บทนำมติชน
"หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ที่ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี บรรยายในการสัมมนาเรื่อง องค์การที่มีคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาล จัดโดยสำนักพระราชวังที่ถูกจัดทำขึ้นเป็นแผ่นพับกระดาษแข็งอย่างดี มิได้เกิดประโยชน์กับข้าราชการสำนักพระราชวังที่จะน้อมรับใส่เกล้าฯไปใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติเท่านั้น เมื่อหนังสือพิมพ์มติชนได้นำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างครบถ้วนสมบูรณ์เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ประชาชนคนไทยทั้งปวงย่อมยึดถือปฏิบัติได้โดยถ้วนหน้ากัน
ทั้งนี้ หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มี 23 ประการ ได้แก่ 1.ศึกษาข้อมูลอย่างเป็นระบบ 2.ระเบิดจากข้างใน 3.แก้ปัญหาที่จุดเล็ก 4.ทำตามลำดับขั้น 5.ภูมิสังคม 6.องค์รวม 7.ไม่ติดตำรา 8.ประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด 9.ทำให้ง่าย - simplicity 10.การมีส่วนร่วม 11.ประโยชน์ส่วนรวม 12.บริการที่จุดเดียว 13.ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ 14.ให้อธรรมปราบอธรรม 15.ปลูกป่าในใจคน 16.ขาดทุนคือกำไร 17.การพึ่งตนเอง 18.พออยู่พอกิน 19.เศรษฐกิจพอเพียง 20.ความซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจต่อกัน 21.ทำงานอย่างมีความสุข 22.ความเพียร : พระมหาชนก 23.รู้-รัก-สามัคคี
สำหรับ หลักการทรงงาน ข้อ 10 ว่าด้วย การมีส่วนร่วมนั้น มีดังนี้ ทรงเป็นนักประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชน หรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ได้มาร่วมกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องคำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชน หรือความต้องการของสาธารณชน
"...ต้องหัดทำใจให้กว้างขวาง หนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็นแม้กระทั่งความวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาด เพราะการรู้จักรับฟังอย่างฉลาดนั้น แท้จริงคือ การระดมสติปัญญาและประสบการณ์อันหลากหลายมาอำนวยการปฏิบัติ บริหารงานให้ประสบความสำเร็จที่สมบูรณ์นั่นเอง..."
จะเห็นได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักประชาธิปไตยโดยแท้ พระองค์ทรงเห็นคุณค่าในเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น ซึ่งปกติแล้วจะมีข้อคิดเห็นอันหลากหลายจากผู้คนต่างๆ มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย มีข้อเสนอแนะมากมาย การรับฟังอย่างชาญฉลาดของพระองค์ทำให้ได้ประโยชน์และเกิดความสำเร็จในงานที่สมบูรณ์เพราะได้นำสติปัญญาและประสบการณ์ที่ได้มาใช้ในการทรงงาน
จากสภาพการณ์ของบ้านเมืองในปัจจุบันที่ปั่นป่วน ยุ่งเหยิงอันเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้ง แตกต่างไม่ลงรอยกันทางความคิดเห็นของคนหมู่มาก ไม่รู้จักประนีประนอม ไม่เคารพในความเห็นต่าง จำแนกแยกแยะไม่ออกว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นอะไรดี ควรเก็บรับนำมาปรับปรุงแก้ไขในการทำงานให้พัฒนาก้าวหน้าขึ้น หรืออะไรไม่ดี ควรปล่อยให้ผ่านพ้นไป ไม่เก็บมาสาระให้เปลืองสมอง ทั้งนี้ เพื่อนำไปสู่การรู้-รัก-สามัคคีและความปรองดองของคนในชาติและอยู่ร่วมกันได้
การเป็นคนที่ใจคับแคบ หูเบา เชื่อคนง่าย อยากจะฟังแต่คำชื่นชมและยึดมั่น ถือมั่นอยู่กับความคิดของตัวเองเป็นหลักโดยมองคนอื่นผิดหรือเลวหมด มีแต่ตนเองเท่านั้นที่ดีและวิเศษที่สุดเพียงคนเดียวหรือฝ่ายเดียว ย่อมกล่าวไม่ได้ว่า ผู้นั้นน้อมนำแนวคิดในทางทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใส่เกล้าฯเพื่อใช้เป็นแนวการดำรงชีวิตและการปฏิบัติงาน ซึ่งนอกจากจะทำให้งานน้อยใหญ่ไม่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแล้ว ยังจะสร้างปัญหาความแตกแยก ร้าวฉานดังที่บ้านเมืองกำลังเผชิญห้วงเวลาแห่งวิกฤตที่ยิ่งกว่าในโลกในเวลานี้
ปวงชนชาวไทยผู้มีความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์พึงสดับด้วยปัญญาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักประชาธิปไตยที่เปิดใจกว้าง ไม่ดูถูกดูแคลน หมิ่นหยามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น แล้วเหตุไฉนจึงยังผูกขาดความคิดของตัวเองและหมู่คณะจนสร้างปัญหามากขึ้นทุกวันโดยไม่รู้ว่าจะไปลงเอยโดยไม่มีความแตกแยก แบ่งสี เลือกข้างกันตรงไหนและต้องชมปลักเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด
(ที่มา มติชนรายวัน , 16 กุมภาพันธ์ 2552 )
จากคุณ :
จำปีเขียว 
- [
17 ก.พ. 52 19:28:06
A:192.168.0.17 X:113.53.11.133
]
บทนำมติชน : กษัตริย์ประชาธิปไตย
