PANTIP.COM : P7459883 นายกอภิสิทธิ์บอกเมื่อเช้าว่าไม่เคยพูดว่าปราสาทเป็นของเขมรแต่พื้นที่ใต้ปราสาทเป็นของไทย มาดู!!กัน []

ความคิดเห็นที่ 22

เท่าที่เจอก็ไม่มีนะครับ

http://www.ryt9.com/news/2008-07-12/39291195/

นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังนายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ชี้แจงกรณีกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกว่า ได้รับฟังข้อมูลแล้ว ยังได้แลกเปลี่ยนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่า มติของกรรมการมรดกโลก จะมีผลอย่างไรต่อไทย

โดยพบว่า กัมพูชาต้องเร่งทำหลายเรื่อง อาทิ แผนที่ตัวปราสาท การกำหนดบริเวณเขตอนุรักษ์ และเขตการจัดการต่างๆ จึงเป็นห่วงว่า หากให้ทางกัมพูชาจัดทำแล้ว ขอบเขตที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ทราบ ตัวแผนผังที่ประชุมในคณะกรรมการมรดกโลก ประเทศไทยไม่ได้รับมา
พร้อมกันนี้ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพูดคุยกับกัมพูชาในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในอนาคต และขอเร่งรัฐบาลให้เร่งชี้แจงนานาชาติ กรณีที่มีการคัดค้านแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกด้วย เพื่อที่จะไม่เอาเรื่องดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างในอนาคต
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าสิ่งที่ห่วงคือ ตามมติของคณะกรรมการมรดกโลก กัมพูชาจะเป็นผู้จัดทำแผนที่ ซึ่งไม่ได้ระบุว่าไทยจะมีส่วนร่วมอย่างไร และการทำแผนที่ครั้งนี้ มีการจัดทำเขตบริหารจัดการ อ้างอิงถึงแผนผังที่ได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก แต่ปรากฏว่าแผนผังดังกล่าว แม้แต่คณะกรรมการมรดกโลกของฝ่ายไทยก็ยังไม่มี เพียงได้เห็นผ่านในช่วงเสนอต่อที่ประชุมเท่านั้น ซึ่งแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร จะมีเฉพาะตัวปราสาทคงเป็นไปไม่ได้ เพราะการบริหารจัดการสถานที่ให้เป็นมรดกโลก ต้องมีแผนการบริหารจัดการครอบคลุมหลายประเด็นมาก
"การบริหารจัดการ ไม่ใช่เฉพาะตัวปราสาทแน่นอน แต่จะครอบคลุมในพื้นที่ดินแดนไทยมากน้อยแค่ไหน วันนี้ก็ไม่มีใครทราบ ดังนั้น ภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาล ต้องดำเนินการเจรจากับกัมพูชา ให้มีกติกาการทำงานที่ไม่กระทบกับสิทธิของเรา และไม่กระทบกับความสัมพันธ์ และรัฐบาลต้องเร่งทำให้ประชาคมโลกรับทราบว่า แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาฯ ไม่เป็นที่ยอมรับ เนื่องจากขัดรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าไทยยอมรับแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว จะส่งผลกระทบใหญ่หลวง และอาจรวมถึงการยอมรับแผนที่ และเขตแดนต่างๆ ที่กัมพูชาทำด้วย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มติคณะกรรมการมรดกโลกยังเห็นได้ชัดว่า มีความผิดปกติหลายเรื่อง เช่น การยกเว้นหลักเกณฑ์เส้นตาย การเสนอเอกสารต่างๆ ของกัมพูชา และรายงานทางวิชาการขององค์กรอิสระที่ระบุว่า ไม่แนะนำให้ทำ หากกัมพูชาจะขึ้นทะเบียนตัวปราสาท เพราะคุณค่าของตัวปราสาทจะต้องพิจารณาไปพร้อมบริเวณรอบๆ ซึ่งเฉพาะใน 2 ประเด็นนี้ เห็นได้ชัดว่ามติที่ออกมามีความผิดปกติ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายปองพลได้แสดงจุดยืนด้วยว่า คณะกรรมการมรดกโลกไทย จะไม่ลดละความพยายาม ในการผลักดันบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุน ส่วนเรื่องไทยไม่ต้องเสียดินแดน นั้น หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า นายปองพลไม่ได้พูดเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ทหาร หรือกระทรวงการต่างประเทศ ต้องเป็นผู้ให้คำตอบ เพราะนายปองพลมีหน้าที่เพียงดูความเหมาะสม และความสมบูรณ์ของพื้นที่ในการเป็นมรดกโลก
สำหรับการดำเนินการถอดถอนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านต้องทำการตรวจสอบต่อไป และยิ่งดูมติครั้งนี้ ยิ่งทำให้มองเห็นว่า ถ้าปล่อยให้แถลงการณ์ร่วมฯ มีผล ความเสียหายจะเกิดขึ้นมหาศาลจริงๆ

จากคุณ : ตอสระอือ - [ 26 ม.ค. 52 23:45:57 A:58.9.91.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24

อภิสิทธิ์ จวก สมัคร เนรคุณเสนีย์! ยกเขาพระวิหารเอื้อประโยชน์

โดย ไทยรัฐ วัน พุธ ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551 00:00 น.

นายอภิสิทธิ์อภิปรายต่อกรณีที่นายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ อ้างว่าตัวเองเป็นพระเอกที่ทำให้ไทยไม่เสียดินแดนทับซ้อน และรีบนำเสนอแผนที่อย่างน่าผิดสังเกต ซึ่งเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ว่า คำตัดสินของศาลโลกไม่ได้ยึดถือเรื่องเขตแดน แต่ยึดถือที่ตัวปราสาทกับสันปันน้ำ และพื้นที่ทับซ้อนซึ่งเป็นดินแดนของไทย นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตถึงพิกัดแผนที่ที่ให้ทหารวาดมาให้ แต่นายนพดลไม่สนใจว่าสิ่งที่กัมพูชาร่างมามันเหลื่อมแดนของไทยมา และการที่ไทยยอมรับเซ็นลงนามในแถลงการณ์ร่วมขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน และบอกว่าไม่ใช่สัญญา โดยชี้ว่าไปตกลงร่วมขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารแต่ฝ่ายเดียว พร้อมกับย้อนถามว่า ไปยอมรับเรื่องแผนที่ของกัมพูชาทำไม เช่นนี้ก็เหมือนกับไปซ้ำรอยกับการตัดสินของศาลโลกที่ทำให้ไทยต้องเสียเขาพระวิหาร ตนถือว่าไทยไปยอมรับในสิทธิในการบริหารจัดการของกัมพูชาในเขตแดนไทย พร้อมกับเอายูเนสโกมาเป็นพยานอีกด้วย นี่จึงถือว่า นายนพดลเป็นต้นเหตุทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาต้องหวั่นไหว

นายอภิสิทธิ์ยังพาดพิงนายสมัครว่า อยากย้อนวันที่นายสมัครไปกัมพูชาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนในทะเล พูดอะไรก็พูดได้แต่อย่าเอา ปตท.สผ.ไปพูด ไม่เช่นนั้นเขาจะว่าเป็นของเขา แต่นายกฯก็เผลอพูด แต่กลับมาเบี่ยงเบนประเด็นว่าเป็นความผิดของประชาธิปัตย์และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งความผิดอย่างเดียวที่อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทำ ก็คือการสร้างให้ 2 ท่านเกิด อยากให้นายสมัครเนรคุณต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ให้เหมือนกับที่เนรคุณ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้าพรรคของนายสมัครเอง เพราะถ้ายอมเนรคุณเพียงครึ่งเดียวก็จะทำให้ประเทศชาติไปได้ดี

ทันทีที่นายอภิสิทธิ์กล่าวประโยคนี้จบ สมาชิกพรรคพลังประชาชนได้ลุกขึ้นประท้วงให้นายอภิสิทธิ์ถอนคำพูดว่า "เนรคุณ" และการกล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ

สมัครเดือดโต้ มาร์ค อยากเป็นนายกฯ

จากนั้นนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงและตอบโต้ผู้นำฝ่ายค้านที่กล่าวหาว่าเนรคุณ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ว่า ขอยืนยันว่าไม่เคยเนรคุณ คนอย่างตนรู้จักบุญคุณคน เพราะพรรคประชาธิปัตย์สร้างตนเองขึ้นมา และเมื่อตนเดินออกมาแล้ว ไม่เคยดูหมิ่นดูแคลนพรรคประชาธิปัตย์ พูดจายกย่องเสมอ ไม่เนรคุณ ดังนั้น กรุณาอย่าเก่งกาจเกินขนาด อย่ามากเกิน ไม่รู้อะไรแล้วมาแสดง

"ผมไม่เคยเนรคุณใคร โปรดกรุณาอย่ากล่าวหา ผมไม่ต้องตอบแทนบุญคุณใคร ผมไม่ได้ทำงาน 4 เดือนเพื่อสนองบุญคุณใคร ที่สำคัญคือผมเป็นคนมีบุญคุณต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ผมไม่ต้องตอบแทนบุญคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ โปรดเข้าใจด้วย มาบอก 4 เดือนผมต้องตอบแทน ไม่หรอกครับ ผมทนนั่งฟังแต่ต้น ตื่นเต้นนักหนา เอกสารอะไรนักหนา ก็เรื่องพรรค์อย่างนี้ล่ะครับ คนเกิดปี 2507 กับคนเกิดปี 2478 อายุมันต่างกัน 29 ปี ตอนเกิดเหตุผมอายุ 29 ปี ตอนนี้ 73 ปี สติปัญญาผมยังครบถ้วน เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหา ผมฟังได้ จะดูถูกดูแคลนได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ผมสั่งสอนมา ไม่ให้ดูถูกดูแคลนใคร มาตอนนี้ผมถูกคนอายุ 40 กว่าดูถูกดูแคลน ผมทนได้" นายสมัครกล่าว

นายสมัครบอกอีกว่า ข้อเท็จจริงเรื่องเขาพระวิหารนั้น เราแพ้คดีความ และสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำทั้งหมดนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศเขาตรวจสอบทุกระยะ รัฐบาลทำตามแนวทางที่เขาตั้งให้ เราไม่ได้คิดทำเอง ทำไมเรื่องราวถึงเป็นไปได้ว่า จะกลายเป็นเรื่องเอาประเทศไปขาย สิ่งที่จุดชนวนเวลานี้ทำให้ไมตรี 2 ประเทศเสียหาย จุดชนวนเล่นกันไม่ดูหัวดูหาง ปลุกระดมชนิดไม่ดูอะไรเลย ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องรักษาไมตรีของ 2 บ้านเมืองนี้ไว้

นายสมัครกล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่ารัฐบาลบริหารประเทศมา 4 เดือน ล้มเหลวและยอมรับไม่ได้นั้น เชื่อว่าเป็นเพราะฝ่ายค้านเห็นว่ารัฐบาลนี้บริหารประเทศยาวนานเหลือเกิน ไม่ถึงเวลาของฝ่ายค้านสักที เพราะมีคนอยากเป็นนายกฯ เลยต้องแสดงความอยากให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาเห็น

พีระพันธุ์อัดนพดลโกหกเรื่องเขตแดน

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายตอนหนึ่งว่า หากไปดูมติ ครม. ปี 2505 เสนอโดย รมว.มหาดไทย ใน 2 แนวทางที่ใช้เป็นแนวเขตบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร โดยให้เป็น 1.รูปสามเหลี่ยม 2.รูปสี่เหลี่ยม และแจ้งมติ ครม.ไปยัง รมว.มหาดไทย ว่าแนวเขตปราสาทเขาพระวิหารให้ใช้วิธีที่ 2 เพราะเราไม่เคยยอมรับคำตัดสินของศาลโลก แต่การแถลงของ รมว.การต่างประเทศของไทย เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551 กลับใช้คำว่าเขตแดน ดังนั้น วันนี้เป็นประเด็นที่ต้องพิสูจน์ว่าสันปันน้ำอยู่ที่ไหน "ท่านเป็นใครที่จะเอาสิ่งเหล่านี้ไปจากประเทศ ท่านสุจริตใจหรือไม่ก็แล้วแต่ ขณะที่เขาหยิบยกสารพัดเรื่องเพื่อให้เราแพ้คดี ที่น่าสนใจล่าสุด จากรายงานการชี้แจงจากชุดที่ไปสำรวจพื้นที่ระบุว่า 12 มิถุนายน 2551 กองกำลังสุรนารี มีความห่วงใยกรณีแผนที่ฉบับใหม่ที่กัมพูชาได้เสนอมรดกโลก ฝ่ายกัมพูชายังยึดเขตแดนปักปันเขตแดนที่ทำโดยฝรั่งเศส 1 : 200000 และไม่ยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายไทยทำ ดังนั้นหากไทยยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายกัมพูชาทำ อาจจะทำให้เกิดปัญหาปักปันเขตแดนในอนาคต แล้วทำไมเราต้องขมีขมันไปช่วยเขา เรื่องนี้ ทำไมคนไทยทั้งชาติจึงบอกว่าถูกปล้น ไม่ใช่ถูกโกง เพราะสนธิสัญญาเวียนนา เมื่อปี 2447 และ 2450 ที่ระบุเรื่องการปักปันเขตดินแดนก็เขียนชัดว่า เรื่องการแบ่งดินแดนระหว่างประเทศให้ยึดตามแนวสันปันน้ำที่เป็นเขตแดนธรรมชาติ แต่เกิดปัญหาเพราะตอนนั้นไทยยังไม่ได้มีความรู้เรื่องแผนที่ แต่ถูกบังคับให้ทำแผนที่" นายพีระพันธ์ระบุ

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า เมื่อปี 2497 เราได้ส่งกำลังทหารไปประจำปราสาทเขาพระวิหาร จากนั้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2502 กัมพูชายื่นฟ้องไทยต่อศาลโลก โดยตั้งข้อหาเพื่อให้ไทยขนกำลังออกจากซากปรักหักพังของปราสาทเขาพระวิหาร และระบุว่ากัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นการฟ้องเกี่ยวกับตัวปราสาท ไม่ได้ระบุถึงดินแดนหรืออาณาเขต แต่เมื่อปี 2505 กัมพูชาได้แก้คำฟ้องให้ตัดสินคำพิพากษาเส้นแบ่งเขตไทย-กัมพูชา โดยแนวเขาพนมดงเล็กคือเส้นที่กำหนดในแผนที่ของกัมพูชา ซึ่งมีปราสาทพระวิหารอยู่ตรงนั้น ให้ไทยเอาทหารออกไปและให้ชดใช้ค่าประติมากรรม และ 15 วันต่อมา กัมพูชาได้แก้คำฟ้องอีกครั้ง โดยระบุว่าเป็นแผนที่เขตพนมดงเล็ก ถูกพิมพ์ตามคณะกรรมการปักปันเขตแดน ซึ่งไทยถือว่าไม่ยุติธรรมและไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย ดังนั้นทีมทนายของไทยจึงได้ยื่นประท้วงศาลโลกทันที เพราะการแก้คำฟ้องของกัมพูชาเกิดขึ้นในช่วงที่ศาลโลกใกล้มีคำพิพากษา แต่ศาลไม่รับฟังคำทักท้วงของไทย

แฉสร้างกาสิโน-กระเช้าขึ้นพระวิหาร

นายพีระพันธุ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รายงานจากกองกำลังพลสุรนารีแจ้งว่า ความเคลื่อนไหวของกัมพูชาอาจทำให้ไทยเสียดินแดนในอนาคต อีกทั้งยังมีรายงานข่าวของกองกำลังทหารพรานที่บริเวณช่องตาเฒ่า ระบุว่าขณะนี้กัมพูชากำลังจะสร้างบ่อนกาสิโนและกระเช้าขึ้นไปยังปราสาทเขาพระวิหาร ไม่ทราบว่าที่ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชานั้น มีคนไทยบางคนได้ประโยชน์หรือไม่ หรือมีผลประโยชน์อย่างมหาศาล แต่ก็เป็นการสุ่มเสี่ยง เพราะคนไทยจะสูญเสียแผ่นดินนี้

ส่วนแถลงการณ์ร่วมที่ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชานั้น ก็เป็นข้อตกลงที่มีผลผูกพัน แม้จะไม่ได้เขียนชื่อว่าเป็นสัญญา เพราะภาษาที่ใช้ในแถลงการณ์ดังกล่าวบ่งบอกชัดว่ามีการตกลงกันมาแล้วก่อนหน้านี้ นี่จึงเป็นการทำบันทึกย้อนหลัง และยังมีการระบุถึงการทำแผนพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน จึงถือว่าแถลงการณ์ร่วมของไทยและกัมพูชาเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่จะต้องนำหนังสือสัญญาใดๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเขตแดนใดหรือกระทบต่อความมั่นคงและสภาพสังคม ต้องเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา

------------------------------

ดูวันที่พูดในสภาก็ไม่มีครับ งง เอามาจากไหนกัน ?

จากคุณ : ตอสระอือ - [ 26 ม.ค. 52 23:55:35 A:58.9.91.38 X: ]