นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เปิดใจในงาน กกต.พบสื่อมวลชน 899 วัน บนเส้นทางการขับเคลื่อนภารกิจเพื่อชาติ ที่สำนักงาน กกต. เมื่อวันที่ 2 มี.ค. โดยได้ให้คำสัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า
ผมยอมรับว่า กกต. ชุดนี้เป็นของปลอม เพราะถูกตั้งโดย คมช. ไม่ได้ถูกตั้งมาตามรัฐธรรมนูญหรือได้รับการโปรดเกล้าฯ เรื่องนี้ไม่ขอโต้เถียงใครที่กล่าวหา แต่ผมเห็นว่าแม้ไม่ได้มาตามรัฐธรรมนูญแต่กฎหมายก็เปิดโอกาสให้ทำได้
เมื่อถามว่า มองว่าอนาคตของตุลาการภิวัฒน์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?
นายสุเมธ กล่าวว่า เรื่องนี้พูดยาก แต่หากบ้านเมืองเรียบร้อยอยากเห็นตุลาการกลับเข้ากรมกอง ชีวิตการเป็นศาลกับการอยู่ข้างนอกไม่เหมือนกัน หากออกมามากๆกลัวจะเหลิง เพราะการเมืองต้องเจอหลายประเภท และการที่ศาลจะกลับได้ต้องอยู่ที่การแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งการจะแก้ได้ก็ต้องให้บ้านเมืองสงบ โดยรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับก็จะเหมาะกับสถานการณ์ในขณะนั้น รัฐธรรมนูญปี 2550 ก็เหมาะกับการแก้ปัญหาช่วงนั้น หรือ มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค เมื่อมาถึงตอนนี้ก็ต้องดูว่าสมควรหรือไม่ เช่นผู้จัดการทำผิดจำเป็นต้องยุบบริษัทเลยหรือ การให้ยาแรงอาจจำเป็นในเวลานั้น แต่ตอนนี้ที่ไข้ยังไม่มากให้ยาแรงมากไปเดี่ยวจะตายกันหมด
(มติชนรายวัน , 3 มี.ค. 2552)
สำหรับประเด็นที่นายสุเมธระบุว่า กกต. ชุดนี้เป็นของปลอม โดยส่วนตัวเห็นว่าท่านมีความเป็นลูกผู้ชายพอที่กล้ายอมรับข้อเท็จจริง ซึ่งประเด็นนี้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้วิพากษ์วิจารณ์มานานแล้วว่า กกต. และ ปปช. เป็นของปลอม แต่ก็ยังมีหลายคนรวมทั้งสมาชิกบางคนในห้องนี้ด้วยที่พยายาม แถ
คราวนี้คงสิ้นสงสัยกันซะที เพราะเจ้าตัวเองซึ่งเป็นถึงอดีตผู้พิพากษายังยอมจำนนต่อความจริง !
แต่ประเด็นที่ จขกท. ต้องการหยิบยกมาพูดคุยในกระทู้นี้อยู่ตรงคำพูดของท่านสุเมธในท่อนที่ว่า รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับก็จะเหมาะกับสถานการณ์ในขณะนั้น รัฐธรรมนูญปี 2550 ก็เหมาะกับการแก้ปัญหาช่วงนั้น
คำพูดประโยคนี้ของ กกต. ปลอม อดีตตุลาการ ทำให้ จขกท. ได้สิ้นสงสัยแล้วว่า ทำไมประเทศไทยถึงได้ใช้รัฐธรรมนูญเปลืองติดอันดับโลกถึงจำนวน 18 ฉบับ (รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนมีเพียง 3 ฉบับ คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2517 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 นอกนั้นเกือบทั้งหมดคลอดจากครรภ์ของคณะรัฐประหาร)
เพราะแม้แต่นักกฎหมายระดับอดีตผู้พิพากษายังบอกว่า รัฐธรรมนูญมีไว้สำหรับสถานการณ์ในขณะนั้น !!!
ถึงว่าประเทศไทยจึงเกิดการรัฐประหารกันเป็นว่าเล่น พอสถานการณ์เปลี่ยนทีหนึ่ง แม่ทัพนายกองก็นำกองกำลังติดอาวุธมาปล้นอำนาจอธิปไตยจากประชาชน ล้มล้างรัฐธรรมนูญทีแล้วร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่
ประชาธิปไตยไทยถึงตายซากมาจนทุกวันนี้ !
เพราะรัฐธรรมกลายเป็นเครื่องมือเพื่อนำมาใช้ควบคุมสถานการณ์ทางการเมือง
.
รัฐธรรมนูญ แปลความตามพจนานุกรมว่า กฎหมายสูงสุดที่จัดเป็นระเบียบการปกครองประเทศ
รัฐธรรมนูญ จึงเป็น กฎหมายแม่ที่ใช้วางระเบียบการปกครองตามระบอบของประเทศนั้นๆ หากประเทศนั้นปกครองในระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญก็จะเป็นหลักเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ครองอำนาจรัฐได้ใช้ยึดถือเป็นหลักในการปกครองประเทศไม่ให้ผิดเพี้ยน หลักสาระสำคัญๆ ได้แก่ กฎ กติกาต่างๆ ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยต้องได้รับการคุ้มครอง สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และ ภราดรภาพ ของประชาชนต้องได้รับการดูแลโดยทั่วถึงไม่มีการเลือกปฏิบัติภายใต้กฏหมายเดียวกัน
เมื่อถือตามหลักสากลเช่นนี้ ประชาชนในประเทศนั้นๆ ก็จะอุ่นใจว่ามีหลักประกันในการอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพราะ ไม่ว่ากลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองใดจะขึ้นมาใช้อำนาจรัฐ ก็จะไม่พ้นไปจากหลักการแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยซึ่งกำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญของประเทศประชาธิปไตยจึงไม่ได้ถูกฉีกทิ้งไปง่ายๆ เพราะหลักใหญ่ใจความของรัฐธรรมนูญ ก็คือหลักในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง หากจะมีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นเพียงการแก้ไขในรายละเอียดบางประการไปตามยุคสมัยเท่านั้น
แต่ผู้มีอำนาจในประเทศด้อยพัฒนามิได้ยึดถือหลักสากลดังกล่าว แต่กลับมองว่า รัฐธรรมนูญคือกฎหมายเพื่อใช้รักษาโครงสร้างเชิงอำนาจตามแนวคิดอำนาจนิยม
ดังนั้นเมื่อใดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอันอาจจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเชิงอำนาจ การรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญก็จะเกิดขึ้น !
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่ถูกสื่อต่างประเทศ อาทิ รอยเตอร์ ซึ่งเป็นสื่อที่ อ่านกฎหมายรู้ดูกฎหมายเป็น วิพากษ์วิจารณ์ไว้นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกประกาศใช้ว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่เพิ่มอำนาจให้กับข้าราชการ โดยเฉพาะในส่วนของตุลาการ และ กองทัพ
เมื่อถึงวันนี้หลังการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้เป็นเวลาประมาณ 2 ปี เราเริ่มได้ยินเสียงของผู้นำเหล่าทัพบางนายพยายามชี้แจงกับประชาชนว่ากองทัพเป็นกลางทางการเมือง กองทัพเป็นของประชาชน(แม้ยังไม่เห็นการปฎิบัติที่เป็นรูปธรรมที่จะทำให้ประชาชนเชื่อถือในคำพูดเหล่านั้นได้) เราเริ่มได้ยินอดีตตุลาการเริ่มออกมาพูดว่าขอให้ศาลกลับเข้ากรมกอง อย่าออกมาอยู่ข้างนอก
เหตุที่ทั้งผู้นำเหล่าทัพ และ ตุลาการออกมาพูดเช่นนั้น อาจเป็นเพราะทั้งแม่ทัพนายกอง ตุลาการ ต่างเหน็ดเหนื่อย เจ็บเนื้อเจ็บตัว ไปกับการเมือง โดยมีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เป็นกลจักรสำคัญที่ผลักดันให้พวกเขาต้องเข้ามาพัวพันกับการเมือง
วันนี้เราได้ยินอดีตตุลาการออกมาพูดว่า หากต้องการให้ศาลกลับต้องอยู่ที่การแก้รัฐธรรมนูญ แต่การแก้รัฐธรรมนูญนั้นจะไม่มีประโยชน์และไม่สามารถนำมาซึ่งความสงบสุขได้เลย ตราบใดที่ผู้มีอำนาจยังอยู่ภายใต้กรอบความคิดอำนาจนิยมว่าจะต้องออกแบบรัฐธรรมนูญเพื่อสนองต่อการใช้อำนาจตามความเหมาะสมของสถานการณ์
มิได้คิดว่า รัฐธรรมนูญ คือ หลักประกันเพื่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย !
ซึ่งหากขัดไปจากหลักการนี้ก็ย่อมต้องเกิดความขัดแย้งและการปะทะกันระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย และ ฝ่ายอำนาจนิยม ดังที่เป็นอยู่ในเวลานี้
โดยการบาดเจ็บของแต่ละฝ่ายจะดำเนินไปพร้อมกับความล่มจมของประเทศ.....
จากคุณ :
จำปีเขียว
- [
5 มี.ค. 52 19:05:05
A:125.25.58.140 X:
]