส่งออก “เราส่งออกทุกวัน จะหยุดแค่วันพุธวันเดียวเท่านั้น วันที่เราส่งมากที่สุดในรอบสัปดาห์คือวันอังคาร รองลงไปคือวันศุกร์และวันอาทิตย์”

สาเหตุที่เป็นดังนี้เพราะ ต้องส่งให้ตรงกับเวลาขายของประเทศที่รับดอกกล้วยไม้จากไทยไปขาย

ช่วง กลุ่มพันธมิตรฯปิดสนามบิน ผลกระทบต่อการส่งออกนั้น “มหาศาลเลยครับ วันที่สนามบินปิดนั้น มูลค่าของกล้วยไม้เฉพาะสยามไทโยของเรารายเดียวเกือบ 500,000 บาทที่ค้างอยู่ เราต้องเอากลับคืนมา”

นั่นเฉพาะวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2551 เท่านั้น วันถัดมาเล่า “เราต้องมีสต๊อกกล้วยไม้ของวันที่จะต้องส่งต่อไปอีก มันจะไหลมาเรื่อย ดังนั้น มันจะเป็นสองเท่า จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด นี่แค่บริษัทเดียว แล้วบริษัทอื่นๆอีกล่ะ มูลค่าวันหนึ่งรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ล้านครับ”

มา ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2551 “ผมว่าถึงวันนี้ไม่ต่ำกว่าสองหรือสามร้อยล้านเข้าไปแล้ว แล้วมูลค่าอื่นๆ ที่เสียหาย อย่างลูกค้าที่เรารับใบสั่งไว้เราไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเราส่งให้เขาไม่ได้ เขาต้องรับออเดอร์เร็วๆนี้ อย่างในช่วงคริสต์มาสนี่ ปกติเขาใช้กล้วยไม้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อมาเจอสถานการณ์แบบนี้ กล้วยไม้เขาไม่ใช้แล้ว เขาหันไปใช้อย่างอื่นแทน แม้จะเปิดสนามบิน แต่ออเดอร์ก็จะไม่มา เพราะเขาสั่งอย่างอื่นไปแล้ว ความเสียหายนี้จะต่อเนื่องไปอีก”

เกษตรกรที่ทำสวนกล้วยไม้ ปัจจุบันมีทางออกอย่างไรนั้น นายชัชวาลย์ บอกว่า “ต้องช่วยเหลือตัวเองกันไปพลางๆก่อน นอกจากไประบายที่ห้างสรรพสินค้าแล้วก็จะต้องเอาไปขายตามท้องตลาด และยังต้องกักไว้เป็นบางส่วน ถ้าทุกคนเอาไว้หมดก็จะล้นตลาด ราคาจะถูกลงอีก”

สภาวการณ์ ที่เป็นอยู่ “เราต้องพยายามทนเอานิดหนึ่ง ถ้าไม่สามารถส่งออกได้ภายใน 15 วัน ผมว่าเจ๊งแน่เลยครับ เพราะว่า หนึ่งอาทิตย์เราต้องทำทั้งสามอย่างคือ ให้น้ำ ใส่ปุ๋ย ฉีดยา ถ้าไม่รักษาเอาไว้ เกิดโรคขึ้นมาก็ตัดไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้นทุนนี้จะสะสมไปเรื่อยๆ พอถึงครึ่งเดือนเงินต่างประเทศไม่เข้า บริษัทก็ไม่จ่ายเรา เราจะทำอย่างไร”

ทางออก เฉพาะหน้าที่ทำคือ เอามาระบายในห้างสรรพสินค้า โดยเริ่มที่สยามพารากอน ช่วงแรกกำหนดไว้ที่ระหว่างวันที่ 2 ถึง 10 ธันวาคม 2551 “ถ้าขายได้ก็ถือว่าประทังตัวได้ ต้องขายได้จริงๆนะครับ”

นาง ลักขณา นะวิโรจน์ กรรมการบริหารห้างสรรพสินค้าพารากอน แสดงทรรศนะเรื่องการช่วยซับน้ำตาเกษตรกรกล้วยไม้ว่า เราพยายามร่วมมือกับเกษตรกร ในอันที่จะระบายกล้วยไม้ให้ถึงมือผู้ซื้อให้มากที่สุด

การคิดค่าใช้สถานที่ เธอบอกว่า จัดสถานที่ที่ดีที่สุดให้วางขาย โดยจะคิดค่าบริการให้น้อยที่สุด เพื่อเป็นการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน

“ถึง เวลาแล้วที่คนไทยจะต้องมาช่วยเหลือกัน มาร่วมมือกันซื้อของภายในประเทศแทนการนำเข้า อย่างกล้วยไม้ของเราดี มีคุณภาพมากแต่ละช่ออยู่ได้ตั้งหลายวัน” นางลักขณาบอก

ด้านนายเศรษฐ พงศ์ เลขะวัฒนะ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการผลิตไม้ดอกไม้ประดับบอกว่า ทางสมาคมได้ประชุมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกร่วมกัน ทางออกแรกที่เห็นเป็นรูปธรรมก็คือ นำกล้วยไม้ส่งออกเกรดดีเหล่านั้นมาจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า โดยใช้ห้างสรรพสินค้าพารากอนเป็นที่นำร่อง จากนั้นค่อยกระจายสินค้าออกไปยังห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการประสานงาน และความร่วมมือของห้างสรรพสินค้าเหล่านั้น

เสียง วิงวอนจากเกษตรกรกล้วยไม้ต่อม็อบคือ “ผมว่าม็อบต้องสงสารเด็กตาดำๆบ้างครับ ถ้าพ่อแม่ไม่มีเงินเข้ามาเด็กก็อดข้าว ขาดสารอาหาร เมื่อเด็กขาดสารอาหาร ความคิดก็จะน้อยลงไป ต่อไปประเทศชาติจะเป็นอย่างไร เพราะเด็กที่ขาดสารอาหารวันนี้ อาจจะเป็นนายกฯวันข้างหน้าก็ได้” นายชัชวาลย์ทิ้งท้าย

ระลอกคลื่นเศรษฐพิษอันเนื่องมาจากการปิดสนามบิน ที่เห็นเป็นรูปธรรมนับแสนล้าน ในส่วนที่จมอยู่ในทะเลอย่างภูเขาน้ำแข็งนั้นอีกเท่าใด...เกินประมาณ.

http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews02&content=113909

ลองตามอ่านกัน คุณกลายใต้ จะเอาอะไรมาโต้อีก
คงทำนองเดียวกัน "ข้าเลว เอ็งก็เลว" 5555
แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 52 12:58:25

จากคุณ : tonytui - [ 7 ม.ค. 52 12:56:48 A:58.136.79.29 X: ]