ชวนพวกเรามาช่วยกันเป็นพยาน
( หากเป็นนายกฯ บรรหาร คงใช้คำว่า .."มาพนันกันมั๊ย.ยยย." )
บทความนี้เก็บมาจากเว็บไทยอีนิวส์
(ตามไปอ่านเองนะคะ ลิ๊งค์ให้ไม่ได้ เดี๋ยวโดนลบ)
ถ้าเข้าไม่ถูก ให้ก้อปปี้ชื่อเว็บไป search หาในกูเกิ้ล
-------------------------------------------------------------------------
หายนะ!-
เครดิตลียองเนส์ ซึ่งเคยสร้างผลงานเลื่อนลั่น
เตือนรัฐบาลประชาธิปัตย์ในอดีตว่าเศรษฐกิจไทยจะพังครืน
แต่ถูกเยาะเย้ยกลับว่าไม่มีเครดิตน่าเชื่อถือ
ก่อนที่ไม่นานนักจะเกิดวิกฤตฟองสบู่แตกเมื่อปี2540
ได้ออกมาเตือนอีกครั้งว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะติดลบ5%
มากกว่าที่ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ทำนายไว้
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา บทวิจัยของเครดิตลียองเนส์(CLSA)
5 กุมภาพันธ์ 2552
ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจของบริษัทหลักทรัพย์เครดิตลียองเนส์ (CLSA)
บริษัทหลักทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของโลกรายหนึ่งได้ออกบทวิจัยฉบับหนึ่ง
โดยได้หั่นเป้าหมายเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ลงจากเดิมที่เคยประเมิน
ว่าจะติดลบเพียง1.4% เป็นติดลบ 5%
นับเป็นการติดลบครั้งใหญ่สุด
นับจากเกิดวิกฤตการณ์ฟองสบู่เศรษฐกิจแตกในปีพ.ศ.2540
และจะกดดันต่อการหดค่าลงของสินทรัพย์ต่างๆของประเทศลงด้วย
อย่างไรก็ตามยังคงคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวขึ้นเป็นบวก0.5%ในปี2553
ดร.โอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่แล้ว
เพิ่งออกมาคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบ4%
ซึ่งมากที่สุดในโลก
แต่มีเสียงตำหนิจากรัฐบาล รวมทั้งผู้นำองค์กรภาคเอกชน
ที่เคยมีบทบาทเคลื่อนไหวสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์
ได้จัดตั้งรัฐบาลแทนรัฐบาลชุดก่อน
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
กล่าวว่า ตามที่มีคนคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจกันค่อนข้างมาก
และภาพออกมาในเชิงว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบ
โดยส่วนตัวเห็นว่า หากข่าวดังกล่าวออกมามากเกินไป
จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ประหยัดการใช้จ่าย
จนทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอาจได้ผลน้อย
หรือไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้
สำหรับเครดิตลียองเนส์นั้นสร้างชื่อเสียงขึ้นมากในช่วง10กว่าปีก่อน
เมื่อได้ออกบทวิจัยฉบับหนึ่งในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในเม็กซิโกว่า
ไทยจะเป็นประเทศต่อไปที่เศรษฐกิจจะพังลงเป็นรายต่อไป
เพราะมีปัญหาคล้ายกัน ทั้งการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
และการกู้หนี้จากต่างประเทศมากเกินไป
โดยบทวิจัยนี้ออกมาในราวปลายปี2537
และทำให้นักลงทุนต่างชาติพากันเทขายหุ้นไทยกันหนักในตอนต้นปี2538
ซึ่งช่วงนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอยู่
แต่ทีมงานเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหมิ่นแคลนว่า
เครดิตลียองเนส์นั้นไม่มีเครดิตเหลืออยู่แล้ว เป็นบริษัทที่กำลังเจ๊ง
น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น"เดบิตลียองเนส์มากกว่า"
และได้ตั้งกองทุนพยุงตลาดหุ้นขึ้น
แต่ก็ถูกนักลงทุนต่างชาติที่เชื่อถือบทวิจัยของเครดิตลียองเนส์เทขายหุ้นใส่อย่างหนักจนเกลี้ยง
ให้หลังจากนั้นไม่ถึง2ปีดีนัก ไทยก็เกิดเหตุการณ์ฟองสบู่แตกในตอนต้นปี2540
และลดค่าเงินบาทในกลางปีเดียวกัน
จากนั้นพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
หลังเหตุการณ์งูเห่าภาค1 และนำไทยเข้าIMF
โดยอ้างในภายหลังว่าพวกตนเข้ามากอบกู้ความเสียหายทางเศรษฐกิจ
จากผลงานรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก่อเอาไว้
------------------------------------------------------------------------
ไม่ได้ดีใจหรอกนะ ที่มีคนมาคาดการณ์สถานะเศรษฐกิจไทยไว้เช่นนี้
เพราะนั่นคือ ความหายนะของประเทศเราอีกครั้ง
แต่อยากให้ช่วยรับฟัง เพื่อเป็นพยานกันเอาไว้
จะได้ดูว่า เครดิตลียองเนส์ ยังมีเครดิตเหมือนเมื่อปี 2540 รึเปล่า ??????
แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 52 21:08:15
แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 52 21:07:28