ความคิดเห็นที่ 1 นายอภิสิทธิ์ บอกว่า ไม่เคยพูดว่าที่ดินใต้เขาพระวิหาร เป็นของไทย   55555 จากคุณ : ดวงไฟ - [ 27 ม.ค. 52 10:16:51 A:192.168.212.217 X:118.173.1.200 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอาเทปวันอภิปราย ไปให้ มาร์คดู รักษาคำพูดด้วยมาร์ค จากคุณ : envieco1 - [ 27 ม.ค. 52 10:23:58 A:10.87.19.112 X:202.12.97.114 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ง่ายมาก โทษรัีดบานที่แล้วทำสัญญาเสีียเปรียบเขมรซิ  แล้วออกข่าวในประเทศเยอะๆ เท่่านี้ก็เสร็จ ได้คะแนนด้วย จากคุณ : willy vonga (willy vonga) - [ 27 ม.ค. 52 10:25:39 A:58.64.74.183 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอให้เพื่อนๆอัพข้อความนี้มันทุกวัน (กันกระทู้ไหล)..ดูซิมาร์คมันจะหน้าด้านนานแค่ไหน จากคุณ : กาแฟยามบ่าย - [ 27 ม.ค. 52 10:28:52 A:125.27.51.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 นายอภิสิทธิ์เคยอภิปรายว่าไทยยกเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา แต่ที่ดินใต้ปราสาทยังเป็นของประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่กระทรวงต่างประเทศเห็นแตกต่าง ดังนั้น รัฐบาลจะต้องไปเจรจาขอที่ดินคืน หรือรัฐบาลจะต้องเจรจาขอค่าเช่าจากกัมพูชา หากไม่ดำเนินการแสดงว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาเป็นการจุดกระแสข้ามชาติปาหี่และพูดเท็จ                                                                    นพดล ปัทมะ http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=186339&NewsType=1&Template=1 จากคุณ : envieco1 - [ 27 ม.ค. 52 10:31:31 A:10.87.19.112 X:202.12.97.114 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่เคยรู้เรื่องจริงๆว่าอะไรเป็นอะไรจนมาอ่านข้อเขียนของคุณสุจิตต์วงษ์เทศจึงได้รู้เรื่องราวของสุวรรณภูมิแก็ยงงสัยว่าเราอยูที่นีมาก่อนหร์อเราอบพยบมาตามที่เรียนกันแน่ดินแดนนี้เป็นของใครมาก่อนแล้วเรามาทีหลังจริงหรือแล้วเราเป็นเมืองพี่เขาเป็นเมืองน้องจริงหรือใครมีความรู้บอกกันบ้างเป็นไรครับ จากคุณ : สิ่งแวดล้อม (สิ่งแวดล้อม) - [ 27 ม.ค. 52 10:32:47 A:61.7.145.154 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 คราวนี้ ไทย จะได้ เขาพระวิหารคืนแล้ว  เพราะ พวกม๊อบ กับเหล่า พรรคพวก อันมีนายอภืสิทธิ์ และนายกษิต กำลัง ดำเนินการอยู่ อย่าลืมในสิ่งที่พูดไปนะ นายก รมต จากคุณ : กัมปู้จู้ - [ 27 ม.ค. 52 10:41:35 A:192.168.0.17 X:118.172.122.103 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมคิดว่า หากแถลงการณ์ร่วม ไทย-กัมพูชา หรือ Joint Communique ที่นายนพดลไปเซ็นร่วมกับทางกัมพูชา น่าจะเป็นโอกาสที่ไทยจะเสียพื้นที่ทัพซ้อน 4.6 ตร.กม. โดยกฏหมายปิดปากอีกครั้ง เนื่องจาก เมื่อครั้งที่เราเสียตัวปราสาทให้กับทางกัมพูชาโดยคำตัดสินของศาลโลก แนวทางการต่อสู้ในชั้นศาลของเขาและเรา โดยหลักคือ ทางกัมพูชาอ้างว่าเราไปยอมรับแผนที่ ที่ทางฝรั่งเศสจัดทำขึ้นให้กับไทย ซึ่งไทยเอง ก็ต่อสู้ด้วยการไม่ยอมรับแผนที่ ที่ทางฝรั่งเศสจัดทำขึ้น เราแพ้ครั้งนั้นเพราะกฏหมายปิดปาก... หลังจากที่แพ้คดี ไทยยึดหลักคือไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก แต่ยอมปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลก เพื่อไว้เป็นแนวทางการต่อสู้ หากต้องเข้าสู่เวทีโลกอีก ซึ่งทางการไทยก็ปฏิบัติเช่นนั้นเสมอมา ต้องบอกก่อน ว่าพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ที่ทับซ้อนอยู่ ไม่ได้เป็นพื้นที่ที่ศาลโลกนำมาตัดสิน แต่เป็นพื้นที่ ที่ทางฝรั่งเศสจัดทำแผนที่กินดินแดนของไทยเข้ามา เราจึงไม่ยอมรับแผนที่ฉบับนั้น(ซึ่งมีพื้นที่หลายส่วนที่มีปัญหาเช่นนี้) แต่การที่เราไปยอมรับให้ทางการกัมพูชา ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว นั่นเท่ากับว่าเราไปตอมรับคำตัดสินของศาลโลก และเท่ากับว่า เราไปยอมรับแผนที่ที่จัดทำโดยฝรั่งเศส มีหลายประเทศครับ ที่ปัญหาแบบเราเช่นนี้ เขาแก้ปัญหาหากต้องการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ด้วยการขึ้นเป็นมรดกโลกร่วมกัน ดังนั้น การที่นายนพดลยอมให้ทางกัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวนั้น จะเป็นเงื่อนไขให้เราอาจจะเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม. หากเราต้องต้อสู้เรื่องนี้บนเวทีโลกอีกครั้ง ข้อสังเกตุ นายนพดลได้ทำการย้ายข้าราชการหลายตำแหน่ง รวมทั้งเจ้ากรมแผนที่ เพื่อการณ์ในครั้งนี้ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า มีข้าราชการที่รับผิดชอบเรื่องนี้หลายตำแหน่งไม่เห็นด้วย และไม่ยอมปฏิบัติตาม จึงถูกโยกย้ายออกไป ซึ่งครั้งที่ดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายนพดล ผมเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่หลังจากที่ได้ดู การมาออกรายการชีพจรโลก ของคุณ เตช   บุญนาคก่อนที่จะลาออกเพียง 1 วัน ทำให้ทราบว่า มีการย้ายข้าราชการโดยไม่เป็นธรรมจริง และคุณ เตช ก็ได้ย้ายข้าราชการดังกล่าว กลับเข้ามากรมกองทั้งหมดแล้ว.. ชมคลิปคุณเตชเปิดใจได้ที่นี่ มี 4 ช่วงนะครับ http://video.sanook.com/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81_:_%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%8A_%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%88_1-384441-player.html http://video.sanook.com/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81_:_%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%8A_%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%88_2-384439-player.html http://video.sanook.com/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81_:_%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%8A_%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%88_3-384440-player.html http://video.sanook.com/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81_:_%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%8A_%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%88_4-384443-player.html จากคุณ : MiNiJung - [ 27 ม.ค. 52 11:06:23 A:58.9.146.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 อภิสิทธิ์ อาจไม่ได้พูด คงจะเป็นวิญญาณไอ้ปื้ดที่สิงอภิสิทธิ์พูดอ่ะ (ฮา) จากคุณ : lundi - [ 27 ม.ค. 52 11:08:56 A:124.121.139.186 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้พูดครับ แต่คุณนพดลน่ะพูดว่าคุณอภิสิทธิ์พูด และไม่ว่าจะเสิร์ชหาคำพูดของคุณอภิสิทธิ์ที่พูดเรื่องนี้ในสื่อต่างๆไม่พบเลยครับว่าคุณอภิสิทธิ์พูดตามที่คุณนพดลกล่าวหา อันนี้ดูการอภิปรายเต็มๆนะครับ ( แบ่งเป็น 2 ช่วง ) http://www.boringdays.net/apisit-vihear/ หากขี้เกียจรอดูทั้งหมดให้พิจารณาเฉพาะนาที - 22.00 ในคลิปแรกก่อนถูกประท้วงให้ประชุมลับครับ คุณอภิสิทธิ์บอกว่า ข้อ 1. ศาลโลกตัวสินให้ Temple ตัวปราสาทพระวิหารอยู่บนพื้นที่อธิปไตยของกัมพูชา ข้อ 2. ถึงเป็น Aria Temple พื้นที่บริเวณรอบตัวปราสาท สรุปชัดว่าไม่ได้พูดจริงๆครับ สงสัยช่วยตรวจสอบคลิปก่อนแสดงความเห็นด้วยครับ หรือใครมีคำพูดของคุณอภิสิทธิ์  + ที่มาเอามาลงหักล้างกันไว้ก็ดีครับจะได้รู้ว่าฝ่ายไหนโกหก เอาชัดๆนะครับฟังแล้วนึกคิดเอาเองผมไม่เอา การการอภิปรายมันยาวถ้าตัดต่อคลิปมาเฉพาะส่วนมันยุ่งครับ จากคุณ : ตอสระอือ - [ 27 ม.ค. 52 12:16:28 A:58.9.100.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ระเบิดทิ้งไปเลยดีไหม กองหิน แย่งกันอยู่ได้ จากคุณ : powerconduit - [ 27 ม.ค. 52 12:18:15 A:192.168.0.17 X:203.156.25.98, 203.130.159.4 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มันลืมหมดแล้วครับ ว่าพูดอะไรไปบ้าง ด่าใครไปบ้าง ใส่ร้ายใครไปบ้าง รัฐบาลในฝันครับ ทำได้ทุกอย่าง แม้แต่สนับสนุนการรัฐประหาร เพื่อให้ตัวเองเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย จากคุณ : betterg2521 - [ 27 ม.ค. 52 12:22:23 A:203.144.184.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ คห.10 กำลังหาชมทวนความจำอีกทีพอดีเลย จากคุณ : MiNiJung - [ 27 ม.ค. 52 12:28:21 A:58.9.146.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 -------------------------- ไฟล์เสียง ทำนอง"พื้นดินใต้ปราสาทยังเป็นของไทย" โดย หัวหน้าพรรค ปชป 2551 Cut000.wma (1.55 MB) 13 นาที http://www.mediafire.com/?i2nzjv2drjq http://upload.gangza.com/view.aspx?ItemID=98019d96-9eeb-dd11-a411-00e08127749e คลิปภาพ+เสียง 60 นาที (25-06-2008T16.asf (62.32 MB)) http://www.mediafire.com/?mkwetnowwqm จากคุณ : mcu51 - [ 27 ม.ค. 52 13:03:16 A:124.120.23.131 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไฟล์เสียง ทำนอง"พื้นดินใต้ปราสาทยังเป็นของไทย" โดย หัวหน้าพรรค ปชป 2551 Cut000.wma (1.55 MB) 13 นาที http://www.mediafire.com/?i2nzjv2drjq http://upload.gangza.com/view.aspx?ItemID=98019d96-9eeb-dd11-a411-00e08127749e คลิปภาพ+เสียง 60 นาที (25-06-2008T16.asf (62.32 MB)) http://www.mediafire.com/?mkwetnowwqm ------------- แนบ ไฟล์เสียง(rec0127-130557_1.wma) 1.57 นาที ไฟล์เสียง จากคุณ : mcu51 - [ 27 ม.ค. 52 13:12:31 A:124.120.23.131 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห.15 ผมจับใจความได้ว่า เราปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก โดยมอบตัวปราสาทให้ทางกัมพูชา แต่เรายังยึดพื้นที่ตามสันปันน้ำจากที่เคยปฏิบัติมาครับ(เพราะถ้าเราไม่ยึดถือตรงนั้น เท่ากับเว่าเราต้องยึดตามแผนที่ ที่ฝรั่งเศสจัดทำให้) นั่นเท่ากับว่าเราต้องเสียพื้นที่ทับซ้อนไปทั้งหมดครับ ดังนั้น ไม่ได้มีคำใดที่บอกว่าพื้นที่ใต้ตัวปราสาทเป็นของไทยครับ จากคุณ : MiNiJung - [ 27 ม.ค. 52 14:09:32 A:192.168.0.17 X:58.9.146.202 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เราปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก โดยมอบตัวปราสาทให้ทางกัมพูชา แต่เรายังยึดพื้นที่ตามสันปันน้ำจากที่เคยปฏิบัติมา มันก็ยังแปลว่า ยกตัวปราสาทให้กัมพูชา แต่พื้นที่ไม่ให้ ว้า ทำไมเข้าใจยากจัง จากคุณ : wonder - [ 27 ม.ค. 52 14:26:27 A:118.174.81.147 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 17 ถ้าไม่ยึดตามหลักปฏิบัตินี้ เราจะเสียดินแดนในที่ทับซ้อนทั้งหมดครับ เพราะเขานำแผนที่ ที่ทางฝรั่งเศสเป็นข้อต่อสู้ต่อศาลโลกครับ ดังนั้นมติคณะรัฐมนตรีตั้งแต่สมัยนั้นเป็นต้นมา เราจึงยังยึดแนวเขตสันปันน้ำเหมือนเช่นเคยครับ อาจจะรวมหรือไม่รวมพื้นที่ใต้ตัวปราสาทก็ได้ แล้วแต่จะตีความ แล้วไม่ดีหรือครับ ที่ถึงแม้ว่ามาร์คจะคิดว่าใต้ตัวปราสาทเป็นของไทย อย่างน้อยคนที่จะเป็นตัวแทนของประเทศ ก็มีจิตสำนึกหวงแหนในอธิปไตยของไทยให้มากที่สุดไว้ก่อนเป็นหลัก ถ้าท้ายที่สุดการตกลงต่อข้อเจรจาเป็นไปในทางบวก เราก็อาจจะได้พื้นที่ที่เราพึงจะได้เพิ่มขึ้น ผมว่าดีกว่าให้คนที่จะมาเป็นตัวแทน ยึดเพียงแต่ว่าเป็นของเขาเป็นหลัก แบบนี้ไปเป็นตัวแทนให้กัมพูชาดีกว่าครับ... แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 14:37:11 จากคุณ : MiNiJung - [ 27 ม.ค. 52 14:36:14 A:58.9.146.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เห็นเข้าใจยากเลยเนอะ ทำไมกองเชียร์ พธม กับ ปชป ไม่เคยเข้าใจ จากคุณ : envieco1 - [ 27 ม.ค. 52 14:38:30 A:210.203.186.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 พื้นที่ใต้เขาพระวิหารก้อจังหวัดศรีสะเกษไง จะยกให้เขมรมั๊ยล่ะ ยังไงก็ไม่ยอมยกพื้นที่ให้เขมร ไม่งั้นจะประท้วงกันทำไม จากคุณ : เทพดีดี - [ 27 ม.ค. 52 14:46:23 A:203.144.130.176 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 19 ผมถามง่ายๆครับ ถ้าไม่ยึดแนวเขตจากสันปันน้ำ แล้วพวกคุณจะยึดแนวเขตจากไหน? แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 14:51:42 จากคุณ : MiNiJung - [ 27 ม.ค. 52 14:46:28 A:58.9.146.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 "เขตแดนของเราต้องนับที่สันปันน้ำ มีข้อยกเว้นเพียงแต่ปราสาทพระวิหาร" แล้วเนื่องจากสันปันน้ำฝั่งไทยจะรองรับปราสาทอยู่ จึงได้ความหมายว่า ที่ดินใต้ปราสาทเป็นของไทยอยู่ นี้คือความหมายที่ผู้คนจับใจความได้จากอภิสิทธิ์ตอนนั้น แต่ตอนนี้เป็นผู้ทำงาน ก็พลิ้วตามระบบประชาธิปัตย์ แต่ที่ รมต.ต่างประเทศไปกราบบังคมทูลโดยตรงต่อกษัตริย์กัมพูชาขอพระราชทานอภัยโทษ ให้กับนักโทษ JI คนไทย 2 คนที่รัฐบาลกัมพูชาจับตัวคุมขังในการเข้าเฝ้าสมเด็จเจ้านโรดม สีหมุนี ถือว่าผิดมารยาททางการทูตระหว่างประเทศอย่างแรง เป็นเรื่องใหญ่ระหว่างประเทศอีกแน่ เพราะทั้งชาวกัมพูชาจะคิดว่า รมต.ไปหมิ่นเบื้องสูง และกรณีข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย JI เป็นเรื่องสำคัญระดับนานาชาติ หรือไปคิดว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศกัมพูชามีปัญหา หรือคิดว่าเป็นพวกเดียวกันที่ รมต.ต่างประเทศไทยได้รับชื่อจากคนหลายกลุ่มว่าเป็นผู้ก่อการร้ายร่วมปิดสนามบิน แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 15:23:34 แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 15:01:36 จากคุณ : คนแดนไท - [ 27 ม.ค. 52 15:00:54 A:192.168.0.17 X:124.121.95.13 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ความเห็น 21 ประเทศไทย กองทัพไทย กรมแผนที่ทหาร กระทรวงต่างประเทศยึดแผนที่ l 7017 เป็นเส้นเขตแดน อภิสิทก็เคยออกพระราชกฤษฎีกาใช้เส้นเขตแดนนี้ เป็นพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาในปี 2541 แต่มาโกหกในสภาว่า l7017 ไม่ใช่เขตแดน ทั้งๆที่ตัวเองยอมรับ และนี่คือแนวทางที่นายนพดล และครม สมัครทำเพื่อให้เขมรตัดพื้นที่ทับซ้อนออกจากการขึ้นทะเบียน และทำให้ปกป้องดินแดนพื้นที่ทับซ้อนได้ จากคุณ : าาา (dmng) - [ 27 ม.ค. 52 15:08:08 A:125.25.48.77 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 วันนั้น ผมก็ฟังการอภิปรายอยู่ครับ ผมยังตีความตามที่นายกอภิสิทธิ์อภิปรายไว้ว่าศาลโลกตัดสินเฉพาะตัวประสาทเป็นของเขมรแต่พื้นที่ที่ตั้งตัวประสาทไม่ใช่ของเขมร แล้วทำไมพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมาหลายสมัยทำไมไม่ทักท้วงฟ้องเอาพื้นที่ใต้ตัวประสาทละครับ มาดิสเครดิตกันตอนที่เป็นฝ่ายค้านทำไมครับ ส่วนคุณนพดลก็ได้ชี้แจงหลายครั้งหลายหนแล้วว่า ยอมรับเฉพาะพื้นที่ประสาทเท่านั้นส่วนอื่นไม่ได้ยอมรับด้วย ผมว่ามันเป็นเกมการเมืองเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลในสมัยนั้นมากกว่า พอได้เป็นรัฐบาลแล้วทำไมเรื่องนี้เงียบไปละครับ แล้วอย่ามาบอกว่าคุณนพดลยกให้เขมรไปแล้วนะครับ เพราะไม่ต้องยก ศาลโลกก็ตัดสินให้เป็นของเขมรไปแล้วตั้งห้าสิบกว่าปี แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 15:12:57 จากคุณ : mitsushita - [ 27 ม.ค. 52 15:11:45 A:58.9.110.89 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ MiNiJung ไปดูตามศาลโลกตัดสิน นะครับ ว่ายึดตามอะไร ถูกต้องครับเขตอื่นๆใช้สันปันน้ำ แต่ที่ตรงนี้ มันยึดตามสันปันน้ำได้ไหมครับ   ถ้ายึดสันปันน้ำ พื้นที่ใต้พระวิหาร ของไทยครับ ผมไม่เถียง แต่ผมไม่รู้ว่า กัมพูชา จะเห็นด้วยไหมครับ   ผมคงพูดได้เท่านี้แหละครับ จากคุณ : envieco1 - [ 27 ม.ค. 52 15:12:49 A:210.203.186.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 18 อย่างน้อยคนที่จะเป็นตัวแทนของประเทศ ก็มีจิตสำนึกหวงแหนในอธิปไตยของไทยให้มากที่สุดไว้ก่อนเป็นหลัก ถ้าท้ายที่สุดการตกลงต่อข้อเจรจาเป็นไปในทางบวก เราก็อาจจะได้พื้นที่ที่เราพึงจะได้เพิ่มขึ้น ผมว่าดีกว่าให้คนที่จะมาเป็นตัวแทน ยึดเพียงแต่ว่าเป็นของเขาเป็นหลัก แบบนี้ไปเป็นตัวแทนให้กัมพูชาดีกว่าครับ... แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 14:37:11 จากคุณ : MiNiJung ^ ^ ^ การยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก กับหน้าด้านตะแบงเล่นคำตีความข้างๆคูๆแล้วยึดของๆคนอื่นมาเป็นของตนเอง มันต่างกันนะครับ ถ้าการที่เค้าตีความแล้วเห็นชัดแล้วตามความเห็นเค้าแบบนึง ถูกมองว่าขายชาติ ก็จนใจ อ้อ.................... คิดมั่งนะครับ ถ้ามีสิทธิ์จริง ทำไมมันไม่เคยทวงเลย ตลอดเวลาที่ครองอำนาจ แต่จะสร้างเรื่องให้เป็นการเมืองทุกครั้งที่มันเป็นฝ่ายค้าน พอเป็นรัฐบาล ก็แกล้งๆเงียบลืมไปตลอด แล้วใส่ความคนอื่นที่ไม่ทวงว่าขายชาติ แต่มันก็ไม่เคยทวงสำเร็จ เห็นแต่เล่นลิเก รำป้อไปมา หลอกชาวบ้านว่ากรูรักชาติ ปลุกระดมมาตลอด จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน - [ 27 ม.ค. 52 15:14:51 A:192.168.30.71 X:58.136.75.59 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็น(แถ)ที่ 16,18,21 ---------- แค่-ถ้า-มีคลิป 1.57 นาที ก็คุณอาจ-แถ-ได้ไกล แต่ เราเสนอให้ครบถ้วน สั้น 1.57 นาที กลาง  13.00 นาที Full 60 นาที คนที่ประชุมสภาเวลานั้น มีคำอธิบายขยายความไว้พร้อม(ฟังได้ที่คลิป 13 และ 60นาที) จะแก้ตัวให้ -อภิสิทธิ์- ทำไม ในเมื่อเจ้าตัว(อภิสิทธิ์) ในคลิปความยาว 13 และ 60 นาที ยังไม่ทักท้วงแต่อย่างใด ------------ ไฟล์เสียง ทำนอง"พื้นดินใต้ปราสาทยังเป็นของไทย" โดย หัวหน้าพรรค ปชป 2551 Cut000.wma (1.55 MB) 13 นาที http://www.mediafire.com/?i2nzjv2drjq http://upload.gangza.com/view.aspx?ItemID=98019d96-9eeb-dd11-a411-00e08127749e คลิปภาพ+เสียง 60 นาที (25-06-2008T16.asf (62.32 MB)) http://www.mediafire.com/?mkwetnowwqm แนบ ไฟล์เสียง(P7462091-15.wma) 1.57 นาที http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7462091/P7462091-15.wma . จากคุณ : mcu51 - [ 27 ม.ค. 52 15:18:52 A:192.168.0.17 X:124.120.6.221 ]

ความคิดเห็นที่ 28 บอกแล้วไม่เอาทำนองครับ เอาชัดๆ ศาลโลกตัดสินชัดเจนและคุณอภอสิทธิ์พูดเองว่า ... ข้อ 1. ศาลโลกตัวสินให้ Temple ตัวปราสาทพระวิหารอยู่บนพื้นที่อธิปไตยของกัมพูชา ดังนั้นการกล่าวอ้างใดๆอีกหลังจากนั้น เช่นที่คุณ MiNiJung  ยกตัวอย่างมา "เราปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก โดยมอบตัวปราสาทให้ทางกัมพูชา แต่เรายังยึดพื้นที่ตามสันปันน้ำจากที่เคยปฏิบัติมา" คำว่า " ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก " ก็ชัดเจนแล้วนะครับว่าตัวปราสาทพระวิหารอยู่บนพื้นที่อธิปไตยของกัมพูชา แต่ไม่ได้รวมถึงพื้นที่บริเวณปราสาทนะครับ ใครเข้าใจยากกันแน่และพยายามให้แนวใต้เส้นสีแดงที่ฝรั่งเศสทำแก่เขมรไปทั้งหมด ผมว่าถ้าไม่ตะแบงกันก็ต้องเห็นนะครับว่าเรายกเลิกเอกสารที่คุณนพดลไปเซ็นต์ชื่อไว้ แล้วเจรจาปักปันเขตแดนกันใหม่โดยหาหลักเขตเดิมอ้างอิง ( ซึ่งก็พบกว่าครึ่งแล้ว ) น่าจะยุติธรรมที่สุด และผมเชื่อว่าเรื่องนี้ยืดเยื้อครับเพราะเราไม่ยอมให้พื้นที่บริเวณปราสาทไปเด็ดขาด ( รัฐบาลไหนให้ไปก็พัง ) จากคุณ : ตอสระอือ - [ 27 ม.ค. 52 15:24:02 A:58.9.100.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 และผมเชื่อว่าเรื่องนี้ยืดเยื้อครับเพราะเราไม่ยอมให้พื้นที่บริเวณปราสาทไปเด็ดขาด ( รัฐบาลไหนให้ไปก็พัง ) จากคุณ : ตอสระอือ  - [ 27 ม.ค. 52 15:24:02 A:58.9.100.119 X: ] -------- พอดีเราไม่ได้ใช้-ความเชื่อ- แต่เราหลักฐาน-เอกสารราชการ- --------- กรรมการ 7 ชาติ ร่วมบริหารจัดการ "พื้นที่กันชน" ไม่ใช่ "พื้นที่ทับซ้อน" http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2008/07/P6796904/P6796904.html ยกเลิกแถลงการณ์ร่วม...ชนวนเหตุทำไทยเสียเปรียบ http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2008/07/P6827568/P6827568.html ---------- พระ ราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน ตำบลโคกสะอาด กิ่งอำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี และป่าเขาพระวิหาร ในท้องที่ตำบลเสาธงชัย ตำบลภูผาหมอก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2541/A/014/5.PDF จากคุณ : mcu51 - [ 27 ม.ค. 52 16:39:11 A:124.120.6.221 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 การยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก กับหน้าด้านตะแบงเล่นคำตีความข้างๆคูๆแล้วยึดของๆคนอื่นมาเป็นของตนเอง มันต่างกันนะครับ ถ้าการที่เค้าตีความแล้วเห็นชัดแล้วตามความเห็นเค้าแบบนึง ถูกมองว่าขายชาติ ก็จนใจ อ้อ.................... คิดมั่งนะครับ ถ้ามีสิทธิ์จริง ทำไมมันไม่เคยทวงเลย ตลอดเวลาที่ครองอำนาจ แต่จะสร้างเรื่องให้เป็นการเมืองทุกครั้งที่มันเป็นฝ่ายค้าน พอเป็นรัฐบาล ก็แกล้งๆเงียบลืมไปตลอด แล้วใส่ความคนอื่นที่ไม่ทวงว่าขายชาติ แต่มันก็ไม่เคยทวงสำเร็จ เห็นแต่เล่นลิเก รำป้อไปมา หลอกชาวบ้านว่ากรูรักชาติ ปลุกระดมมาตลอด จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน ---------------------------------------------------------------------- ผมคิดว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของไทยครับ และคิดว่าพื้นในส่วนของเขาพระวิหาร หรือแม้กระทั่งตัวปราสาท ก็ควรจะเป็นของไทยครับ คุณดีไม่ห่างเหิน อ่อ ชื่อเป็นมงคลดีนะครับ แต่ผมก็ยอมปฏิบัติตามในการตัดสินของศาลโลกครับ ผมยอมให้เขามาเอาตัวปราสาทไปครับ แต่ผมไม่ยอมเสียพื้นที่ส่วนอื่นไปครับ และซึ่งแนวทางที่จะทำได้ คือการที่ผมไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลกครับ เพื่อให้ชาวโลกได้รู้ว่า ผมไม่ยอมรับแผนที่ ที่ทางฝรั่งเศสจัดทำขึ้นครับ อย่างน้อย ก็เพื่อไม่ให้เป็นเงื่อนไขให้ผมเสียดินแดนเพิ่มครับ และเมื่อไหร่ที่ผมค้นพบหลักฐานยืนยันว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของผม ผมก็จะไม่รีรอที่จะทวงคืนครับ อ่อ ไม่ทราบว่าคุณดีไม่ห่างเหินทราบหรือเปล่า ว่าพื้นที่ตรงนั้น รวมทั้งตัวปราสาทมันเคยเป็นของเรา มีธงชาติไทยปักสง่าอยู่นานเชียว ขนาดทหารเขาไม่ยอมลดธงขุดเอาไปทั้งโคนเสา เห็นใจความรู้สึกเขาจัง ถ้าคุณคิดว่าการให้ความเห็นของคนไทยคนนึง ที่มีต่อพื้นที่ที่ควร หรือที่เคยเป็นของเขาคือการตะแบงเอาของคนอื่นล่ะก็.. ผมว่าคุณน่าจะไปถือสัญชาติกัมพูชานะ แปลกแต่จริง คนเขมรเขายังไม่คิดแบบคุณเลย แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 19:03:37 จากคุณ : MiNiJung - [ 27 ม.ค. 52 16:45:59 A:58.9.146.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 งั้นก็เชิญไปทวงครับ อย่าดีแต่ปาก จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน - [ 27 ม.ค. 52 17:09:22 A:192.168.30.71 X:58.136.75.59 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ MiNiJung คุณว่าแถลงการณ์ร่วมที่นพดลไปเซ็น จะทำให้ไทยเสียพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ถามจริงๆ คุณได้อ่านแถลงการณ์ร่วมด้วยตัวคุณเองทั้งหมดหรือยัง ??? จากคุณ : TSC - [ 27 ม.ค. 52 17:38:04 A:124.122.204.84 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ MiNiJung คุณว่าแถลงการณ์ร่วมที่นพดลไปเซ็น จะทำให้ไทยเสียพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ถามจริงๆ คุณได้อ่านแถลงการณ์ร่วมด้วยตัวคุณเองทั้งหมดหรือยัง ??? จากคุณ : TSC ----------------------------------------------------------------------------------- ผมกำลังอ่านในกระทู้ที่คุณTSCมาให้ข้อมูลครับ สงสัยตรงไหนจะขออนุญาตซักถามอีกที ขอบคุณครับ คุณดีไม่ห่างเหินครับ ผมทราบเรื่องที่ศาลโลกตัดสินดีครับ ซึ่งมติคณะรัฐบาลตั้งแต่ชุดนั้นก็คือยอมปฏิบัติตาม หรือยอมทำตาม อย่างที่คุณนำมาอ้างอิง ไม่ได้มีอะไรใหม่... แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 18:29:22 จากคุณ : MiNiJung - [ 27 ม.ค. 52 18:22:23 A:58.9.146.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ MiNiJung ยินดีที่จะร่วมถกในประเด็นเขาพระวิหาร อ่านจบแล้วมาคุยกันต่อที่กระทู้นี้ได้เลย จะรอจ้า ^_^ จากคุณ : TSC - [ 27 ม.ค. 52 18:41:26 A:124.122.204.84 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณมากครับ คุณTSC ขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับกรณีแถลงการณ์ร่วมที่คุณTSCให้ข้อมูลมาดังนี้ ก่อนนะครับ 1.ความเห็นที่ว่า การยกเลิกแถลงการณ์ร่วมฉบับที่นายนพดลทำร่วมกับทางกัมพูชาแล้วจะเป็นเหตุให้ไทยเสียพื้นที่เพิ่มนั้น เป็นความเห็นของใคร? 2.แถลงการณ์ร่วมฉบับนั้น มีเนื้อหาแปลเป็นไทยได้ดังนี้หรือไม่? ขอเท่านี้ก่อนนะครับ ขอบคุณครับ --------------------------------------------------------------------- 1. ราชอาณาจักรไทยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหาร เข้าไว้ในบัญชีมรดกโลก ตามการเสนอของราชอาณาจักรกัมพูชา ณ การประชุมครั้งที่ 32 ของคณะกรรมการพิจารณามรดกโลก (นครควิเบก, ประเทศแคนาดา, เดือนกรกฎาคม 2008)  ตามขอบเขตรอบดินแดนซึ่งระบุไว้ว่าเป็น หมายเลข 1 ในแผนที่ซึ่งจัดทำโดยทางการผู้รับผิดชอบของกัมพูชา และได้แนบท้ายมาด้วยแล้ว แผนที่ดังกล่าวยังได้ครอบคลุมพื้นที่กันชนทางด้านตะวันออกและด้านใต้ของปราสาท โดยระบุให้เป็น หมายเลข 2             2. ด้วยเจตนารมณ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือกัน ราชอาณาจักรกัมพูชายอมรับว่า ปราสาทพระวิหารที่จะเสนอขอขึ้นทะเบียนไว้ในบัญชีมรดกโลก ในขั้นนี้จะไม่ได้รวมพื้นที่กันชนทางด้านเหนือและด้านตะวันตกของปราสาท             3. แผนที่ซึ่งอ้างไว้ในวรรค 1 ข้างต้น จะแทนที่แผนที่ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องและบรรจุไว้ใน “Schema Directeur pour le Zonage de Preah Vihear” ตลอดจนการอ้างอิงด้านกราฟฟิกทั้งหมดที่ระบุบ่งชี้ถึง “บริเวณหลัก” (core zone) และการแบ่งบริเวณอื่นๆ (zonage) ของปราสาทพระวิหาร ที่บรรจุอยู่ในแฟ้มเสนอขอขึ้นทะเบียนของกัมพูชาด้วย             4. ระหว่างที่รอผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการร่วมเพื่อการปักปันเขตแดนทางบก (Joint Commission for Land Boundary หรือ JBC) เกี่ยวกับพื้นที่ด้านเหนือและด้านตะวันตกรอบๆ ปราสาทพระวิหาร ซึ่งได้รับการระบุให้เป็น หมายเลข 3 ในแผนที่ที่อ้างอิงไว้ในวรรค 1 ข้างต้น แผนการบริหารจัดการพื้นที่เหล่านี้จะได้รับการจัดทำในลักษณะของการประสานร่วมมือกันระหว่างทางการผู้รับผิดชอบของกัมพูชาและทางการผู้รับผิดชอบของไทย โดยสอดคล้องกับมาตรฐานการอนุรักษ์ระหว่างประเทศ ด้วยทัศนะที่มุ่งรักษาคุณค่าอันเป็นสากลที่โดดเด่นของทรัพย์สินดังกล่าวนี้ แผนการบริหารจัดการดังกล่าวนี้จะบรรจุไว้ในแผนการบริหารจัดการสุดท้ายสำหรับปราสาทพระวิหารและบริเวณรอบๆ ปราสาท ซึ่งจะยื่นเสนอต่อศูนย์กลางมรดกโลก (World Heritage Centre) ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2010 เพื่อการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณามรดกโลก ในการประชุมครั้งที่ 34 ในปี 2010             5. การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารไว้ในบัญชีมรดกโลกครั้งนี้ จะไม่ทำให้เสื่อมเสียสิทธิ์ของราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย ในการกำหนดปักปันเขตแดนของคณะกรรมการร่วมเพื่อการปักปันเขตแดนทางบก (JBC) ของประเทศทั้งสอง             6. ราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย ขอแสดงความซาบซึ้งใจอย่างยิ่งต่อท่านผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก ฯพณฯ นายโคอิชิโร มัตสึอุระ สำหรับความช่วยเหลือของท่านในการอำนวยความสะดวกให้แก่กระบวนการเพื่อการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารไว้ในบัญชีมรดกโลก             พนมเปญ, 18 มิถุนายน 2008        กรุงเทพฯ, 18 มิถุนายน 2008             ในนามรัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชา  ในนามรัฐบาลราชอาณาจักรไทย             ฯพณฯ นาย ซก อัน                    ฯพณฯ นายนพดล ปัทมะ       รองนายกรัฐมนตรี                     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ       รัฐมนตรีรับผิดชอบสำนักคณะรัฐมนตรี              ปารีส, 18 มิถุนายน 2008       ผู้แทนของยูเนสโก              ฟรองซัวส์ ริวีเร       ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวัฒนธรรม แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 52 19:15:40 จากคุณ : MiNiJung - [ 27 ม.ค. 52 19:13:59 A:58.9.146.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 เรียนคุณดีไม่ห่างเหิน จาก คห.ที่30ของผม เนื่องจากอ่านคห.ที่ 26 ของคุณดีไม่ห่างเหินแล้วผมทำความเข้าใจผิดไปว่าคุณให้เหตุผลโดยเหน็บคำมาที่ตัวผม หลังจากที่อ่านอีกรอบจึงทราบว่าคุณดีไม่ห่างเหินโจมตีรัฐบาล ทำให้ผมตอบโต้ในถ้อยคำที่รุนแรง อ่านอีกรอบแล้วไม่สบายใจครับ ขออภัยในการสื่อสารของผมด้วยนะครับ ส่วนประเด็นที่เห็นแย้ง ยังคงขอความเห็นแลกเปลี่ยนอยู่นะครับ ขออภัยอีกครั้ง ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 52 00:49:53 จากคุณ : MiNiJung - [ 28 ม.ค. 52 00:48:41 A:58.9.146.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ MiNiJung 1.ความเห็นที่ว่า การยกเลิกแถลงการณ์ร่วมฉบับที่นายนพดลทำร่วมกับทางกัมพูชาแล้วจะเป็นเหตุให้ไทยเสียพื้นที่เพิ่มนั้น เป็นความเห็นของใคร? - เป็นสิ่งที่เราวิเคราะห์ไว้ในกระทู้หนึ่ง(ซึ่งน่าจะเป็นกระทู้ที่คุณเข้าไปดูแล้ว) เป็นการพูดในลักษณะมองไปข้างหน้าว่าการยกเลิกแถลงการณ์ เป็นชนวนให้ไทยเสียเปรียบ ซึ่งอาจถึงขั้นเสียพื้นที่ได้ในอนาคตหากเกิดกรณีพิพาทจนถึงศาลโลกอีกครั้ง 2.แถลงการณ์ร่วมฉบับนั้น มีเนื้อหาแปลเป็นไทยได้ดังนี้หรือไม่? - แปลตามนั้นถูกแล้ว แล้วตรงไหนในแถลงการณ์หรือที่คุณว่าทำให้ไทยเสียพื้นที่ทับซ้อน ? จากคุณ : TSC - [ 28 ม.ค. 52 18:21:31 A:124.122.203.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณครับ ในข้อมูลของเรื่องแถลงการณ์ไม่ได้มีข้อสงสัยเท่าใดนักครับ มีเพียงข้อ 2 และข้อสงสัยในขั้นตอนการทีเราไปร่วมออกแถลงการณ์ครับ ขอสอบถามข้อสงสัยดังนี้ครัย 1.พื้นที่ทางทิศเหนือ และทิศตะวันตกเป็นพื้นที่ของใครครับ? 2.ต่อเนื่องจากข้อ 1  ถามว่าพื้นที่ตรงนั้นมีการปักปันเขตแดนเป็นที่เรียบร้อยหรือยัง? 3.กัมพูชาเคยมีการยื่นขอจดทะเบียนเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวไปแล้วกี่ครั้ง และที่ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเพราะอะไร และแนวทางการปฏิบัติของไทยตลอดมาเป็นอย่างไร? 4.การที่ศาลปกครองมีคำสั่งยกเลิกแถลงกาณ์ร่วมแล้ว และยูเนสโกก็ไม่ได้นำแถลงการณ์ร่วมนั้นไปใช้ เหตุใดกัมพูชายังสามารถขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวได้? จากคุณ : MiNiJung - [ 28 ม.ค. 52 18:58:32 A:58.9.137.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 ต้องขออภัยคุณTSCนะครับ เพราะข้อมูลผมอาจจะไม่แน่นพอ คงต้องขอตั้งเป็นข้อสังเกตุเป็นหลัก ขอบคุณครับ จากคุณ : MiNiJung - [ 28 ม.ค. 52 19:06:06 A:58.9.137.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ MiNiJung 1.พื้นที่ทางทิศเหนือ และทิศตะวันตกเป็นพื้นที่ของใครครับ? - พื้นที่ทิศเหนือและตะวันตกรอบปราสาทพระวิหาร ก็คือพื้นที่ทับซ้อน (4.6 ตร.กม.) ที่ทั้งไทยและเขมรต่างอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ 2.ต่อเนื่องจากข้อ 1  ถามว่าพื้นที่ตรงนั้นมีการปักปันเขตแดนเป็นที่เรียบร้อยหรือยัง? - ยัง แต่มีคณะกรรมการปักปันเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาหรือ JBC ดูแลอยู่ 3.กัมพูชาเคยมีการยื่นขอจดทะเบียนเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวไปแล้วกี่ครั้ง - เพิ่งเสนอเป็นครั้งแรก และก็ได้เลย "และที่ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเพราะอะไร" - มีความล่าช้าในการพิจารณาขึ้นทะเบียน 1 ปี เพราะก.ต่างประเทศของไทยยุคสุรยุทธ ได้ยื่นคัดค้าน เนื่องจากเขมรนำแผนที่ฝรั่งเศสไปขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร เพราะแผนที่ฝรั่งเศสนี้ได้รวมเอาพื้นที่ทับซ้อน(ที่ไทย-เขมรต่างอ้างสิทธิ์)ไปขึ้นทะเบียนด้วย คณะกรรมการมรดกโลกจึงให้เขมรมาตกลงกับไทยในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนก่อน โดยให้เวลาเจรจาเพียง 1 ปี และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไทยต้องเข้าไปมีส่วนในการขึ้นทะเบียนของเขมร พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเขมรขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทพระวิหาร ไทยก็ไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาอยู่แล้ว แต่ที่เราต้องเข้าไปยุ่งเพราะเขมรดันเอาพื้นที่ทับซ้อนที่ยังตกลงกันไม่ได้ไปขึ้นทะเบียนด้วยนั่นเอง ซึ่งถ้าไทยไม่คัดค้านแต่แรก เขมรก็จะขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารได้ทั้งลูกไม่ใช่เฉพาะตัวปราสาท เมื่อก.ต่างประเทศของไทยคัดค้านไปในสมัยสุรยุทธ จึงเป็นที่มาของแถลงการณ์ร่วม เพราะรมต.กต.ยุคนั้นก็จะขอขึ้นทะเบียนร่วมกัน แต่เขมรไม่ยอม ทางไทยเลยยื่นข้อเสนอไปว่า ถ้าเขมรยอมขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท ไทยก็จะให้การสนับสนุน นี่คือมติที่ประชุมเบื้องต้นในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ จะเห็นว่าฝ่ายไทยก็ยินยอมให้เขมรขึ้นทะเบียนพระวิหาร เพียงแต่ในรายละเอียดไทยขอขึ้นร่วม แต่เขมรไม่ยอม ทำให้ไทยต้องยื่นข้อเสนอในเรื่องการสนับสนุนแทนการขึ้นร่วมหากเขมรยอมขึ้นเฉพาะตัวปราสาทอย่างที่ว่า ข้อตกลง: 31 COM 8B.24 คณะกรรมการมรดกโลก 1. ได้พิจารณาเอกสาร WHC-07/31.COM/8B และเอกสาร WHC-07/31.COM/INF.8B.1 2. ได้รับบันทึกข้อความตามแถลงการณ์ของประธานคณะกรรมการองค์การมรดกโลกซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะผู้แทนประเทศกัมพูชาและคณะผู้แทนประเทศไทย รัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทยเห็นชอบร่วมกันอย่างเต็มที่ว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เขาพระวิหารนั้นทรงคุณค่าอันโดดเด่นอย่างเป็นสากลและต้องได้รับการขึ้นทะเบียนไว้ในบัญชีมรดกโลกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามที่ประเทศกัมพูชาและประเทศไทยมีความเห็นชอบร่วมกันว่า ประเทศกัมพูชาจะเสนอสถานที่ดังกล่าวให้ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการในบัญชีมรดกโลก ในวาระการประชุมครั้งที่ 32 ของคณะกรรมการมรดกโลกในปี 2008 โดยการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากประเทศไทย ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าสถานที่แห่งนี้ควรได้รับการเอาใจใส่อย่างเร่งด่วนและต้องการความช่วยเหลือในระดับประเทศทางด้านการเงินและผู้เชี่ยวชาญและการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายยังตกลงเพิ่มเติมว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องส่งเสริมให้มีการเจรจาและการจัดการ ณ สถานที่แห่งนั้น รวมถึงแผนการจะดำเนินการพัฒนาอย่างเหมาะสม ดังความประสงค์ตามย่อหน้าที่ 108 ใน Operation Guidelines ที่จะรับประกันการปกป้องสถานที่แห่งนี้ในอนาคต จากการประชุมหารือร่วมกันขององค์การมรดกโลก ทั้งสองประเทศมีความเข้าใจว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการช่วยเหลือทางด้านการเงินและผู้เชี่ยวชาญสำหรับแผนดำเนินการพัฒนาผ่านทางโปรแกรมการช่วยเหลือระดับชาติขององค์การมรดกโลก 3. ตระหนักว่าเขาพระวิหารคือสิ่งที่มีนัยสำคัญระดับชาติและมีค่าโดดเด่นระดับสากล เป็นไปตามหลักการพื้นฐานในข้อ (i), (ii) และ (iv) เห็นด้วยว่าควรจะขึ้นทะเบียนไว้ในบัญชีมรดกโลกและบันทึกว่าขั้นตอนการขึ้นทะเบียนมีความคืบหน้า 4. ความต้องการของรัฐบาลแห่งประเทศกัมพูชาคือการเจรจาและการจัดการอย่างจริงจัง ณ สถานที่แห่งนี้ โดยให้มีความคืบหน้าในการพัฒนาและแผนการดำเนินงานที่เหมาะสม ซึ่งความคืบหน้าจะมีผลต่อความเป็นไปได้ที่จะทำให้สถานที่นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการโดยคณะกรรมการในวาระการประชุมครั้งที่ 32 ในปี 2008. 5. ความต้องการขั้นต่อไปของรัฐบาลกัมพูชาคือยื่นเสนอรายงานความคืบหน้าองค์กรมรดกโลกในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2008 (หน้า 153 - 154) http://whc.unesco.org/archive/2007/whc07-31com-24e.pdf ........................................................ ซึ่งการเจรจาสมัยรัฐบาลสุรยุทธไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากเขมรมากนัก เพราะเขมรมองว่าไทยอยู่ในช่วงการยึดอำนาจไม่ได้เป็นประชาธิปไตยตามแบบสากล ประกอบกับเขมรมีชาติตะวันตกหนุนหลังในการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ เขมรจึงไม่ค่อยแคร์เรา ทำให้การเจรจาร่วมกันในข้อตกลงเรื่องการขึ้นทะเบียนของเขมรล่าช้า แต่พอไทยได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เขมรก็ยอมที่จะคุยกับไทยและทำให้การเจรจาสำเร็จลงในรัฐบาลสมัคร เมื่อเขมรยอมขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทตามที่รมต.กต.สมัยสุรยุทธเจรจาไว้ ด้วยเหตุนี้ทั้งสองประเทศจึงออกแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อรับรู้ทั้งสองประเทศว่า เขมรยอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออกแล้ว และจะขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น ดังนั้น แถลงการณ์ร่วมจึงเป็นเพียงคำมั่นสัญญาว่าเขมรยอมทำตามข้อเสนอไทยเท่านั้น ไม่ใช่สนธิสัญญาที่ทำให้ไทยมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดินแดนแต่อย่างใด "แนวทางการปฏิบัติของไทยตลอดมาเป็นอย่างไร?" - จริงๆ แล้วสมัยรัฐบาลทักษิณเคยมีมติร่วมกับเขมรว่าจะขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารร่วมกัน จนกระทั่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสำรวจและจัดทำข้อมูลสำหรับเพื่อขึ้นทะเบียนแล้ว แต่ยังดำเนินการไม่เสร็จ ทักษิณโดนยึดอำนาจ เขมรก็เลยชิ่งหนีไปร่วมมือกับชาติตะวันตกให้จัดทำข้อมูลเพื่อขึ้นทะเบียนแต่เพียงฝ่ายเดียวแทน พอไทยสมัยสุรยุทธจะขอขึ้นทะเบียนร่วมกันต่อเขมรก็ไม่เอาแล้ว เพราะเขาถือว่าเขาได้เปรียบไทยในเวทีโลกแล้ว เพราะรัฐบาลไทยตอนนั้นไม่เป็นที่ยอมรับในเวทีโลกเพราะไม่ใช่ประชาธิปไตย ทำให้นานาชาติไม่สนใจไทย เขมรเลยใช้โอกาสนี้วิ่งเข้าหาประเทศมหาอำนาจให้สนับสนุนตนแทน 4.การที่ศาลปกครองมีคำสั่งยกเลิกแถลงกาณ์ร่วมแล้ว และยูเนสโกก็ไม่ได้นำแถลงการณ์ร่วมนั้นไปใช้ เหตุใดกัมพูชายังสามารถขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวได้? - การขึ้นทะเบียนมรดกโลกจะมีหลักเกณฑ์อยู่หลายข้อ ซึ่งสถานที่ใดจะขึ้นได้จะต้องมีคุณสมบัติครบทุกข้อ แต่ที่เขมรขึ้นได้โดยไม่เกี่ยวกับแถลงการณ์ร่วมแล้ว เพราะคณะกรรมการมรดกโลกยอมตัดหลักเกณฑ์ออกบางข้อ ถ้าจำไม่ผิดเอาแค่ 1 หรือ 2 ข้อเท่านั้นที่ให้เขมรครั้งนี้ ซึ่งการที่คณะกรรมการมรดกโลกยอมก็เพราะชาติตะวันตกที่ไปช่วยเขมรทำข้อมูลขึ้นทะเบียน ล้วนเป็นประเทศมหาอำนาจที่เป็นกรรมการของมรดกโลกอยู่ด้วย ซึ่งชาติตะวันตกเหล่านี้เองก็หวังผลประโยชน์ในเขมรเหมือนกัน จึงยอมช่วยเขมรทุกทาง ดังนั้น ต่อให้ไทยไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย เขมรก็ขึ้นได้อยู่ดี นี่คือข้อมติที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 32 ณ นครควิเบก แคนาดา รับรองเมื่อ 7 กรกฎาคม 2551 เรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่ว่ามีการยกเว้นหลักเกณฑ์ในการขึ้นทะเบียนให้เขมร          7.  ตัดสิน บนพื้นฐานการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษให้รับ ในกระบวนการพหุภาคีซึ่งไปสู่การจัดทำรายงานขยายความเสริมซึ่งเสนอเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2008 โดยรัฐภาคีกัมพูชา ตามคำขอของคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ข้อมูลส่งโดยรัฐภาคีนั้นภายหลังกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในวรรค148 ของแนวปฏิบัติดำเนินการ http://www.mfa.go.th/web/200.php?id=20276 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 00:28:42 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 00:25:50 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 00:16:57 จากคุณ : TSC - [ 29 ม.ค. 52 00:12:41 A:124.121.39.30 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ MiNiJung (ต่อ) นี่คือมติร่วมไทย-กัมพูชาที่จะขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารร่วมกันในสมัยรัฐบาลทักษิณ แต่ก็ต้องสิ้นสุดลงเมื่อรัฐบาลทักษิณถูกยึดอำนาจ ....................................... กันยายน พ.ศ. 2546 รัฐบาล 2 ประเทศ ประชุมร่วม มีมติร่วม ครม. ไทย-กัมพูชา เห็นชอบตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาปราสาทพระวิหาร ไทยและกัมพูชา มีนาคม พ.ศ. 2547 คณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาปราสาทพระวิหาร ไทยและกัมพูชา โดยนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ประชุมร่วมกับนาย ซก อาน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กรุงเทพฯ ทำข้อตกลงการร่วมพัฒนาปราสาทพระวิหารและกำหนดให้มีการดำเนินการเสนอเขาพระวิหาร “เป็นมรดกโลกร่วมกัน” (25 มีนาคม 2547) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือข้อราชการกับนายสก อัน รัฐมนตรีอาวุโสประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และเป็นประธานการประชุมร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการพัฒนาร่วมเขาพระวิหาร ที่กระทรวงการต่างประเทศ ภูมิหลังการพัฒนาร่วม เขาพระวิหาร เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-กัมพูชา เมื่อ 31 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2546 ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างเห็นชอบในหลักการให้ร่วมมือกันพัฒนาเขาพระวิหารเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันทั้งในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว การศึกษาทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี การพัฒนาพื้นที่ในปริมณฑลรอบปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อยกสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมทั้งเพื่อให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและยั่งยืนระหว่างไทยและกัมพูชา หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-กัมพูชาดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและกัมพูชาต่างได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อร่วมมือกันในการดำเนินการเรื่องนี้ โดยในส่วนของฝ่ายไทย คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาเขาพระวิหาร มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน กรรมการประกอบด้วยผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ โดยภายใต้กรรมการดังกล่าว ยังมีอนุกรรมการอีก 2 ชุด คือ (1) คณะอนุกรรมการบูรณปฏิสังขรณ์ ปราสาทเขาพระวิหาร มีนายเตช บุนนาค เป็นประธาน และ (2) คณะอนุกรรมการวางแผนพัฒนาร่วมเขา พระวิหาร มีนายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการทั้งสองดังกล่าวได้ดำเนินการตามความรับผิดชอบ เพื่อศึกษาแนวทางและนำเสนอข้อมูลสำหรับการพัฒนาเขาพระวิหารให้บรรลุผลตามความมุ่งหมาย การดำเนินงานมีความคืบหน้ามาตามลำดับ ในส่วนของกัมพูชาได้จัดตั้ง “คณะกรรมการระหว่างกระทรวงเพื่อพัฒนาพื้นที่ตาเฒ่าและปราสาทเขาพระวิหาร” มีนายสก อัน รัฐมนตรีอาวุโสประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะร่วมมือกับคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาเขาพระวิหาร (ฝ่ายไทย) เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาร่วมเขาพระวิหารและปริมณฑลต่อไป ผลการประชุมทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันในเรื่องสำคัญ ๆ ได้แก่ 1. ให้การพัฒนาร่วมเขาพระวิหารเป็นโครงการความร่วมมือที่เป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันที่แท้จริง 2. ดำเนินการเพื่ออนุรักษ์ปราสาทเขาพระวิหารให้คงคุณค่าด้านความงาม ศิลปะ ประวัติศาสตร์และโบราณคดี เพื่อเป็นมรดกของมนุษยชาติสืบไป โดยเป็นการดำเนินการร่วมกับองค์การ UNESCO หลังจากที่ มีการจดทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว 3. ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ ที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะที่มีผลกระทบต่อสภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองฝ่าย เช่น สิ่งแวดล้อม การเก็บกู้กับระเบิด ฯลฯ 4. ดำเนินการให้โครงการพัฒนาร่วมนี้ เกื้อหนุนและสอดคล้องกับโครงการพัฒนาอื่น ๆ อาทิ ACMECS สามเหลี่ยมมรกต ฯลฯ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย 5. ยินดีต้อนรับการเข้ามีส่วนร่วมให้การช่วยเหลือและร่วมมือของประเทศที่สาม องค์การระว่างประเทศ และภาคเอกชน ในการร่วมพัฒนาเขาพระวิหาร 6. เกี่ยวกับเรื่องเส้นเขตแดน ได้ตกลงกันในหลักการที่จะให้มีการสำรวจสภาพภูมิประเทศร่วมกัน เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการปักปันหลักเขตแดนในอนาคต โดยจะไม่ให้ปัญหาด้านเขตแดนมาเป็นอุปสรรคต่อโครงการร่วมพัฒนานี้ ทั้งนี้ ในการดำเนินการตามหลักการดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในการกำหนดแผนพัฒนาเขาพระวิหารอย่างเป็นระบบ โดยมอบหมายให้คณะอนุกรรมการ/คณะทำงานที่เกี่ยวข้อง และอาจจำเป็นต้องตั้งขึ้นใหม่ ทำงานร่วมกัน และเสนอแนวความคิดและแนวทางดำเนินการให้รัฐบาลทั้งสองฝ่ายให้ความความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป โดยที่นายสก อัน รัฐมนตรีอาวุโสประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา รับผิดชอบหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างไทย-กัมพูชา ในการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจึงได้หารือกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีในเรื่องอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะที่เป็นเรื่องสำคัญและมีผลต่อการพัฒนา ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา อาทิ ในเรื่องความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือด้านวัฒนธรรมในกรอบคณะกรรมการร่วมสมาคมวัฒนธรรมไทย-กัมพูชา และการ พัฒนาเส้นทางหมายเลข 67 (สะงำ-อันลองเวง-เสียมราฐ) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการติดต่อไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชน รวมทั้งได้หารือกันเกี่ยวกับโครงการที่จะมีส่วนช่วยเชื่อมโยงด้านคมนาคมในภูมิภาค ได้แก่ โครงการพัฒนาเส้นทางหมายเลข 48(เกาะกง-สแรอัมเบิล) โดยความช่วยเหลือของรัฐบาลไทยด้วย การประชุมและการหารือข้อราชการที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เป็นไปในบรรยากาศแห่งมิตรภาพและความร่วมมือที่ใกล้ชิด ด้วยความจริงใจและเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน สะท้อนถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นและอบอุ่นระหว่างไทยและกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญอีกก้าวในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 00:15:28 จากคุณ : TSC - [ 29 ม.ค. 52 00:14:33 A:124.121.39.30 X: ]