Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    มติชนออนไลน์ :ขายสำนวน-เป่าคดีใน กกต...โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

    ได้อ่านคำวิฉัยสั่งการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ที่ยื่นต่อศาลฎีกาให้เพิกถอนการสรรหานายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว)โดยอ้างว่า นิติบุคคลอาคารชุดเซ็นจูเรียนปาร์คที่เสนอชื่อนายเรืองไกรเป็น ส.ว.เป็นองค์กรที่ไม่มีสิทธิเสนอชื่อตามกฎหมายแล้ว เชื่อว่า มติของ กกต.ในเรื่องนี้(ไม่เอกฉันท์) จะสร้างความยุ่งยากให้แก่ กกต.อย่างน้อย 2 คนถึงขั้นต้องคดีอาญา

    ยิ่งเมื่ออ่านเอกสารอื่นๆประกอบแล้วยิ่งทำให้เชื่อได้ว่า มีการจ้องเล่นงานนายเรืองไกรโดยตรงเนื่องจากที่ผ่านมานายเรืองไกรเป็น ส.ว.ตัวแสบที่ยื่นเรื่องตรวจสอบผู้มีอำนาจอุตลุดแบบไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหม

    คดีนี้ กกต.แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวนองค์กรที่เสนอรายชื่อบุคคลเข้าสรรหาเป็น ส.ว. 5 องค์กรซึ่งคณะกรรมการฯสรุปผลว่า ทั้ง 5 องค์กรมีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดทุกประการ ส่วนของกระบวนการสรรหา ส.ว.ภาคเอกชนก็ดำเนินการโดยเปิดเผยภายในกรอบกฎหมาย เห็นสมควรให้ยกคำร้องคัดค้าน

    ปรากฏว่า กกต.มีมติเอกฉันท์เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนฯเพียง 4 องค์กร

    ยกเว้นองค์กรที่เสนอชื่อนายเรืองไกรที่ กกต. 2 คนเห็นว่า มิใช่เป็นหน่วยงานที่ดำเนินกิจการเพื่อสังคม หรือประโยชน์สาธารณะ อันจะยังประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาแต่ประการใด จึงมิใช่องค์กรที่มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญฯกับทั้งนิติบุคคลประเภทนี้มีอยู่มากมาย หากได้รวมกันเป็นสมาคมแล้วให้สมาคมเป็นผู้เสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว.ก็จะเหมาะสมยิ่งกว่าให้นิติบุคคลอาคารชุดเป็นผู้เสนอชื่อโดยตรง

    ความเห็นของ กกต.ทั้ง 2 คนเป็นเพียงความเห็นลอยๆ และข้อเสนอแนะในกระบวนการสรรหามากว่าข้อวินิจฉัยทางกฎหมายและยังขัดกับมติของคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ที่กำหนดคุณสมบัติขององค์กรไว้ตั้งแต่ต้น

    ความจริงความเห็นของ กกต. 2 คนไม่ใช่เสียงข้างมาก เพราะมีผู้เข้าประชุม 4 คน แต่อาศัยเทคนิคในการลงคะแนนซ้ำในฐานะประธานที่ประชุม เสียงที่เท่ากันจึงกลายเป็นเสียงข้างมากไป

    ขณะเดียวกันคำวินิจฉัยเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นมาตรฐานการทำงาน กกต.ได้เป็นอย่างดี

    สัปดาห์ที่ผ่านมา มี กกต.ท่านหนึ่งบรรยายในหลักสูตรการฝึกอบรมหนึ่ง ยอมรับว่า กกต.มีปัญหามากมายจากบุคคลากรที่มาจากหลายหน่วยงาน ปัญหาหนึ่งคือ เจ้าหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์จากสำนวนคดีเลือกตั้งที่มีอยู่จำนวนมาก มีการดึงคดีหรือทำให้คดีล่าช้า

    ความจริงข้อมูลที่ กกต.ท่านนี้พูด ซึ่งเรียกกันว่า "การขายสำนวน"หรือ"เป่าดคี"เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ยืนยันชัดเจน

    อย่างไรก็ตาม ถ้าจะตรวจสอบอย่างจริงจังก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง แต่  กกต.ต้องทำด้วยการรื้อระบบสารสนเทศใหม่ทั้งหมดเพื่อให้รู้ว่าแต่ละสำนวนคดีอยู่ที่ไหน มีสถานะอย่างไรเพื่อสะดวกในการบริหารและติดตามคดี

    แต่ที่สำคัญกว่า กกต.ต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใสว่า มีคดีอยู่ที่ไหน อย่างไร ให้ประชาชนตรวจสอบได้ง่ายโดยเฉพาะผ่านทางเว็บไซต์ เพราะถ้ายังคงปกปิดหมกเม็ดอยู่เหมือนทุกวันนี้ก็ไม่มีทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้

    มีคำถามง่ายๆให้ กกต.เปิดเผยข้อมูลเป็นตัวอย่างอยู่ 3 เรื่อง

    หนึ่ง หลังจาก กกต.มีมติเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2550ให้ดำเนินคดีอาญากับนายนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล  และพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยในข้อหาเป็นผู้จ้างวานพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งซึ่งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550   การดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสองไปถึงไหน อย่างไรแล้ว

    สอง  สมัย  กกต.ชุดที่มี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภเป็นประธาน มีสำนวนการทุจริตเลือกตั้งกว่า 20 สำนวนที่การร่างคำวินิจฉัยไม่ตรงกับมติ กกต. กล่าวคือ มติ กกต.ที่ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง) เขียนคำวิจฉัยเป็นใบเหลือง (แค่จัดการเลือกตั้งใหม่)  มติที่ให้ใบเหลือง เขียนเป็นไม่มีความผิด ซึ่งน่าสงสัยว่า เป็นการขายสำนวนของเจ้าหน้าที่ระดับสูง

    มีข่าวว่า กกต.ชุดปัจจุบันตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนและลงโทษเจ้าหน้าที่สถานเบาแค่ตัดเงินเดือน ทั้งๆที่น่าจะป็นการละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบซึ่งเป็นคดีอาญา

    สาม กตต.มีมติเมื่อมิถุนายน 2551 ตั้งคณะกรรมการ สอบสวนวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่ 2 นายกรณีปลอมลายมือชื่อในเอกสารที่ยื่นต่อศาลฎีกาคดีทุจริตเลือกตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (เอกสารข่าว สำนักงาน กกต. เลขที่ 95_2551 วันที่ 26 มิถุนายน 2551)

    แต่บัดนี้เวลาผ่านไปกว่าครึ่งปียังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ขณะที่มีข่าวว่าระดับ"บิ๊ก"ใน กกต.พยายามปิดคดีช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ทั้งๆที่การปลอมแปลงลายมือชื่อในเอกสารราชการเป็นความผิดอาญาและวินัยร้ายแรง

    ทั้งๆที่เอกสารข่าวของ กกต. ระบุว่านายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. บอกว่า สำนักงาน กกต.ให้ความสำคัญและติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

    เรื่องเหล่านี้ ถ้าชี้แจงอย่างตรงไปตรงไป ไม่ปกปิด มีเหตุมีผล ไม่เอาสีข้างเข้าถูคงไม่มีใครตอบโต้หรอกครับ

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1234528065&grpid=04&catid=01

    ใครลงแล้วขออภัยครับ
    กกต.โดนเยอะช่วงนี้

    จากคุณ : tonytui - [ 14 ก.พ. 52 16:11:15 A:58.8.209.45 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com