1.เปลี่ยนสถานที่จัดประชุมมากที่สุด
เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 จะต้องได้รับการบันทึกไว้ในฐานะการประชุมผู้นำอาเซียนที่มีการเปลี่ยนสถานที่จัดประชุมมากครั้งที่สุดคือ 4 ครั้ง กว่าจะมาลงตัวที่โรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน ก็ผ่านมาแล้วทั้งโรงแรมเซนทารา แกรนด์ กรุงเทพ ไปถึงโรงแรมแชงกรี-ลา เชียงใหม่ กลับมาที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ก่อนที่มายุติที่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี แห่งนี้
การย้ายสถานที่จัดประชุมบ่อยๆ นี้ยังทำให้ของที่ระลึกที่เตรียมไว้เพื่อแจกผู้สื่อข่าวที่มาทำข่าวยังมี "รุ่นพิเศษ" ที่ทำขึ้นตั้งแต่การประชุมสุดยอดอาเซียนที่ จังหวัดเชียงใหม่ มาแจกเพิ่มหลังจากของใหม่ที่เตรียมไว้หมดลง
2.ผ่านมือรัฐมนตรีมาเยอะที่สุด
กว่าจะมาถึงนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบัน ไทยในฐานะประธานอาเซียนน่าจะเป็นชาติเดียวที่มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมในกรอบของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเรียกได้ว่า "ทุกครั้ง" ในการประชุมหรือพบปะกับประเทศสมาชิกนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เรารับตำแหน่งประธานอาเซียนต่อจากสิงคโปร์เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
เริ่มจากนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่ต้องไปเป็นมวยแทนในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่สิงคโปร์ เพราะไทยต้องไปรับมอบตำแหน่งประธานอาเซียนอย่างเป็นทางการ เนื่องจากนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพิ่งจะลาออกจากตำแหน่งได้ไม่นานนัก
ต่อมาในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ก็ไปทำหน้าที่ประธานในการประชุม ซึ่งก็ไปเพื่อรักษาหน้าประเทศชาติทั้งที่ถือว่ายังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มตัว เพราะรัฐบาลในขณะนั้นของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังไม่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทำให้นายสมพงษ์เดินทางไปเพื่อเป็นประธานการหารืออย่างไม่เป็นทางการของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเท่านั้น เพราะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่การขึ้นกล่าวถ้อยแถลงที่ประชุมในสมัชชาสหประชาชาติก็ยังไม่ทำ เพราะเกรงจะเกิดปัญหาทางการเมืองตามมา
สุดท้ายแม้จะไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่ก็เป็นผู้แทนระดับรัฐมนตรีของไทยที่ไปปรากฏตัวในการพบกันเนื่องจากโอกาสสำคัญของอาเซียนเช่นกัน คือเมื่อครั้งเกิดเหตุขัดข้องทำให้รัฐบาลนายสมชายต้องตัดสินใจเลื่อนวันประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ออกไปจากเดือนธันวาคม 2551 แต่เนื่องจากหลายประเทศรวมถึงไทยเองด้วยก็เห็นถึงความจำเป็นต้องมีการจัดพิธีฉลองเนื่องในโอกาสที่ "กฎบัตรอาเซียน" ที่ถือเป็นเอกสารสำคัญที่สุดที่จะนำอาเซียนเข้าสู่ยุคใหม่มีผลบังคับใช้ซึ่งตรงกับวันที่ 15 ธันวาคม 2551
บังเอิญว่าวันดังกล่าวตรงกับวันประชุมสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งมีการขับเคี่ยวกันระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ทำให้ไม่มีใครกล้าเดินทางไปร่วมประชุมเพราะกลัวจะตกเก้าอี้กลางที่ประชุม หลังประสานงานจนปวดเศียรเวียนเกล้ากันไปหลายรอบเพราะต้องควาญหาตัวผู้แทนระดับรัฐมนตรีก็ได้ผู้กล้าคือ นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในขณะนั้น
และในที่สุดก็คือนายกษิต ที่ทำหน้าที่ในประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และประธานคณะมนตรีประสานงานอาเซียน เพื่อเตรียมการก่อนการประชุมผู้นำอาเซียนในครั้งนี้จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
มากกว่านี้จะมีอีกไหม?
3."กาลาดินเนอร์"แพงที่สุด
เกือบ 19 ล้านบาท คือค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำของผู้นำอาเซียนซึ่งจัดขึ้นที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวันในค่ำวันที่ 28 กุมภาพันธ์
อย่าตื่นตกใจไป งานนี้ไม่ได้เสิร์ฟหนวดเต่า เขากระต่าย ที่ล้ำค่าหายากจนแพงมหาศาล ชนิดที่หลายคนคงตาค้างเมื่อรู้ว่างานเลี้ยงอาหารค่ำ 1 มื้อ จะใช้เงินมากถึงขนาดนี้ในสภาวะที่ไทยในฐานะประธานอาเซียนป่าวร้องว่าจะอาศัยโอกาสนี้สื่อสารให้โลกรู้ว่า เราต้องร่วมกันแก้ไขเศรษฐกิจและการเงินโลกเป็นการด่วน
ราคาอาหารค่ำ สำหรับแขก 350 คน จากโรงแรมชั้นนำของเมืองไทย แมนดาริน โอเรียลเต็ล ที่จริงแล้วเป็นเงินไม่เกิน 2 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่เงินจำนวนมากนัก แต่ที่ทำให้ยอดรวมของค่าใช้จ่ายพุ่งสูงถึงเกือบซื้อคฤหาสน์สุดหรูได้ก็เป็นเพราะนี่เป็นยอดค่าใช้จ่ายที่รวมถึงการปรับปรุงสถานที่ ทำห้องน้ำใหม่เพื่อรองรับแขกนับร้อยซึ่งปาเข้าไป 3 ล้านกว่าบาท ปรับปรุงพื้นไม้ด้านล่างของพระที่นั่งเสียใหม่สำหรับรองรับแขกอีกล้านห้า ค่าปรับภูมิทัศน์ 3 ล้านกว่าบาท ค่าจัดดอกไม้ประดับประดา 3 ล้านกว่าบาท ค่าการแสดง บวกกับค่าแสง สี เสียง อีก 3 ล้านบาท ฯลฯ บวกไปบวกมาก็ปาเข้าไปใกล้ๆ 19 ล้านบาทแล้ว !!!
เอ้า พี่น้องชาวไทย ขอเชิญชนแก้วฉลองให้งานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำอาเซียนกันหน่อยจ๊ะ
4.การจัดแถลงข่าวที่แพงที่สุด
6 ล้านบาทคือค่าใช้จ่ายในการแถลงข่าว "โหมโรงอาเซียน" โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ถึงจะแถลงข่าวในทำเนียบรัฐบาลที่ไม่ต้องเสียค่าสถานที่ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างบริษัทออร์แกนไนเซอร์ในการประสานงานเชิญแขก ซึ่งประดาผู้ไม่หวังดีบอกว่า มีตัวแทนจากสถานเอกอัครทูตต่างๆ เข้าร่วมแค่ไม่ถึง 10 คน ผู้ร่วมฟังการแถลงข่าวส่วนใหญ่คือคณะรัฐมนตรีที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี แถมมีการจัดเลี้ยงของว่างแก่ผู้สื่อข่าวที่หลายคนก็บอกว่าไม่สนใจ เพราะอยากได้เนื้อหาสาระมากกว่า แต่ดูเหมือนจะมีอะไรใหม่ไม่มากนัก แต่ค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุดในงาน "โหมโรงอาเซียน" คือการจัดทำเพลงโปรโมตซึ่งเชิญอ่านรายละเอียดได้ใน "ที่สุดอาเซียน" ข้อต่อไป
จากคุณ :
LADY GAGA
- [
2 มี.ค. 52 13:19:53
A:203.156.37.23 X:203.147.0.44
]