PANTIP.COM : P7477897 Abhisit at World Economic Forum : Davos []

ความคิดเห็นที่ 5

ที่จริงมาร์กไปถึงดาวอสประมาณเช้ามืดศุกร์ที่ 30 ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนขึ้นเวที ได้มีประชุมใหญ่กับคณะทูตไทย
ในยุโรป มีเนื้อหาข่าวดังนี้

***************************************************************
นัทรียา ทวีวงศ์ กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษกรายงาน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูต ประจำภาคพื้นยุโรป ณ Grand
Meeting Room ณ โรงแรม Radisson นครซูริค ระหว่างการเข้าร่วมการประชุมประจำปี World Economic
Forum ครั้งที่ 39 สมาพันธรัฐสวิส

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การที่รัฐบาลได้เข้ามาบริหารงานโดยได้รับคะแนนสูงสุดจากรัฐสภาตามระบอบประชาธิปไตย
ช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ รัฐบาลยังประสบความเสร็จ ในการให้รัฐสภาผ่าน
ข้อตกลงสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน จำนวน 39 ฉบับ สำหรับ 2 ฉบับที่เหลือได้ให้คณะกรรมาธิการพิจาร
ณาต่อไป คาดว่าจะสำเร็จในเร็วๆนี้

นอกจากนี้ รัฐสภายังได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ซึ่งจะ
ทำให้ฝ่ายบริหารสามารถเบิกจ่ายตามวงเงินงบประมาณ เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที ทั้งนี้ นับว่าเป็นเกียรติ
และความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ประเทศไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14
ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม โดยผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนได้ตอบตกลงที่จะเข้าร่วมประชุมพร้อมกันแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลา ทำให้การประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา จำเป็นต้อง จัดขึ้น
อีกครั้ง ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งผู้นำประเทศคู่เจรจาบางประเทศก็ยินดีที่จะเดินทางมาร่วมประชุมในปลายเดือน
กุมภาพันธ์นี้เช่นกัน แสดงให้เห็นว่า นานาชาติให้ความเชื่อมั่นการบริหารงานของไทย

สำหรับการปฏิรูปการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะให้มีการปฏิรูปทางการเมือง โดยได้มีการ
พูดคุยกับพรรคฝ่ายค้าน แต่จำเป็นต้องมีการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านก่อน เพื่อที่ประสานงานกันต่อไป นายกรัฐมนตรี
ยังกล่าวถึงมาตรการทางเศรษฐกิจว่า วิกฤตเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบและสร้างความยากลำบากต่อประชาชนผู้
มีรายได้น้อย รัฐบาลจึงได้มีมาตรการจัดสรรเงินให้เปล่าจำนวน 2,000 บาท แก่ผู้มีรายได้เงินเดือนไม่เกิน
15,000 บาท เพื่อเพิ่มกำลังซื้อและเป็นการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ยังให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุ แรงงาน นักเรียนและผู้ปกครอง คาดว่าจะให้ผลทางเศรษฐกิจใน
ไตรมาสที่ 2 และ 3 ในไตรมาสที่ 4 จะได้มีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน รวมทั้ง คณะกรรมาการร่วม
ภาครัฐ-เอกชน เพื่อกำหนดมาตรการในส่งเสริมเศรษฐกิจระยะยาวต่อไป โดยจะให้มีการใช้จ่ายงบประมาณ
อย่างเหมาะสมบนพื้นฐานวินัยทางการคลัง

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกร้องให้เอกอัครราชทูตทำประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ ถึง
สถานการณ์การเมือง และการดำเนินงานของรัฐบาล เฝ้าระวังอย่าให้เกิดการกีดการกีดกันทางการค้า โดยอาศัย
ช่องโหว่งของกฏหมาย พร้อมทั้งจัดทำประชาสัมพันธ์ ชี้แจ้งข้อเท็จจริงในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
ของในกรณีโรฮิงญา ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินตามกฎหมายทุกประการ แต่ก็อาจยังมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งนี้
รัฐบาลยินดีที่จะร่วมมือกับองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ รวมทั้ง UNHCR เพื่อหาทางออกที่ดีทีสุด สำหรับการแก้
ปัญหาดังกล่าว สำหรับสถานการณ์ภาคใต้นั้น รัฐบาลไม่ได้วัดความถี่ของการเกิดเหตุ แต่จะสร้างความเข้าใจ
ความสามัคคี และมีแนวคิดที่จะยกเลิกกฎหมายพิเศษบางฉบับที่ไม่จำเป็น รวมทั้งเร่งรัดเรื่องร้องเรียนต่างๆ
ให้มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวด้ยยความเชื่อมั่นว่า การทำงานแบบบูรณการของเอกอัครราชทูต ทั้งการ
เผยแพร่ข้อมูล สร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวและดึงดูดนักลงทุน เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว
อย่างแข็งแกร่งในกลางปีหน้าได้อย่างแน่นอน

จากคุณ : thyrocyte - [ 31 ม.ค. 52 14:46:52 A:124.121.34.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 48

บางส่วน สำหรับท่านที่ตกข่าว หรือไม่กล้าจะอ่านข่าว....

เวที World Economic Forum ในครั้งนี้แม้ว่าจะไม่ใช่เป็นเวทีการเมือง หรือเป็นเวทีที่มีกฎหมายรองรับ หรือเป็นเวทีที่มีการผูกพัน แต่ว่าเป็นเวทีที่บุคคลสำคัญระดับโลก ผู้นำประเทศระดับผู้นำไม่ต่ำกว่า 41 ประเทศได้เข้าร่วม รัฐมนตรีไม่ต่ำกว่า 60 คน รวมไปถึงผู้นำในวงการเศรษฐกิจ ในองค์กรชั้นนำระดับโลกกว่า 1,300 องค์กรได้ไปเข้าร่วม รวมไปถึงองค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ

ซึ่งในการเดินทางไปครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาส 2 - 3 วันนะครับในการเดินทาง ได้เข้าร่วมประชุมในหลากหลายเวที ได้เข้าร่วมพบปะ ได้มีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยในภาคพื้นยุโรป มีการเจรจามีการพูดคุยในระดับทวิภาคีเป็นการส่วนตัวหลากหลายวงสนทนาเลยทีเดียวนะครับ ที่สำคัญก็คือว่าเวทีหลากหลายเวที นายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสได้เป็นผู้กล่าวเปิดนำ โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยว ในเรื่องของอาหาร ซึ่งผมเองต้องขออนุญาตที่จะทำหน้าที่ในการเกริ่นนำประเด็นสำคัญก่อนที่จะเชื่อมโยงเข้าสู่เสียงการจัดรายการนายกรัฐมนตรี ส่งตรงจากที่สวิสฯ นะครับ

ประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลไทยประจำภาคพื้นยุโรป
ในการเดินทางไปในช่วงต้นวันแรก นายกรัฐมนตรีได้ประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลไทยประจำภาคพื้นยุโรป นายกรัฐมนตรีได้สร้างความเชื่อมั่นส่งผ่านไปยังเอกอัครราชทูต ได้มีโอกาสได้สื่อสารกับนานาประเทศชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไทยนะครับ ว่าตอนนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเชื่อมั่น ก่อนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนในระหว่างวันที่ 27 - 28 กุมภาพันธ์ และ 1 มีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการที่จะเน้นย้ำเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาชาติ ซึ่งหลังจากที่ได้มีการพูดคุย เข้าใจว่ามีการตอบรับเป็นอย่างดีนะครับจากนานาประเทศถึงความเชื่อมั่นในประเทศไทย

กล่าวนำเสวนา " Growth Via Travel and Tourism"
ในส่วนของการกล่าวนำในการเสวนา " Growth Via Travel and Tourism" (การเติบโตด้วยการท่องเที่ยวและการเดินทาง) การสร้างความเจริญเติบโตผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เปิดการเสวนานะครับ หยิบยกนโยบายการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งการท่องเที่ยวของไทยนั้นถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นอย่างมาก นายกรัฐมนตรีได้มีการพูดถึงภารกิจระยะสั้น ระยะกลาง รวมไปถึงระยะยาวในบางส่วนครับ แน่นอนการกระตุ้นการท่องเที่ยวน่าจะเป็นเรื่องที่ดีและสร้างรายได้เข้าประเทศได้ง่ายที่สุดในช่วงนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงโครงการในระยะสั้นนะครับ การยกเว้นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในการเดินทางเข้าประเทศ การฝึกอบรมด้านการท่องเที่ยว และพูดถึงการร่วมมือในภูมิภาคในระยะยาว ในการบูรณาการการท่องเที่ยวนะครับ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีการสอบถาม มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นายกรัฐมนตรีมีการพูดถึงเรื่องของแรงจูงใจในการท่องเที่ยวนะครับ โดยจะร่วมมือกับเอกชนในการสร้างความคล่องตัวและประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงกันมากขึ้น นี่เป็นประเด็นแรกในเวทีแรกที่นายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น และสำนักข่าวหลายประเทศทีเดียวนะครับ จากนั้นได้มีการโพสต์นำเอาคำพูดความเห็นของนายกรัฐมนตรีไปตีพิมพ์

ไทยเป็นประเทศที่เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ของโลก
ในขณะที่ในวงทางด้านของอาหาร แน่นอนนะครับในเรื่องของอาหารโลกหลายคนกำลังมองว่าเป็นประเด็นวิกฤต ซึ่งในวันแรกของการเดินทางในช่วงเย็น Fresh Solutions for Food Security (การประชุม High Level Plenary Session หัวข้อ "Fresh Solutions for Food Security" )นายกรัฐมนตรีก็มีโอกาสได้กล่าวถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันนะครับ นายกรัฐมนตรีพูดถึงเรื่องนี้ว่าไทยนั้นเป็นประเทศที่เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก มีศักยภาพ นายกรัฐมนตรีย้ำด้วยนะครับว่าไทยเรามีศักยภาพที่จะช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ ด้วยในสภาวะที่อาหารกำลังเป็นปัญหาสำคัญในโลกในขณะนี้ ปัจจุบันหลายพันคนกำลังประสบปัญหาภาวะขาดแคลน นายกรัฐมนตรีก็พูดนะครับว่าการแก้ไขปัญหาความมั่นคงของอาหารต้องได้รับความร่วมมือจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ในการเปิดตลาดให้กว้างมากขึ้น ที่สำคัญครับนายกรัฐมนตรีได้หยิบยกนำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหลายองค์กรก็ให้ความสนใจกับแนวความคิดนี้เช่นเดียวกันนะครับ

พบปะผู้นำระดับโลก
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการประชุมอาเซียนซัมมิทด้วยในเวทีนี้ ซึ่งก็ได้บอกนะครับว่าได้ให้ความสำคัญเรื่องของการจัดการด้านความมั่นคงอาหาร มีแนวความคิดที่จะเก็บสต๊อกอาหารโดยเฉพาะข้าวในการประชุมอาเซียน ซึ่งก็จะต้องมีการประชุมร่วมกันด้วย โอกาสในการเวทีนี้นอกเหนือจากการประชุมแล้ว ยังวาระสำคัญในการพบปะผู้นำระดับโลกหลายคนนะครับ ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีได้รับเกียรติให้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุค ออฟ ยอร์ค (H.R.H. Duke of York) นะครับ ซึ่งได้ทรงแสดงความยินดีและพร้อมที่จะให้ความสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในประเทศไทย รวมทั้งจะใช้โอกาสในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในการกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้า การลงทุนให้มากขึ้น

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีมีโอกาสหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีปากีสถาน ผู้นำของฟิลิปปินส์ แน่นอนนะครับหลายคนถ้าหากได้ติดตามในช่วง 1 - 2 วันที่ผ่านมา ได้เห็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการพบปะกับบุคคลชั้นนำระดับโลก นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงนายบิลล์ เกตต์ อดีต CEO ของ Microsoft แน่นอนนะครับนอกเหนือจากการประชุม นอกเหนือจากการพูดคุยแนวทางทิศทางเศรษฐกิจแล้ว การพบปะกับผู้นำขององค์กรระดับโลก บริษัทข้ามชาติ ก็จะเป็นโอกาสอันดีนะครับในการที่จะชักจูงสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทต่าง ๆ ประเทศต่าง ๆ นั้นสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น รวมไปถึงนายกรัฐมนตรีมีการพูดถึงเรื่องของสิทธิมนุษยชน ซึ่งหลายคนมีการสอบถามถึงข่าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ด้วย ประเด็นต่าง ๆ นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราด้วยนะครับ และในช่วงนี้จะให้คุณผู้ชมนั้นได้ไปติดตามเนื้อหาการให้ข้อมูลจากนายกรัฐมนตรี หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางไปเยือนสมาพันธรัฐสวิส จากประชุมดาวอส จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ติดตามได้เลยครับ

จากคุณ : thyrocyte - [ 1 ก.พ. 52 13:57:24 A:203.147.40.3 X: ]