ผมประกาศตัวเลยนะครับว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ พรรคไทยรักไทย ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
เรื่อยมา.... จนถูกปฏิวัติและล้มล้างโดยอำนาจรัฐประหาร... และยังยืนหยัดศรัทธา ไม่ว่าจะถูกพายุลมแรงถั่งโถมให้โค่นล้มเพียงใด
มาระยะหลังนี่เองที่ผมเริ่มอ่อนใจ อ่อนแรง กับทิศทาง และยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่สะเปสะปะของเพื่อไทยและชาวสีแดง
จริงอยู่ การถูกกัดเซาะ บั่นทอน ทั้งใต้ดินบนดิน ทั้งภายนอกภายใน ไม่ซวดเซขนาดนี้ให้มันรู้ไป ที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ก็ถือว่าบุญแล้ว....
เพราะยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามคือ "ทำลายเรือใหญ่ให้กลายเป็นเรือเล็ก และทำลายเรือเล็กให้กลายเป็นจุณ"
ไทยรักไทย(ผมขอใช้คำนี้ก็แล้วกัน) ที่ยังมีเรี่ยวแรงยืนหยัดอยู่ได้ทุกวันก็เพราะเอาหลังพิงประชาชน (ในที่นี้ หมายรวมถึงการที่สามารถยึดโยง สส.เขี้ยวลากดินต่าง ๆ เอาไว้ได้ เพราะ สส. ก็ต้องพึ่งกระแส ที่แล้ว ๆ มากระแสของ ไทยรักไทย แรงมาก นี่เป็นเรื่องที่รู้กัน)
ดังนั้นยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามก็คือ พยายามนวดเข้าไปให้กระแสความนิยมซาลง ทอดเวลาออกไปให้คนลืมผลงาน ไม่ช้าไม่นาน กระแสการเมืองแบบที่เลือกกันถล่มทลายก็จะกลายเป็นอดีต กลับไปสู่สภาพเบี้ยหัวแตก และการต่อรองที่แสนเอน็จอนาถเช่นในอดีต
แต่ที่แล้วมา เพื่อไทย เมื่อถูกตีถ่อยร่นไม่เป็นขบวน แทนที่จะมีการตั้งหลัก และตอบโต้อย่างมีชั้นเชิง เพื่อพยุงสถานะผ่อนหนักเป็นเบา และรักษาคะแนนนิยมเอาไว้ แต่กลับทะลุ่มทะลุยอย่างไร้ทิศทาง
สร้างความอ่อนอกอ่อนใจให้กองเชียร์ซึ่งเป็นคอการเมืองมานานอย่างมาก มิหนำซ้ำยังส่อแววพ่ายแพ้ในเกมส์แย่งชิงมวลชน
จนผมต้องตั้งคำถามในใจว่า คนอย่าง คุณเกรียงกมล , คุณหมอมิ้ง , คุณจาตุรนต์ , คุณหญิงสุดารัตน์ ฯลฯ นักยุทธศาสตร์ทางการเมืองชั้นเซียนเหล่านี้ไปอยู่เสียที่ไหน ..... ทำไมไม่ออกมาให้ความคิดเห็นดี ๆ กับวอร์รูมของชาวสีแดงบ้าง
มาช่วงประมาณ 1 เดือนหลังนี้เองที่ผมใจชื้นขึ้น ... ที่เห็นทิศทางการต่อสู้ของชาวสีแดงเริ่มเข้ารูปเข้ารอย
---- การเดินขบวนประท้วงเพื่อประกาศพลานุภาพ ประกาศตัวตนการมีอยู่ของชาวสีแดง ที่ยกจากสนามหลวงไปถึงทำเนียบ แล้วยกพลกลับด้วยความสงบ ถือเป็นความงดงาม ความมีอารยะ และความมีพลังในทางการเมือง
---- การประกาศไม่ต่อต้านการประชุมอาเซี่ยนซัมมิท ถือว่าเห็นประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และไม่ลดให้ต่ำทำลายประเทศเหมือนพวกพันธมิตร
------ การอยู่ในฐานที่มั่น ไม่ปลุกระดมให้ยกไปปะทะกับพวกพันธมิตรที่มายั่วยุถึงถิ่นของพี่น้องอุดร และที่อื่น ๆ ในอนาคต ถือว่า พันธมิตรมันจะแพ้ภัยตนเอง เพราะก่อให้เกิดการเกลียดชังในใจซึ่งเป็นพลังเงียบที่รุนแรงกว่าการใช้กำลังเสียอีก
**** ทีนี้ก็เหลืออยู่แต่ว่า การสู้ต่อไปของเพื่อไทยจะเป็นไปในแนวไหน จะรักษารูปมวยต่อไปแบบไหน ยังจะรักษาพลังประชาชนต่อไปไว้ได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องตามเชียร์ตามลุ้นต่อไปด้วยใจระทึก
ส่วนตัวผมมีความเชื่อว่า ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทีมเศรษฐกิจแบบนี้ และเสถียรภาพทางการเมืองเยี่ยงนี้.... ในระยะเวลาอันใกล้ ไม่วันใดวันหนึ่ง ประชาธิปปัตย์ต้องสะดุดขาตัวเอง
เพียงแต่ชาวสีแดงสามารถประคองกำลังหลักเอาไว้ให้ได้ .... เคลื่อนไหวแต่ละครั้งให้ได้ใจประชาชน.....ตอกย้ำภาพการถูกกดขี่ลิดรอนสิทธิในรูปแบบที่สันติและทรงพลัง
นำเสนอนโยบายและวิธีการที่สร้างสรรค์ทางการเมืองออกมาอย่างสม่ำเสมอ (เช่นที่ท่านทักษิณเคยทำในอดีต)
อย่าลืมว่าที่ไทยรักไทยครองใจประชาชนได้อย่างยาวนานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์เพราะอะไร ที่ประชาชนยอมเป็นกำแพงให้เอาหลังพิงเพราะอะไร ..... นั้นก็เพราะการต่อสู้ในเชิงนโยบายและการปฏิบัติ
ไม่ใช่ด้วยวาทะโวหาร
สิ่งหนึ่งที่อยากเห็นจากใจกองเชียร์ก็คือ เลือกหัวให้ดี ๆ หน่อย ให้เหมาะที่สู้กับเขาในสังเวียนประเทศ และสังเวียนโลกได้ ยุคนี้เป็นยุคแห่งวิสัยทัศน์นะครับอย่าลืม
คนบางคนเหมาะที่จะเป็นขุนพล ครับ ไม่ใช่แม่ทัพ เขาอาจทำหน้าที่ได้ดีในตำแหน่งหัวหมู่ทะลวงฟัน หรือขุนพลที่เข้าโจมตี แต่ถ้าหากนำเขามาเป็นจอมทัพเมือไหร่อาจจบเห่ได้ทันที เพราะไม่ได้ใจภาคประชาชน และการไม่ได้ใจภาคประชาชนก็คือ แพ้ตั้งแต่อยุ่ในมุ้ง
เหล่านี้เป็นความคิดของผมซึ่งอาจมีผู้เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเป็นธรรมดา .... แต่ทั้งหมดที่แสดงออกไป ก็คือ ความรู้สึกจากหัวใจสีแดง ๆ ของแฟนพันธุ์แท้จริง ๆ ครับ
เอาใจช่วย และพร้อมร่วมต่อสู้เสมอ
ด้วยความคารวะ
แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 52 16:02:04
จากคุณ :
Uncle-Dave
- [
15 ก.พ. 52 16:00:36
A:192.168.0.17 X:124.120.118.224
]