ความคิดเห็นที่ 1 ...เข้ามาดูไว้ จากคุณ : madoowai - [ 23 ม.ค. 52 18:36:14 A:125.25.136.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 น่าจะถามคุณ ต สระ อือ ว่า  "ถ้าคุณเป็นนายกรัฐมนตรี" จากคุณ : นายสันทัด - [ 23 ม.ค. 52 18:44:20 A:58.11.3.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณยังไม่รู้คำตอบเหรอครับ จขกท. ผมตอบแทนละกัน คุย กับ พธม. เยอะ รู้คำตอบครับ ตอบได้คำเดียว ทำเหมือนทักษินทำ ครับ แต่ ทักษินเป็นถึง นายกรัฐมนตรี จึงไม่ควรทำ เท่านั้นครับ คำตอบเดิมๆ เจอประจำ อ้าง จริยธรรม แต่ไม่มอง ธรรมชาติของมนุษย์ จากคุณ : gotthepower - [ 23 ม.ค. 52 18:45:58 A:203.188.62.68 X:203.209.54.226, 203.209.54.228 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทักษินเป็นถึง นายกรัฐมนตรี จึงไม่ควรทำ ------------------------------------------------------------------------------ แล้วทักสินควรทำยังไง 1.ไม่ขายหุ้น 2.ขายหุ้นขาดทุน 3.แก้กฏหมายขอเสียภาษี เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี แก่เยาวชนไทย 4.ยกกิจการให้เป็นสมบัติชาติ จากคุณ : สาวสวยสวย - [ 23 ม.ค. 52 19:23:55 A:58.8.157.110 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 # 2 หมายความว่านายกรัฐมนตรีห้ามเป็นผู้บริหารหรือนักธุรกิจใช่ไหมครับ รธน 50  น่าจะมีกฎข้อห้ามลงไปเลยดีกว่าครับ มันก็แปลกที่ประวัติศาสตร์ประเทศไทย ไม่เคยมีนายกฯที่มาจากนักธุรกิจมาก่อน อนาคตถ้าเจ้าสัวซีพี อยากจะมาช่วยประเทศ  เห็นทีต้องขายบริษัททิ้งในราคาถูกๆ ต่ำกว่าพาร์ และเงินที่ได้มาควรจะบริจาคให้หมด หลังจากหมดตำแหน่งนายกฯแล้วค่อยไปสร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่ เอาแบบนี้กันเลย ถึงจะดีและถูกใจ ใช่ไหมครับ? เวรกรรมจริงๆ ที่คนในประเทศไทยคิดได้เท่านี้เอง จากคุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน - [ 23 ม.ค. 52 19:24:20 A:124.122.134.189 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้น   แก้กฎหมายการถือครองหุ้นจาก ยี่สิบกว่าเปอร์เซนต์   เป็นเกือบห้าสิบเปอร์เซนต์   ในการให้ต่างชาติ เข้ามามีสิทธิถือครองหุ้น   กฎหมายมีผลไม่กี่วัน   แล้วประกาศขายเลย มันยังไงอยู่นา ? "กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา" จากคุณ : TuMan - [ 23 ม.ค. 52 19:45:24 A:118.174.126.34 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 การออกกฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นบริษัทโทรคมนาคมไทยได้ไม่เกิน 50% เดิมบริษัทโทรคมนาคมไทยที่เป็นสัญชาติไทย ต้องมีสัดส่วนหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 50% ไม่มีเจตนากีดกันหรือไม่ต้อนรับการลงทุนด้านโทรคมนาคมจากต่างชาติ ต่อมาปี 2543 รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอร่าง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม เป็นการออกกฎหมายลูกตามรัฐธรรมนูญใหม่ปี 2540 โดยสัดส่วนต่างชาติตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ปี 2542 (ต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50%) แต่ในปี 2544 วุฒิสภาได้แปรญัตติให้สัดส่วนเป็นไม่เกิน 25% แทน ทำให้บริษัทโทรคมนาคมหลายราย คือ ดีแทค ออเร้นจ์ ทีทีแอนด์ที (บริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น, บริษัทซีพีออเร้นจ์ บริษัทไทยเทเลโฟน แอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น) มีปัญหา เพราะมีสัดส่วนการลงทุนจากต่างชาติเกินกว่านี้ จึงร้องเรียนเสนอพรรคการเมืองทุกพรรคให้ปรับสัดส่วนนี้ มีการอภิปราย แปรญัตติ มาตลอด 4 ปี จึงผ่านการพิจารณาของทั้งสองสภาปลายปี 2548 ให้สัดส่วนต่างชาติตามพ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ปี 2542 (ต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50%) ตามร่างแรกเมื่อปี 2542 สัดส่วนนี้สอดคล้องกับแนวโน้มการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ พันธสัญญาต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ในการเปิดเสรีโทรคมนาคมปี 2549 รวมถึงแนวโน้มการลงทุนเทคโนโลยีโทรคมนาคมใหม่เพื่อให้ทันกับการพัฒนา เช่น บรอดแบนด์โทรศัพท์มือถือยุคที่ 3 ซึ่งจะต้องมีการลงทุนเพิ่มอีกหลายแสนล้านบาท ขณะที่ทุนไทยจะมีข้อจำกัดอย่างแน่นอน ต้องอาศัยเงินลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก การกล่าวหาว่าตั้งใจแก้กฎหมายแล้วขายหุ้นทันที ความจริงแล้วจังหวะเวลาที่กฎหมายมีผลใช้ใกล้เคียงกับการขายหุ้นชินคอร์ป เป็นความบังเอิญ ไม่ใช่การออกกฎหมายมาเอื้อการขายหุ้น มีการทำเรื่องนี้ทุกพรรคและทุกสภามา 4 ปี วันที่ผ่านสภาผู้แทน 14 กันยายน 2548 (ดู ข่าวที่เกี่ยวข้อง ในเอกสารประกอบ) กรณีนี้ไม่มีผลต่อชินคอร์ป เนื่องจากไม่ใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการโทรคมนาคมโดยตรง และยังไม่มีผลต่อเอไอเอสหรือชินแซทเทลไลท์ในขณะนี้ตามใบอนุญาตเดิม จะมีผลเมื่อมีใบอนุญาตใหม่ในอนาคต ที่มาhttp://sanpaworn.vissaventure.com/shin-corp-deal จากคุณ : หวังสี่ - [ 23 ม.ค. 52 20:07:01 A:222.123.221.25 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 ความคิดเห็นที่ 4   ทักษินเป็นถึง นายกรัฐมนตรี จึงไม่ควรทำ ------------------------------------------------------------------------------ แล้วทักสินควรทำยังไง 1.ไม่ขายหุ้น 2.ขายหุ้นขาดทุน 3.แก้กฏหมายขอเสียภาษี เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี แก่เยาวชนไทย 4.ยกกิจการให้เป็นสมบัติชาติ จากคุณ : สาวสวยสวย ===================================== ตอบง่ายๆครับ "คุณก็อย่ามาเป็นนายก" จากคุณ : หยุมหยิม - [ 23 ม.ค. 52 20:12:57 A:192.168.0.17 X:125.25.43.183 ]

ความคิดเห็นที่ 9 งานนี้สิงคโปร์ก็เสียค่าโง่ สมน้ำหน้ามัน จากคุณ : รุตน้อย - [ 23 ม.ค. 52 20:20:19 A:192.168.0.17 X:58.9.166.139 ]

ความคิดเห็นที่ 10 #8 ที่ได้เป็นนายกฯ  เพราะประชาชนส่วนใหญ่เลือกมาครับ ไม่เป็นไม่ได้ครับ ห่วงแต่คนที่เขาไม่เลือกแล้วอยากจะเป็นอย่างนายมาร์คมากกว่า แม้ประชาชนไม่เลือก  ก็ขอซื้อตัว สส แทนเลย  ง่ายกว่าตั้งเยอะ นายกฯแบบนี้  เขาเรียกนายกฯไม่มีราคาครับ จากคุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน - [ 23 ม.ค. 52 20:23:16 A:124.122.134.189 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 หยุมหยิม เลย เยาะแยะ พูดมาได้ อย่ามาเป็นนายก นายกทักษิณ คนๆนี้มีราคามากกว่า นายอภิสิทธิ์ มากนัก จากคุณ : เลือดไทยใจเต็มร้อย - [ 23 ม.ค. 52 20:42:45 A:118.172.247.151 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 คนโง่เท่านั้นที่ไม่รู้ จากคุณ : คนเจริญ - [ 23 ม.ค. 52 20:44:17 A:192.168.0.17 X:124.121.240.6 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาแล้ว ก็ยอมลบ จ๊ะ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 52 00:17:33 จากคุณ : ชนะมาร - [ 23 ม.ค. 52 20:55:08 A:125.27.10.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 3.แก้กฏหมายขอเสียภาษี เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี แก่เยาวชนไทย กฏหมายนี้คงทำให้ตลาดหุ้นประเทศไทยพังทันที่ ที่ประกาศใช้ ไปดูกฏหมายหุ้น ในตลาดหุ้นอื่นบ้างครับ จากคุณ : ชัดไชโย - [ 23 ม.ค. 52 21:18:39 A:125.25.11.17 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 #10 และ 11 เราได้ยินอยู่บ่อยๆว่าเสียสละมาเล่นการเมือง มาเป็นนายก ถ้าขนาดนี้แล้ว รับผิดชอบมากมายแล้ว ยังไม่เสียสละ ยังหารายได้ ก็ไปทำธุรกิจตามเดิมดีกว่าครับ  หรือว่า.... นอกจากมีตำแหน่งเพื่อเอื้อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น จากคุณ : หยุมหยิม - [ 23 ม.ค. 52 21:25:34 A:192.168.0.17 X:125.25.43.183 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องภาษีนี้บอกตรงๆ ว่า คนที่เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยที่สุดคือมนุษย์เงินเดือนกับข้าราชการครับ  นอกนั้นร้อยละ 99 ได้เลยครับที่เลี่ยงการเสียภาษี พยายามทำทุกอย่างให้เสียน้อยที่สุด  ลองตรวจสอบพวกสนับสนุนพันธมิตร ในช่วงต่อต้านรัฐบาลพลังประชาชนดูสิครับ  เป็นพวกห้างร้าน บริษัทต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เลี่ยงภาษีกันแทบทั้งนั้น   แต่กลับใช้ข้ออ้างเรื่องการไม่เสียภาษีของทักษิณมาเป็นประเด็น เปิดประเด็นมาตั้งแต่ต้น   เรียกว่าความผิดคนอื่นมองเห็นชัด  แต่กลับไม่ยอมมองตัวเองดูบ้าง จากคุณ : Namtao08 - [ 23 ม.ค. 52 21:37:40 A:125.24.99.184 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอว เดี๋ยวนี้น้าตือจากห้องหนอน มาโด่งดังใน รดน. แล้วหรือนี่ ห้องหนอนพวกกัน แต่ใน รดน. เห็นทีต้องตรงข้ามน้าตือนะคร้าบ แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 21:56:47 จากคุณ : anuto - [ 23 ม.ค. 52 21:50:23 A:192.168.15.107 X:203.154.73.2 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ใช่ตือ แต่ขอตอบ 1 ขายครับ แต่ต้องให้วงศาคณาญาติ คนรับใช้ คนขับรถ ที่คุมได้ เพราะฉันหามากับมือไม่ทิ้งไปง่ายเพราะเพียงแค่การเป็นนายก 2 บอกครับ หาทุกวิถีทางที่จะให้เสียภาษีให้น้อยที่สุด เอาเจ้าหน้าที่ของรัฐมาทำภาษีให้เลย 3 ไม่ยอมเสียครับ ทุกอย่างอยู่ในมือใครกล้าหือ ดื้อมากรั้นมาก ก็ย้ายไป 4 กำรไสูงสุดอยู่แล้วเรื่่องอื่นไม่ต้องพูดถึง แถมหน่อย 5 อันไหนที่เป็นข้อจำกัดทางกฎหมายก็บอกมา เด้วจะไปจัดการให้เข้าที่เข้าทาง 6 ถ้าสื่อออกข่าว เราก็ปล่อยข่าวลวงใหญ่ๆ อะไรก็ได้ แบบที่จะซื้อหงส์แดงตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ คติฉันต้องอิ่มก่อนพวกคุณค่อยอิ่มกัน ทำแบบทักษินแล้วรวยเร็วดีเลยต้องทำตาม ถ้าคิดเองคิดไม่ได้แบบนั้นแน่ปัญญาไม่ถึง แต่ถ้าจะเป็นนายกที่ดี คงไม่โอนหุ้นให้คนใช้ คนขับรถ ตั้งแต่แรกแล้ว "ผมบกพร่องโดยสุจริต" จนบัดนี้ยังแปลไม่ออกเลยว่าอะไร จากคุณ : คาดไม่ถึง - [ 23 ม.ค. 52 22:12:37 A:124.120.38.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่าเรื่องภาษีนี่ใครหลบได้ก็คงหลบหมดแหละครับ อย่างผมก็คงหลบ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าข้างในมันก็ไม่ได้โปร่งสะอาดขาวใสกันขนาดนั้น แต่ผมว่าในฐานะนายกรัฐมนตรีเนี่ย ก็ควรทำให้โปร่งใสนะครับ ผิดไม้ก็ไม่ผิดหรอก แต่ว่าไม่งามสง่า จากคุณ : Toey84 - [ 23 ม.ค. 52 22:12:50 A:114.181.189.47 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 # 15 อยากทราบคำจำกัดความคำว่า"เสียสละ"หน่อยครับ เพราะกลัวว่า ระหว่างทักษิณกับคนอื่น มันคงไม่เท่ากันครับ ขายหุ้นบริษัทตัวเองมานอนกอดเงินแทน มันผิดด้วยหรือ ทั้งๆที่เอาบริษัทตัวเองเข้าแลก หรือนักธุรกิจก่อนจะมาเป็นนายกฯ ต้องขายหุ้นเอาเงินไปบริจาคให้หมด จึงจะนับว่าเป็นการเสียสละอย่างที่คุณต้องการจะให้เป็น ถ้าทักษิณทำอย่างที่พูดมา  ผมว่าคนเสียสละแบบวิกลจริตแบบนั้นไม่สมควรเป็นนายกฯครับ จากคุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน - [ 23 ม.ค. 52 22:17:24 A:124.122.134.189 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาษีหุ้นนะครับ อย่ามาตั้งให้ผมเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้เลยครับผมเป็นแค่คนกระจอกๆคนนึง เรื่องหนีหน้าไม่มีหรอกครับตอบไม่ได้ผมก็ตอบว่าตอบไม่ได้ ก็เท่านั้นเองครับ  กับ คห. ตามบอร์ดจะเอาอะไรกันนักหนา ที่คุณสวยถามมาผมขอแลกเปลี่ยนทรรศนะด้วยดังนี้ครับ ----------------------------------------------------------- ถ้าคุณ เป็น ทักสิน ชินวัตร เจ้าของ บริษัท มหาชน ใหญ่โต วันหนึ่ง ต้องการขายกิจการทิ้งไป เพื่อลดข้อครหา คำว่า ผลประโยชน์ทับ ซ้อน - แค่เริ่มตรงนี้ก็ผิดแล้วครับ ตามรัฐธรรมนูญต้องขายหุ้นก่อนที่จะเข้ามาสู่การเมืองครับ ไม่ใช่เอาหุ้นไปซุกตรงนู้นตรงนี้  อำพรางนิติกรรมสารพัดหลอกอำนาจตรวจสอบว่าไม่มีหุ้น พอบริหารไปก็ใช้ตำแหน่งนายกฯของประเทศเป็นอำนาจต่อรองในการเจรจาขายหุ้นให้ได้มูลค่าที่สูงขึ้น แบบนี้ทำไม่ได้ครับเริ่มต้นมามันก็ผิดทางแล้วไปต่อยังไงมันก็ผิด วิธีที่ถูกต้องคือต้องกลับรถมาเริ่มต้นใหม่ครับ ประกอบกับ มีคนต้องการซื้อหุ้นนั้น ในราคาที่ ดี เหมาะสมทั้งสองด้าน การนำหุ้น ไปโยกซ้ายขวา ที่ บิตริส เวอร์จิ้น นั้น เพื่อเพิ่มมูลค่าหุ้น และเป็น ข้อตกลงกัน เห็นชอบกัน ทั้ง..........ผู้ซื้อ....... และผู้ขาย....... - เรื่องนี้คุณสวยจินตนาการขึ้นมาเองนี่ครับ การโอนหุ้นไปที่เกาะบริทิช เวอร์ยิ่นนั้นเรายังไม่รู้เลยว่าใครโอน ( ซึ่งถ้าเป็นคุณทักษิณเองก็จะมีความผิดข้อหาปกปิดทรัพย์สิน  แจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานเพิ่มอีก  น่าจะคุกอีกคดีครับ ) แต่น่าแปลกใจที่เจ้าของหุ้นใจดีมากขายหุ้นมาให้ลูกๆคุณทักษิณในราคา 1 บาทต่อหุ้นเท่านั้น ( ราคาในตลาดหลักทรัพย์หลายสิบบาท ) ถ้าสมมุติเราเชื่อเล่นๆว่าเป็นหุ้นของคุณทักษิณเองนั่นแหละ ( ซึ่งคงจะจริง ) การเอาไปซ่อนไว้ไม่ใช่เป็นการเพิ่มมูลค่าครับ แต่เป็นการหลบเลี่ยงกฎหมายธรรมดาๆนี่แหละ  ผู้ซื้อทีหลังไม่น่าจะเกี่ยวข้องด้วยหรอกครับ ถ้าเราจะมองการดีลหุ้นชินคอร์ปของคุณทักษิณครั้งนี้เป็นการวางแผนร่วมกับรัฐบาลสิงคโปร์มาก่อน 5-6 ปีจริง ( เทมาเสกเป็นกองทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ตั้งขึ้นครับ ) ผมว่าไม่เป็นธรรมกับคุณทักษิณครับ คนเรามันจะชั่วร้ายวางแผนยาวนานอะไรกันขนาดนั้น แค่จะหนีภาษีมันต้องตั้งใจคิดหาวิธียาวนานขนาดนั้นเชียวผมว่ามันเกินมนุษย์ครับ ขั้นตอนการขาย ที่สลับซับซ้อน เกิดจาก .........กุนซือ(พนักงาน).......หลายคน ที่จ้างมาบริหารบริษัท ของคุณ ว่าจะต้องทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ เพื่อให้บริษัท มีกำไรสูงสุด - อันนี้มีส่วนจริงนะผมว่า เท่าที่ผมทราบที่ปรึกษาด้านภาษีของคุณทักษิณเป็นคนแนะนำวิธีการนี้ครับ ( ข้อมูลนี้ผมคิดว่าเชื่อได้พอสมควร ) คนนี้ผมไม่อยากเอ่ยชื่อเพราะรังเกียจ แต่ว่าแกเคยเสนอวิธีเลี่ยงภาษีแบบเดียวกันนี้ให้คุณประยุทธ มหากิจศิริ และถูกปฏิเสธไป อาเสี่ยเนสกาแฟ แกยอมจ่ายภาษี 3,000 ล้านครับ ( ตรงนี้ผมขอชื่นชม  นักธุรกิจดีๆมีจริยธรรมในบ้านเราก็ยังมีนะครับไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกคน ) คุณทักษิณเองเป็นถึงนายกฯก็น่าจะมีวิสัยทัศน์ + จริยธรรมพอที่จะปฏิเสธแนวทางฉ้อฉลเช่นนี้นะครับ ท่านเป็นถึงนายกฯด้วยพอใช้วิธีนี้แล้วถูกจับได้มันก็สิ้นสภาพครับ คนที่ยังจะชื่นชมกันอยู่เพราะไม่เข้าใจกระบวนการ หรือเอาความรู้สึกมาก่อนเหตุผลทั้งนั้นแหละ ( อันนี้เป็นทรรศนะส่วนตัวครับ ) อีกทั้งเรื่องการเลี่ยงภาษี ทุกบริษัท ก็ยังมี แผนกบัญชี ดำเนินการเรื่องนี้ เรามีกฏหลายอย่าง ในการลดหย่อนภาษี กฏเหล่านี้ ล้วนเป็นช่องทาง ให้ผู้ที่ มีการศึกษา ลดหย่อนกัน - ทุกบริษัทมีแผนกบัญชี  และใช้สิทธิในการลดหย่อนตามกฎหมายแน่นอนครับ แต่ทุกบริษัทไม่ได้พยายามเลี่ยงภาษีครับ  มีบริษัทที่มีธรรมมาภิบาลเสียภาษีตรงไปตรงมาอีกเยอะ และผมเชื่อว่าบริษัทชินคอร์ปเสียภาษีถูกต้อง 100% ครับเพราะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย การที่เทมาเสกเข้ามาซื้ออย่างน้อยระบบบัญชี + การตรวจสอบมันก็ต้องมีมาตรฐานโลกครับ ที่ผิดนะเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณทักษิณทั้งนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบริษัทเลยครับ แต่สำหรับทักสิน เขาจะใช้คำว่า เลี่ยงภาษี คนอื่นๆจะใช้คำว่า ลดหย่อน ด้วยความเคารพ ถ้าท่านเข้ามาในกระทู้ เราจะเริ่มถามคุณ - งง ครับไม่เข้าใจว่าคุณสวยจะอธิบายอะไร และอย่าถือว่าถามเลยนะครับ ( เพราะถ้าเป็นคำถามความเห็นที่ผมแสดงไปก็ต้องถือเป็นคำตอบ  ซึ่งผมไม่ใช่พหูสูตร บางเรื่องผมก็ไม่ทราบครับ ) 1.ถ้าคุณเป็นทักสิน คุณจะขายหุ้นนั้นไหม - ขายสิครับ ขายก่อนจะเล่นการเมือง ถ้าหาคนซื้อไม่ได้ผมจะเอาหุ้นทั้งหมดฝากไว้กับบรรษัทจัดการแบบเปิด ใครอยากได้หมื่นสองหมื่นก็ไปซื้อได้ครับผมต้องวางมือจากธุรกิจให้ขาดก่อน รัฐธรรมนูญปี 40 ที่พวกท่านชื่นชอบก็กำหนดไว้ครับ 2.คุณจะบอกให้ลูกน้องคุณ ทำเรื่องขอเสียภาษีไหม - ถ้าตามกฎหมายต้องเสียผมก็ต้องทำสิครับ ถ้าผมอยากเป็นนายกฯด้วยหนีภาษีไปด้วยคิดหรือครับว่าจะไม่มีคนจับได้ ผมยิ่งโง่ๆอยู่ด้วย  หนียังไงก็ไม่พ้นหรอกครับ แต่ถ้าผมฉลาดแกมโกงผมจะทำประชานิยม  ทำยังไงก็ได้ให้ประชาชนที่ด้อยโอกาสรักผม คนพวกนี้เขาหัวใจซื่อครับเขารักผมแล้วผมก็สบาย ถูกจับได้ขึ้นมาผมอ้างว่าถูกอำนาจตุลาการรังแกเขาก็เชื่อกันครับ 3.ถ้าคุณยอมเสียภาษีย้อนหลัง นั่นก็หมายถึงว่า คุณยอมรับว่า ผิด - นั่นสิครับแล้วผมจะไปทำผิดแต่แรกทำไม ถ้าผมฉลาดแกมโกงผมก็ต้องดันทุรังต่อแหละครับ  เผื่อเหตุการณ์บานปลาย + วุ่นวาย มีจังหวะก็ล้มกระดานเลย 4.ราคาที่เขาเสนอซื้อ คุณได้กำไรมาก คุณจะลดให้เขาไหม โดยบอกเขาว่า อย่าซื้อเลย มูลค่าหุ้น มันจริงๆแล้ว แค่ เก้าบาท - คนซื้อเขาไม่โง่หรอกครับ ดีลแบบนี้ดีลกันครั้งเดียวแล้วเลิก มิใช่สินค้าที่ต้องอุดหนุนกันทุกวันถึงจะต้องให้ส่วนลดจูงใจผูกปีเป็นลูกค้าประจำ มันเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจล้วนๆครับ ต้องเรียกราคาให้สูงสุด  สิ่งที่จะเอามาแถมให้ก็ล้วนเป็นช่องทางพิเศษจากอำนาจรัฐที่อยู่ในมือทั้งนั้น ( กรณี บ.กุหลาบแก้วซึ่งเป็น บริษัทนอมินีต่างชาติ  พรบ.ผ่านก่อนล่วงหน้าแค่วันเดียวครับถ้าจำไม่ผิด ) ของแถมแบบนี้ให้ได้สบายครับเพราะไม่ต้องลงทุน แต่ให้เขาแล้วทำลายจริยธรรม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนเอง เปลี่ยนคนๆนึงจากนายกฯที่ต้องเสียสละให้ประเทศเป็นแค่คนฉวยโอกาสทางการเมือง สามัญสำนึกไม่ต่างอะไรจากโจรลักเล็กขโมยน้อยครับ แบบนี้ถึงได้เงินอีกกี่หมื่นกี่แสนล้านผมก็เห็นจะไม่เอา แต่ทำไมมีคนเอา ก็เพราะคนเหล่านั้นยังจิตใจไม่สูงพอที่จะเป็นนายกฯน่ะครับ เขาอาจเป็นนายกฯของใครต่อใครในห้องนี้ตลอดกาล แต่สำหรับผมเขาเป็นแค่คนมากสามารถคนนึงที่ไม่ผ่านด่านความโลภ ที่จริงผมนี่แหละครับที่อยากจะรักหรือชื่นชมนายกฯ ( คนไหนก็ได้ ) สุดหัวใจกับเขาเหมือนกัน อย่างน้อยก็เป็นความสุขใจ คนเราไม่ได้มีความสุขจากความระแวงและความเกลียดชังหรอกครับ ดังนั้น นายกฯทั้งหลายก็ช่วยทำตัวเองให้น่ารักและน่านับถือด้วยครับ คุณอภิสิทธิ์เองที่ผมก็ให้กำลังใจอยู่ ก็ยังไม่ได้มีคุณสมบัติถึงขั้นที่ผมจะรักและไว้ใจได้เลย  ก็ได้แต่รอกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ ปล : เพื่อนสมาชิกในห้องกล้องที่ไม่เห็นด้วยกับผมในห้องราชดำเนิน อยากติติงหรือต่อว่าอันใดก็เชิญเลยนะครับผมไม่โกรธหรอก เรื่องการเมืองมันเป็นเรื่องที่มองค้านกันได้อยู่แล้ว ไม่งั้นจะเป็นประชาธิปไตยหรือครับ  อยากเฉ่งอะไรก็ไม่ว่าหรอกจ้า จากคุณ : ตอสระอือ - [ 23 ม.ค. 52 22:57:50 A:58.9.93.187 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ทำมาหากินไปวันๆ.. แม้จะเสียภาษีให้ประเทศชาติน้อยกว่าคุณทักสินหลายร้อยเท่า แต่ผมก็ทำหน้าที่ของผมอย่างเต็มกำลังที่มี.. คือเสียภาษีตามที่กฏหมายกำหนด ไม่เคยคิดหลีกเลี่ยง จากคุณ : ชนสามัญ - [ 24 ม.ค. 52 01:03:07 A:117.47.22.136 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 เขาอาจเป็นนายกฯของใครต่อใครในห้องนี้ตลอดกาล แต่สำหรับผมเขาเป็นแค่คนมากสามารถคนนึงที่ไม่ผ่านด่านความโลภ ที่จริงผมนี่แหละครับที่อยากจะรักหรือชื่นชมนายกฯ ( คนไหนก็ได้ ) สุดหัวใจกับเขาเหมือนกัน อย่างน้อยก็เป็นความสุขใจ คนเราไม่ได้มีความสุขจากความระแวงและความเกลียดชังหรอกครับ ดังนั้น นายกฯทั้งหลายก็ช่วยทำตัวเองให้น่ารักและน่านับถือด้วยครับ คุณอภิสิทธิ์เองที่ผมก็ให้กำลังใจอยู่ ก็ยังไม่ได้มีคุณสมบัติถึงขั้นที่ผมจะรักและไว้ใจได้เลย  ก็ได้แต่รอกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ หนีทหารนี่ จริยธรรมสูงแค่ไหนครับ? จากคุณ : 2009.0 (MandrivaLinux) - [ 24 ม.ค. 52 01:36:38 A:125.24.251.177 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ลักษณะ ของ ตือ คือ เสแสร้งแกล้งทำ เก่งเท่านั้น ปากอย่างใจอย่าง ไม่ค่อย จะรับหรอกว่า ตัวมันแค่ สาวกแมลงสาบ อีกตัว เท่านั้น.......ภูมิปัญญา เก่าแก่ ของพรรคเก่าแก่ จากคุณ : แฝงฝันวันคืนเสรี - [ 24 ม.ค. 52 03:04:22 A:124.120.14.205 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 อิๆๆๆ เป็นนายก ขายหุ้น มีหุ้นตอนไหนฟ่ะ ไหนว่าเป็นของลูก ไหนว่าลูกคิดเอง ไหนว่า.......... เบื่อพวก.......... จากคุณ : โจรกระจอกน้อย - [ 24 ม.ค. 52 03:16:13 A:58.147.29.137 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไอ้ยะใส มันประกอบอาชีพอะไร  ไม่เสียภาษีแต่ขับรถBMW Series 7 ทำไมสรรพกรไม่ไปตามทวงภาษีจากมัน ว่าได้เงินจากการหลอกลวงสาวกโง่ๆ ที่บริจาคให้แป๊ะลิ้มและพันธมาร ยังไงก็ต้องเสียภาษี ทำให้ถูกต้องซิมาร์ค ม7 จากคุณ : dd2928 - [ 24 ม.ค. 52 07:28:28 A:125.24.235.16 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขำ จากคุณ : ทองมา (pom_np) - [ 24 ม.ค. 52 08:10:00 A:124.120.72.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอปรบมือให้คุณตือ จากใจจริง เราคงได้แลกเปลี่ยนความคิดกันอีก ชอบคนแบบนี้จริงๆ จากคุณ : สาวสวยสวย - [ 24 ม.ค. 52 16:23:05 A:58.8.158.62 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 ด้วยความที่ไม่เข้าใจในระบบการค้าการลงทุน  แต่ คิดเอาเองว่า ผู้บริหารประเทศ ควรต้องมีหน้าที่ " อุดรูรั่วของกฎหมาย "   ไม่ใช่ " หาทางมุดรูรั่วของกฎหมายเพื่อประโยชน์ตนหรือพวกพ้อง เสียเอง "          ไม่ทราบว่า คนมีความคิดสำนึกในความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ  เขาต้องคิดเช่นนี้หรือกันหรือไม่              หรือประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า   คนที่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นรู  และมุดรูรั่วเพื่อประโยชน์ตนเอง     จึงจะได้รับการยกย่องว่า เป็นคนเก่ง สุดประเสริฐเลิศ จากคุณ : วอน (วอน) - [ 24 ม.ค. 52 17:21:00 A:125.27.253.68 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 บอกว่าทักษิณไม่เสียภาษีผิด ก็ให้ศาลตัดสิน แล้วให้จ่าย ก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้ ไม่ต้องยึดทรัพย์ ไอ้เรื่องภาษี โกงกิน หมิ่น มันข้ออ้างทั้งนั้นแหละ เพื่อกำัจัดทักษิณ ผ่านไปสองปีกว่า มีศาลมี คตส คมช ปปช มากมาย ไม่เห็นได้คดีเลย ได้แต่คดีที่ดิน ผู้ซื้อ ผู้ขายไม่ผิด แต่นายกผิดจริยธรรม ติดคุก 2 ปี ยังมีคนหลงเชื่ออีก ทักษิณและตระูกูลชินวัตร เป็นผู้เสียภาษีเงินได้อันดับต้นๆของประเทศไทย แค่เสียภาษีเงินได้จากเงินปันผลจากหุ้น ปีหนึ่งเสีย 3-400 ล้านบาท มีกี่คนไทยกี่คนเคยเสียเยอะขนาดนี้ จากคุณ : ไทยอินเตอร์ - [ 24 ม.ค. 52 23:24:01 A:58.136.7.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 http://shincase.googlepages.com/chapter1 คำอธิบาย กรณีขายหุ้นชินคอร์ป บทที่ 1 (ภาษีการขายหุ้น) 1.       ประเด็นภาษีการขายหุ้นชินคอร์ปฯ 1.1.     (หากขายหุ้น 49% ตั้งแต่ปี42) คุณทักษิณและภรรยามีหุ้นชินคอร์ปฯ 49% (จากที่ตั้งบริษัทเองเมื่อ 22 ปีก่อน และเข้าตลาดหุ้นเมื่อ 15 ปีก่อน) หุ้นจำนวนนี้หากขายในตลาดหุ้น ไม่ว่าให้ลูกและลูกขายต่อให้ใคร ในฐานะนักลงทุนบุคคลในตลาดหุ้นไม่มีภาษีจากการขายหุ้น เป็นสิทธิ์พื้นฐานของคุณทักษิณและครอบครัว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรซับซ้อนเพื่อลดหรือเลี่ยงภาษี (เช่นกรณีแอมเพิลริช)  เพราะไม่มีภาษีให้ลดหรือเลี่ยง ·        ที่คุณทักษิณทำเรื่องบริษัทแอมเพิลริชในปี 42 เพราะจะเอาหุ้นชินคอร์ปฯ 11% เข้าขายในตลาดหุ้นสหรัฐ (ดูหน้าข้อมูลประกอบ) ตอนหลังตลาดหุ้นสหรัฐตกมาก เลยหยุดแผน แต่หุ้นส่วนนี้ก็อยู่ที่แอมเพิลริชไปเรื่อยๆ 1.2.     (โอนไป หุ้น11%) คุณทักษิณโอนหุ้นชินคอร์ปฯ 11% ที่เดิมถือเองอยู่ในฐานะบุคคล ให้ถือโดยบริษัทแอมเพิลริชที่คุณทักษิณเป็นเจ้าของ ไม่มีรายได้เพิ่มให้ใช้คำนวณภาษี เพราะเป็นเจ้าของคนเดียวกัน เท่าสิทธิ์พื้นฐานเดิมข้อ 1.1 ·        (ยกหุ้น49% ให้ลูก) ปลายปี 43 คุณทักษิณและภรรยา ขายโอนชินคอร์ปฯให้ลูกที่ต้นทุน ก่อนจะเป็นนายกฯ เพื่อให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ: เป็นหุ้นชินคอร์ปฯส่วน 38% (ที่ถือในฐานะบุคคล) และเป็นตัวบริษัทแอมเพิลริช (ที่ถือหุ้นชินคอร์ปฯส่วน 11%) 1.3.     (โอนกลับ หุ้น11%) ต้นปี 49 พาน/พิณ ในฐานะเจ้าของบริษัทแอมเพิลริช โอนหุ้นชินคอร์ปฯ 11% ที่บริษัทแอมเพิลริชถืออยู่ มาถือเองตรงในฐานะบุคคล การโอนกลับก็เทียบเท่ากับตอนแรกที่ได้โอนไป คือ ไม่มีรายได้เพิ่มให้ใช้คำนวณภาษี เพราะเป็นเจ้าของคนเดียวกัน เท่าสิทธิ์พื้นฐานเดิมในข้อ 1.1 ·        โอนกลับ 11% จากแอมเพิลริช (มาถือในฐานะบุคคล) เพื่อมารวมกับส่วน 38% (ที่ถือในฐานะบุคคลมาตลอด) เท่าจำนวนหุ้นเดิม 49% 1.4.     (ขายหุ้น 49% ปี 49) ต้นปี 49 พาน/พิณ จึงขายหุ้นทั้ง 49% ในตลาดหุ้นในฐานะบุคคลธรรมดา ไม่มีภาษี เท่าสิทธิ์พื้นฐานเดิมตามข้อ 1.1 ·        ปรากฏว่า ถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษีส่วนแอมเพิลริช 11% ตอนโอนกลับ และหากถูกกฏหมายก็หาว่าผิดจริยธรรม 1.5.     ข้อกล่าวหาแบบที่ (1) ว่า การที่พาน/พิณได้หุ้นชินคอร์ปฯจากแอมเพิลริชที่ราคา 1 บาท แล้วตอนขายได้ 49 บาท พาน/พิณ มีรายได้เพิ่มให้ใช้คำนวณภาษีได้ 48 บาท และต้องจ่ายภาษีในวันที่ “ขาย” 1.6.     ข้อกล่าวหาแบบที่ (2) คล้ายกรณีบริษัทออกหุ้นราคาถูกพิเศษขายจูงใจให้พนักงาน (สต็อกออปชั่น หรือ ESOP ที่พนักงานสามารถซื้อหุ้นใหม่นี้ได้ที่ราคาต่ำกว่าราคาหุ้นบริษัทที่ซื้อขายอยู่ในตลาดในวันนั้นๆ จงใจให้พนักงานมีกำไรจากการขายหุ้น อันเป็นวิธีหนึ่งในการจ่ายรายได้เพิ่มให้พนักงาน) ·        ว่า การที่พาน/พิณได้หุ้นชินคอร์ปฯจากแอมเพิลริชที่ราคา 1 บาท ในวันที่หุ้นชินคอร์ปฯในตลาดหุ้นราคา 42 บาท เสมือนว่าพาน/พิณ มีรายได้เพิ่มให้ใช้คำนวณภาษีได้ 41 บาท และต้องจ่ายภาษีในวันที่ “ซื้อ” เลย(ภายหลังขายในตลาดหุ้นที่ 49 บาทไม่มีภาษีแล้วเพราะได้เป็นเจ้าของหุ้นนั้นแล้ว) 1.7.     ข้อกล่าวหาทั้งสองลักษณะ เป็นการตีความคนละหลักการ ·        พาน/พิณเป็นเจ้าของแอมเพิลริช เป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ 11% นี้อยู่แล้ว เป็นบุคคลเดียวกันดังที่รายงานตลาดหุ้นมาตลอด ดังนั้น การที่พาน/พิณได้หุ้นชินคอร์ปฯ 11% ที่แอมเพิลริชถืออยู่กลับมาถือเองโดยตรงในราคาพาร์ต้นทุน ไม่ทำให้พาน/พิณมีรายได้เพิ่มให้ใช้คำนวณภาษีได้ เพราะเป็นหุ้นเดิมของตนแต่เดิม ·        เป็นคนละกรณีกับ นายจ้างจ่ายผลตอบแทนลูกจ้างด้วยการออกหุ้นใหม่ขายให้ในราคาพิเศษ (หรือ บางข้อกล่าวหาว่าเหมือนการให้รางวัลจับสลาก หรือ การขายตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีส่วนลดหน้าตั๋ว) ล้วนเป็นการจ่ายให้ผู้รับมีรายได้เพิ่มให้ใช้คำนวณภาษีได้ แต่กรณีพาน/พิณไม่มีรายได้เพิ่ม เพราะเป็นหุ้นเดิมของตนแต่เดิม · จากคุณ : ไทยอินเตอร์ - [ 24 ม.ค. 52 23:25:29 A:58.136.7.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 อีกโพสนะครับ ข้อมูลจาก http://shincase.googlepages.com/chapter1 เชื่อถือไม่ได้ครับเพราะพูดเองเออเองหมด ที่คุณทักษิณทำเรื่องบริษัทแอมเพิลริชในปี 42 เพราะจะเอาหุ้นชินคอร์ปฯ 11% เข้าขายในตลาดหุ้นสหรัฐไม่มีเหตุผลครับ จะเอาชินคอร์ปฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกาไม่จำเป็นต้องโอนหุ้นไปในประเทศที่พวกฟอกเงินชอบเอาสินทรัพย์ไปซ่อนไว้ครับ และเนื่องจากตรวจสอบผู้ถือครองสินทรัพย์นั้นๆไม่ได้คุณทักษิณที่อ้างว่าขายหุ้นให้คุณพานทองแท้ราคาทุนปลายปี 43 จึงไม่มีหลักฐานใดๆ ไม่มีการโอนเงินในบัญชีธนาคารใดๆทั้งสิ้น มีหลักฐานแค่เศษกระดาษทำกันเองในครอบครัวว่าคุณพานทองแท้ยืมเงินคุณทักษิณเองมาซื้อหุ้นคุณทักษิณครับ หลักฐานแบบนี้จะมีใครเชื่อว่าซื้อขายกันแล้วจริง คุณทักษิณคิดยังไงครับถึงเอาหุ้นไปไว้ที่บริติชเวอร์ยิ่นทั้งๆที่รู้ว่ามันตรวจสอบอะไรไม่ได้ แล้วตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกาเขาจะรับชินคอร์ปเข้าไประดมทุนที่โน่นได้ง่ายๆหรือครับเมื่อเอาหุ้นไปไว้ในประเทศเช่นนั้น แล้วบริษัทที่ปรึกษาเป็นใครครับต้องมีหลักฐานจ้าง บ.คอนเซาท์ด้วยเรื่องจะเอาหุ้นระดับหมื่นล้านเข้าไประดมทุนที่ตลาดหุ้นสหรัฐ รายชื่อบริษัทที่ปรึกษา หลักฐานการว่าจ้างมันต้องมีครับไม่ใช่พูดลอยๆเหมือนเรื่องโกหก ดังนั้นพอจู่ๆคุณพานทองแท้ไปซื้อจากแอมเพิลริชมาราคา 1 บาทนี่จบกันเลยครับ เพราะพิสูจน์ไม่ได้ว่าคุณพานทองแท้เป็นเจ้าของแอมเพิลริชเนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้ ( http://www.oknation.net/blog/print.php?id=60487 ) ทั้งหมดนี้ไม่ต้องเชื่อผมหรือฝ่ายแก้ต่างให้คุณทักษิณ เอาแค่การเอาหุ้นไปพักไว้ที่นี่ก็พอเห็นเจตนาครับว่าจะทำอะไร จะโอนไปที่อเมริกาเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกที ( ให้มันยุ่งยาก ) จริงหรือไม่ ? หลักฐานการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาหรือการดำเนินการใดๆในช่วงนั้นก็ไม่มี ความจริง บริษัททุกบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีการเสนอแผนเพิ่มทุนของบริษัทในตลาดหุ้นต่อ ก.ล.ต. ให้อนุมัติก่อนทุกบริษัทครับ   เช่น ธนาคารธนชาติจะเพิ่มทุน 4 พันล้านก็ต้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุมัติก่อน http://www.posttoday.com/finance.php?id=15040 ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ต้องแจ้งแผนการดำเนินงานต่อผู้ถือหุ้นด้วยครับ บริษัทมหาชนนะครับไม่ใช่นึกอยากเอาหุ้นไปซุกที่ไหนก็ทำได้แล้วบอกว่าจะเอาชินคอร์ปเข้าดาวน์โจนส์ หุ้นในบริษัทมันเป็นของคุณทักษิณแค่ส่วนเดียวครับ ( มันถึงเป็นบริษัทมหาชน ) ผู้ถือหุ้นคนอื่นเขาไม่รู้เรื่องด้วย ดังนั้นเรื่องส่วนตัวก็ส่วนตัวนะครับอย่ามาโมเมเหมารวมใครจะกล้าเชื่อครับนอกจากคนไม่รู้เรื่องจริงๆ และลองสุดท้ายอ่านที่คุณนิติภูมิ  เคยเขียนถึงเกาะนี้ไว้ครับ ------------------------------------------------------- ขอเรียนรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพครับ British Virgin Island เป็นหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน มีเกาะน้อยใหญ่รวมกันได้ประมาณ 50 เกาะ มีเนื้อที่รวมกันทั้งหมดได้เพียง 155 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ขนาดเท่ากับอำเภอขนาดเล็กของไทย เพียงซักอำเภอเดียวเท่านั้นเอง ประชากรทั้งหมู่เกาะมีอยู่หร็อมแหร็มประมาณ 21,000 คน ในบรรดา 50 กว่าเกาะที่ว่านี่ เกาะที่สำคัญที่สุดคือ เกาะทอร์โทลา เพราะผู้คนส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนเกาะนี้ แถมเมืองหลวงคือ กรุงโรดทาวน์ ก็ตั้งอยู่บนเกาะทอร์โทลานี่ด้วย หากท่านยังนึกไม่ออกว่าเกาะนี้อยู่ตรงไหนของทะเลแคริบเบียน ก็ขอให้ท่านไปตั้งหลักที่สาธารณรัฐเปอร์โตริโก หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน อยู่ห่างจากเปอร์โตริโกไปทางตะวันออกประมาณ 95 กิโลเมตร ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบเรียกหรือเขียนชื่อเต็มของเกาะนี้ เพราะยาวเกินไป ส่วนใหญ่จะเรียกเพียงย่อๆ ว่า BVI และถ้าถามว่า BVI นี่มีสถานะเป็นอย่างไร นิติภูมิก็ขอตอบว่า เป็นเขตปกครองตนเองในอาณัติของอังกฤษ         ผู้คนทั้งหมู่เกาะ 21,000 คน นี่มีอาชีพทางการประมงและการท่องเที่ยว เดิมจึงเป็นดินแดนที่ยากจนข้นแค้นพอสมควร คณะปกครอง BVI จึงคิดหาสตางค์จากนักธุรกิจที่ต้องการเลี่ยงการปฏิบัติยุ่งยากและปรารถนาเลี่ยงภาษี ไม่อยากจะเสียภาษีโน่นภาษีนี่ให้กับประเทศแม่ หรือประเทศที่ตัวเองทำธุรกิจอยู่ เขียนง่ายๆก็คือ เกาะนี่เหมาะสำหรับพวกที่หากินอยู่ในประเทศหนึ่ง แต่ไม่อยากจะเสียภาษีให้ประเทศนั้น ผู้บริหารเกาะจนปัญญาหาเงินเข้าดินแดนตัวเองเหมือนดินแดนอื่น จึงหาเงินจากพวกที่มีแนวความคิดทางโกง ทางหลบๆ เลี่ยงๆ ทั้งหลาย เมื่อ พ.ศ.2527 ผู้บริหารเกาะหัวใสจึงตรากฎหมาย International Business Companies Ordinance หรือ IBC ขึ้น เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทของชาวต่างชาติ จะว่าไปแล้ว บริษัททั้งหลายที่แห่ไปจดทะเบียนที่นี่ ก็เสมือนเป็นบริษัทหลอกๆ เพราะไม่จำเป็นต้องมีพนักงานก็ตั้งได้ การประชุมผู้ถือหุ้นหรือการประชุมกรรมการบริษัทนั้น ท่านไม่จำเป็นต้องประชุมที่บริติช เวอร์จิน ก็ได้ ท่านพอใจจะประชุมที่บนหลังคาหอพักซอยวัดเทพลีลา หรือจะไปประชุมในใต้ถุนที่ว่าการอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ท่านทำได้ทั้งนั้น ถูกต้องตามกฎหมายของหมู่เกาะบ้าที่ว่านี่ทั้งหมด การประชุมก็ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าค่าตากัน ไม่จำเป็นต้องมีลายเซ็นที่ลากปากกาให้เห็นกันต่อหน้าต่อตาก็ได้ บางคนขี้เกียจเดินทางไปประชุม เพียงแต่ยกหูโทรศัพท์แล้วพ่นเสียงใส่ลงไปในกระบอกฮัลโหล ก็ยังถูกกฎหมาย หรือท่านจะประชุมกันทางอินเตอร์เน็ตก็ยังถือว่าถูกต้องตามกฎหมายอีก การออกเสียงลงคะแนนของผู้ถือหุ้น ท่านจะออกเสียงเอง หรือท่านจะทำการผ่านผู้รับมอบอำนาจก็ได้ไม่มีปัญหา ท่านไม่มีเวลาประชุมใหญ่สามัญประจำปี ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องประชุม ก็ยังถูกต้องตามกฎหมาย อยากทำอะไร หรือไม่อยากจะทำอะไร ย่อมได้ทั้งนั้นในการตั้งบริษัทที่ BVI --------------------------------------- ชัดไหมครับว่าคุณทักษิณไปตั้งบริษัทที่โน่นท่านคิดจะทำอะไร ? จะมีใครเถียงเรื่องนี้ต่ออีกไหมนี่ ? จากคุณ : ตอสระอือ - [ 25 ม.ค. 52 01:17:08 A:61.90.68.25 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 ความดีของคุณตือ ที่น่าคุยด้วยก็คือ ไม่ว่ากล่าวผู้อื่น ว่า โง่ เง่า ขอชมเชย แต่ทั้งนี้ และทั้งนั้น เป็นเพราะ ระบบการคิด ของเราต่างกัน คุณตือจะคิดเช่นนั้น ก็ไม่ผิด ย้อนกลับไปตอนทักษิณ เริ่มเล่นการเมือง เราและทักษิณ ต่างก็อยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นกัน ถ้าทักษิณขายหุ้นตอนนั้น ทั้งหมด ก่อนมาเล่นการเมือง แล้วประกาศให้ทุกคนรู้ว่า ขายหมดแล้ว พร้อมที่จะเข้าสู่การเมืองแล้ว คนจะมองทักษิณเลวร้ายขนาดไหน ยังไม่ทราบ ทักษิณก็คงไม่ฉลาดเท่าไร ที่จะขายหุ้นตัวเอง ในช่วงเศรษฐกิจขาลง ภาพทักษิณจะเป็นอีกแบบ และอาจไม่ได้เป็นนายกด้วยซ้ำ "เราชื่นชม บรรพบุรุษของเรา ที่เสียเลือดเนื้อ ไปแย่งชิงดินแดน ข้าศึกศัตรูมา ทั้งๆที่การแย่งชิงดินแดน ก็คือการรุกราน ไม่รักสงบ ไม่มีจริยธรรม นั่นเอง" ................มันอยู่ที่มุมมอง................ คิดแบบนี้ คุณตืออาจมองว่า แถ ไม่มีข้อมูลมาโต้แย้ง เอาเป็นว่า เราเป็นหนี้บุญคุณทักษิณก็แล้วกัน จากคุณ : สาวสวยสวย - [ 25 ม.ค. 52 20:07:42 A:58.8.165.61 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 ความคิดเห็นที่ 32   อีกโพสนะครับ ข้อมูลจาก http://shincase.googlepages.com/chapter1 เชื่อถือไม่ได้ครับเพราะพูดเองเออเองหมด ที่คุณทักษิณทำเรื่องบริษัทแอมเพิลริชในปี 42 เพราะจะเอาหุ้นชินคอร์ปฯ 11% เข้าขายในตลาดหุ้นสหรัฐไม่มีเหตุผลครับ จะเอาชินคอร์ปฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกาไม่จำเป็นต้องโอนหุ้นไปในประเทศที่พวกฟอกเงินชอบเอาสินทรัพย์ไปซ่อนไว้ครับ และเนื่องจากตรวจสอบผู้ถือครองสินทรัพย์นั้นๆไม่ได้คุณทักษิณที่อ้างว่าขายหุ้นให้คุณพานทองแท้ราคาทุนปลายปี 43 จึงไม่มีหลักฐานใดๆ ไม่มีการโอนเงินในบัญชีธนาคารใดๆทั้งสิ้น มีหลักฐานแค่เศษกระดาษทำกันเองในครอบครัวว่าคุณพานทองแท้ยืมเงินคุณทักษิณเองมาซื้อหุ้นคุณทักษิณครับ หลักฐานแบบนี้จะมีใครเชื่อว่าซื้อขายกันแล้วจริง คุณทักษิณคิดยังไงครับถึงเอาหุ้นไปไว้ที่บริติชเวอร์ยิ่นทั้งๆที่รู้ว่ามันตรวจสอบอะไรไม่ได้ แล้วตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกาเขาจะรับชินคอร์ปเข้าไประดมทุนที่โน่นได้ง่ายๆหรือครับเมื่อเอาหุ้นไปไว้ในประเทศเช่นนั้น แล้วบริษัทที่ปรึกษาเป็นใครครับต้องมีหลักฐานจ้าง บ.คอนเซาท์ด้วยเรื่องจะเอาหุ้นระดับหมื่นล้านเข้าไประดมทุนที่ตลาดหุ้นสหรัฐ รายชื่อบริษัทที่ปรึกษา หลักฐานการว่าจ้างมันต้องมีครับไม่ใช่พูดลอยๆเหมือนเรื่องโกหก ดังนั้นพอจู่ๆคุณพานทองแท้ไปซื้อจากแอมเพิลริชมาราคา 1 บาทนี่จบกันเลยครับ เพราะพิสูจน์ไม่ได้ว่าคุณพานทองแท้เป็นเจ้าของแอมเพิลริชเนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้ ( http://www.oknation.net/blog/print.php?id=60487 ) ทั้งหมดนี้ไม่ต้องเชื่อผมหรือฝ่ายแก้ต่างให้คุณทักษิณ เอาแค่การเอาหุ้นไปพักไว้ที่นี่ก็พอเห็นเจตนาครับว่าจะทำอะไร จะโอนไปที่อเมริกาเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกที ( ให้มันยุ่งยาก ) จริงหรือไม่ ? หลักฐานการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาหรือการดำเนินการใดๆในช่วงนั้นก็ไม่มี ความจริง บริษัททุกบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีการเสนอแผนเพิ่มทุนของบริษัทในตลาดหุ้นต่อ ก.ล.ต. ให้อนุมัติก่อนทุกบริษัทครับ   เช่น ธนาคารธนชาติจะเพิ่มทุน 4 พันล้านก็ต้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุมัติก่อน http://www.posttoday.com/finance.php?id=15040 ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ต้องแจ้งแผนการดำเนินงานต่อผู้ถือหุ้นด้วยครับ บริษัทมหาชนนะครับไม่ใช่นึกอยากเอาหุ้นไปซุกที่ไหนก็ทำได้แล้วบอกว่าจะเอาชินคอร์ปเข้าดาวน์โจนส์ หุ้นในบริษัทมันเป็นของคุณทักษิณแค่ส่วนเดียวครับ ( มันถึงเป็นบริษัทมหาชน ) ผู้ถือหุ้นคนอื่นเขาไม่รู้เรื่องด้วย ดังนั้นเรื่องส่วนตัวก็ส่วนตัวนะครับอย่ามาโมเมเหมารวมใครจะกล้าเชื่อครับนอกจากคนไม่รู้เรื่องจริงๆ =============================== ศึกษาครึ่งๆกลางๆ ลองอ่านให้ละเอียดนะครับ หุ้นที่โอนไปให้ Ample Rich เป็นหุ้นส่วนตัวของทักษิณ โดยที่ตัวบอร์ดบริษัีทชินคอร์ปเป็นผู้แจ้งรายละเีอียดใ้ห้ตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้มีการปิดบังอะไร และไม่ต้องขออนุญาต ยังไม่ใช่ไปเพิ่มทุน ยังไม่ใช่การไปจดทะเบียนที่นิวยอร์ค แค่เอาหุ้นไปขายแบบ American Depository Receipt หรือ ADR ตอนทำเขาจ้างบริษัท Goldman Sach ไม่ใช่ทำเงียบๆ ศึกษาให้ละเอียด ก่อนมาทำเท่วิจารณ์ บริษัทใหญ่มีมูลค้าเป็นแสนล้าน ไม่ทำอะไรมั่วๆหรอกครับ ส่วนไอ้นิติภูมิมันกะล่อน เขียนเรื่องไปวันๆ อย่างอาเจนติน่าบิดเบือน จากคุณ : ไทยอินเตอร์ - [ 26 ม.ค. 52 08:05:43 A:192.168.0.17 X:58.136.7.228 ]