Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ทำลายบ้านเมืองด้วยการทำลายขวัญข้าราชการ โดย วสิษฐ เดชกุญชร ...มติชน..วันนี้

    ผมเป็นข้าราชการ (ตำรวจ) มานานกว่า 30 ปีก่อนพ้นตำแหน่งหน้าที่ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังสนใจติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับราชการอยู่ เพราะราชการนั้นเป็นบริการสาธารณะ (public service) เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนแท้ๆ คำว่า "ข้า" นั้นก็บอกชัดว่า ข้าราชการคือผู้รับใช้ (ประชาชน)

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่ได้รู้เห็นแล้วก็ทำให้รู้สึกอ่อนใจ เห็นใจ และสมเพชไปพร้อมๆ กันก็คือ ชะตากรรมของข้าราชการ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล ไม่แต่เฉพาะคราวหลังสุดนี้เท่านั้น แต่แทบทุกครั้ง ตั้งแต่ผมเริ่มรับราชการประมาณ 50 ปีมาแล้ว พอมีการเปลี่ยนรัฐบาลทีไร ข้าราชการโดยเฉพาะที่มีตำแหน่งสำคัญระดับหัวหน้า มักจะถูกโยกย้ายทีนั้น โดยไม่ปรากฏเหตุผลที่ชัดเจน ที่มักอ้างกันจนเบื่อหูก็คือ "เพื่อความเหมาะสม" แต่เหตุผลที่แท้จริงนั้น ใครๆ ก็รู้ว่า เพื่อกำจัดข้าราชการที่รัฐบาลชุดก่อนแต่งตั้งและวางตัวเอาไว้เท่านั้น

    อันที่จริงก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะบางยุคบางสมัย ก็เห็นได้ชัดว่า การแต่งตั้งในรัฐบาลชุดก่อน เป็นไปโดยขาดหลักเกณฑ์จริงๆ ไม่นำเอาหลักคุณธรรม (merit system) ไปใช้ แต่งตั้งโดยเห็นแก่หน้าอย่างเดียว

    แต่ที่น่าคิดก็คือ แล้วการแต่งตั้งในรัฐบาลชุดต่อมาล่ะ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และหลักคุณธรรมหรือ หรือว่ายังคงยึดหลักเห็นแก่หน้า เล่นพวกเล่นพ้องอยู่อย่างเดิม

    ในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และต่อมาแม้ในสมัยที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีการโยกย้ายตำรวจแบบขาดหลักเกณฑ์ให้เห็นมากมาย นายตำรวจบางคนถูกย้ายแบบฟ้าผ่า ให้เดินทางจากกรุงเทพมหานคร (ภายใน 7 วัน) ไปดำรงตำแหน่งใหม่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่แม้แต่เด็กอมมือก็รู้ว่า มีการลอบยิงและวางกับระเบิดเจ้าหน้าที่แทบไม่เว้นแต่ละวัน ครั้นพอเปลี่ยนรัฐบาล ผู้ถูกย้ายจึงได้รับการชดเชย ด้วยการย้ายกลับมายังกรุงเทพมหานคร

    ตอนย้ายกลับนั้น ก็ไม่ปรากฏเหตุผลหรือหลักเกณฑ์แน่นอนเหมือนกัน

    ขณะที่เขียนเรื่องนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพิ่งจะถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และมีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งแทนไปเรียบร้อยแล้ว

    การละเมิดหลักคุณธรรมได้ทำกันอย่างต่อเนื่องมาแทบทุกยุคทุกสมัย จนผมเชื่อว่า ขณะนี้คำว่าคุณธรรม (merit) นั้นไร้ความหมายไปแล้ว การพิจารณาเลือกสรรข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถ และมีผลงาน เพื่อให้ดำรงตำแหน่งที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของแต่ละคนนั้น เป็นแต่เพียงทฤษฎี หรืออยู่แต่ในตำรา ส่วนในความเป็นจริงนั้น ข้าราชการต้องวิ่งเข้าหา ประจบ หรือหาประโยชน์ให้ผู้มีอำนาจในแต่ละยุค เพื่อแลกกับตำแหน่งที่สูงขึ้น หรือตำแหน่งที่ให้คุณให้โทษได้

    โดยหลักการ มีส่วนราชการและองค์กรที่น่าจะดูแลให้การแต่งตั้งข้าราชการเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและถูกหลักการ เช่น ก.พ. หรือในกรณีของตำรวจก็มี ก.ต.ช. และ ก.ตร. แต่ก็ไม่ปรากฏว่า ส่วนราชการและองค์กรเหล่านั้น ได้ทำอะไรให้เห็นว่าได้พยายามที่จะผดุงความเป็นธรรมและหลักการ ตรงกันข้าม บางคณะกรรมการกลับกลายเป็นเหมือนตรายาง ที่ประทับรับรองคำสั่งที่ปราศจากหลักเกณฑ์ของผู้มีอำนาจเท่านั้น

    สมัยนี้มีศาลปกครองเป็นที่พึ่งของข้าราชการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมส่วนมากก็มักไม่ยอมพึ่งศาลปกครอง อาจเป็นเพราะไม่อยากเป็นความกับนายที่ยังมีอำนาจวาสนาอยู่ และอาจจะเป็นเพราะการฟ้องร้องนั้น จะต้องผ่านขั้นตอนกรรมวิธีที่ตนไม่คุ้น และยังจะต้องเสียเงินจ้างทนายความด้วย

    ส่วนสมาคมที่น่าจะเป็นปากเป็นเสียงหรือเป็นตัวตั้งตัวตี ป้องกันสิทธิของข้าราชการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่น สมาคมข้าราชการพลเรือน หรือสมาคมตำรวจนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าได้เคยมีบทบาทในเรื่องนี้แต่อย่างใด

    ถ้าข้าราชการยังตกอยู่ในภาวะอย่างนี้ ก็ไม่ต้องสงสัยว่า ข้าราชการจะต้องเสียขวัญ ทุกครั้งที่เปลี่ยนนายที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการจะต้องดิ้นรนป้องกันรักษาตำแหน่ง ด้วยการวิ่งเข้าประจบเอาใจนาย ความพิถีพิถันที่จะพัฒนาคุณภาพตนเอง ด้วยการหาความรู้เพิ่มเติม และตั้งใจทำหน้าที่ก็คงเกิดขึ้นไม่ได้ คุณภาพของข้าราชการจะต้องตกต่ำเป็นธรรมดา

    ถ้าคุณภาพของข้าราชการต่ำ คุณภาพของรัฐบาลนั่นแหละที่จะพลอยต่ำไปด้วย

    ถ้ารัฐบาลนี้มีเจตนาที่จะฟื้นฟูการบริหารประเทศ ให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนจริงๆ สิ่งแรกสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลควรทำโดยเร่งด่วน ก็คือฟื้นฟูขวัญกำลังใจของข้าราชการ ให้เขารู้สึกว่าเขามีหลักประกัน คือประกันว่ารัฐบาลนำหลักคุณธรรมมาใช้กับข้าราชการอย่างแท้จริง ไม่สักแต่ว่าแต่งตั้งโยกย้ายเขา เพียงเพราะเขาได้รับการแต่งตั้งในสมัยของรัฐบาลทักษิณ (หรือสมัคร หรือสมชาย) เท่านั้น ก่อนโยกย้ายควรมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ ไม่ใช่โดยผู้มีอำนาจมุบมิบกันเพียงคนสองคน แต่โดยคณะกรรมการหรือคณะทำงานที่เป็นกลาง ให้แน่ใจว่าการแต่งตั้งที่แล้วมานั้น ไม่เหมาะสมจริงๆ อย่างไร ต้องพิจารณาศักยภาพของข้าราชการผู้นั้นๆ ด้วยว่า การ "แช่เย็น" เขาจะทำให้ส่วนราชการนั้น เสียคนมีฝีมือไปเปล่าๆ หรือไม่ และถ้าหากโยกย้ายเขาไปอยู่ในตำแหน่งอื่นแทน จะเกิดประโยชน์กว่า แก่ราชการและแก่ประชาชนอย่างใดหรือไม่

    ถ้ามิฉะนั้น ลงท้ายรัฐบาลนี้ก็จะไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลชุดที่แล้วๆ มา บริหารงานด้วยอคติและอารมณ์เป็นสำคัญ ขวัญของข้าราชการก็จะระส่ำระสาย เสื่อม และตกต่ำต่อไปอีก ประชาชนผู้ต้องพึ่งบริการของข้าราชการจะกลายเป็นผู้รับบาปในที่สุด

    และนี่จะเป็นโบดำอีกอันหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้

    ที่มา : http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act03270152&sectionid=0130&day=2009-01-27

    จากคุณ : sao..เหลือ..noi - [ 27 ม.ค. 52 20:44:37 A:58.8.166.186 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com