Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    การค้าที่สุดแสนอำมหิต

    ขอบคุณพี่หญิงเบอะมากที่เป็นปากเป็นเสียงเรื่องการถูกลบกระทู้ของผม  ขอบคุณมากครับ  แต่ช่างเถอะครับ  เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ที่ลบหรือไม่  แต่ประเด็นมันอยู่ที่ผมได้สู้ในแบบของผมและได้มีคนอ่านแล้ว  ผมพึงใจแล้ว  ที่เหลือก็แล้วแต่เวบมาสเตอร์จะพิจารณาเอา   จะมองว่าผมส่อเสียดหรือเสียดสีจนไร้สาระก็ได้  หน้าที่ผมคือเขียนในสิ่งที่ผมคิด  อ่านแล้วคิดได้หรือไม่คิดเลยก็ตามแต่ใจ  มาตรฐานของกฏมันตีความได้และตีความออกเยอะเสียด้วย

    ขอบคุณจริง ๆ ครับพี่

    มา  วันนี้เรามาเบา ๆ กัน  ออกตัวนะครับ  ออกตัวรอบที่ห้าร้อย  ผมเลิกด่าประชาธิปัตย์แล้ว  แต่วันนี้ผมจะมาเบา ๆ กับพันธมิตรและประชาธิปัตย์เสียหน่อย   เริ่มจากการที่คุณสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์  ได้ไปพูดบนคอนเสิร์ตของพันธมิตรที่ชลบุรี  ซึ่งมีรายการพิเศษคือการจับฉลากของรักของหวงของห้าแกนนำพันธมิตร  สนธิ  มอบสายประคำสำหรับสวดมนต์ 15 ปีมาให้  (คนอย่างนี้สวดมนต์ได้ด้วยเหรอ)  จำลอง  มอบไฟฉายคู่มือที่เอาไว้เดินตรวจตอนกลางคืน  (คนได้คงปลื๊มปลื้ม)  สนธิให้นาฬิกาสวอตช์  (ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคนอย่างสนธิจะใส่ สวอตช์ เป็นประจำ  คนอย่างนี้น่าจะปาเต๊ะ  แต่คงเหนียวเก็บไว้)   อะไรสารพัน  แล้วก็มาถึงที่ผมสะดุดใจและอยากบอกนั่นก็คือ

    คิวคุณสมเกียรติขึ้นพูด  คุณสมเกียรติได้บอกว่า  "เวลานี้คนดีจับมือคนเลวบริหารบ้านเมือง"  ผมล่ะติดใจคำนี้มากครับ  เพราะผมไม่รู้จริง ๆ ว่า  คุณสมเกียรติหมายถึงใครเป็นดีและใครเป็นคนเลว   มันดูยากจริง ๆ และเทียบเคียงยาก  เพราะตามจริงแล้วมันเลวกันทั้งคู่  ไม่ว่าจะเป็น อภิสิทธ์ จับมือ สุเทพ หรือ อภิสิทธ์ จับมือ เนวิน  ไม่ว่าจะเอาสมการไปวางตรงไหนก็ได้ผลลัพภ์ว่า  เลวทั้งคู่  เหตุใดท่านสมเกียรตินักรบของประชาชนถึงได้ประเมินอะไรผิดไปขนาดนี้   หรือกล้าพูดเต็มปากว่า  มาร์ค เป็นคนดีครับ...

    ถ้ามาร์คจะเป้นคนดีตามที่คุณสมเกียรติหมายถึงแล้ว  ก็คงจะหมายความว่า  "เวลานี้คนดี (กว่านิดเดียว) จับมือคนเลวบริหารประเทศ"  ต้องแบบนี้ถึงจะถูกเพราะผมยอมรับครับว่า  คุณอภิสิทธ์  เป็นคนดี  ถ้าเทียบกับคุณเนวิน  แต่ก็ดีกว่าเพียงนิดเดียวเท่านั้น  หาใช่คำดีที่เรายอมรับกันทั่วประเทศ  และจากนั้น  สมเกียรติยังพูดต่อว่า  นี่คือขัดตาทัพเท่านั้นเพราะตอนนี้กำลังรอรัฐบาลแห่งชาติและการเมืองใหม่หรือการเมืองแบบประชาภิวัฒน์อยู่   สรุปว่าพันธมิตรยังไม่เลิก  จะยังดันการเลือกตั้ง 70 - 30  เลือกตั้ง 50 - 50 ให้ได้  ว่างั้น...

    และประเด็นต่อมา  ถ้าตอนนี้ใครเข้าเวบผู้จัดการจะพบกับป๊อบอัพเพื่อประกาศคัดเลือกตัวนักแสดง   โดยมีศรัญยูเป็นผู้กำกับ  ซึ่งก็คงเป็นอย่างที่เป็นข่าว  หนังเรื่อง  193 วัน  สงครามประชาชน  ที่จะเอาการชุมนุมของพันธมิตรและเกร็ดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาสร้างเป็นหนัง   หนังเรื่องนี้พันธมิตรสร้าง  ผู้เล่นโดยพันธมิตร  กำกับโดยพันธมิตร  และเชื่อว่าผู้ที่ดูก็คงมีแต่พันธมิตร  ซึ่งนี่คือจุดที่น่าพูดถึงว่า  เหตุใดนักร้อง  นักแสดง  นักเขียนถึงเลือกข้างทางการเมือง   ตรงนี้ผมไม่ทราบว่ามีใครพูดถึงหรือยังแต่อย่างไรเสียผมขอแสดงความคิดไว้ตรงนี้  ถ้าซ้ำกับใครก็ต้องขออภัย

    ตรงนี้เป็นการตลาดได้เลยครับ...  เป็นการตลาดที่แน่นอนด้วย  ดังนั้นนักเขียนนักดนตรีนักร้องถึงได้เลือกข้าง   ผมเชื่อว่าคงไม่คิดเช่นนี้ทุกคนสำหรับศิลปินที่ขึ้นเวทีพันธมิตร   ผมไม่ได้ดูถูกสติปัญญาของคนเหล่านั้นแต่ผมเชื่อว่าถ้าศิลปินเหล่านั้นเป็นศิลปินแท้  คงไม่อยากออกมาแน่นอน  งานนี้แม้ได้กลุ่มแฟนแน่นอนแต่ก็เป็นที่รังเกียจของคนหมู่มาก   และสังคมสีเทาแบบนี้ถ้าศิลปินมีความคิดเที่ยงธรรมแท้จริง  ก็คงไม่ออกตัว

    แต่งานนี้ศิลปินออกตัวมากครับ  ไม่ต้องดูไกล  อย่างอาจารย์เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์  เขียนหนังสือหนึ่งเล่ม  สิบปีจะพิมพ์ได้กี่หน  แต่ถ้าเลือกข้างเป็นพันธมิตร  แต่ละคนซื้อกัน  อุดหนุนกัน  ยอดจะพุ่งเท่าไหร่  ตรงนี้ผมไม่อยากคิดร้าย ๆ นะครับ  แต่น่าคิดหรือไม่  หรือวงแฮมเมอร์ออกเทป  ซึ่งวันนี้เอ็มพีสามระบาด  แต่เมื่อเลือกข้างเป็นคนในกลุ่มพันธมิตร  รายได้จะมากขึ้นแค่ไหน  นี่คือการคาดการณ์เท่านั้น...

    ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่พันธมิตรจะสร้างหนังขึ้นมาและแน่ใจว่าจะมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ดู   แต่ด้วยจำนวนของพันธมิตรและเทคนิคการโฆษณาของเอเอสทีวี  ผมเชื่อจริง ๆ ครับว่าหนังเรื่องนี้ไม่ขาดทุน  แม้คนไปดูแค่สองแสนก็ยากที่จะขาดทุน  อย่าลืมโฆษณา  อย่าลืมโฆษณาแฝงอย่างเด็ดขาดนะครับ  วันนี้หนังแทบไม่ต้องพึ่งจำนวนบัตรเหมือนสมัยก่อน  แค่โฆษณาอย่างเดียวก็ชี้วัดได้แล้ว   แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามการทำหนังเรื่องนี้  มันไม่ควรจะเกิดอย่างยิ่ง  ถ้าพันธมิตรรักประเทศชาติจริง  ต้องหยุดโครงการนี้โดยเด็ดขาด  เพราะมิฉะนั้นแล้วประเทศจะเสียหายมากขึ้นจากความโลภมากของเหล่าประดาพันธมิตรเอง

    อย่างที่บอกไป  หนังเรื่องนี้สร้างโดยพันธมิตร  คนเขียนบทก็ต้องเป้นพันธมิตร  กำกับโดยพันธมิตร  ดังนั้นแนวทางการเล่าเรื่องก็ต้องเป็นในทางความคิดของคนพันธมิตร  ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละภาพแต่เหตุการณ์ต้องไม่ตรงตามเหตุผลถ้ามองจากสายตาของคนอีกฝ่ายแน่นอน   ซึ่งคนที่เป็นกลางแต่ติดตามเหตุการณ์โดยตลอดก็อาจจะขัดตา  ส่วนพวกที่ไม่รู้เรื่องอาจจะถูกล้างสมองไปเลย  อันตรายไหมครับ  เพราะผมเชื่อแน่นอนว่าพันธมิตรในหนังต้องถูกสร้างออกมาเสียจนกลายเป็นฮีโร่แน่นอน

    เรามาย้อนกลับไปมอง  เหตุการณ์ 16 ตุลา  ซึ่งวีรชนเหล่านั้นยังไม่สร้างหนังอวยตัวเองทันทีที่หมอกควันยังไม่จางเลย   และพวกเขาสักคนก็ไม่ได้สร้างเองหากแต่มีผู้กำกับไปหยิบมาเพราะเห็นว่าน่าสนใจ  ซึ่งคนดูก็มีหลายความคิด  บางคนก็ชื่นชมเสกสรรค์มากขึ้น  บางคนก็มองเสกสรรดีขึ้น  ส่วนบางคนเกลียดหนักกว่าเดิม  อย่างผมก็ต้องพูดกง ๆ ว่า  ทันทีที่ดู 16 ตุลา สงครามประชาชนจบก็พูดสั้น ๆ ว่า  หนังฟอกขาวให้ตัวเอง  แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะมันก็ผ่านไปแล้วและไม่รุนแรงถึงขนาดจะทำให้เหตุการณ์ปัจจุบันแย่ลง

    แต่วันนี้พันธมิตรกำลังจะฟอกขาว  และแน่นอนว่าต้องโยนความผิดให้อีกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  แล้วแบบนี้จะอยู่ในแผ่นดินเดียวกันต่อไปได้อย่างไรครับ...

    การที่คนพันธมิตรจะทำมาหากิน  ผมว่าไม่เชื่อเรื่องผิด  คนเราหิวก็ต้องหากิน  แต่การหากินบนความขัดแย้งของประเทศ  มันเป็นการค้าที่อำมหิตไปหน่อยนะครับ...  และถ้าเกิดมีคนบ้าส่งเรื่องนี้ไปฉายต่างประเทศ  มันจะยิ่งไม่อลหม่านไปอีกหรือ...

    เค้าคงคิดใหม่ไมได้แล้ว  และก็คงอะไรที่ดีกว่าที่คิดวันนี้ไม่ได้  เพราะถ้าคิดได้ดีกว่านี้ก็คงไม่ทำแบบที่พันธมิตรทำในวันนี้  ดังนั้นผมคงไม่เรียกร้องอะไรจากสมองของพันธมิตร  แต่อยากบอกว่า  การค้าของพวกคุณมันอำมหิตจริง ๆ

     
     

    จากคุณ : พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง - [ 20 ม.ค. 52 16:56:28 A:124.121.37.29 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com