ความคิดเห็นที่ 1 ครับ จากคุณ : gujame - [ 17 ก.พ. 52 12:45:22 A:97.115.77.236 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 แสดงว่า รัฐบาลนี้ ไม่เคยคิดอะไรเองเล้ย ก๊อปอย่างเดียว จริงๆ จากคุณ : หมูกระแทก - [ 17 ก.พ. 52 13:00:24 A:58.64.105.146 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 แจกจริงแต่ได้ยินมาว่าล้มเหลวมาแล้วนะครับวิธีีการนี้ กระตุ้นได้แค่เดือนเดียว แล้วก็ตกลงมาเหมือนเดิม จากคุณ : ndjroom - [ 17 ก.พ. 52 14:20:27 A:192.168.0.17 X:58.8.127.13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นแต่ข่าวมีเศรษฐีลึกลับที่ใช้นามแฝงว่า “เบลเอาต์บิล”ตั้งโต๊ะแจกเงินให้คนละ  50 ดอลลาร์ หรื อ 1,750 บาท  เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากวิกฤติเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลสหรัฐก็มีแจกคูปอง แลกอาหารช่วยครอบครัวมีรายได้น้อย เริ่มมาตั้งแต่ปี 2507 ลองอ่านดู ประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐก็ใช้โครงการคูปองแลกอาหารช่วยครอบครัวมีรายได้น้อย และยังช่วยคนจนเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้โภชนาการขั้นพื้นฐาน และให้แน่ใจด้วยว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีรายได้หรือหนทาง ที่จะซื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพ โครงการเริ่มมาตั้งแต่ปี 2507 ส่วนจำนวนผู้ได้รับสิทธิใช้คูปอง 27 ล้านคน โดยประเมินจากจำนวนประชากรในปี 2538 กลุ่มเป้าหมายได้รับการคัดเลือก ต้องได้รับการตรวจสอบแล้วว่าเป็นครัวเรือนที่มีสินทรัพย์กับรายได้ต่ำตามเกณฑ์กำหนดไว้ ผู้ได้รับสิทธิสามารถยื่นขอได้ด้วยตัวเอง ผู้ที่ขอความช่วยเหลือจากโครงการ ต้องผ่านการตรวจสอบพิจารณาจากสินทรัพย์กับรายได้เสียก่อน ในรายละเอียดเกณฑ์ใช้ประเมินครอบครัวผู้ได้รับความช่วยเหลือนั้น ตามเกณฑ์ตรวจสอบสินทรัพย์ คือ มีสินทรัพย์ต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์ หรือต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์และมีสมาชิกในครอบครัวอย่างน้อย 1 คน ที่มีอายุ 60 ปี หรือแก่กว่านี้ ส่วนเกณฑ์ใช้ประเมินครอบครัวผู้ได้รับความช่วยเหลือ พิจารณาจากรายได้ ต้องมีรายได้รวมกันต่ำกว่า 130% เทียบกับเส้นวัดความยากจน และมีรายได้สุทธิต่อเดือนอยู่ที่ 100% เทียบกับเส้นวัดความยากจน สำหรับคูปองที่ได้รับ สามารถนำไปแลกซื้ออาหารทุกรายการได้ แต่ก่อนหน้านี้ในปี 2507 ทางการสหรัฐเข้มงวดให้ใช้คูปองซื้อแต่อาหารที่มีอยู่มากหรือล้นตลาดเท่านั้น ส่วนมูลค่าคูปองที่ใช้ก็แตกต่างกันไป แยกเป็นการซื้อคาดการณ์ไว้ก่อน และงบใช้จ่ายจริงให้เพียงพอกับอาหารช่วยเสริมสร้างสุขภาพดี โดยการซื้อคาดการณ์ไว้ก่อน มูลค่าคูปองจะอยู่ที่ 30% ของรายได้สุทธิ ซึ่งในปี 2538 มูลค่าคูปองที่บุคคลได้รับสูงสุดเดือนละ 115 ดอลลาร์ และครอบครัวมีสมาชิก 8 คนได้รับเดือนละ 695 ดอลลาร์ ขณะที่การใช้คูปองเพื่อบริโภคอาหาร มีการใช้ในสัดส่วน 25-50% ของครอบครัว ที่ประกอบด้วยแม่และบุตร 2 คน หากคิดต้นทุนการคลัง การใช้คูปองแลกอาหารของสหรัฐ มีต้นทุนอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ บวกต้นทุนการบริหารโครงการ 3.2 พันล้านดอลลาร์ และโครงการนี้นำไปใช้และให้ประโยชน์เฉพาะครอบครัวและคนยากจนเท่านั้น โดยโครงการคูปองแลกอาหารช่วยเพิ่มการบริโภคอาหารในกลุ่มคนยากจน แต่การบริโภคดังกล่าว ยังถือว่าเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการบริโภคที่รัฐให้ทุนอุดหนุนพยุงราคาสินค้าไว้ และเมื่อกลางปี 2551 สหรัฐในยุคของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช ได้งัดมาตรการเร่งด่วนเฉพาะหน้า เป็นการแจกคืนเงินภาษีมูลค่ารวมกว่า 4.16 ล้านล้านบาท ช่วยประชาชนผู้เสียภาษีทั่วอเมริกาประมาณ 130 ล้านคน ซึ่งเฉลี่ยได้เงินคืนคนละ 15,600 บาทในรูปเช็ค โดยครอบครัวมีบุตรได้เพิ่มมากกว่านี้ มาตรการนี้ผ่านมติสภาคองเกรสได้เร็วและราบรื่น เพราะเป็นมาตรการบรรเทาทุกข์คนอเมริกัน ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ บวกปัญหาราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นมาก http://nidambe11.net/ekonomiz/2009q1/2009february16p9.htm จากคุณ : ไฟเขียวผ่านตลอด - [ 17 ก.พ. 52 14:27:03 A:115.67.154.68 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ครับ แจกคืนในรูปเช็คสำหรับผู้ที่เสียภาษีให้รัฐ (คนต่างด้าวที่ไปอยู่ไม่ได้ครับ) ผลปรากฏว่าสองเดือนก็กลับมาเหมือนเดิมครับ แก้ไม่ถูกจุดครับ ถ้าใช้ได้ดีก็ไม่มีปัญหาเศรฐกิจแล้วใช่ไหมครับ เพราะว่าสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าครับ ของสหรัฐเขาแพงกว่า เงินเลยแทนที่จะหมุนไปกลับ กระจายไปสู่ประเทศผู้ผลิตครับ วิธีนี้เหมาะกับประเทศชาตินิยมอย่างเกาหลี ญี่ปุ่นครับ จากคุณ : ผ่านมาเห็น - [ 17 ก.พ. 52 15:41:37 A:192.168.0.17 X:10.7.167.184, 202.28.181.200 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ต่างประเทศ ต่างหาวิธี การให้การเงิน ได้หมุนเวียน ในตลาด   วัตถุประสงค์ เพื่อปกป้อง บริษัทห้างร้าน และโรงงาน ให้คงสภาพใกล้ปกติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพพื่อคนงานพนักงานจะได้ไม่ตกงาน  ไต้หวัน ก็แจกคูปอง แล้วก็ล้มเหลว เพราะคนรับคูปอง ไปฮั้วกับร้านขายของ แลกเอาเงินสดมาถูกๆ   ญี่ปุ่น ก็แจกเงิน   ก๊อบไม่ก๊อบ ไม่ใช่เรื่องแปลก ปรมาจารย์เศรษฐศาสตร์ มีไม่กี่คน  ( พวกลากข้าง  แยะ นับไม่ไหว  )       สมัยหนึ่ง นามาแล้ว จำได้ ว่า มิยาซาว่า ให้เงินมา แก้เศรษฐกิจ เพื่อจ้างงาน ชาวรากหญ้า ประชาชนจะได้มีกำลังเงินใช้สอย   แต่ท้องถิ่นกลับเบี้ยว  เอาไปจ้าง แบ๊คโฮขุดดินแทนคนงาน  ผิดวัตถุประสงค์ของรัฐบาลไปไกล   นี่ก็เป็นบทเรียน ของไทย เราเองด้วย  เหมือนๆกับที่ จ่ายเงินลงสู่กองทุนหมู่บ้าน ให้เอาไปลงทุน เพืชิ่มผลผลิต   บางคน กลับเอาไปซื้อรถเครื่อง ซื้อมือถือ  เงิน ก็ไหลกลับไปโรงงาน หรือบริษัทใหญ่ในกรุงเทพแทน  ทำนองเดียวกัน ( ไม่ได้พูดเล่นใส่ร้ายใครๆ    แต่ดูได้จากงบดุลประจำปี และเงินปันผล ของบริษัท ต่างๆที่เกี่ยวข้องได้เลยครับ ) จากคุณ : วอน (วอน) - [ 17 ก.พ. 52 16:31:06 A:125.27.251.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 แสดงว่า ช่วยกระตุ้น เศรษฐกิจไม่ได้  สินะ แต่ถ้า เป็นคูปอง อาหาร สินค้าที่จำเป็นก็น่า แจกนะครับ ช่วยคนจน จากคุณ : semplice - [ 18 ก.พ. 52 11:24:31 A:219.114.37.202 X: ]