CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGang


    ที่พรรคเพื่อไทย แพ้เลือกตั้งซ่อมนี่เพราะ เสื่อมหรือว่าไม่พร้อมกันแน่คะ

      เสื่อม (20 คน)
      ไม่ใช่อะ (17 คน)
      ไม่รู้ (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 38 คน

     52.63%
     44.74%
     2.63%


    ขอโทดนะคะ  อาจมีหลายคนได้อ่านบทความนี้ไปแล้ว  แต่เชื่อคะว่า  บางคนก็ยังไม่ได้อ่าน   ถ้าวิเคราะห์ดีๆนะคะ  หนูว่าการที่พรรคเพื่อไทยได้สส.กลับคืนมา5  นี่ก็ถือว่าคุ้มแล้วนะคะ   ด้วยสถานะการ์ณอย่างนี้   หนูเชื่อเลยละคะว่า    ทักษิณ ยิ่งใหญ่แล้วก็อยู่ในใจคนหลายคนจริงๆ  ลองพรรคอื่นโดนยุบ   หรือโดนงูเห่าอย่างงี้บ้างสิคะ  รับรองอาจจะไม่ได้กลับมาแม้แต่เสียงเดียวด้วยคะ   ยังไงก้อยากให้อ่านนะคะ  เพราะมีแนวโน้มคะ
    .................

    วิเคราะห์เบื้องลึกในเบื้องลึก “ประชาธิปัตย์” ทะลวงฐานความนิยม “ทักษิณ”

    อันดับแรกต้องเข้าใจถึงที่มาของการเลือกตั้งซ่อมวันที่ 11 มกราคม 2552 ก่อนว่าเกิดจากการที่พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมา ถูกยุบอย่างสายฟ้าแลบเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 เพื่อเปิดทางให้พันธมิตรที่ยึดสนามบินใช้เป็นข้ออ้างยุติการกระทำที่เข้าข่ายการก่อการร้ายสากล กรรมการบริหารพรรคทั้งสามถูกตัดสิทธิจึงต้องเลือกตั้งใหม่แทนคนเก่า กกต. เองให้เวลาเตรียมตัวเพียง 40 วันรีบกำหนดวันที่ 11 ม.ค.52 เป็นวันเลือกตั้ง ทำให้พรรคที่โชคร้ายทั้งสามเตรียมตัวหาผู้สมัครใหม่ให้ได้ตามกฎไม่ทัน ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนาหรือพรรคชาติไทยเดิมได้รับอานิสงค์ปล่อยผีจากศาลฎีกาฯ เป็นสิ่งตอบแทนการย้ายขั้ว

    อันดับต่อมาเป็นที่รู้กันทั่วว่าพรรคเพื่อไทยหรือพรรคพลังประชาชนหรือพรรคไทยรักไทยเดิม ถูกยุทธการ “หมาป่ากับลูกแกะ” ทำลายล้างตัดตอนด้วยขบวนการ “ตุลาการภิวัตน์” มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บุคลากรของพรรคต้องถูกตัดสิทธิกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง มิหนำซ้ำถูกการสร้างกระแส “สองมาตรฐาน”กีดกันไม่ให้อดีตกรรมการที่ยังไม่ยอมย้ายขั้วเข้ายุ่งเกี่ยวหนุนช่วยพรรคเพื่อไทยซึ่งต่างจากฝ่ายที่ย้ายขั้วที่กระทำการได้อย่างเปิดเผยเอิกเกริกด้วยมั่นใจว่ามี “เส้นใหญ่” ทำให้พรรคเพื่อไทยขาดหัวขบวนและขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถมาทำงานให้พรรค ด้วยไม่มีใครกล้าเข้ามาเสี่ยงกับยุทธการจองเวรของ “หมาป่ากับลูกแกะ”

    ปัจจัยสำคัญต่อมา คือ เงินทุน เป็นที่เข้าใจกันว่าถ้าพรรคฝ่ายที่ไม่มีเส้นใหญ่กระทำการอันเรียกว่า “ซื้อเสียง” ย่อมเสี่ยงต่อการถูกให้ใบแดง ยุบพรรคได้ทันที ขณะพรรคที่มี “เส้นใหญ่”คุ้มครองจะได้รับแค่ใบเหลืองในกรณีที่มีหลักฐานชัดเจนและยกคำร้องเมื่อหลักฐานดูคลุมเคลือ นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ได้พิสูจน์จนเป็นที่รับรู้ทั่วกันแล้วถึง “เด็กเส้น” ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยจึงต้องระมัดระวังทุกฝีก้าวและไม่กล้าเสี่ยงกระทำการอันจะเป็นข้ออ้างให้ถูกใบแดงได้

    คราวนี้เรามาวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งที่สื่อต่างๆ พยายามโหมสร้างกระแสว่า คะแนนนิยมของคุณทักษิณเสื่อม ตกต่ำแล้ว เพราะพรรคประชาธิปัตย์สามารถเอาชนะในถิ่นที่เป็นพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทยได้
    เริ่มต้นที่จังหวัดลำพูน ทางภาคเหนือที่สื่อเรียกว่าเกิดการพลิกล๊อคครั้งใหญ่ เมื่อนายขยัน วิพรหมชัย อดีตนายกเทศมนตรีตำบลอุโมงค์และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะมีคะแนนทิ้งห่างนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำ “กลุ่มรักเชียงใหม่ 51” หรือกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ถึง 8,808 คะแนน สื่อและพรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามสร้างกระแสว่าเป็นผลจากคนเสื้อแดงปาไข่ใส่นายชวนสร้างคะแนนสงสารให้พรรคประชาธิปัตย์

    ลองมาพิจารณาข้อเท็จจริงกันบ้าง นายขยัน เป็นคนลำพูนทำงานในพื้นที่บริหารส่วนจังหวัดลำพูนมาตลอด  ในขณะที่นายเพชรวรรต เป็นคนเชียงใหม่มีธุรกิจและเคลื่อนไหวการเมืองเพื่อหวังลงเลือกตั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ไม่ได้คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งลงสมัครที่ลำพูน จึงถูกลากให้ลงด้วยความจำเป็น ด้วยระยะเวลาที่สั้นในการลงพื้นที่ ด้วยชื่อพรรคใหม่ที่คนในพื้นที่จำนวนมากไม่ค่อยรู้จัก เป็นคนต่างถิ่น ถูกกดดันจากยุทธการลับ ลวง พราง ของ ค.ม.ช. และในพื้นที่ทราบกันดีว่าภายใต้หน้ากากพรรค “เส้นใหญ่” ที่อ้างว่าบริสุทธิ์ ไม่ซื้อเสียง ยึดมั่นอุดมการณ์ นั้น เบื้องหลังมีเงินสะพัดในพื้นที่อย่างไม่ต้องเกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใด นอกจากนี้เจ้าของพื้นที่เดิมของพรรคพลังประชาชนก็อยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งภายในพรรคในเหตุการณ์ย้ายขั้ว ทำให้ไม่ได้ลงช่วยหาเสียงเท่าที่ควร

    คะแนนที่รับสูงถึง 91,420 แม้จะพ่ายแพ้แต่ด้วยสภาพฉุกละหุกไม่พร้อมในการเลือกตั้งและเสียบเปรียบทุกด้านเช่นนี้นับได้ว่าไม่น่าปริวิตกว่าพรรคเพื่อไทยหรือคุณทักษิณจะเสื่อมถอยความนิยมไปจากประชาชนคนภาคเหนือแต่อย่างใด เมื่อมีการเลือกตั้งใหญ่รับรองว่าลำพูนเพื่อไทยน่าจะประสบชนะเช่นที่พรรคพลังประชาชนได้ประสพความสำเร็จ

    จังหวัดต่อมาคือ ลำปาง พรรคเพื่อไทยโดยนายสมโภช สายเทพ ได้รับชัยชนะเหนือนายมัธยม นิภาเกษม ด้วยคะแนนห่างกันเพียง 3,385 คะแนน ซึ่งสื่อหลายสำนักพยายามโหมประโคมว่าเป็นชัยชนะของผู้แพ้ด้วยข้ออ้างว่าเสียเปรียบพรรคเพื่อไทยทุกประตู แต่ข้อเท็จจริงคือนายสมโภช หนุ่มผมยาวประบ่าทำงานประจำอยู่ที่เชียงใหม่มีฐานะหนี้สินส่วนตัวอยู่ 2 แสนบาทต้องถูกจับมาตัดผมและช่วยใช้หนี้ให้ถูกลากมาลงสมัครในระยะเวลารีบด่วนเช่นนี้ จึงไม่ต้องพูดถึงการปูพื้นทำงานการเมืองในพื้นที่เลย ต้องอาศัยฐานคะแนนเสียงเดิมของ ส.ส.พลังประชาชนและไทยรักไทยเก่าแอบๆ ช่วย(เพราะกลัวถูกตีความให้ใบแดง) ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ขาดแคลนผู้สมัครและมีอิสระในการใช้เงินเพื่อให้ได้ชัยชนะอย่างอิสระเสรี

    การเลือกตั้งที่ลำปางครั้งนี้ย่อมยืนยันความแนบแน่นของฐานคะแนนเสียงที่นิยมคุณทักษิณ ซึ่งถ้าเป็นการเลือกตั้งใหญ่ที่พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมมีคู่แข่งหลายคน รับประกันได้ว่าจังหวัดลำปางพรรคเพื่อไทยได้ยกจังหวัดอย่างแน่นอน

    เราลองมาดูจังหวัดสมุทรปราการที่นางสาวสรชา วีรชาติวัฒนา อดีตผู้สมัครสอบตกหลายสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ชนะนางอรุณลักษณ์ กิจเลิศไพโรจน์ ภรรยานายสงคราม เหรัญญิกพรรคเพื่อไทย ผู้สมัครหน้าใหม่ที่จำต้องลงแทนสามี ด้วยคะแนน 80,890 ต่อ 61,247 คะแนน ห่างกันเกือบ 2 หมื่นคะแนน ดูเผินๆ ก็น่าจะยอมรับว่าเขตนี้พรรคประชาธิปัตย์เหนือพรรคเพื่อไทยอย่างทิ้งห่าง แต่ถ้าวิเคราะห์ด้านลึกแล้วคะแนนของประชาธิปัตย์ครั้งนี้ได้คะแนนเสียงของกลุ่มนายวัฒนา อัศวเหม เทเสียงให้ตามใบสั่ง  ถ้ามีการเลือกตั้งใหญ่ใหม่พรรคประชาธิปัตย์น่าจะครองแชมป์สอบตกต่อไป

    สำหรับจังหวัดนครปฐมถิ่นเก่าของนายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นายมารุต บุญมี ลูกชายนายปัญญาวัฒน์ หรือกำนันประสาน นักการเมืองเก่าแก่ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 7 พรรคประชาธิปัตย์ เอาชนะนายฐานุพงศ์  รังสิไตรพงศ์ ผู้สมัครโนเนมพรรคประชาราษฎร์ด้วยคะแนน  104,490 ต่อ 63,048 คะแนน การเลือกตั้งเขตนี้ปัจจัยสำคัญคือผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้สมัครสอบตกเดิมมาก่อน และนายไชยา สะสมทรัพย์ เจ้าของพื้นที่เดิมได้แจ้งให้พรรคเพื่อไทยไม่ให้ส่งคนลงสู้เลือกตั้งครั้งนี้ เพราะอำนาจลึกลับที่ให้ใบสั่งต้องช่วยพรรคประชาธิปัตย์จึงจะอยู่เย็นเป็นสุข

    ส่วนการเลือกตั้งที่จังหวัดสิงห์บุรี ที่เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคเพื่อไทยโดยนายพายัพ ปั้นเกตุ กับพรรคประชาธิปัตย์ที่ฮั้วกันกับพรรคชาติไทยเดิมส่งนายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ลูกเจ้าของร้านทองเก่าแก่และเจ้าของธุรกิจเคเบิ้ลทีวีในสิงห์บุรี ญาตินายชัยวุฒิ อดีตส.ส.ชาติไทยที่ร่วมกันเทคะแนนให้จึงไม่น่าแปลกใจที่สามารถเอาชนะนายพายัพได้ถึง 4,000 กว่าคะแนน

    ข้อเท็จจริงข้างต้นไม่ใช่คำแก้ตัวไม่ยอมแพ้ของผู้แพ้ แต่อธิบายองค์ประกอบของความพ่ายแพ้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง และต้องการให้นำไปเป็นข้อมูลอีกด้านเพื่อพิจารณาว่าเป็นความตกต่ำเสื่อมความนิยมในคุณทักษิณจริงหรือไม่ ซึ่งจะพิสูจน์ได้ด้วยการยุบสภาเลือกตั้งใหม่เท่านั้น




    http://www.newskythailand.com/board/index.php?PHPSESSID=0546bc3c07de599668b2dbeb80c233ba&topic=4340.msg15560;topicseen#new


    อิอิอิคิกๆๆๆคักๆๆๆๆๆ

    แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 19:08:41

     
     

    จากคุณ : หนูนานามิ - [ 15 ม.ค. 52 19:06:59 A:192.168.10.27 X:124.120.118.168 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com