เห็นพาดหัวข่าว หน้าเศรษฐกิจไทยรัฐ วันก่อน สุเทพ�เนวิน สัญญาไม่ล้วงลูกตั้งบอร์ดการบินไทย อ่านแล้วก็อดขำและสงสารรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ไม่ได้
แม้จะเป็นการพาดหัวข่าวแบบอารมณ์ขันและเสียดสีในเชิงลึก แต่ ก็ได้บอกอะไรหลายอย่างทางอ้อมว่า ขุมทองการบินไทย แห่งนี้ ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นอกจากหนี้ก้อนโตและขาดทุนจนต้องกู้เงินมาจ่ายเงินเดือน แม้แต่นักการเมืองยังเมิน
เครื่องบิน ก็ซื้อล่วงหน้าไปหมดแล้ว เครื่องยนต์เครื่องบิน ก็แยกซื้อล่วงหน้าไปหมดแล้ว เก้าอี้เครื่องบิน ก็แยกซื้อไปหมดแล้ว ตั้งแต่ยุค รัฐบาลทักษิณ สมัย วันมูหะมัดนอร์ มะทา และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีคมนาคม ซื้อกันทุกปีตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปี 2551 เบ็ดเสร็จรวม 55 ลำ ไม่รู้ปีนี้จะซื้อเพิ่มอีกหรือเปล่า
เมื่อ การบินไทย ไม่ใช่ขุมทองบ่อใหญ่อีกต่อไป วันนี้นักการเมืองก็เริ่มบ่ายหน้าสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ขุมทองบ่อใหญ่อีกรอบ ซึ่งโครงการก่อสร้างเฟสแรก มีการร้องเรียนสอบสวนฟ้องร้องในคดีทุจริตคอรัปชันมากที่สุด มูลค่าคอรัปชันที่ถูกกล่าวหาก็มากที่สุด จากการประมูลเริ่มต้น 3 หมื่นกว่าล้านบาท ก่อสร้างเสร็จงบบานปลายไปแสนสองหมื่นกว่าล้านบาท แถมมีปัญหาคุณภาพการก่อสร้างตามมาอีกมากมาย แม้กระทั่งห้องส้วมวันนี้ก็ยังไม่ได้แก้ไข
โครงการนี้มี นายศรีสุข จันทรางศุ อดีตประธานท่าอากาศยานไทย เป็นผู้รับผิดชอบก่อสร้าง และเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาและถูกสอบสวนหลายคดี ซึ่งกำลังรอการสรุปผลสอบสวนอยู่
แต่จู่ๆ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีคมนาคมในกลุ่มเพื่อนเนวิน กลับแต่งตั้ง นายศรีสุข จันทรางศุ กลับมาเป็น ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูการขนส่งทางอากาศ ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 อีก
ผมไม่รู้ว่าเรื่องอย่างนี้ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และส่งผลต่อ ภาพพจน์รัฐบาล ที่กำลังถูกกล่าวหาในเรื่อง ผลประโยชน์ต่างตอบแทน พรรคร่วมรัฐบาล
ผลงานชิ้นแรกของ นายศรีสุข ก็คือ สั่งเลิกสนามบินดอนเมือง ให้ทุกสายการบินกลับไปใช้ สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งหมด โดยให้ การบินไทย ย้ายไปสนามบินสุวรรณภูมิภายในเดือนมีนาคม พร้อมข่าวการก่อสร้าง สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่าขั้นต้น 73,000 กว่าล้านบาท ซึ่งมีสิทธิที่จะบานปลายเป็นแสนล้านบาทได้อีก
การมี สนามบินแห่งเดียว ในเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพมหานคร ที่มีประชากร 10 กว่าล้านคน ถ้ารวมจังหวัดรอบๆ เข้ามาอีกหลายล้านคน ถือเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง แค่หมอกลงจัดเมื่อไม่กี่วันก่อน เครื่องบินก็ต้องบินไปลงที่ดอนเมืองแทนสุวรรณภูมิ ถ้าไม่มีดอนเมืองก็คงต้องบินไปอู่ตะเภาหรือที่อื่นที่ไม่มีความพร้อม
เมืองใหญ่ๆในประเทศอื่น เขาดิ้นรนจะมีสนามบิน 2 แห่ง หรือหลายแห่ง แต่ทำไม่ได้เพราะไม่มีที่พอ แต่เมืองไทยมีสนามบิน 2 แห่งพร้อมที่สุด แต่นักการเมืองกลับบังคับให้ปิดหนึ่งแห่ง เพื่อจะไปสร้างใหม่ในที่เก่าให้แออัดเพิ่มขึ้น เอาอะไรคิดไม่ทราบ
คำถามทั้ง 2 ข้อนี้ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น่าจะตอบประชาชนในวันอาทิตย์นี้นะ
ป.ล. วันเสาร์ที่แล้วที่ผมเขียนไปว่า การท่องเที่ยวไทยไม่เหงา วันวานมีข้อมูลจาก แบงก์ชาติ รายงานว่า ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปี 51 มาไทยประมาณ 14.3 ล้านคน ลดลงแค่ร้อยละ 0.8 เท่านั้น เป็นการยืนข้อมูลผมว่าถูกต้อง เดือนธันวาคมที่คาดว่าจะลดถึงร้อยละ 60 เพราะการปิดสนามบิน แต่ก็ลดลงแค่ร้อยละ 38.5 คาดว่าปี 52 นี้จะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทย 13.5 ล้านคน ลดลงร้อยละ 5.6 ผมถือเป็นตัวเลขที่รับได้ ในยามที่เศรษฐกิจถดถอยทั้งโลกอย่างนี้ แต่ไม่ได้ลดลงมากมายอย่างที่ฝ่ายการท่องเที่ยวตีข่าวเพื่อของบประมาณ.
ลม เปลี่ยนทิศ
ที่มา:http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=120999
จากคุณ :
sao..เหลือ..noi 
- [
28 ม.ค. 52 08:39:49
A:58.8.172.54 X:
]
ขุมทองสุวรรณภูมิรอบใหม่ ...ลม เปลี่ยนทิศ...ไทยรัฐ..วันนี้
