ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าที่จริงปัญหาของเรื่องที่ดินรัชดานี่มันไม่ใช่อะไรมากหรอกครับ มันอยู่ตรงที่แค่ว่า.. ทำไมสามีอนุญาตให้ภรรยาไปซื้อที่ดิน.. มันถึงได้ผิดทุจริต ทั้งๆที่การซื้อก็ถูก เงินก็จ่ายถูกต้องครบถ้วน คล้ายๆกับภรรยามาขออนุญาตสามีไปซื้อก๊วยเตี๋ยวหน้าปากซอย สามีก็อนุญาต เรื่องมันอยู่ที่ตรงนี้เอง จากคุณ : chohokun - [ 6 มี.ค. 52 00:33:04 A:58.9.239.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ตั้งใจทำผิดกฎหมาย แต่ตั้งใจทำผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย แล้วไม่รับผิด สมควรถูกลงโทษแค่ไหน http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7541050/P7541050.html ปปช. มีกฎหมายเอาผิดนักการเมืองที่ทำผิดจริยธรรม กระทำการในแนวทางที่เสี่ยงต่อการทุจริต แม้ว่ายังไม่ได้ทุจริต หรือเสี่ยงต่อการทำให้บ้านเมืองเสียประโยชน์ โดยที่ตัวเองได้ประโยชน์ อุปมาง่ายๆ นักศึกษาพกฝิ่น(กระดาษจดข้อความเกี่ยวกับวิชาที่เข้าสอบ)เข้าห้องสอบ ทำฝิ่นหล่น ครูจับได้ แม้ว่านักศึกษาคนนั้นยังไม่ได้นำฝิ่นออกมาอ่าน ครูก็ลงโทษให้ตกวิชานั้น เพราะเป็นไปได้ว่านักศึกษาเตรียมการจะทุจริต ทั้งที่ก็เป็นไปได้ว่านักศึกษาคนนั้นอาจไม่ได้เตรียมจะทุจริต ฝิ่นนั้นมีไว้ท่องก่อนสอบ แต่เผลอเอาติดเข้าห้องสอบก็เป็นได้ ในกรณีนี้มีกฎหมาย ห้ามนักการเมืองที่กำกับดูแลหน่วยงานใดเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานนั้น เจตนารมณ์ของกฎหมาย ก็ชัดเจน เอาง่ายๆถ้านายกประมูลซื้อของจากหน่วยงานรัฐ มีความเสี่ยงที่คู่แข่งบางรายอาจไม่สู้เต็มที่ เพราะกลัวว่าการทำธุรกิจในอนาคตไม่คล่องตัว ซึ่งก็ไม่แน่เสมอไป บางครั้งอาจจะสู้เต็มที่ก็ได้ กรณีที่ดินรัชดา เจตนารมณ์ของกฎหมาย คือไม่ให้ใครใช้ตำแหน่งนายก กระทำความเสี่ยงที่ทำให้ชาติเสียหาย ตัวเองได้ประโยชน์ ซึ่งการประมูลอะไรก็ตาม เพื่อนำรายได้เข้ารัฐ เป็นสิ่งต้องห้ามในเจตนารมณ์ กองทุนฟื้นฟูเป็นหน่วยงานใต้กำกับนายกหรือไม่ คำตอบที่ได้ เพียงแต่ตอบได้ว่านายกทำผิดกฎหมายหรือไม่ แต่ที่แน่ชัด ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอะไร นายกตั้งใจทำผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย ใช้ตำแหน่งนายก กระทำความเสี่ยงที่ทำให้ชาติเสียหาย ตัวเองได้ประโยชน์ ใครก็ตามที่ผิดจริยธรรมนักการเมืองแบบนี้ สมควรถูกลงโทษเหมือนนักศึกษาพกฝิ่นเข้าห้องสอบหรือไม่ ทำไมนายกจะต้องสนใจแค่มันผิดหรือถูกกฎหมาย โดยไม่สนใจเจตนารมณ์ของกฎหมาย กองทุนฟื้นฟูจะอยู่ใต้การกำกับดูแลของนายกหรือไม่ การประมูลครั้งนี้ก็มีความเสี่ยงที่ชาติจะเสียหายอยู่ดี โดยนายกได้ประโยชน์ มันต่างกันยังไงกับการประมูลของหน่วยราชการอื่น ถ้าการประมูลของหน่วยราชการอื่นมีความเสี่ยงที่ชาติจะเสียหาย การประมูลครั้งนี้จะต่างกันอย่างไร นายกทักษิณ ให้ภริยายื่นประมูล ทั้งที่มีความเสี่ยงที่ชาติจะเสียหาย แต่ตัวเองได้ประโยชน์ (ใครที่ยืนยันว่าเอกชนไม่มีทางเกรงใจนายกร้อยเปอร์เซนต์ ผมว่าคงไม่เคยทำธุรกิจ) คุณเป็นศาล แม้เชื่อว่านายกทักษิณเข้าใจผิดว่าไม่ผิดกฎหมาย พยายามถามคนมากมายถึงสถานะของกองทุนฟื้นฟู  แต่ก็เชื่อว่านายกรู้ว่าการกระทำดังกล่าวมีความเสี่ยงที่ชาติจะเสียหาย โดยนายกได้ประโยชน์ ผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย คุณจะลงโทษอย่างใด โดยเฉพาะเมื่อไม่มีการยอมรับผิด ว่าทำผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย แม้แต่วันนี้ก็ยังไม่เคยแสดงความรู้สึกผิดอะไรเลย คิดแต่ว่ามีคนกลั่นแกล้ง หรือเป็นกรรมเก่า ต้องทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ก็หวังว่าผลบุญ จะทำให้สติกลับมาบ้าง อะไรที่ผิดพลาดไป ก็ยอมรับ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ถ้าหน้ามืด ดันทุรัง คิดว่าไม่ผิดอะไรเลย ก็คงอีกนานกว่าจะพ้นกรรม แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 00:41:24 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 00:40:38 จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 00:34:52 A:124.120.216.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 คือคงถามใครต่อใครแล้วคิดว่าไม่ผิดครับ ตอนซักพยาน หม่อมอุ๋ยกับชวนยังบอกว่านายกไม่มีอำนาจควบคุมกองทุนฟื้นฟูเลย แต่คณะผู้พิพากษาเขาลงมติออกมาเป็นแบบนั้นจะทำไงได้ล่ะครับ จากคุณ : Red Aegis - [ 6 มี.ค. 52 00:35:22 A:58.8.134.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผู้พิพากษา ยังเห็นต่างกัน 5-4 คนธรรมดาจะรู้ไหมละ ว่าผิดหรือไม่ผิด จากคุณ : tdelphi - [ 6 มี.ค. 52 00:43:18 A:124.120.167.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใครคิดจะช่วยชาติก็ดูไว้เป็นหนังตัวอย่างก็แล้วกัน สำหรับจยุคมือดแห่งเมืองสยามประเทษ จากคุณ : แรงงานusa - [ 6 มี.ค. 52 00:43:34 A:75.94.178.18 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ให้บริษัทนี้รับเรื่องทั้งหมดไม่ได้ครับ เรื่องใหญ่ๆมิต้าทำเอง เปิด'นิติกรรมอำพราง'เอสซีฯ มัด'ทักษิณ'เข้าข่ายซุกหุ้นภาค 2 หลายเรื่องมากเกินเดี๋ยวจะช้ำ .. แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 00:48:37 จากคุณ : หยุมหยิม - [ 6 มี.ค. 52 00:47:37 A:222.123.153.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 คาดว่าจะผิดในอนาคต สมควรตายกด5 นี่มันย้อนหลังก็ได้ พิพากล่วงหน้าก็ได้ จากคุณ : CSI SAIMAI - [ 6 มี.ค. 52 00:51:16 A:192.168.0.17 X:124.121.122.5 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ปัญหาน่าจะอยู่ที่ไม่อยากให้คุณทักษิณกลับมาเล่นการเมืองได้อีกมากกว่าค่ะ จากคุณ : asterisk - [ 6 มี.ค. 52 00:58:53 A:124.120.185.244 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 คดี มโนสาเร่ จากคุณ : goken - [ 6 มี.ค. 52 01:01:19 A:124.121.136.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 อยากให้ผิดอะ ใครจะทำไมทำกับข้าววันหยุดราชการยังผิดเลย ใครจะทำไมเหรอ จากคุณ : ดอยตุง135 - [ 6 มี.ค. 52 01:15:03 A:124.120.119.124 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณความเห็นที่ 2 ครับ.. - ถ้างั้นถ้าจะอุปมาว่า อดีตนายกฯเขียนฝิ่น ให้ ภรรยานำเข้าห้องสอบ..ไหงครูผู้คุมสอบ ตัดสินให้คนเขียนผิด คนนำเข้าไปไม่ผิดเล่าครับ..แปลกดี..!! - กองทุนฟื้นฟูฯ ตกลงอยู่ในกำกับดูแลหรือเป็นหน่วยงานของรัฐหรือครับ..ใครเป็นคนตัดสินครับ ตัดสินแล้วหรือยัง..?? - รัฐเสียหาย เสียหายอย่างไรก็ในเมื่อ ก็ในเมื่อภรรยาอดีตนายก ยื่นประมูลตามปกติ ราคาที่ยื่นประมูล สูงสุด และสูงกว่าราคากลางด้วยซ้ำ ใช่ว่าจะได้มา ฟรีๆ เสียเมื่อไหร่เล่าครับ..!! - เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่อง เวรหรือกรรม หรอกครับ เป็นเรื่องประเด็นการตีความทางกฎหมาย ถ้าเมื่อตัดสินว่าผิดมันก็คงต้องผิด เพราะหน่วยงานที่ตรวจสอบบอกว่าผิด.. แต่ถ้าถามผมว่าเป็น ธรรมหรือไม่ ผมตอบว่าไม่ครับ..!! จากคุณ : Vee&Cat - [ 6 มี.ค. 52 01:27:47 A:117.47.248.138 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 จะเจตนาหรือไม่ มันคนละประเด็นครับ มันผิดตามกฎหมาย ปปช.ครับ ดังเช่น ผมเป็น อบต.เค้าก็เกรงว่าผมจะใช้อำนาจ เพื่อผลประโยชน์ของผม เค้าเลยกำหนดว่า ห้ามให้ทั่งผมและภรรยา ร่วมประมูลงาน จริงอยู่ผมอาจจะทำมาหากินแบบสุจริตไม่ใช้อำนาจที่ล่วงรู้ราคาหรือกำหนดกติกา เพื่อภรรยาผมก็ได้ แต่เมื่ออยู่กันหมู่มาก กฎหมายคงตามเชคไม่ได้ว่า ใครจะสุจริตหรือทุจริต เค้าจึงออกกฎหมายกว้างๆ ว่า งั้นก็ห้ามทำเลยละกัน ถึงแม้เมียผมจะประมูลโดยผมไม่รู้ แต่มันผิดโดยกฎหมาย เหมือนกับผมเคี้ยวหมากฝรั่งในรถไฟฟ้าที่สิงคโปร์ กฎหมายเค้ากำหนดว่าผิด ผมก็ต้องรับโทษ ส่วนเคี้ยวในรถไฟฟรีของไทย คงไม่ต้องรับโทษอะไร(มีกฎหมายห้ามมั้ยหว่า) กรณีนี้จึงไม่ใช่ว่า ฝ่ายที่ต้องการความโปร่งใส เค้ามองว่าทักกี้ชั่วหรือเลวอะไร เพียงแต่ในฐานะผู้นำควรเป็นตัวอย่างในการเคารพกติกา แต่ฝ่ายแดงก็เอาไปตีโพยตีพาย ศาสดาชั้นเลวตรงใหน ทำไมต้องทำกันแบบนี้ โกงแต่มีผลงานนะ เฮ้อ... มันคนละเรื่องครับ แล้วแง่มุมการต่อสู้ก็ดันไปใช้ประโยชน์ของการยึดอำนาจ อ้างว่า รธน.2540 ถูกฉีกไปแล้วจะเอามาใช้กับเค้าไม่ได้ ไหงซะงั้น เกลียดเผด็จการแต่เอาเหตุการณ์การยึดอำนาจมาต่อสู้ ผมถึงขำไง เวลาแดงบอกว่าปกป้องทักกี้คือปกป้อง ปชต. ส่วนมีเจตนามั้ย อันนี้ผมคิดว่าทั้งทักกี้และพจมาน คงไม่มีเจตนาหรือเปล่า แต่ราคาประเมินที่แปลก มันก็ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้เช่นกันว่ามีอะไรเกิดขึ้น การตั้งคำถามกับคนบางคน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเกลียดคนๆนั้นครับ จากคุณ : ศิลปินพเนจร - [ 6 มี.ค. 52 01:38:25 A:192.168.0.17 X:118.173.242.214 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แต่ถ้าถามผมว่าเป็น ธรรมหรือไม่ ผมตอบว่าไม่ครับ Vee&Cat  คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญงานยุติธรรมเรอะ หรือว่าเป็นคนหิ้วถุงขนม จากคุณ : หยุมหยิม - [ 6 มี.ค. 52 01:39:45 A:222.123.153.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ทักษิณผิดตรงที่จดทะเบียนสมรสเมียก็เท่านั้น นายกฯบางคนเมียรับแจกที่ดินยังทำไรไม่ได้เลย จากคุณ : ขยะสังคม - [ 6 มี.ค. 52 01:43:53 A:222.123.167.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 กรณีนี้ ศาลท่านเห็นว่าผิดจริยธรรม เพราะท่านทักษินอยากได้ที่ดินในราคาถูก ทำให้รัฐเสียประโยชน์ (ความจริง ซื้อแพงกว่าคนอื่น รัฐได้ประโยชน์ด้วยซ้ำ) ดังนั้นเพื่อให้รัฐได้ประโยชน์เต็มที่ จะคืนที่ดินให้แก่รัฐไป และรับเงินคืนมาได้ไหม.  หรือยกเสิกการซื้อขายไป จึงจะยุติธรรม  ที่สำคัญคือ กฏเกณนี้ จะต้องใช้เป็นบรรณทัดฐาน ต่อไปแก่นายกคนต่อๆไปด้วย  ซึ่งถ้ายึดถือเรื่องนี้ เป็นเป็นเกณตัดสินแล้ววันข้างหน้า  นายกเรา จะต้องขาด ความเสมอภาคต่อบุคคลทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด แล้วใครที่ไหน จะยอมอยู่ในตำแหน่งที่ล่อแหลมอันตรายเช่นนี้ เพื่อมาทำงานให้ประชาชน ที่เหลือ พอจะมาเป็นนายกได้  ต้องเป็นเด็กเส้นเท่านั้น  เฉลิมเองถ้าได้เป็นก็เถอะ  อยากลาออกวันละกี่หนไม่รู้ แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 01:49:20 จากคุณ : boon-m1 - [ 6 มี.ค. 52 01:47:25 A:116.58.231.242 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 สีลายตาไปเปล่า 1 เพิ่มวงเงินมัดจำ 2 ไม่กำหนดวงเงินขั้นต่ำทั้งๆที่ราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 870ล้าน 3 เสนอราคาสูงกว่าอีกรายแค่ 20ล้าน 4 ผู้ซื้อรายอื่นพอเห็นว่าเมียนายกซื้อย่อมไม่กล้าที่จะประมูลชนะ (คล้ายฮั้วประมูลแต่ก็ไม่ใช่ เพราะกลัวผลเสียที่จะตามมา เพราะถ้าชนะการประมูลอาจถูกกลั่นแกล้งได้ ทำให้ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง รัฐเลยเสียประโยชน์ กฎหมายเลยห้ามไว้ ไม่ให้ เจ้าหน้าที่รัฐประมูล) จากคุณ : ดินเหนียวปนทราย - [ 6 มี.ค. 52 01:54:41 A:203.159.101.18 X:203.159.36.12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นักศึกษาพกฝิ่น(กระดาษจดข้อความเกี่ยวกับวิชาที่เข้าสอบ)เข้าห้องสอบ ทำฝิ่นหล่น ครูจับได้ แม้ว่านักศึกษาคนนั้นยังไม่ได้นำฝิ่นออกมาอ่าน ครูก็ลงโทษให้ตกวิชานั้น เพราะเป็นไปได้ว่านักศึกษาเตรียมการจะทุจริต ทั้งที่ก็เป็นไปได้ว่านักศึกษาคนนั้นอาจไม่ได้เตรียมจะทุจริต ฝิ่นนั้นมีไว้ท่องก่อนสอบ แต่เผลอเอาติดเข้าห้องสอบก็เป็นได้ ............. จากคุณ : Pom.com  - [ 6 มี.ค. 52 00:34:52 A:124.120.216.211 X: ] ******* คุณยกตัวอย่างแบบนี้ไม่ถูกนะครับ นักศึกษาทำผิดโดยเจตนา รู้อยู่แล้วว่าผิดยังทำ แถมในห้องสอบมีกฏอยู่แล้วว่าห้ามนำกระดาษจดข้อความเกี่ยวกับวิชาที่เข้าสอบ เข้าห้องสอบ ดังนั้นแม้จะไม่ได้มีเจตนานำขึ้นมาอ่านก็ถือว่ามีความผิดสำเร็จแล้ว แต่กรณีคุณทักษิณต่างกัน คุณพจมาณมีสอบถามความเห็นชอบทางกฏหมายกับหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว และได้รับคำตอบว่าซื้อได้ไม่มีความผิดจึงซื้อ ... จะถือว่ามีเจตนาทุจริตอย่างที่คุณยกตัวอย่างได้อย่างไร -------- จากคุณ : พี่กุ๊กกิ๊ก - [ 6 มี.ค. 52 01:59:22 A:92.19.59.245 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 เจออันนี้อ่ะค่ะ  ลองใช้เทียบเคียงดูนะคะ ........................................................................................        พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504                มาตรา 16(1) 3597/2543        พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ไม่แน่ชัดว่า จำเลยรู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินของรัฐซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะหรือไม่ เมื่อจำเลยเข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยสุจริต เข้าใจว่าตนเองมีสิทธิที่จะทำได้ จึงขาดเจตนาในการกระทำความผิดฐานบุกรุกที่ดินของรัฐ คำสั่งอนุญาตให้จำเลยสร้างบังกะโลได้เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ยัง มีข้อโต้เถียงกันจนต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ เมื่อจำเลยเชื่อว่าตนมีสิทธิทำได้ตามที่ได้รับอนุญาตจากรองอธิบดีกรมป่าไม้ จึงน่าเชื่อว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดฐานยึดถือครอบครองที่ดินภายในเขต อุทยานแห่งชาติ ในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิด ข้อเท็จจริงที่ได้จากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำ สืบถึงข้อเท็จจริงนั้นแล้ว นำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้                มาตรา 16(1) 2194/2538        หนังสือประจำตัวผู้ได้รับการสงเคราะห์ ที่สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกให้จำเลยที่ 1 เป็นเพียงหนังสือที่แสดงว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ได้รับการสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางเพื่อเป็นทุนใช้ จ่ายในการทำสวนยางที่ได้ผลน้อยให้ได้ผลดียิ่งขึ้นเท่านั้นจึงมิใช่เป็นการ อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เข้าไปก่นสร้าง แผ้วถาง และทำไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนแห่งชาติตามที่โจทก์ฟ้องได้        มาตรา 16 (4) 3597/2543        พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ไม่แน่ชัดว่า จำเลยรู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินของรัฐซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะหรือไม่ เมื่อจำเลยเข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยสุจริต เข้าใจว่าตนเองมีสิทธิที่จะทำได้ จึงขาดเจตนาในการกระทำความผิดฐานบุกรุกที่ดินของรัฐ คำสั่งอนุญาตให้จำเลยสร้างบังกะโลได้เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ยัง มีข้อโต้เถียงกันจนต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ เมื่อจำเลยเชื่อว่าตนมีสิทธิทำได้ตามที่ได้รับอนุญาตจากรองอธิบดีกรมป่าไม้ จึงน่าเชื่อว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดฐานยึดถือครอบครองที่ดินภายในเขต อุทยานแห่งชาติ ในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิด ข้อเท็จจริงที่ได้จากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำ สืบถึงข้อเท็จจริงนั้นแล้ว นำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ ..................................................................................... เช่นเดียวกัน  ทักษิณ ในฐานะจำเลย  ถามที่ปรึกษาเเละผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้ว  ทุกฝ่ายยืนยันว่าทำได้   ในการสืบพยาน  ทั้งฝ่ายจำเลยและพยานก็ยืนยันตามเดิมว่าทำได้   ถือว่าไม่มีเจตนา  ดังนั้นความจริงเเล้วข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตหรือผิดจริยธรรมน่าจะตกไปเลยด้วยซ้ำ ศาลไทยเนี่ย  มาตรฐานหามีไม่เลย  หรือศาลจะคิดว่านายกฯเป็นเทพ  ต้องรู้ดีกว่าคนทั่วไป  แต่ก็อ่าววว  นายกชวนก็ยังไม่รู้เลยแล้วนายกทักษิณจะรู้ได้ไงอ่ะ แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:01:26 จากคุณ : Sorokin - [ 6 มี.ค. 52 01:59:36 A:141.54.153.19 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ข้อพิรุจที่พบ แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงว่าเป็นการกระทำของจำเลยได้ จากคุณ : ดินเหนียวปนทราย - [ 6 มี.ค. 52 02:03:19 A:203.159.101.18 X:203.159.12.201 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ Sorokin คุณแน่ใจหรือครับว่านายกทักษิณไม่มีเจตนาผิดจริยธรรม ซึ่งเป็นหัวใจของกฏหมาย นายกทักษิณเคยเป็นนักธุรกิจ ไม่รู้จริงๆหรือว่า ถ้าภริยานายกจะประมูลซื้อที่ปลูกบ้าน นักธุรกิจคนอื่นจะทำอย่างไร แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:07:05 จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 02:05:54 A:124.120.216.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณดินเหนียวปนทราย  พบพิรุธเเต่ไม่มีหลักฐาน ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าทักษิณรู้  ทักษิณสั่งนี่คะ  คุณนำข้อมูลมาเองเเท้ๆน่าจะทราบดี   คุณPom   คุณทักษิณเคยเป็นนักธุรกิจเลยควรต้องคิดได้ว่าถ้าภริยานายกจะประมูลซื้อที่ปลูกบ้าน นักธุรกิจคนอื่นจะทำอย่างไร ???     เอาเป็นว่าถ้าเป็นเรานะคะ  เราก็ไม่ทำไงคะ  เสนอราคาตามปกติ(ตอบในฐานะคนที่เคยอยู่ในวงการนี้ แต่คนละสถานะ)  แต่ถ้าโดนขู่เนี่ยก็ไม่เเน่  หรือถ้ามีใครเสนอผลประโยชน์ที่ดีกว่าในการไม่ประมูลเเข่งก็ไม่เเน่ เเต่ถ้าโดยทั่วไปก็ตามนั้นค่ะ ทีนี้หน้าที่ของโจทย์จะต้องหาข้อมูลให้ได้ ว่าฝ่ายผู้ร่วมประมูลรายอื่นถูกอิทธิพลครอบงำ หรือโดนขู่  หรือมีการติดสินบน อะไรก็เเล้วเเต่ ไม่ใช่ศาลจะสรุปเอาเองว่า"คาดว่า"จะไม่กล้าประมูลเเข่งเพราะอย่างที่บอก จากคุณ : Sorokin - [ 6 มี.ค. 52 02:17:28 A:141.54.153.19 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 20   คุณ Sorokin คุณแน่ใจหรือครับว่านายกทักษิณไม่มีเจตนาผิดจริยธรรม ซึ่งเป็นหัวใจของกฏหมาย นายกทักษิณเคยเป็นนักธุรกิจ ไม่รู้จริงๆหรือว่า ถ้าภริยานายกจะประมูลซื้อที่ปลูกบ้าน นักธุรกิจคนอื่นจะทำอย่างไร แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:07:05 จากคุณ : Pom.com  - [ 6 มี.ค. 52 02:05:54 A:124.120.216.211 X: ]   -------------------- ไหนลองบอกสิครับว่า ถ้าเป็นนักธุรกิจคนอื่นๆจะทำอย่างไร กรุณาเถอะครับ ผมอยากรู้จริงๆนะนั่น จากคุณ : พี่กุ๊กกิ๊ก - [ 6 มี.ค. 52 02:19:29 A:192.168.0.17 X:92.19.59.245 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ พี่กุ๊กกิ๊ก คุณว่าผมยกตัวอย่างไม่ตรง แน่นอนครับไม่ตรง แต่ใครผิดมากกว่ากัน ถ้าเด็กสับเพร่า เอากระดาษที่ใช้ท่องก่อนสอบ เผลอติดเข้าห้องสอบ โดนลงโทษ เด็กไม่เจตนาเอาเปรียบใคร กับนายกไปถาม คนที่ไม่รู้จริง แล้วผิด โดนลงโทษ นายกไม่เจตนาผิดกฎหมายนะใช่ แน่ใจหรือครับ ว่านายกไม่เจตนาผิดจริยธรรม ซึ่งเป็นหัวใจของกฎหมายนี้ จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 02:20:32 A:124.120.216.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าสมมุติศาลตัดสินไม่ผิด อภิสิทธิ์(นายกตอนนี้) ก็จะซื้อที่ดินถูกๆบ้าง ก็ให้เมียไปซื้อ ส่วนกองทุนฟื้นฟูก็ไม่กำหนดราคาประมูลขั้นต่ำ คืออยากซื้อเท่าไหร่ก็ซื้อ แล้วก็ยกเลิกข้อจำกัดตึกสูงซะ (จากห้ามสร้างตึกสูงเกิน 4ชั้น ก็สร้างเท่าไหร่ก็ได้) ราคาที่ดินก็จะสูงขึ้น อภิสิทธิ์ ก็อ้างได้ว่าไม่รู้เรื่องที่ กองทุนฟื้นฟู ยกเลิกข้อจำกัดตึกสูง ไม่มีอำนาจสั่งการไม่เกี่ยว ทักษิณยังทำได้เลย รัฐก็จะไม่สามารถเปิดประมูลที่ดิน หรือ การสร้างสะพาน ถนน ได้ในราคาสูง หรือราคาแข่งขันอีกต่อไป คงมีแต่เจ้าหน้าที่รัฐที่จะเข้าซื้อ แล้วค่อยขายต่อเป็น คนกลาง เอากำไรอีกที จากคุณ : ดินเหนียวปนทราย - [ 6 มี.ค. 52 02:23:51 A:203.159.101.18 X:203.159.36.12 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ พี่กุ๊กกิ๊ก ถ้าเป็นการยื่นประมูลโดยตั้งใจเอาไปทำธุรกิจผมว่านักธุรกิจสู้ตามปกติ แต่ถ้าภริยานายกประมูลซื้อบ้าน ผมว่านักธุรกิจส่วนหนึ่งหมอบเพื่อรักษาน้ำใจ ไม่เคยทำธุรกิจกับราชการเลยหรือครับ ไม่จำเป็นไม่หักหาญผู้มีอำนาจในธุรกิจของตัวเองหรอกครับ มีแต่จะเอาสินน้ำใจไปให้อีกต่างหาก จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 02:26:40 A:124.120.216.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 23   จากคุณ : Pom.com  - [ 6 มี.ค. 52 02:20:32 A:124.120.216.211 X: ] เด็กน่ะเจตนาทำผิดตั้งแต่ต้นนะครับ รู้ทั้งรู้ว่าการนำโพยคำตอบเข้าห้องสอบ แม้จะไม่ได้อ่านมันก็ผิดกฏการสอบ *** รู้ทั้งรู้ว่าผิดก็ยังทำ .... มันส่อถึงเจตนา ***** คุณคิดว่าเหมือนกับกรณีคุณทักษิณเหรอครับ จากคุณ : พี่กุ๊กกิ๊ก - [ 6 มี.ค. 52 02:29:38 A:92.19.59.245 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ Sorokin กฎหมาย ปปช. ข้อนี้มันไม่ต้องหาหลักฐานครับ ถ้าคุณเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตามกฎหมายนี้ ถ้าคุณรับของขวัญเกิน ๓๐๐๐ บาท โทษสูงสุดก็ติดคุก ๓ ปี โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าเป็นการรับสินบน หรือรับตามธรรมจรรยา จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 02:30:54 A:124.120.216.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 #13 คุณหยุมหยิม.. ผมก็แค่ คนธรรมดาคนนึง ที่ใช้วิจารณญานในการคิด ที่อาจจะต่างกับท่านอื่นก็แค่นั้นล่ะครับ..ไม่เห็นแปลกประหลาดอะไร ถ้าเห็นว่าใช่ก็คือใช่ ถ้าว่าไม่ก็ไม่.. แล้วผมจะไปเกี่ยวกับคนถือถุงขนมตรงไหน คิดก่อนหรือป่าวครับที่โพสต์มาน่ะ 555++ จากคุณ : Vee&Cat - [ 6 มี.ค. 52 02:31:56 A:117.47.248.138 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ พี่กุ๊กกิ๊ก นายกทักษิณต่างจากเด็กพกฝิ่นที่ไม่เจตนาเอาฝิ่นเข้าไปแน่นอนครับ เด็กลืมเผลอพกฝิ่นเข้าไป ไม่เจตนาทำผิดเจตนารมณ์ของกฎ คือไม่คิดเอาเปรียบเพื่อน แต่นายกทักษิณ ยังเป็นคำถามว่าเจตนาเอาเปรียบสังคมไหม ถ้านายกทักษิณไม่คิดจริงๆว่าจะมีนักธุรกิจที่เกรงใจผู้มีอำนาจในประเทศไทย นักธุรกิจในไทยทุกคนทำธุรกิจโดยไม่ต้องมาเอาใจผู้มีอำนาจ  สมัยนายกทักษิณเป็นนักธุรกิจไม่เคยต้องเอาใจผู้มีอำนาจในราชการเลย นายกทักษิณก็ไม่สมควรถูกลงโทษ เพราะไม่ทำผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย แต่ถ้าเป็นตรงข้าม คุณคิดว่านายกทักษิณสมควรถูกลงโทษไหม แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:40:41 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:38:22 จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 02:37:24 A:124.120.216.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 ใช้ชื่อตัวเอง เพราะต้องการที่มาสร้างบ้าน ถ้าใช้่ชื่อบริษัท  แล้วเอามาสร้างบ้าน ก็โดนไอ้แมลงสาป ด่าอีก จากคุณ : ยมบาล - [ 6 มี.ค. 52 02:41:55 A:192.168.0.17 X:124.121.107.155 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ใครอยากเพี้ยนก็ตามสบาย แค่นายกออกเพราะทำกับข้าวก็โคตรบ้าแล้ว ปล. ผมไม่อ่าน Pom.com คับ เดี๋ยวเพี้ยน แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:44:11 จากคุณ : ยังมิได้ give ชิมิ - [ 6 มี.ค. 52 02:43:01 A:192.168.0.17 X:115.67.18.170 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แล้วบ้านเมืองเสียประโยชน์อย่างไรเหรอครับ กรณีนี้ จากคุณ : SE7EN - [ 6 มี.ค. 52 02:47:47 A:125.24.125.192 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ ยังมิได้ give ชิมิ กรณีนายกสมัคร ถ้าเป็นอังกฤษ อเมริกา ไม่ต้องถึงศาลหรอกครับ ต้องลาออกไปนานแล้ว ถ้าเป็นญี่ปุ่นก็ต้องคว้านท้องตาย ทำกับข้าว รับค่าน้ำมันรถ ไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่เรื่องใหญ่คือกระทรวงการคลังในยุคนายกสมัครในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ โหวตให้เจ้าของโรงงานพริกไทยที่เป็นสปอนเซอร์หลักของรายการ เป็นบอร์ดสายการบินแห่งชาตินะครับ จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 02:50:45 A:124.120.216.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ SE7EN ตอนประมูลครั้งแรก กลางปี ๔๖ เศรษฐกิจยังไม่โงหัว ดัชนีหุ้นอยู่ต่ำกว่า ๓๐๐ จุด ใครจะลงทุนทำอะไร ประมูลที่ ๘๐๐ ล้าน มันแค่ค่าที่ดิน ค่าพัฒนาที่ดินต้องโปะลงไปอีกหลายเท่าตัว มันก็ไม่มีใครกล้าประมูลเอาไปพัฒนา แต่เวลาผ่านไป ๖ เดือน เศรษฐกิจฟื้น ดัชนีหุ้นขึ้นมาเป็น ๒ เท่า เกือบ ๖๐๐ จุด กองทุนฟื้นฟู ก็ไปประสานกับกรมที่ดินแก้ปัญหาที่ตาบอด นอกจากนี้ยังทำให้มูลค่าโฉนดสูงขึ้น โดยการควบรวมโฉนดจากนับสิบใบเป็นไม่กี่ใบ รถไฟฟ้าใต้ดินที่ไม่มีความชัดเจน ก็มีความชัดเจนในความก้าวหน้า เห็นตัวสถานี จากที่การก่อสร้างเดิมมีแต่ใต้ดินเป็นหลัก ไม่นับมีข่าวการแก้กฎให้สร้างคอนโดสูงได้ ผมถามคุณว่าถ้า ๖ เดือนก่อน ราคากลาง ๘๐๐ ล้าน เหมาะสม ผ่านมา ๖ เดือนมีปัจจัยดีๆแบบนี้ ราคาที่สมควรจะขายได้น่าจะสูงขึ้นไหม แต่ทำไปทำมาประมูลได้ต่ำกว่าราคากลาง ๖ เดือนที่แล้วเสียอีก ส่วนใครจะสู้ ใครจะหมอบ ไม่มีหลักฐานพิสูจน์หรอกครับ แต่เรื่องแบบนี้ ทำให้ ปปช. ถึงออกกฎตั้งแต่ปี ๔๒ ตัดไฟแต่ต้นลม เจ้าหน้าที่ของรัฐคนไหนสร้างความเสี่ยงที่จะทำให้รัฐเสียหาย ตัวเองได้ประโยชน์ต้องถูกลงโทษ คุณอาจจะไม่ใช่นักธุรกิจ ถึงเข้าใจยาก แต่ลองมีใครถามนักธุรกิจรายใหญ่ๆซิครับ ลองวันนี้เกิดเหตุการณ์เดียวกัน นายกจะประมูลอะไรสักอย่างเอาไปใช้ส่วนตัว มีใครอยากจะประมูลสู้บ้าง แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:53:49 จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 02:53:06 A:124.120.216.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าคุณเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตามกฎหมายนี้ ถ้าคุณรับของขวัญเกิน ๓๐๐๐ บาท โทษสูงสุดก็ติดคุก ๓ ปี โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าเป็นการรับสินบน หรือรับตามธรรมจรรยา """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" ยกตัวอย่างมาคนละเรื่องเดียวกันอีกเเล้ว ประเด็นก็คือ 1 ทักสินไม่รู้ว่าทำไม่ได้  ไม่มีเจตนา เพราะถามผู้เกี่ยวข้องผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงแล้วว่าทำได้ไหม  ทุกคนบอกว่าทำได้(คุณบอกว่าไม่น่าเชื่อถือ) 2  คุณอนุมานว่าทักษิณต้องรู้  แต่ทักษิณบอกไม่รู้ ว่านักธุกิจจะคิดอย่างไร  คุณเลยยกตัวอย่างเรื่องบ้านมา  เราก็เลยบอกว่าถ้าเราเป็นนักธุรกิจเราจะทำอย่างไร  (เราก็คิดต่างจากคุณอีก  อย่างว่าต่างคนต่างใจ แล้วทักสินจะไปรู้ใจคนอื่นได้ไง)   3  ดังนั้นทางเดียวที่จะเอาผิดทักสินได้ก็คือต้องหาหลักฐานให้เจอว่า มีเหตุทำให้นักธุรกิจผู้เข้าร่วมประมูลจะคิดเช่นนั้นจริง ไม่กล้าเเข่งราคาจริง  ไม่ใช่เเต่ศาลคิด  เพราะเเต่ละคนก็คิดไม่เหมือนกัน  ดังนั้นจะอนุมานว่าคนอื่นจะคิดเหมือนตนไม่ได้ คุณบอกไม่ต้องการหลักฐานแล้วยกตัวอย่างข้างบนมา  เราว่าไม่เกี่ยว  หรือถ้าจะให้เทียบเคียงกับกรณีดังกล่าวที่คุณยกมา  คุณต้องหาให้เจอว่ามีการคุณหรือติดต่อระหว่างทักษิณ คุณพจมาน หรือคนที่เกี่ยวข้อง กับผู้ร่ใมประมูล  หรือมีการให้ของหรือตกลงอะไรบางอย่างกัน  คุณก็สามารถสรุปโทษได้ทันที เเละจะไม่ใช่แค่โทษทางจริยธรรมด้วย  โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐของตน  เป็นการติดสินบน หรือเป็นการให้กันเป็นส่วนตัว ตามมารยาทใดใดทั้งสิ้น จากคุณ : Sorokin - [ 6 มี.ค. 52 02:53:32 A:141.54.153.19 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 ความคิดเห็นที่ 13   แต่ถ้าถามผมว่าเป็น ธรรมหรือไม่ ผมตอบว่าไม่ครับ Vee&Cat  คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญงานยุติธรรมเรอะ หรือว่าเป็นคนหิ้วถุงขนม จากคุณ : หยุมหยิม   - [ 6 มี.ค. 52 01:39:45 A:222.123.153.155 X: ]   นี่มันเว็บบอร์ดน่ะครับคุณ หาเรื่องเค้าไม่ได้เลยมาถามคำถามโ.่ๆอย่างนี้ไม่ไหว จากคุณ : guyver - [ 6 มี.ค. 52 02:55:39 A:85.18.14.42 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าเป็นญี่ปุ่นก็ต้องคว้านท้องตาย  อันนี้ไม่ทราบคุณทราบไหมว่าที่ญี่ปุ่นทำไมเขาถึงยกเลิกพิธีฮาราคีรี? ส่วนเรื่องออกทีวี  ของอดีตนายกสมัครนั้น ที่อื่นไม่ทราบ  แต่ที่เยอร์มันนักการเมือง ที่มีตำเเหน่งหลายคนออกทีวีเเละโฆษณารับค้าจ้างด้วย  ไม่เห็นต้องลาออกเลย จากคุณ : Sorokin - [ 6 มี.ค. 52 02:56:41 A:141.54.153.19 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณ Sorokin นายกทักษิณไม่มีเจตนาผิดกฎหมาย ตรงนั้นใช่ คิดว่ากองทุนฟื้นฟูไม่ใช่หน่วยงานใต้กำกับ แต่ในเมื่อข้อเท็จจริงผิดกฎหมาย กองทุนฟื้นฟูเป็นหน่วยงานใต้กำกับ ก็ต้องมาดูว่าตั้งใจผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ คุณว่านายกซื่อบริสุทธิ์ นายกทักษิณไม่คิดจริงๆว่าจะมีนักธุรกิจที่เกรงใจผู้มีอำนาจในประเทศไทย นักธุรกิจในไทยทุกคนทำธุรกิจโดยไม่ต้องมาเอาใจผู้มีอำนาจ  สมัยนายกทักษิณเป็นนักธุรกิจไม่เคยต้องเอาใจผู้มีอำนาจในราชการเลย แต่ปัญหาคือศาลเขาไม่เชื่อนะซิครับ และจริงๆคุณหลอกตัวเองหรือเปล่า เคยไปติดต่อราชการบ้างไหมครับ ผมเองแค่เสมียนยังต้องเกรงใจ จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 02:59:44 A:124.120.216.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ Sorokin แล้วที่เยอรมัน เขาตั้งเจ้าของโรงงานซอสมะเขือเทศ สปอนเซอร์หลักรายการ เป็นบอร์ดลุฟฮันซ่ารึเปล่าละครับ ขอไปนอนก่อน แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 03:03:42 จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 03:01:18 A:124.120.216.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่าทักกี้พลาดตรงพยายามหยุดความผิดด้วยการทำความผิดถัดไป เผลอจอดรถในที่ห้ามจอด เจอตำรวจกำลังออกใบสั่ง เลยฆ่าตำรวจคนนั้นเสีย เอาล่ะสมมติว่าไม่มีเจตนาจริงๆ อาจจะเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์คิดว่าปรึกษาแล้ว แต่ศาลดันมีความเห็นอีกทาง อย่างน้อยเรื่องนี้หากมีการศึกษาในภายหลัง ผมว่าทักกี้จะได้ใจคนอีกมาก ที่ยอมเอาตัวเองเสียสละเป็นกรณีศึกษา ดีๆไม่ดีอาจจะติดคุกไม่กี่เดือนก็ออกมาได้แล้ว แต่ประเด็นที่ทักกี้ไม่ควรทำ ก็คือพยายามฆ่าตำรวจเพื่อหนีคดีจอดในที่ห้ามจอดนั่นแล่ะ อย่าเอาการโดนปล้มอำนาจ มาล้มล้างสิ่งที่ควรทำแต่ไม่ทำ พวก คมช.มันก็แค่คนฉวยโอกาสจากสถานการณ์เท่านั้นเอง ผมเจอประจำเวลาขับรถไปยัง ถนนที่ตัวเองไม่คุ้น เผลอวิ่งผิดเลนส์ เวลาโดนใบสั่ง ได้แต่บอกตัวเอง ป้ายไม่ชัด ตอนนั้นมายังวิ่งได้อยู่เลย น่าจะแค่ตักเตือนกันก่อน แต่กฎหมายให้อำนาจ จนท.ไว้ ผมก็ต้องยอมรับ มันเป็นการยอมรับอำนาจอีกอัน แทนที่จะยอมรับกติกาการอยู่ร่วมกัน ผมกับคิดยุบสภาถาม ปชช.ในหมู่บ้านผมว่า ผมเป็นคนดี รักผมมั้ย ถ้ารักผมก็เลือกผมกลับมา จนท.ได้แต่ งงๆ มันเป็นบ้าอะไรของมัน หากดุลพินิจ จนท.คนนั้นมีปัญหาเนื่องจากระเบียบที่สับสน ก็เป็นไปได้ล่ะ ที่จะต้องสังคายนา ปรับปรุง ทำแบบนี้นะทักกี้ก็ได้เป็นรัฐบุรุษแน่นอน ไม่เห็นจะต้องตะลอนๆ หย่าเมีย นอนไม่เป็นที่เลย จากคุณ : ศิลปินพเนจร - [ 6 มี.ค. 52 03:04:53 A:192.168.0.17 X:118.173.242.214 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ความคิดเห็นที่ 39   นายกทักษิณไม่คิดจริงๆว่าจะมีนักธุรกิจที่เกรงใจผู้มีอำนาจในประเทศไทย นักธุรกิจในไทยทุกคนทำธุรกิจโดยไม่ต้องมาเอาใจผู้มีอำนาจ  สมัยนายกทักษิณเป็นนักธุรกิจไม่เคยต้องเอาใจผู้มีอำนาจในราชการเลย จากคุณ : Pom.com ทักษิณของผมไม่เอาใจผู้มีอำนาจหรอกครับ คุณเอาอะไรมาพูด มั่วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 03:10:40 จากคุณ : ดินเหนียวปนทราย - [ 6 มี.ค. 52 03:09:36 A:203.159.101.18 X:203.159.12.201 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ดิฉันเคยยื่นประกวดราคางานราชการค่ะ  แต่ไม่ใช่ในฐานะผู้ซื้อ  งานไม่ใหญ่มาก ไม่ถึงร้อยล้าน  แต่คิดว่าพอเทียบเคียงได้โอเคไหมคะ เรื่องเส้นสายมันมีค่ะ  เรื่องระบบราชการเข้าใจค่ะ  เพราะทั้งประสบเอง เเละคนในครอบครัวก็ประสบด้วย (เราในฐานะฝ่ายที่เข้าไปติดต่อราชการ  และผู้ปกครองเราในฐานะข้าราชการ)    ทั้งหมดทั้งมวลทำให้เราเข้าใจตามนี้ ไม่ใช่จะบอกว่าทักสินไม่คิดจริงๆว่าจะมีนักธุรกิจที่เกรงใจผู้มีอำนาจในประเทศไทย นักธุรกิจในไทยทุกคนทำธุรกิจโดยไม่ต้องมาเอาใจผู้มีอำนาจ แต่เรื่องอำนาจมันซับซ้อนกว่าที่คิดค่ะ  ทุกคนที่ร่วมประมูลต้องมีเเบ็คทั้งนั้น  ลองไปสืบสาวหาเเบ็คบริษัทที่ร่วมประมูลดูสิคะ  ตำแหน่งนายกที่เป็นข้าราชการการเมืองนั้นใหญ่พอควร  แต่ไม่ได้มีอิทธิพลขนาดที่คุณคิดหรอก  อย่างน้อยก็มีระบบตรวจสอบอยุ่   ถ้าบริษัทพวกนี้จะหวัง ก็คือมีโครงการอื่นของรัฐที่อยู่ในอำนาจของนายกฯในการพิจารณา ที่ตนจะเข้าไปมีส่วนร่วม  ซึ่งต้องให้กำไรดีกว่าที่ดินตรงนี้ ยังผลให้ไม่ประมูลเเข่ง  ซึ่งตรงนี้ก็ต้องหาหลักฐานมาถกกัน แต่ก็ต้องคิดถุึงผู้มีอิทธิพลอื่นด้วย  เพราะมันส่งผลระยะยาวกว่าข้าราชการการเมืองที่มีอำนาจคนหนึ่ง จากคุณ : Sorokin - [ 6 มี.ค. 52 03:11:55 A:141.54.153.19 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 "You can't legislate morality." จากคุณ : Skunkworks - [ 6 มี.ค. 52 03:54:51 A:192.168.0.17 X:124.120.217.168 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 34 ญี่ปุ่นแค่เมาไวร์มันก็ลาออกแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 05:45:39 จากคุณ : ระดับโลก - [ 6 มี.ค. 52 05:45:20 A:58.9.110.137 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 ความคิดเห็นที่ 31 แล้วถ้ารัฐมนตรี สาธารณสุข ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์บริษัทยา แล้วถ้าของคุณสมัคร ได้รับการยกเว้น คนอื่นก็จะใช้การตัดสิน ของคุณสมัคร เป็น บรรทัดฐาน  แล้วการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ บริษัทใดบริษัทหนึ่ง นี่ใครได้ประโยชน์ครับ  ก็ต้องเป็น ไปตามนั้น บริษัทนั้นต้องได้ แล้วของคุณสมัครไม่ใช่แค่ทำอาหาร นะครับ แต่ยังทำเอกสารเท็จอีก จากคุณ : ระดับโลก - [ 6 มี.ค. 52 05:49:13 A:58.9.110.137 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 กรณีนี้ มีตัวละครหลายคน "ผู้ถูกกล่าวหา" บอกว่า กระทำไปโดยสุจริต เพราะการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่จำต้องรับผิด และไม่ต้องโทษ อีกทั้งการซื้อก็เป็นการเปิดประมูลโดยเสรีให้ใคร ๆ ก็ได้ มีสิทธิเสนอราคาให้รัฐพิจารณา หากผู้ใดเสนอผลประโยชน์สูงสุดให้รัฐในการประมูลครั้งนั้น ก็ย่อมถือว่า ผู้นั้นมีความชอบธรรมที่จะเป็นเจ้าของ "ผู้กล่าวหา" บอกว่า แม้กระทำไปโดยสุจริต แต่ผู้กระทำเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง (รวมไปถึงคู่สมรส และเครือญาติ) ย่อมควรเสียสละประโยชน์ใด ๆ ที่มีรัฐเป็นคู่สัญญา เพราะ ผู้ปกครองบ้านเมืองนั้น "อาจ" ใช้ตำแหน่งหน้าที่กดดันให้หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จำต้องปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และผลของการกดดันนั้น "อาจ" ทำให้รัฐ หรือประชาชนเสียหาย ต่อมา เรื่องได้ขึ้นสู่ "ศาลนักการเมือง" ศาลซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตาต่อการกระทำใด ๆ ของผู้ถูกกล่าวหา (จำเลย) และผู้กล่าวหา (โจทก์) จึงได้พิจารณาคดีไปตามกระบวนการ และฟังจากพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย ได้แก่ พยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานเอกสาร และได้วินิจฉัยจนมีคำพิพากษาตามที่ปรากฏในสำเนาคำพิพากษาข้างต้นว่า เป็นการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตัว กับประโยชน์ของรัฐ (Conflict of Interests) อันกฎหมายถือว่าเป็นความผิด และมีโทษ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหา (จำเลย) ก็ยังมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว ภายในเวลาที่กำหนด ต่อมา ผู้ถูกกล่าวหาที่ได้ตกเป็นผู้ต้องโทษนั้น ได้เดินทางออกไปต่างประเทศ และทนายความของผู้ต้องโทษก็ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ตามกำหนดเวลา เพราะการอุทธรณ์ในกรณีนี้ต้องอุทธรณ์ในประเด็นใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับข้อเท็จจริงเดิม ๆ หรือต้องอุทธรณ์ในจ้อกฎหมาย อันถือเป็นเรื่องที่ยาก และซับซ้อนมาก "เสื้อแดง" เห็นว่า การเดินทางหนีออกไปตั้งหลักของผู้ต้องโทษนั้นชอบดีแล้ว เพราะขั้นตอนต่าง ๆ  เหล่านี้ ได้ถูก "ชง และชู๊ต" จากผลพวงการทำรัฐประหาร เสมือนต้นไม้ที่เป็นพิษ ดอกผลที่ผลิออกมาก็ต้องมีพิษ และผู้ใดที่บริโภคเข้าไปก็ย่อมได้รับภัยจากพิษร้ายนั้น ตามไปด้วย (Exclusionary Rule) "เสื้อเหลือง" โต้แย้งว่า คำอ้างของเสื้อแดงข้างต้นที่เห็นด้วยกับผู้ต้องโทษที่หลบหนี ถือว่า ไม่เคารพต่อหลักนิติรัฐ (Rule of Law) ซึ่งเป็นสารสำคัญของระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือ บุคคลใด ๆ ในบ้านเมือง จำต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของกฎหมายด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้ต้องโทษจึงควรกลับเข้ามาพิสูจน์ความจริง แม้จะได้รับโทษ ก็จำต้อง "อมและกลืนเลือดที่กระอัก" ให้เป็นไปตามกฎบ้าน กบิลเมือง มิฉะนั้น จะมีผู้เอาเยี่ยงอย่าง ไม่จบสิ้น ฟังดูแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็มีตรรกะและเหตุผล ต่างฝ่ายต่างก็ทำถูกต้อง และต่างฝ่ายต่างก็อ้างว่า อีกฝ่ายหนึ่งผิดพลาด ต่าง ๆ เหล่านี้ ชื่นชมความเห็นของทั้งสองฝ่าย ที่ทำให้ผู้อ่านมีปัญญาได้ไม่มากก็น้อย ตามภาษิตที่ว่า โต้เถียง ก่อให้เกิดปัญหา โต้แย้ง ก่อให้เกิดปัญญา จากคุณ : BombSung - [ 6 มี.ค. 52 05:57:35 A:58.147.73.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 48 โทษนะผมสรุปให้ง่ายๆเลยนะ คดีนี้เป็นคดีไร้สาระ เป็นคดีหาเรื่อง มันแค่นั้นจริงๆ จากคุณ : SPFC - [ 6 มี.ค. 52 06:55:49 A:192.168.0.17 X:124.120.136.165 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตกลงพธม.บางคนไม่อยากเอ่ยชื่อก็เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดจินตนาการมากกว่าเรื่องที่พิสูจน์ได้....คิดเหตุผล108ยัดเยียดความชั่วในจิตใจคนให้คนที่ตัวเองไม่ชอบทั้งที่ศาสดาตัวเองเลวโดยเปิดเผยกว่าไม่รู้เท่าไร....ช่างมืดบอดจริงๆ จากคุณ : ไก่ชนไทย - [ 6 มี.ค. 52 07:04:40 A:192.168.0.17 X:118.175.204.145 ]

ความคิดเห็นที่ 50 "ก่อนจะประมูลก็มีการถามไถ่เจ้าพนักงาน และ ผู้รู้ ผู้ดูแลที่เกี่ยวข้องทั้งหลายแล้วว่าภริยานายกประมูลได้หรือไม่ คำตอบว่าได้" จากคุณ : tnmcfc - [ 6 มี.ค. 52 07:10:19 A:117.47.208.216 X: ]

ความคิดเห็นที่ 51 กฎหมายมาเขียนเอาผิดทีหลังมีประเทศที่ด้อยพัฒนาเท่านั้นครับ จากคุณ : คนบางรัก (sengw) - [ 6 มี.ค. 52 07:46:22 A:58.8.20.77 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 จกขท..คับมันน่าจะแยกประเด็นก่อนดีไหมคับว่า... ที่ทักษินเซ็นต์ไปเซ็นต์อะไร...ขั้นตอนไหน... จากที่ฟังจากคำฟ้องและคำพิพากษา... ทักษินไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการประมูลที่ดินเลย... คุณหญิงพจนามเข้าประมูลใครก็เข้าประมูลได้.. ไม่ต้องได้รับคำยินยอมจากใคร... แต่ที่ทักษินเซ็นต์มันหนังสือยินยอมให้ภรรยาซื้อและถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน.. เป็นเรื่องของกฎหมายที่ดินและกฎหมายครอบครัว... เรื่องนี้ทำให้ศาลตัดสินว่าประมูลถูกต้อง.. แต่ทำให้ผมสงสัยเช่นกันว่า...การทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย(กฎหมายที่ดิน) มันผิดจริยธรรมตรงไหน...มันทุจริตตรงไหน... เพราะกฎหมายส่วนหนึ่งก็ต้องถูกกำหนดขึ้นจากจริยธรรมอยู่แล้ว... จากคุณ : bang_rud - [ 6 มี.ค. 52 08:04:16 A:125.25.120.219 X: ]

ความคิดเห็นที่ 53 ทั้งๆที่ ท่านนายกทักษิณ ก็ทำหนังสือไปถามอัยการสูงสุดแล้วว่า สามารถกระทำได้  แค่ครั้งต่อไป ต้องทำหนังสือถามไปยังศาลเลยจะดีกว่า เพราะอัยการไม่ได้เป็นผู้พิจารณาคดี แบบเดียวกันกับ ที่อัยการสูงสุดสั่ง  " ถอนฟ้อง  " คดีหมิ่น โดนอ้าง มาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติยัอการปี 2498 แต่พอไปดู พระราชบัญญัตินี้แล้ว คนละเรื่องกันเลย  แบบนี้ต้องฟ้องสำนักอัยการสูงสุดน่าจะดีกว่า   ถามตำรวจที่ทำงานเกี่ยวกับคดีแบบนี้ทั้ง สบ.3- สบ.9 ก็บอกว่า ไม่สามารถถอนแจ้งความได้เมื่อศาลประทับรับฟ้องแล้ว ต้องอยู่ในขบวนการทางศาลต่อไปเท่านั้น  ยกเว้นถ้าเป็นคดีหมิ่นกันเองระหว่างบุคคลค่อบุคคลเท่านั้น จากคุณ : คน72000 - [ 6 มี.ค. 52 08:10:15 A:125.24.129.118 X: ]

ความคิดเห็นที่ 54 ไม่ผิดกฏหมาย แต่ผิดจริยธรรม แล้วแบบนี้ มาตราฐาน กม.ไทยอยู่ไหน ขนาดคนตัดสิน ยัง เขียนกม.เอง ใช้ กม.ซะเอง( เจ๊'รัญ) กม.ย้อนหลังเพื่อเอาผิด ก็ยังมี ประเทศนี้ ใช้กม.เป็นเครื่องมือ กำจัดศัตรูทางการเมือง ผมมองอย่างนี้ จากคุณ : กระเป๋าเดินทาง - [ 6 มี.ค. 52 08:32:45 A:58.147.107.20 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 ถ้านายกจะให้ลูกสอบเข้าโรงเรียนรัฐก็ไม่ได้นะเนี่ย ครูเกรงใจต้องรับ เป็นการเอาเปรียบคนอื่น ก็เป็นคู่สัญญากับรัฐ ต้องจ่ายค่าเทอมให้รัฐ ถึงจะเข้าเรียนได้ เอิ๊กๆ จากคุณ : isawat - [ 6 มี.ค. 52 08:52:23 A:117.47.22.87 X: ]

ความคิดเห็นที่ 56 อ่าว ถ้าเขาไม่เข้าร่วมประมูล ไม่แลน ก้อ โนเบิล ก้อชนะ และคงเอามาสร้าง บ้าน ส่วนกองทุนก้อได้เงินนอ้ยกว่าที่ประมูลอ่ะดิคุณ .. คุณว่าราคานั้น มัน น้อยไปหรือ จะให้กองทุน เก็บเอาไว้ ไม่นำออกมาประมูลหรือ ?? หรือคุณคิดวากองทุนนำออกประมูลโดยมิชอบ งั้นผู้รับผิดชอบการประมูล ก้น่าจะผิดหนิ ทำไมไม่ผิด ?? ที่ดินตรงนั้นมันก็สร้างตึกสูงไม่ได้ไม่ใช่ เหรอ มันถึงประมูลหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีคนมาประมูลไม่ใช่เหรอไง .. จะมาบอก ปีนั้น ปีโน่น เคยดีกว่านี้มันได้เหรอ .. ในเมื่อดีที่สุดในปัจจุบันมัน ได้เท่านี้ กองทุนเค้าก้อบอกเค้าพอใจ เหมาะสมแล้ว? ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่า เสียหายกันตรงไหน แล้วใครเสียหาย .. จากคุณ : SE7EN - [ 6 มี.ค. 52 09:04:15 A:125.24.125.192 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 คนมันเชื่อว่าผิด พูดไปมันก็หาว่าแก้ตัวอยู่วันยังค่ำ ขนาดไม่มีหลักฐานอะไรมันก็ยังคิดว่าผิดอยู่นั้นแหละ   ถ้าเขาคิดจะโกงจริงเขาไม่ทำอะไรตื้นๆอย่างนี้หรอก รู้ไว้ซะ จากคุณ : ก๊อต29 - [ 6 มี.ค. 52 09:04:43 A:124.120.213.85 X: ]

ความคิดเห็นที่ 58 อำนาจบังตาครับ จากคุณ : kunsukont2495 - [ 6 มี.ค. 52 09:05:07 A:61.7.185.27 X: ]

ความคิดเห็นที่ 59 วงเงินประกัน 100 ล้านบอกกีดกัน อสังหา แปดร้อยกว่าล้าน เงินร้อยล้านหามาประกันไม่ได้ ถ้าประมูลได้มันคงมีปัญญาหาเงินมาชำระหรอก จากคุณ : ชนะมาร - [ 6 มี.ค. 52 09:13:29 A:125.27.9.222 X: ]

ความคิดเห็นที่ 60 การตัดสินเรื่องคลุมเคลือ  ยังไงวิจารณญาณก็อยู่ที่ศาล ผมไม่เคยเชื่อหรอกครับว่าศาลซึ่งเป็นเป็นมนุษย์ มีโลภ โกรธหลง จะตัดสินได้เที่ยงธรรมจริง ๆ ในกรณีนี้เป็นที่รู้กันว่าทักษิณอยู่ตรงข้ามกับระบบราชการ เพราะไปเพิ่มงานสร้งศัตรู ใว้เยอะ แถมด้วยการปลุกปั่น ไล่ระดับในวงราชการ ทุกกระทรวง ทบวงกรม จาก astv  ด้วยแล้ว ผมว่าคดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง และเป็นคดีที่สร้างความเสื่อมเสียกับวงการตุลาการไม่ใช่น้อย เพราะมันค้านกับหลักสามัญสำนึก คนทั่วไปอยู่แล้ว จะมีแต่ก็คนที่เป็นเสื้อเหลืองซึ่งมีอคติกับทักษิณก่อนหน้านี้ด้วยแล้ว ถ้าเป็นคนอื่น คงอาจพิจารณาในเหตุผลมุมกลับบ้าง แต่ถ้าเป้นอะไรที่ชื่อ ทักษิณ แล้วล่ะก็ เป็นต้องใร้ซึ่งความเห็นใจแน่นอน จากคุณ : rockaun - [ 6 มี.ค. 52 09:15:26 A:124.120.67.242 X: ]

ความคิดเห็นที่ 61 pom.com หม่อมอุ๋ย ยืนยันว่านายกไม่ได้มีอำนาจเหนือท่าน แค่นี้ยังไม่พอหรือ อีกอย่างถ้าคุณเชื่อเช่นนั้น คุณก็ไม่ควรนำทหารปฏิวัติทำลายประเทศเสียหายขนาดนี้ คนที่ไม่เกี่ยวกับคุณเขาจะได้ไม่เดือดร้อน จากคุณ : ไทยด่าน - [ 6 มี.ค. 52 09:26:38 A:125.27.185.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 62 คุณ Pom. คำตัดสินว่าอดีตนายก ฯ ผิดจริยธรรม  เสียงไม่เป็นเอกฉันท์  แค่ 5 ต่อ 4 แปลว่าการ ตีความเรื่องนี้ไม่ชัดเจน เพราะฉะนั้น  การที่อีกหลาย ๆ คนไม่เห็นด้วยกับคคห.ของคุณ และ คำตัดสินนี้ ไม่ได้หมายความว่า คนนั้น  เป็นอะไรที่ไร้สติ เข้าข้างคุณทักษิณ  หน้ามืดตามัว ไม่เข้าใจในเจตนารมย์ของกฎหมาย นั่นหมายถึง กรรมการกฤษฎีกา  ที่คุณทักษิณสอบถามไปก่อนแล้ว  และ ผู้พิพากษาเสียงข้างน้อยที่ ตัดสินว่าคุณทักษิณไม่ผิด เวลาคุณจะวิจารณ์คำวินิจฉัยใด ๆ ก็ได้โปรดนึกถึงคนที่เขาคิดไม่เหมือนคุณด้วย  คนในห้องนี้ก็ช่าง เถอะั  เพราะล้วนไม่มีตัวตน ที่แสดงว่าเป็นใคร ลองวิจารณ์หน่อยสิว่า  ทำไม กฤษฎีกาถึงบอกว่า ซื้อได้  ทำไมผู้พิพากษาอีก 4 ท่านถึงบอกว่าคุณ ทักษิณไม่ผิด  ทำไมเขาคิดไม่เหมือนคุณ....อ๋อ  เขาเป็นคนไม่มีจริยธรรมเหมือนอดีตนายก ฯ ใช่ไหม ?  คนมันคิดเหมือนกัน  ก็ต้อง....เหมือนกันใช่ไหม ? ดิฉันว่าเรื่องนี้มันแล้วแต่การตีความ   และนี่คือการตีความที่วางธงไว้แล้ว  เพราะผิดทางจริยธรรม จำคุกทันที่ 2 ปี...สะใจคนที่อยากเด็ดปีก   บ้านเมืองคงสงบสุขยาก  ถ้าเราจะนำข้อหาทางจริย ธรรมมาใช้แบบนี้ จากคุณ : sao..เหลือ..noi - [ 6 มี.ค. 52 09:28:58 A:58.8.172.133 X: ]

ความคิดเห็นที่ 63 กฏหมายนี้เป็น กฏหมายอาญา ออกในปี ๒๕๔๘ จะมาว่ามีบทลงโทษย้อนหลังคงไม่ได้ เจตนากฏหมายนี้คือห้ามผู้ที่เกี่ยวข้องมาประมูลงานของรัฐ "คนที่อยู่ในประเทศไทย ต้องรู้กฏหมายไทยทุกข้อ จะอ้างว่าไม่รู้กฏหมายไม่ได้ครับ ---ยิ่งเป็นกฏหมายที่ตัวเองเซ็นต์ด้วยแล้ว..." จากคุณ : rakdal - [ 6 มี.ค. 52 09:39:30 A:119.46.57.229 X: ]

ความคิดเห็นที่ 64 เป็นโจทย์ที่คำตอบมีอยู่แล้ว เพียงแค่หาตรรกะให้เจือสมกับคำตอบ จะได้ไม่ถูกครหา จากคุณ : Namtao08 - [ 6 มี.ค. 52 10:08:17 A:125.24.182.160 X: ]

ความคิดเห็นที่ 65 สรุปว่าตั้งธงมาแต่ไกลว่าต้องเอาหมอนี่ออกจากการเมืองให้ได้ก็แค่นั้น ไปหาข้อหาให้ได้ก็แล้วกัน ถ้าหากสามีที่มีตำแหน่งทางการเมืองลงนามยืนยอมให้ภรรยาไปเซ็นโอนซื้อที่ดินจากการประมูลทอดตลาดผิดกฎหมายจริงดังกล่าวอ้าง หรือพิพากษากันไว้...ป่านนี้คุกเต็มไปด้วยนักการเมืองแล้วล่ะครับ ก็กรมบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินอยู่ทุกวัน และบรรดานักการเมืองก็เข้าร่วมประมูลซื้อกันอยู่เป็นประจำไม่เคยมีใครผิด ผิดแค่คนเดียวชื่อ ทักษิน จากคุณ : tumtungkha - [ 6 มี.ค. 52 10:09:58 A:125.24.50.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 66 คาดเดาเอาว่าอาจจะเกิดความเสียหาย (ในวันข้างหน้า) คาดเดาเอาว่าทักษิณควรจะต้องรู้ คาดเดาเอาว่าคู่ต่อสู้ในการประมูลจะหมอบ คาดเดาเอาว่า.......... จากคุณ : lookmuucsi - [ 6 มี.ค. 52 10:24:36 A:125.25.243.103 X: ]

ความคิดเห็นที่ 67 "ก่อนจะประมูลก็มีการถามไถ่เจ้าพนักงาน และ ผู้รู้ ผู้ดูแลที่เกี่ยวข้องทั้งหลายแล้วว่าภริยานายกประมูลได้หรือไม่ คำตอบว่าได้" การกระทำดังกล่าวแปลว่าคุณทักษิณเป็นนกที่หวาดเกาฑัณท์อยู่แล้ว จึงต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบมากที่สุดเพราะรู้อยู่เต็มอกว่ามีความเสี่ยง ที่ไม่เข้าใจก็คืออะไรที่ทำให้นกที่หวาดเกาฑัณท์ตัวนี้กล้าบินล่อเป้านายพรานที่กำลังจ้องหาเรื่องตาเป็นมัน เพราะลุแก่อำนาจคิดว่านายพรานไม่สามารถทำอะไรได้ ? เพราะความโลภเห็นแก่ทรัพยย์สินที่ดินผืนงามที่ไม่อยากให้หลุดมือ ? น่าจะบินละไป ไม่ซื้อซะดีกว่า เป็นผู้นำต้องยอมเสียสละบ้าง แต่อย่างว่าแหละ คำว่าเสียสละ สำหรับนักธุรกิจ มันเป็นเรื่องงี่เง่าอันดับหนึ่ง ท่าจอาจคิดแบบนักธุรกิจ ไม่ได้คิดในฐานะผู้นำประเทศ จากคุณ : FinalPath - [ 6 มี.ค. 52 10:59:04 A:115.67.200.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 68 5-4 ความไม่แน่นอน “มาตรา 100 เป็นปัญหาเรื่องความชัดเจนแน่นอนในทางอาญา คุณพรรณนาองค์ประกอบความผิดอาญาแบบนี้ไม่ได้ เพราะคนที่ทำเขาไม่รู้ว่าตกลงมันผิดหรือไม่ผิด ก็นึกดูขนาดผู้พิพากษาศาลฎีกา ศาลสูงสุดของประเทศ ยังเห็นต่างกันเป็น 5-4 เลย 5 คนบอกผิด 4 คนบอกไม่ผิด ถ้าผมเป็นนายกฯ ผมไปถาม 4 คน 4 คนบอกทำได้ แล้วผมติดคุก"           ในฐานะที่วรเจตน์เคยให้สัมภาษณ์แทบลอยด์ไทยโพสต์ตั้งแต่ปี 2547 ยืนยันว่าการซื้อที่ดินรัชดาของคุณหญิงพจมานไม่ผิดมาตรา 100 กฎหมาย ป.ป.ช. เมื่อมีคำพิพากษาว่าผิด เขาก็ต้องแสดงความเห็น โดยบอกว่าอาจจะเขียนบทความทางวิชาการออกมาอีกครั้งหนึ่ง "มาตรา 100 ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินกิจการดังต่อไปนี้ อนุ 1 เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลตรวจสอบหรือดำเนินคดี และถ้าผิดก็จะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 122 ต้องละวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ"           "ที่บอกว่าเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่คนนั้นมีอำนาจดูแลกำกับตรวจ สอบ เขาเหมือนกับวางหลักเอาไว้ห้ามทำและใช้โทษอาญาขู่ ในแง่ที่ว่าถ้ายอมให้ไปทำแล้วอาจจะเกิดมีส่วนได้เสียกันได้เพราะคุณเป็นเจ้าหน้าที่ที่อาจจะไปใช้อำนาจของคุณในการสั่งการเกี่ยวกับเรื่องนั้น" "คำว่าเป็นคู่สัญญาผมอธิบายไว้ตั้งแต่หลายปีก่อน คำว่าสัญญาหรือมีส่วนได้เสียของสัญญา จะต้องหมายถึงสัญญาที่เมื่อทำแล้วตัวเจ้าหน้าที่ผู้นั้นมีดุลยพินิจที่จะควบคุมเนื้อหาของสัญญาหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของสัญญาได้ เช่นกำหนดราคา ต่อรองราคาได้ ผมอธิบายไว้ตอนนั้นว่าสัญญาที่เกิดจากการประมูลเป็นกรณีที่ไม่เปิดให้เจ้าหน้าที่มีดุลยพินิจเป็นอย่างอื่นในแง่ของตัวสัญญา เพราะประมูลคือใครให้ราคาสูงกว่าเขาก็ชนะการประกวดราคาไป และเจ้าหน้าที่ก็มีหน้าที่ทำสัญญาโดยอัตโนมัติ" "ส่วนถ้ากระบวนการประมูลมีการฮั้วกัน มีการสมยอมราคากัน มันก็ไปผิดกฎหมายฮั้ว แต่จะเอามาตรา 100 ไปใช้เป็นความผิดกับคนซึ่งเข้ามาเป็นคู่สัญญาด้วยไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่อาจเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสัญญาประเภทใด เช่นสัญญาบางอย่างเกิดขึ้นในกระบวนการเวนคืนจะทำอย่างไร แปลว่ารัฐก็เวนคืนไม่ได้ สมมติว่าที่ดินเป็นของภรรยาผม ผมเป็นหัวหน้าหน่วยงานที่ปฏิบัติตามกฎหมายเวนคืน ที่เขากำหนดมาแล้วและเขาก็บอกว่าใช้วิธีการทำสัญญา" วรเจตน์เห็นว่าตัวมาตรา 100 ก็เป็นปัญหา           "มันเป็นปัญหาความแน่นอนในทางอาญา หลักในทางกฎหมายอาญาเขายึดหลักไม่มีความผิดไม่มีโทษโดยไม่มีกฎหมาย หมายถึงไม่มีความผิดไม่มีโทษโดยปราศจากกฎหมายที่บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ถ้าตีความกันอย่างนี้แปลว่ามาตรา 100 เป็นปัญหาเรื่องความชัดเจนแน่นอนในทางอาญา คุณพรรณนาองค์ประกอบความผิดอาญาแบบนี้ไม่ได้ เพราะคนที่กระทำเขาไม่รู้ว่าตกลงมันผิดหรือไม่ผิด"           "ก็นึกดูขนาดผู้พิพากษาศาลฎีกา ศาลสูงสุดของประเทศ ยังเห็นต่างกันเป็น 5-4 เลย 5 คนบอกผิด 4 คนบอกไม่ผิด ถ้าผมเป็นนายกฯ ผมไปถาม 4 คน 4 คนบอกทำได้ แล้วผมติดคุก นึกออกไหม มันไม่ได้ในแง่ของหลักการบัญญัติกฎหมาย หรือการใช้กฎหมายอาญาเป็นเครื่องมือข่มขู่หรือเป็นผลร้ายกับบุคคล เพราะถ้าจะทำอย่างนี้คุณต้องเขียนชัด ผมจึงบอกว่ามาตรานี้มีปัญหา ถ้าเขียนอย่างนี้คุณต้องตีความในแง่ที่จำกัดเพื่อไม่ทำให้มันขยายออกไปและทำให้เกิดความไม่แน่นอนในเชิงการบังคับใช้กฎหมาย"           "ถ้าคุณจะเขียนเป็นคู่สัญญา คุณก็ต้องพรรณนาให้ชัด เพราะเป็นบทบัญญัติที่เป็นความผิดอาญา แต่ถ้าเขียนแค่นี้แล้ว ถ้าเข้าใจกันว่าเป็นความผิดอาญานะ ก็ต้องตีความโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ในการลงโทษทางอาญา ไม่ใช่เอากฎหมายอาญาหรือการลงโทษทางอาญาไปเป็นเครื่อง support ศีลธรรมหรือจริยธรรม ถ้าถ้อยคำมันเป็นแบบนี้แล้วคุณไปตีความเป็นศีลธรรมจริยธรรมก็เจ๊ง ก็เท่ากับคุณเอาจริยธรรมหรือศีลธรรมมาเป็นเครื่องมือลงโทษคนในทางอาญา"           วรเจตน์ตั้งข้อสังเกตคำพิพากษาที่ละประเด็น           "ประเด็นหลักมีอยู่ 2 เรื่อง คือนายกฯ กำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูหรือเปล่า กับถือว่าเป็นคู่สัญญาหรือไม่" "เรื่องแรกผมเห็นด้วยกับความเห็นข้างน้อยของผู้พิพากษาศาลฎีกา ในตัวคำพิพากษาเขาให้เหตุผลว่ากองทุนฟื้นฟูเป็นหน่วยงานของรัฐ อยู่ในธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งสัมพันธ์อยู่กับรัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีคลังอยู่ภายใต้นายกรัฐมนตรี และก็ imply ไปว่านายกรัฐมนตรีสามารถจะให้ความเห็นหรือสั่งการได้ ก็เลยมองว่านายกฯคือผู้มีอำนาจในการกำกับตรวจสอบ" "แต่ถ้าไปอ่านเปรียบเทียบกับคำพิพากษาของฝ่ายข้างน้อยที่ทำความเห็นส่วนตน โดยเฉพาะของท่านประพันธ์ ทรัพย์แสง จะพบว่าเขียนประเด็นนี้เอาไว้ค่อนข้างดี คือจริงๆ แล้วนายกรัฐมนตรีกำกับในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทยและกองทุนฟื้นฟูเฉพาะในส่วนของนโยบายทางเศรษฐกิจ และดำเนินนโยบายด้านการเงินให้สอดคล้อง ส่วนอำนาจอื่นๆ ไปอยู่ที่คณะกรรมการกองทุน"           "ในคำพิพากษากลางก็เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า จากคำเบิกความของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นหน่วยงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ในกำกับกระทรวงการคลัง นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นผู้กำกับดูแลกระทรวงการคลัง กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงินต้องอาศัยรัฐบาลให้การสนับสนุนด้านการเงินโดยผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ โดยปกตินายกรัฐมนตรีจะไม่เข้าไปสั่งการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินโดยลำพัง เว้นแต่มีเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีสามารถให้ความเห็นหรือสั่งการได้"           "ผมเห็นว่า logic ของฝ่ายข้างมากและกลายเป็นคำพิพากษากลาง มีปัญหา เพราะเวลามีเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรี มันเป็นเรื่องขององค์กรกลุ่ม ในเชิงการวินิจฉัยมันวินิจฉัยโดยคณะรัฐมนตรี นายกฯ ก็เป็นเพียงหนึ่งในที่ประชุม แม้จะเป็นประธาน แต่ความสัมพันธ์ของนายกฯ ที่มีต่อกองทุนฟื้นฟูไม่มีโดยตรงเลย เวลาจะขอเงินหรือขออะไรก็ต้องเข้าไปที่ ครม.ไม่ได้ให้นายกฯ สั่งการโดยลำพัง อันนี้ก็ปรากฏอยู่ในคำพิพากษาของศาล ในแง่ขององค์กรกลุ่มจึงเป็นมติร่วมกัน"           "ผมจึงมองว่าในแง่นี้ กองทุนฟื้นฟูไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาหรือกำกับดูแลของนายกฯเลย มีเฉพาะเรื่องการเงินที่เขาจะเชื่อมโยงไปกับรัฐมนตรีและกับคณะรัฐมนตรี อ.ประพันธ์ใช้คำว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจกำกับธนาคารแห่งประเทศไทยและกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เพียงด้านนโยบายทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องดำเนินนโยบายด้านการเงินให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการคลัง รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกำกับดูแลผ่านคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการจัดการกองทุน และมีการถ่วงดุลอำนาจคณะกรรมการจัดการกองทุนดังกล่าวมาแล้ว การกำกับดูแลจึงเป็นเพียงเงาลางๆ ที่อยู่เบื้องหลัง จึงไม่ใช่การกำกับดูแลโดยตรงใกล้ชิดหรือมีอำนาจอนุญาตหรือมีคำสั่งโดยตรงไปยังกองทุนฟื้นฟู" "ผมอธิบายง่ายๆก็คืออำนาจในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องการจัดการประมูลในการดำเนินการทรัพย์สิน นายกฯ ไม่มีอำนาจสั่งการกำกับดำเนินการ รวมทั้งในเรื่องการเงินของกองทุนเหมือนกัน กองทุนฟื้นฟูก็เป็นนิติบุคคล ก็มีคณะกรรมการจัดการกองทุน ในแง่นี้กองทุนฟื้นฟูจึงไม่อยู่ความหมายในมาตรา 100 นายกฯไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจกำกับตรวจสอบหรือดำเนินคดีเลย" จากคุณ : ดาวเหิน - [ 6 มี.ค. 52 10:59:55 A:203.149.29.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 69 หม่อมอุ๋ย แบงก์ชาติ กองทุนฟื้นฟูก็ให้สัมภาษณ์อย่างนี้มาตลอด           "แต่ไม่ปรากฏในคำพิพากษา ในนี้อ้างหม่อมอุ๋ยเหมือนกัน แต่บอกว่ากองทุนฟื้นฟูมีหนี้จำนวนมาก สมัยรัฐบาลนายชวนเป็นนายกฯ นายธารินทร์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังออกพันธบัตร 5 แสนล้านบาทเพื่อหาเงินมาล้างหนี้ให้กองทุนฟื้นฟู พยานเองก็เสนอรัฐบาลออกพันธบัตรประมาณ 8.7 แสนล้านบาท เพื่อล้างหนี้ให้กองทุนฟื้นฟู ซึ่งมันไม่ support เลยว่าคุณชวนที่เป็นนายกฯไปสั่งกองทุนฟื้นฟูอย่างไร การอ้างของศาลไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลกัน มันไม่ได้เป็นการตัดสินใจโดยนายกฯนี่" ไม่รู้ว่าหม่อมอุ๋ยให้การอย่างนี้ในศาลหรือเปล่า           "ต้องไปเอาคำให้การของเขามาอ่าน คำพิพากษาสรุปคำให้การแล้วตัดมาเป็นช่วง โดยเฉพาะท่อนของหม่อมอุ๋ย ไม่มีที่ไหนที่หม่อมอุ๋ยพูดว่านายกรัฐมนตรีกำกับ การออกพันธบัตรนายกฯสั่งให้ออกเองหรือ มันเป็นมติ ครม.แต่ผมไม่รู้ว่าศาลเอามา support ว่านายกฯสั่งการกองทุนฟื้นฟูได้อย่างไร" ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่งถ้าทักษิณสั่งให้แบงก์ชาติและกองทุนฟื้นฟูช่วยเหลือเรื่องการประมูล หม่อมอุ๋ยและกองทุนฯ ก็ต้องเป็นพยาน "ซึ่งไม่มีคำให้การอย่างนี้ อำนาจในการจัดการเรื่องนี้เป็นของคณะกรรมการจัดการกองทุน นายกไม่สามารถเข้ามาสั่งการได้โดยตรงหรือกำกับโดยตรง" เชื่อได้ว่า ไม่สมควร น่าจะ "ที่หนักคือในคำพิพากษามีถ้อยคำแบบนี้ คือศาลคาดหมายเอาเยอะ ศาลบอกว่าจำเลยที่หนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีมีฐานะมั่งคั่ง มีอำนาจบารมีทางการเมืองสูง เป็นที่ยอมรับทั้งในคณะรัฐมนตรีและทางการเมืองมาก หากพิจารณาด้านธรรมาภิบาลแล้ว บุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีและภรรยาไม่สมควรเข้าไปซื้อทรัพย์สินต่างๆ"           "สมควรหรือไม่สมควรคุณ judge เอาไม่เป็นปัญหา แต่ถามว่าแล้วมันต้องติดคุกไหม นี่อีกเรื่องหนึ่งนะ ควรหรือไม่ควร และก็เอาคำเบิกความของนายเกริก วณิกกุล ว่าก่อนมีการประมูลขายมีข่าวว่าภริยานายกฯจะมาประมูลที่ดินแปลงนี้เช่นกัน แสดงว่าข่าวจำเลยที่สองจะเข้าประมูลได้แพร่กระจายอยู่ก่อนแล้ว และอาจจะกล่าวได้ว่าข้าราชการส่วนใหญ่มักจำยอมผู้มีอำนาจบารมีเหนือตน" "ศาลไปคิดในทิศทางแบบนั้น และไปพูดถึงการเสนอราคา ศาลไปพูดถึงการกำหนดวงเงินมัดจำ ว่ามีการกำหนดวงเงินมัดจำไว้สูงมากเพียงใดก็สามารถกีดกันผู้เข้าประมูลให้น้อยลงไปด้วย ซึ่งไม่ใช่เลย เพราะถ้าไม่กำหนดวงเงินความเสียหายจะเกิด การกำหนดวงเงินมัดจำจะต้องดูมูลค่าทรัพย์สิน เราบอกไม่ได้ว่ากำหนดเงินมัดจำพันล้านสูงเกินไปหรือเปล่า ถ้าทรัพย์สินนั้นมีมูลค่า 5 แสนล้าน พันล้านก็ถือว่าสูง อันนี้กำหนดไว้ 100 ล้าน มูลค่าทรัพย์สิน 700-800 ล้าน มันก็โอเคนะ คุณจะซื้อของมูลค่า 800 บาท มัดจำ 100 ก็โอเค" "ที่ประหลาดคือศาลไปบอกว่ามีผู้เสนอประมูล 3 ราย รายแรก 730 ล้าน รายที่สอง 750 ล้าน จำเลย 772 ล้าน แต่ก็เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 เสนอราคาสูงก็ตาม ก็ยังต่ำกว่าราคาขั้นต่ำ 870 ล้าน ที่ตั้งไว้ในการประมูลครั้งแรก"           "อันนี้ศาลไม่ได้พูดถึงว่าการประมูลครั้งแรกถูกยกเลิก เพราะมีที่ดินส่วนหนึ่งเป็นที่สาธารณะ การกำหนดครั้งหลังจึงไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ ตัวเลข 870 ล้านมาจากไหน เกิดจากราคาประเมินของกรมที่ดินบวก 15 เปอร์เซ็นต์ ราคากลางกรมที่ดินคือ 754 ล้าน ปรับเพิ่มแล้วร้อยละ 15 เมื่อตัดที่สาธารณะออก มันก็ควรจะต้องลด และมันไม่ได้ต่ำกว่าราคาของกรมที่ดิน"           "คำถามคือว่าศาลเอาเหตุผลว่าการเสนอราคา 772 ล้านบาท ยังต่ำกว่าราคาขั้นต่ำ 870 ล้าน ในการประมูลครั้งแรกได้อย่างไร เพราะเป็นการประมูลคนละคราวกัน อย่างนี้ต่อไปประมูลครั้งแรกตั้งราคาเท่านั้นแล้วขายไม่ออก ประมูลครั้งหลัง ถ้ามีคนประมูลได้ราคาต่ำกว่านั้นก็จะผิดตลอดใช่ไหม และศาลก็บอกว่าห่างกัน 20 ล้านบาทน่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และแม้คณะกรรมการเห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสมแต่ยังอาจไม่ใช่ราคาสูงสุดที่ควรจะขายได้ ศาลเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ว่าแล้วราคาสูงสุดที่ควรจะขายได้คือเท่าไหร่"           "และก็บอกว่าพิเคราะห์ว่าผู้เข้าประมูลซื้อที่ดินแข่งกับจำเลยที่ 2 ทั้งสองรายต่างก็รู้ว่ากำลังเสนอราคาประมูลแข่งกับภริยานายก น่าเชื่อว่าผู้เข้าประมูลซื้อทั้งสองรายย่อมต้องรู้ว่าไม่สมควรที่จะชนะการประมูลครั้งนี้ ผลการประมูลจึงออกมาว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้เสนอราคาสูงสุด จึงเห็นได้ว่ากองทุนฯ ไม่สามารถขายที่ดินตามฟ้องทั้งแปลงโดยการแข่งขันอย่างเป็นธรรม"           "ถ้าศาลจะพิจารณาเรื่องนี้ศาลต้องไปว่ากันตามกฎหมายฮั้ว fact มันคนละตัวกัน เพราะนี่กำลังจะเอาผิดในการไปเป็นคู่สัญญา มันคนละฐานความผิดกัน"           "ในที่สุดแล้วเป็นเรื่องลักษณะของสัญญา อย่างที่ยกตัวอย่างเรื่องเวนคืน ที่ดินเป็นของภรรยาผม กฎหมายเวนคืนออกมา ภรรยาผมตกลงทำสัญญา ถามว่าอย่างนี้ผมต้องติดคุก กลายเป็นว่าภรรยาผมเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐ ผมให้ความเห็นตั้งแต่ปี 2547 แล้วว่าสัญญาตามมาตรา 100 ของป.ป.ช.คงไม่ใช่สัญญาทุกชนิด มันต้องหมายถึงสัญญาซึ่งตัวเจ้าหน้าที่หน่วยงานนั้นมีดุลยพินิจในการกำหนดเนื้อหาของสัญญาได้ ไม่ใช่สัญญาที่เป็นเรื่อง standard ทั่วไป เพราะฉะนั้นในคำพิพากษานี้ก็มีข้อที่น่าจะพิเคราะห์หลายประการ ทั้งในแง่ตัวบทกฎหมายในเชิงการบัญญัติและการตีความ ง่ายที่สุดก็คือใครจะไปรู้ ขนาดคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลสูงสุดยัง 5:4 เลย และก็เป็นเรื่องติดคุกติดตะราง ผมก็เห็นต่างไปในเรื่องนี้" คำพิพากษาไม่ได้พูดเรื่องลักษณะของสัญญาเลยหรือ           "มีในคำพิพากษาเสียงข้างน้อย แต่ไม่มีการหักล้างประเด็นนี้ในคำพิพากษากลาง ไม่มีการหักล้างว่าลักษณะของสัญญาตามมาตรา 100 หมายความว่าอย่างไร ก็กลายไปเป็นพยายามไปชี้ถึงความไม่ชอบธรรมของการเข้าประมูลเป็นสำคัญ" “มีคำว่าเชื่อได้ว่า ไม่สมควร น่าจะ น่าเชื่อว่า อาจจะไม่ใช่ราคาสูงสุด น่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีคำอย่างนี้อยู่เยอะ พวกนี้เป็นคำไม่บ่งชี้อะไรเลย แต่มารวมๆ กันแล้วกลายเป็นเกณฑ์ที่ถึงที่สุดแล้วเอาคนเข้าคุก" ประเด็นนี้เสียงข้างน้อยเห็นอย่างไร วรเจตน์ยก อ.ประพันธ์ ซึ่งเขาบอกว่ามีความเห็นตรงกันเกือบทุกประเด็น "อ.ประพันธ์พูดถึงลักษณะของสัญญา บอกว่า (อ่าน) มิได้หมายความว่าการเข้าทำสัญญาทุกกรณีเป็นความผิดเสมอไป มิฉะนั้นนายกรัฐมนตรีเข้าทำสัญญากับรัฐจะเป็นความผิดทุกกรณี แต่ต้องพิจารณาถึงสัญญาหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจกำกับควบคุม ดูแล และมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ธรรมในการใช้อำนาจในการกำกับดูแลที่เรียกว่าธรรมาภิบาล หรือหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Governance) คือไม่ให้เกิดความขัดแย้งของผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐ ไม่ให้ถ่ายเทไปยังผลประโยชน์ส่วนบุคคลอย่างมิชอบ ไม่ได้หมายถึงสัญญาที่เป็นประโยชน์แก่รัฐโดยรวมจริงๆ และปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่กำหนดโดยทั่วไป...." "คือมาตรา 100 โดย sense มันแรงแต่ต้องเขียนให้ชัด ต้องตีความโดยคำนึงถึงเบื้องหลังตัวบท ว่าเขาต้องการขจัดการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวม สัญญาอะไรที่ไม่มีการขัดกัน จึงไม่อยู่ในความหมายของมาตรานี้ การเป็นคู่สัญญาก็ไม่ผิดมาตรานี้" ถ้าอย่างนี้มาตรา 100 ควรกำหนดว่าต้องทุจริตด้วยไหม           "มันเป็นเรื่องการประเมิน ผมมีความเห็นว่าถ้าคุณจะเอาผิดในทางอาญาต้องทุจริต หรือไม่อย่างนั้นต้องเขียนให้ชัดว่าเป็นสัญญาที่ขัดกันในผลประโยชน์ ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้ ก็ต้องเขียนไปเลยว่าห้ามทำอะไร"           วรเจตน์ชี้ว่าเมื่อเป็นอย่างนี้ก็คือการเอาคนเข้าคุกโดยการตีความ จากคุณ : ดาวเหิน - [ 6 มี.ค. 52 11:00:32 A:203.149.29.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 70 ถ้าใช้ชื่อบริษัทซื้อ ทรัพท์สินก็เป็นของบริษัท แน่นอน ต้องถือว่าผู้ถือหุ้นทุกคนเป็นเจ้าของ ซึ่งถ้าใช้ชื่อตัวเอง และใช้เงินตัวเอง ซื้อทรัพย์สินเป็นของส่วนบุคคลไงครับ จากคุณ : BiGTeDDy - [ 6 มี.ค. 52 11:18:53 A:58.8.10.225 X: ]

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้าตัวอย่างเรื่องฝิ่น นศ ครูเอาตัวกระดาษที่เ็ก็บได้ซึ่งมีเพียงแค่เศษเล็กๆมีตัว ก ไก่แค่ 1ตัว ไปถาม นร หลายคนว่า ไอ่นี้คือฝิ่นใช่หรือไม่ นร ทุกคนบอกว่าไม่ใช่หรอก มี ก ไก่ตัวเดียวจะเป็นฝิ่นได้ไง อีกอย่างวิชาืที่สอบก็เป็นภาษาอังกฤษ ก ไก่ ไม่ได้ช่วยเรื่องสอบแน่ๆ แต่ครูก็สรุปว่า เอาเถอะ นักเรียนที่้เป็นพยานมันโง่ กระดาษที่มีตัวหนังสือในห้องสอบยังไงก็เรียกว่า ฝิ่น โทษฐานมีฝิ่นไม่ใช่ปรับตก ไม่ใช่ไล่ออก แต่ให้เอาไปติดคุก จากคุณ : ดาวเหิน - [ 6 มี.ค. 52 11:33:54 A:203.149.29.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 72 คาใจและสงสัยเช่นกันการซื้อที่ดินเมื่อภรรยาซื้อไม่ผิดและท่านเซ็นต์ชื่อให้ซื้อเพราะเป็นสามีต้องเซ็นต์รับรู้ตามกฎหมายที่ดิน ไม่เซ็นต์ก็ผิด และท่านโกงเงินประเทศตรงไหน เรางงอยู่จนทุกวันนี้แต่บอกให้เลยว่าเราจะไม่ให้ลูกหลานเรียนกฎหมายเด็ดขาดเพราะจุดยืนของความถูกต้องไม่มี จากคุณ : Okata - [ 6 มี.ค. 52 11:34:35 A:10.36.1.56 X:10.1.5.21, 58.137.129.220 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ลองเทียบกับ กรณี บุกรุกพื้นที่เขายายเที่ยง ....ศษลบอกว่า สุรยุทธ ไม่มีเจตนา เพราะ ไม่รู้ว่าเป็น เขตป่าสงวน .....สุรยุทธเป็นถึง องคมนตรี ทำไมถึงไม่รู้ ..แต่ทำไม่ชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ...พระสงฆ์ ..ถึง รู้ ....ศาล ตัดสินออกมาได้ ไ ม่อายฟ้าอายดิน จากคุณ : kowmolt - [ 6 มี.ค. 52 11:38:37 A:125.24.200.249 X: ]

ความคิดเห็นที่ 74 กองทุนเสียหายไม่เสียหายดูเอาเองครับ ว่าราคาต่ำไปไหม กองทุนซื้อ 2 แปลง(ซื้อปี 38) แปลงแรก 85 ไร่ ราคา 2749ล้าน แปลงที่สอง 35 ไร่ ราคา 2140ล้าน ขายที่ดินแปลงที่2 ปี 46 หลังจากรางวัดใหม่(ตัดส่วนที่ทำถนนออกไป) จำนวน 33 ไร่ ราคาสูงสุดที่ประมูลได้คือ 772 ล้าน คุณเชื่อไหมล่ะว่าราคาที่ดินตกได้ขนาดนี้ จากคุณ : ดินเหนียวปนทราย - [ 6 มี.ค. 52 13:18:37 A:203.159.101.18 X:203.159.12.200 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เชื่อได้ว่า ไม่สมควร น่าจะ น่าเชื่อว่า อาจจะไม่ใช่ราคาสูงสุด น่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นการตัดสินโดยตั้งอยู่บนสมติฐาน ว่านักการเมือง เลว ชั่ว ในทางอาญา หลักในทางกฎหมายอาญาเขายึดหลักไม่มีความผิดไม่มีโทษ โดยไม่มีกฎหมาย หมายถึงไม่มีความผิดไม่มีโทษ ขาดเจตนา ไม่รู้ว่าเป็นความผิด สมควรยกโทษ หรือรอลงอาญา หรือไม่.? หรือแค่โทษปรับหรือไม่.? จากคุณ : ลุงซ่าส์อโยธยา - [ 6 มี.ค. 52 13:42:34 A:192.168.0.17 X:125.26.14.98 ]

ความคิดเห็นที่ 76 "  รัฐบาลทักษิณ ยังประกาศให้วันที่ 31 ธันวาคม 2546 ไม่เป็นวันหยุดราชการ เอื้อให้เกิดการเร่งรัดโอนที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งช่วยให้คู่สมรสนายกรัฐมนตรีสามารถประหยัดค่าโอนที่ดินมากกว่า 10 ล้านบาท เพราะหากโอนที่ดินในช่วงปี 2546 จะทำให้ผู้ซื้อที่ดินแปลงนี้ต้องจ่ายเงินประมาณ 7 แสนบาท แต่ถ้าโอนไม่ทันในปี 2546 หากรอถึงปี 2547 ก็จะมีการปรับขึ้นค่าโอน ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อที่ดินแปลงนี้ต้องจ่ายค่าโอนมากถึง 15 ล้านบาท เท่ากับว่า ทำให้เสียโอกาสได้ผลประโยชน์ส่วนรวม มูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาทไปเฉยๆ " :-) ตอนนั้น ยังงง ๆ ว่า ทำไมแม้ว มันประกาศให้ 31 ธันวา 46 เปิดราชการ โดยอ้างว่าเพื่อให้ได้หยุดยาวอีกหลายวันต่อมา..ไม่นึกว่ามันฉลาด แกมโกง เพื่อจะช่วยให้อ้อไปเซ็นโอนที่ดินในวันสุดท้าย ของ ปี  46 เพื่อประโยชน์ของเมีัยมันเอง..เลวยำๆ จริง ๆ จากคุณ : Nazed - [ 6 มี.ค. 52 14:29:56 A:222.123.151.221 X: ]

ความคิดเห็นที่ 77 คห.76 ครับ เคยมีคนถกกันเรื่องวันที่ทำนิติกรรมแล้วครับ เป็นวันที่ 30 นะครับ จากคุณ : weerapol666 - [ 6 มี.ค. 52 14:54:44 A:222.123.133.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 78 ถ้าถามผมนะ คุณพจมานและคุณทักษิณ ผิดมั้ย เรื่องที่ดินรัชดา ในแง่กฎหมาย ไม่ผิดแน่นอน ในแง่จริยธรรม ไม่สมควรไปประมูลตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 14:56:55 จากคุณ : red_devil - [ 6 มี.ค. 52 14:56:25 A:117.47.182.21 X: ]

ความคิดเห็นที่ 79 โอเคครับในเมื่อศาลตัดสินว่าผิดก็ผิด แต่เงินที่นำไปประมูล ก็คืนเค้าดิ ในเมื่อยึดที่ดินคืน เล่นแบบนี้ไม่แฟร์เลยผมว่า ผิดแบบนี้ก็มีด้วย amazing thailand จากคุณ : เด็กหาดใหญ่ (kokokla) - [ 6 มี.ค. 52 15:41:47 A:222.123.140.100 X: ]

ความคิดเห็นที่ 80 การเลื่อนวันหยุดปีใหม่ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 คณะรัฐมนตรีมีมติเลื่อนวันหยุดปีใหม่ จากวันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันที่ 2 มกราคม (http://www.becnews.com/backissue/hot-news/2003_11_25_news.html )โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ประชาชนได้หยุดยาวตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 4 มกราคม พ.ศ. 2547 ซึ่งส่งผลให้การซื้อขายที่ดินรัชดา สามารถดำเนินการได้ทันในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2546 และเสียค่าธรรมเนียมโอนที่ดิน เฉพาะกรณีปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ในอัตราลดหย่อน เพียง 0.01% มีผลใช้บังคับถึงสิ้นปี พ.ศ. 2546 แต่ต่อมาในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2546 กรมที่ดินได้ขยายระยะเวลาใช้อัตราลดหย่อน ไปอีก 1 ปีจนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2547 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B8%B2#cite_note-0 ***การโอนที่ดินเสร็จตั้งแต่วันที่ 30 แล้ว การเลื่อนวันหยุดวันที่ 31 เกี่ยวอะไร? จากคุณ : ดาวเหิน - [ 6 มี.ค. 52 16:32:33 A:203.149.29.49 X: ]

ความคิดเห็นที่ 81 อัยการนำ นายเกริก วณิกกุล เจ้าหน้าที่ ธปท. อดีตผู้จัดการกองทุนฯ ปี 2545 เข้าเบิกความสรุปว่า ที่ดินรัชดาเดิมเป็นของ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เอราวัณ ทรัสต์ เมื่อปี 2538 ที่ดินดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาทเศษ แต่เมื่อโอนมาเป็นของกองทุนฯ แล้วมีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 2 พันล้านบาทเศษ เนื่องจากกองทุนได้นำเงินเข้าไปช่วยเหลือการสภาพคล่องของ เอราวัณทรัสต์ ให้ดำรงอยู่ได้ ซึ่งถ้าหากเอราวัณทรัสต์ล้ม กองทุนฯ ก็จะเป็นเจ้าหนี้ด้วย ส่วนที่มูลค่าที่ดินลดลงจาก 2 พันล้านในปี 2544 เหลือเพียง 700 ล้านบาทเศษ นายเกริก เบิกความว่า โดยหลักการทางบัญชีเมื่อกองทุนได้สนับสนุนสภาพคล่อง เอราวัณทรัสต์ แต่กองทุนมีสองสภานะซึ่งนอกจากจะเป็นนิติบุคคลแล้ว อีกสถานะหนึ่งขึ้นตรงกับ ธปท. ซึ่ง ธปท.จะต้องถูกตรวจสอบบัญชีโดยสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่จะต้องแสดงตัวเลขหนี้สินทรัพย์ให้ชัดเจนเพื่อความสะดวกในการทวงถามติดตามหนี้สินที่เกิดขึ้นที่แท้จริง ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีหนี้สินอยู่กับกองทุนฯ 100 ล้านบาท แต่ราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 50 ล้านบาท ก็จะเท่ากับว่ามูลค่าหนี้ที่แท้จริงเหลืออยู่ 50 ล้านบาท นายเกริก เบิกความต่อว่า ส่วนการขายที่ดินครั้งที่สองที่กองทุนฯได้ทำการรวมโฉนดแปลงย่อย 13 แปลง เป็นโฉนดใหญ่ 4 แปลง เนื่องจากในการขายที่ดินครั้งแรก กองทุนฯพยายามขายแล้วแต่ไม่มีผู้ซื้อ จึงกลับมาคิดหาสาเหตุ ซึ่งคณะกรรมกองทุนฯส่วนหนึ่งเห็นว่า ตั้งราคาขายที่ดินสูงเกินไป และอีกส่วนหนึ่งเห็นว่า น่าจะทำการรวมโฉนดที่ดินเพื่อความสะดวกของผู้ซื้อ ดังนั้นคณะกรรมการจึงมีมติให้รวมโฉนด ซึ่งพยานเห็นว่าไม่ทำให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เหมือนการรวมแบงค์ 100 บาท 5 ใบ เป็นแบงค์ 500 บาท 1 ใบ ส่วนเรื่องการวางเงินมัดจำซองประมูลที่ครั้งแรกกำหนดไว้เพียง 10 ล้านบาท แต่ครั้งที่ 2 เพิ่มวงเงินเป็น 100 ล้านบาทนั้น รายละเอียดพยานจำไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของมติกรรมการกองทุน ซึ่งการซื้อขายที่ดินทุกครั้งจะต้องมีการกำหนดราคากลางเสมอ ต่อมาอัยการนำ นายไพโรจน์ เฮงสกุล อดีตผู้จัดการกองทุนฯ ช่วงปี 2549-50 เข้าเบิกความสรุปว่า พยานเคยให้การกับ คตส. ว่านายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีอำนาจกำกับดูแลกองทุนฯ โดยตรง แต่เหตุที่พยานทำหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษคดีนี้ เนื่องจาก คตส. ได้มีหนังสือถึงกระทรวงการคลังส่งเรื่องให้กองทุนฯและที่ประชุมกรรมการกองทุนฯ ให้พิจารณาร้องทุกข์ เพราะ คตส. เห็นว่า การเข้าประมูลซื้อขายที่ดินไม่ชอบด้วย กฎหมาย ม.100 (พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.) ตนในฐานะผู้จัดการกองทุนจึงเป็นผู้แทนเข้าร้องทุกข์ นายไพโรจน์ เบิกความว่า กองทุนอยู่ภายใน ธปท. ในส่วนของการดำเนินการจึงเป็นไปตามคำสั่ง ธปท. แต่ถ้าส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับรัฐวิสาหกิจ ก็จะปฏิบัติตามระเบียบของรัฐวิสาหกิจนั้น ส่วนเรื่องหลักเกณฑ์การวางซองมัดจำซื้อขายที่ดินพิพาทคดีนี้ ซึ่งต้องโอนเงินสดจำนวน 100 ล้านบาทเข้าบัญชีกองทุนฯ ส่วนที่ดินที่ขายให้ อสมท.จำนวน 50 ไร่ ที่ให้วางเป็นแคชเชียร์เช็คนั้น พยานเห็นว่าไม่มีปัญหาความแตกต่าง เพราะถึงจะวางเป็นแคชเชียร์เช็คก็จะต้องนำเข้าบัญชีเงินฝากกองทุนเช่นเดียวกัน ส่วนที่กองทุนจะได้ดอกเบี้ยหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อตกลงกับธนาคาร ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เบิกความสรุปว่า ขณะเกิดเหตุเป็นผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และประธานกรรมการจัดการกองทุนฯ เหตุที่ทำการขายที่ดินทางเว็บไซต์ครั้งแรกเสนอการกำหนดราคาวางเงินมัดจำซองประมูลจาก 10 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาทในครั้งที่ 2 ที่ทำการขายด้วยวิธีเปิดซองราคา เนื่องจากในการซื้อขายก็ยังไม่ทราบว่าผู้ประมูลจะเสนอราคาแตกต่างกันอย่างไร หากจะกำหนดเงินมัดจำซองน้อยเกินไปแล้วพบว่าในการประกวดราคาของผู้ที่เสนอราคาลำดับที่ 1 และ 2 แตกต่างกันเพียง 20 ถึง 30 ล้านบาทแล้วก็อาจส่งผลให้มีการทิ้งซองยอมให้ปรับ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนจำนวนเงินมัดจำซองให้สูงขึ้น ส่วนที่การครั้งแรกได้มีการกำหนดราคาขั้นต่ำจำนวน 870 ล้านบาท เป็นราคาประเมินที่ดินบวก 15 เปอร์เซ็นต์ แต่ในครั้งที่ 2 ไม่ได้มีการกำหนดราคาขั้นต่ำ แต่คณะกรรมการกองทุนมีราคาขั้นต่ำในใจ ซึ่งเป็นราคาประเมินที่ดินไม่ต่ำกว่า 600 ล้าน เพราะเห็นว่าในครั้งแรกไม่มีคนซื้อ ซึ่งจากการสอบถามเหตุผลทราบว่าที่ดิน 35 ไร่ มีที่ดินประมาณ 2 ไร่เศษที่เป็นส่วนของถนน คลอง ลำรางสาธารณะ และการซื้อขายครั้งแรกมีการกำหนดราคาขั้นต่ำไว้สูงด้วย และถึงแม้คณะกรรมการจะไม่ได้กำหนดราคาขั้นต่ำ แต่กำหนดราคาไว้ในใจ แต่การขายที่ดินจะต้องได้ไม่ต่ำกว่าราคาประเมิน หากขายต่ำกว่าก็จะต้องติดคุก ส่วนที่ให้มีการรวมโฉนดในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเห็นว่าในการประมูลซื้อขายที่ดินน่าจะดำเนินการได้ก็ควรทำ ขณะที่รัฐบาลได้ออกประกาศยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมให้คิดในราคาที่ต่ำลงก็จะทำให้มีคนมาเสนอซื้อจำนวนมาก จากคุณ : ดาวเหิน - [ 6 มี.ค. 52 16:44:04 A:203.149.29.49 X: ]

ความคิดเห็นที่ 82 คุณดาวเหิน เรื่องที่ดินราคาถูกหรือแพง ผมให้ข้อคิดเห็นไปแล้ว ในความเห็นที่ ๓๕  คงไม่กล่าวซ้ำ แต่ขอบอกว่าที่เอาความเห็นหม่อมอุ๋ยมาแย้ง ผมว่าฟังไม่มีน้ำหนักเท่าไร ขืนท่านบอกว่าขายถูกเกินไป ท่านก็ผิดด้วย เอาประเด็นของดร.วรเจตน์ก็แล้วกัน ก็อปปี้มา ถ้าอย่างนี้มาตรา 100 ควรกำหนดว่าต้องทุจริตด้วยไหม          "มันเป็นเรื่องการประเมิน ผมมีความเห็นว่าถ้าคุณจะเอาผิดในทางอาญาต้องทุจริต หรือไม่อย่างนั้นต้องเขียนให้ชัดว่าเป็นสัญญาที่ขัดกันในผลประโยชน์ ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้ ก็ต้องเขียนไปเลยว่าห้ามทำอะไร"          วรเจตน์ชี้ว่าเมื่อเป็นอย่างนี้ก็คือการเอาคนเข้าคุกโดยการตีความ .......................................................................................... เรื่องแรกที่ผมจะขอพูด คือความเห็นแย้งมาตรา ๑๐๐ นี้ ทำไมไม่มีนักวิชาการสักคนออกมาแย้งในปี ๒๕๔๒ ที่ออกกฎหมายนี้ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ๔๐ เจ้าหน้าที่รัฐเขายอมรับกันได้มา ๑๐ ปี ไม่มีนักวิชาการหน้าไหนออกมาโวย มาบอกว่ากฎหมายไม่เป็นธรรมตอนที่พิพากษานายกทักษิณติดคุก เรื่องที่สองคือกฎหมายนี้เป็นกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญ ๔๐ ที่เรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญ ๔๐ กลับมา อยากได้รัฐธรรมนูญ ๔๐ ทำไมไม่ยอมรับกฏหมายลูก เรื่องที่สาม กฏหมายนี้ไม่เป็นธรรมจริงหรือ เรามีกฎห้ามนำกระดาษโน๊ตเข้าห้องสอบ จะใส่ในกางเกง กระเป๋าเสื้อก็ไม่ได้ เพราะคิดล่วงหน้าว่า ใครมีกระดาษโน๊ต คงมีเจตนาทุจริต การที่กฏหมายนี้จะออกล้อมคอก มองเจ้าหน้าที่รัฐในทางลบ เหมือนห้ามเด็กเอากระดาษโน๊ตเข้าห้องสอบ ไม่เป็นธรรมตรงไหน สรุปด้วยว่าแนวคิดนี้ เพื่อป้องกันการทุจริต จึงมีกฎหมายลงโทษผู้ที่กระทำการซึ่งอาจนำไปสู่การทุจริต ในพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐๐, ๑๐๓ คุณเห็นด้วยกับดร.วรเจตน์จริงๆหรือที่จะไม่ให้มีการลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำผิดจริยธรรม ที่กระทำการซึ่งอาจนำไปสู่การทุจริต ซึ่งถ้าคุณเห็นด้วยหมายความว่าจะต้องยกเลิก มาตรา ๑๐๐  และ มาตรา ๑๐๓ ต่อไปเจ้าหน้าที่รัฐสามารถ ๑) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติ หน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี ๒) เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี ๓) รับสัมปทานหรือคงถือไว้ซึ่งสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่นอันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อม หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ๔) เข้าไปมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน พนักงานหรือลูกจ้างในธุรกิจของเอกชนซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่หรือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจของเอกชนนั้นอาจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ทางราชการ หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ๕) รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย โดยไม่มีข้อจำกัด จะเอากันอย่างนั้นหรือต่อไปเจ้าหน้าที่รัฐคนใด ทำข้อ ๑ ถึง ๕ ได้ตามสบาย ไม่ต้องติดคุก พ่อค้าเอาเงิน ๑๐๐ ล้านมาให้เป็นของขวัญปีใหม่ ก็รับได้ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นการรับสินบน ซึ่งในทางปกติจับยากมาก เขาถึงออกกฎให้รับของขวัญได้ไม่เกิน ๓๐๐๐ บาท อธิบดีจะให้บริษัทภริยามาประมูลงานในกรมก็ได้ บางคนอาจจะบอกว่าลงโทษแค่ไล่ออกก็พอ ไม่ต้องติดคุก แต่นายกทักษิณไม่ได้เป็นนายกแล้ว ก็รอดไป ถ้าแก้กฎหมายตามนี้ เพียงคนๆเดียวยอมแก้กฏหมายขนาดนั้นเลยหรือครับ ทุกวันนี้คนใหญ่ๆโตๆมันก็ใกล้เกษียณกันทั้งนั้น นักการเมืองก็เป็นศรีธนญชัยไล่ออกวันนี้ก็หน้าหนากลับมาใหม่วันพรุ่งนี้ได้ จะไปกลัวอะไรกับการไล่ออก ถ้าทำผิดจริยธรรมแล้วคุ้ม แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 21:11:39 จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 21:07:37 A:192.168.0.17 X:124.120.224.180 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คุณ เด็กหาดใหญ่ (kokokla) ที่ดินไม่ได้ยึดครับ จะคืนเงินได้อย่างไร ไม่มีหลักฐานว่าทุจริต จะไปยึดที่ดิน หรือลงโทษคุณหญิงไม่ได้ นายกผิดแต่จริยธรรม ในข้อที่เขาห้ามไม่ให้ทำ เพราะการกระทำดังกล่าวส่อว่าอาจทุจริตหรืออาจทำให้รัฐเสียหาย จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 21:25:14 A:192.168.0.17 X:124.120.224.180 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ความคิดเห็นที่ 83.. คุณ Pom.com ครับ.. งั้นถ้าอดีตนายก ผิดจริยธรรม.. แล้วหมายถึง อดีตนายกทำผิดกฎหมายด้วยหรือเปล่าครับ.. ผิดจริยธรรมโดยไม่ผิดกฎหมาย กับโทษจำคุก 2 ปี .. เหมาะสมและเป็นธรรมดีแล้วหรือครับ ??? -------------------------------------------------------------------------- คนเราไม่ว่าจะมือนิ่งใจนิ่งสักแค่ไหน ใช้ดินสอ ลากเส้นตรงให้ตรงแป๊ะ โดยไม่ใช้ไม้บรรทัด มันจะเป็นไปได้หรือครับ ??? เช่นเดียวกัน การตัดสินใคร โดยไม่ได้ยึดฐานจากตัวบทกฎหมาย แต่ยึดเอาจากความรู้สึกของตัวเอง.. แล้วเราจะมีกฎหมายกันไว้ทำอะไรครับผม.. --------------------------------------------------------------------------- อดีตนายกฯ จะผิด จะถูก จะติดคุก หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเดือดร้อนด้วย.. แต่ที่พยายามชี้ให้เห็นก็คือ การตัดสินเรื่องใดๆให้ใครผิดโดยยึดเอา จริยธรรมของผู้ตัดสิน อย่างเช่นกรณีนี้ มันจะกลายเป็นบรรทัดฐานของสังคม ในกาลต่อไป..เราจะยอมรับกันเช่นนั้นหรือครับ..!! จากคุณ : Vee&Cat - [ 6 มี.ค. 52 22:18:42 A:114.128.248.176 X: ]

ความคิดเห็นที่ 85 คุณ Vee&Cat นายกทักษิณทำผิดกฎหมายครับ เพราะกฎหมายฉบับนี้ ถือว่าการทำผิดจริยธรรมเฉพาะตามที่ระบุ ๕ ข้อ เป็นความผิดอาญา ทำผิดจริยธรรมอย่างอื่น ไม่ผิดอาญา ไม่ต้องตีความว่าผิดจริยธรรมแบบไหน ผิดกฎหมายหรือไม่ การตัดสินของศาลไม่ได้ใช้ความรู้สึกตัดสินครับ ตัดสินไปตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงในมุมมองของผู้พิพากษาแต่ละคน (ซึ่งประเด็นหลักคือกองทุนฟื้นฟูอยู่ใต้อำนาจนายกหรือไม่) ถ้าใช้ความรู้สึกตัดสิน ผมเชื่อว่าผลออกมานายกทักษิณจะผิด ๙ ต่อ ๐ ไม่ใช่ ๕ ต่อ ๔ เพราะข้อเท็จจริง นายกทักษิณไม่ได้สนใจจริยธรรมว่าเป็นนายกไม่ควรประมูลสมบัติรัฐ แข่งกับประชาชน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ห้ามไว้ชัดเจน สนใจแต่เพียงว่า การประมูลสมบัติรัฐครั้งนี้ มันผิดกฎหมายหรือไม่ (กองทุนฟื้นฟูอยู่ในสถานะใด) แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 22:58:52 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 22:53:37 จากคุณ : Pom.com - [ 6 มี.ค. 52 22:50:46 A:124.120.224.180 X: ]

ความคิดเห็นที่ 86 ทุกท่านผมว่าเลิกเถียงกันดีกว่า  เพราะความจริงทุกคนก็รู้ๆอยู่แล้ว    ผมไม่เชื้อว่าทุกท่านในนี้จะเป็นคนโง่  แต่เวลานี้ผมอยากให้ทุกท่านช่วยกันคิดหน่อย ว่ามีวิธีไหน ที่จะทำให้สังคมเรากลับไปเหมือนเก่าไม่ดีกว่าหรือ  ผมไม่อยากเห็นคนไทยต้องฆ่ากันเอง ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีวันจบ จากคุณ : lee_mang - [ 6 มี.ค. 52 23:15:22 A:119.42.83.254 X: ]

ความคิดเห็นที่ 87 มีเหตุอันเชื่อได้ว่า ถูกกลั่นแกล้งและใส่ร้าย จากคุณ : เผ่นพันลี้ - [ 7 มี.ค. 52 01:38:23 A:125.25.248.210 X: ]

ความคิดเห็นที่ 88 คุณ sao..เหลือ..noi ผมไปบอกตรงไหนครับ ว่าใครไม่เห็นกับคคห.ของผม และ คำตัดสินนี้ เป็นอะไรที่ไร้สติ เข้าข้างคุณทักษิณ  หน้ามืดตามัว ไม่เข้าใจในเจตนารมย์ของกฎหมาย ผมว่าแต่นายกทักษิณคนเดียว และไม่ได้เอาเหตุจากการตัดสินของศาลเรื่องนี้เรื่องเดียวมาสรุป ให้ผมวิจารณ์ว่าทำไมกฤษฎีกาบอกว่าซื้อได้ ทำไมศาล ๔ ท่านบอกว่าไม่ผิด ในความเห็นผมคือ ประเด็นหลักมันก็คือเรื่องการตีความว่ากองทุนฟื้นฟูอยู่ใต้อำนาจนายกไหม ซึ่งตีความต่างกันไป ไม่แปลก ส่วนจะเป็นการวางธงไว้แล้วหรือไม่ นั่นผมไม่รู้ แต่การตีความแบบนี้ ผมก็ตีความมาตั้งนานแล้ว โดยไม่มีธง ใครที่ตัดสินว่านายกทักษิณไม่ผิด ก็เพราะเขาตีความว่ากองทุนฟื้นฟูไม่อยู่ใต้นายก ส่วนคนตัดสินจะมีจริยธรรมหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครตัดสินขัดกับข้อสรุปในใจของตนเอง ซึ่งผมตอบไม่ได้ว่ามีใครเป็นแบบนั้น แต่โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าศาลไม่มีธง และถ้าให้ศาลตัดสินโดยเอาเจตนารมณ์ของกฎหมายเป็นตัวตั้ง นายกทักษิณผิด ๙ ต่อ ๐ ไม่ใช่ ๕ ต่อ ๔ แน่นอน ส่วนข้อหาทางจริยธรรม ทำให้บ้านเมืองสงบยากหรือไม่ ผมว่าจะสงบง่ายหรือยาก ผมว่ามันมีประเด็นหลายเรื่อง ผมอ่านความเห็นทั้งหมดของหลายๆคน รู้ว่าหลายคนยังเข้าใจผิด บางคนนึกว่ากฏหมายนี้ดิ้นได้ ตีความได้ครอบจักรวาล ในการลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำผิดจริยธรรม ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ กฎหมายนี้โดยภาพรวมชัดเจนมาก ว่าทำผิดจริยธรรมแบบไหนถึงเข้าข่าย กรณีที่ดินรัชดาที่มันมีปัญหาเป็นเรื่องการตีความองค์ประกอบอื่นเท่านั้น ถ้างานนี้นายกทักษิณประมูลรถยนต์จากกรมศุลกากร ซึ่งอยู่ใต้อำนาจนายกโดยไม่กังขา ก็ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ถ้าทำความเข้าใจกฎหมายได้มากขึ้น คนส่วนหนึ่งก็จะมองโลกในแง่ดีมากขึ้น ทำไมคุณไม่คิดบ้างว่า ศาลอีก ๕ คนที่เหลือ เขาก็ตัดสินไปตามความคิดของเขาโดยไม่มีธงบ้าง หลายๆเรื่องมันขัดกันเอง ถ้าศาลสั่งได้จริง อย่างในกรณีนายกสมชาย ทำไมต้องรอสั่งจนพันธมิตรเข้าประท้วงที่สนามบิน ไม่สั่งก่อนนั้น ข้อหาทางจริยธรรม ถ้ามองว่ามันคือกฎหมาย มันก็ไม่เห็นแปลกอะไร แต่ผมเห็นว่าปัญหาของระบบยุติธรรม ไม่ใช่อยู่ที่ศาล แต่อยู่ที่กระบวนการส่งคดีเข้าสู่ศาล และการออกกฎหมาย ในยุคนายกทักษิณ ยันปัจจุบัน กระบวนนี้ตกอยู่ในมือผู้มีอำนาจรัฐ ทำให้มีปัญหาในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ความสงบของบ้านเมืองตอนนี้มันเลยจุดที่จะมีง่ายๆแล้ว แต่หลายเรื่องมันเป็นการประทุของสิ่งที่ซ่อนอยู่มานาน แบบกรณีนายใจและคณะ ซึ่งในกรณีแบบนี้ผมว่ามันก็มีจุดที่มีทั้งดีและเสียที่มันไม่สงบ หลายเรื่องเป็นการพัฒนาไปสู่การมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยความไม่สงบ ความไม่สงบหลายเรื่อง ถ้าคุมอยู่ในกรอบ จะเป็นเรื่องปกติ และเป็นเรื่องบวกในอนาคต หลายเรื่องก็เป็นการตื่นเต้นเกินเหตุ แบบภาพที่เอามาโพสบ่อยๆ แดงในสนามอารีน่า เมืองทอง แดงในสนามรัชมังคลา วานซืนร็อดสจ๊วดมา มันก็เต็มสนามอารีน่าเหมือนกัน นี่ขนาดมีข้อจำกัดเป็นแฟนเพลงอายุมาก แถมค่าตั๋วหลายพัน ส่วนจะให้เต็มรัชมังคลา มีนักร้องดังๆมา มันก็เต็มไม่ยาก สมัยไมเคิล แจ๊กสัน หนแรก มันก็เต็มสนามศุภ แต่หนสองที่ไทยญี่ปุ่นคนไม่เต็ม แต่ยังไงเบื้องต้น ความสงบจะมีได้มากขึ้นก็อยู่ที่นายกทักษิณ มีทางออก ๒ ทาง ๑. ยอมรับสภาพ อยู่เมืองนอกจนหมดคดีความ ๒. กลับเข้าประเทศ ติดคุก สู้คดีที่ค้าง ขอพระราชทานอภัยโทษในคดีที่ผิด ส่วนจะใช้วิธีอื่นแบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ผมว่าสุดท้ายคนที่สงบน้อยที่สุด ทุกข์ใจมากที่สุด ก็คือนายกทักษิณเอง แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 52 02:42:20 แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 52 02:38:56 แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 52 02:33:53 จากคุณ : Pom.com - [ 7 มี.ค. 52 02:07:39 A:124.120.224.180 X: ]

ความคิดเห็นที่ 89 รายชื่อหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจของประเทศไทย http://www.dld.go.th/Link/gov1.html ลองดูแล้วไม่เห็น ธนาคารแห่งประเทศไทย จะสังกัดกระทรวงใด กอง หรือกรม ใดๆ ครับ.. ก็อย่างว่า.. ขึ้นอยู่กับการตีความ.. หวังไว้ว่าในโอกาสหน้าการตีความในเรื่องใดๆกับใคร คงจะอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน.. กับที่ทำไว้..ก็แล้วกัน..!! จากคุณ : Vee&Cat - [ 7 มี.ค. 52 02:56:18 A:192.168.0.17 X:114.128.248.176 ]

ความคิดเห็นที่ 90 คุณ pom.com สรุป มาก็คือทักษิณผิด  ที่ไปประมูลซื้อที่ดิน    ไม่ใช่นะครับ คุณหญิงพจมานไปประมูลนะครับ  จุดประเด็นคือ คุณหญิงมีการถามผู้ดูแลและผู้เกี่ยวข้องผู้รู้ทั้งหลายแล้ว พร้อมกับ ได้มาประมูลเป็นครั้งที่สอง แล้วประมูลได้   คำถามต่อไปจะเป็นประเด็นที่ผมจะถามสรุปเป็นข้อๆ     เรื่องเงินค้ำประกันซอง 100ล้าน ก็ครั้งแรกประมูลไม่ผ่านปกติการประมูลของกรมบังคับคดี ครั้งแรกก็เรียกเงินค่าประกันรู้สึกว่าจะ 5% ของมูลค่ามังครับ ครั้งที่สองถ้ามีผู้ประมูลแล้วทิ้ง จะเพิ่มเป็นร้อยละ20กระมังผมไม่แน่นเรื่องนี้     ทักษิณ กล้าซ่าส์ไม่รู้เรื่องหรือครับ ถ้าจะลองดีกับกระบวนการยุติธรรม เป็นนักกฏหมายรู้กฏหมายยังต้องใช้นอมินี แล้วทักษิณ มีทนายระดับประเทศมากมาย มีที่ปรึกษาชั้นเซียนมากมาย การจะลงทุนระดับเกิน 100ล้านคงต้องมีการปรึกษานานพอควร และคำนึงถึงราคาที่เหมาะสมที่จะประมูลด้วย      จากจุดเรื่องราคา ลองคิดมาเป็นตารางวาให้ทีสิครับ ว่าประมูลวาละเท่าไร      แปลกใจตรงที่ พจมานไม่ผิดกฏหมาย ปชช แต่นายกที่กำกับดูแลแบงก์ชาติ(ในเรื่องนโยบายการเงิน ) มาเซ็นต์ชื่อรัทราบในฐานะสามีของผู้ประมูลผิด จริยธรรม และผิดอาญา      ในกรณีเดียวกัน การที่ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ สั่งกองทุนฟื้นฟู ตัดขายทรัพย์สินทั้งล็อตให้โกลด์แมนแซค ในราคาไม่ถึง33% แล้วโกลด์แมนแซคขายต่อให้กลุ่ม GE เท่าไรไม่ทราบ ทำไมไม่มีใครว่าขายชาติ ไม่ท้วงติง ไม่แจ้งว่าทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ เรื่องนี้ว่างๆ ผมจะตั้งกระทู้ย้อนรอยกันครับ นานไปก็ลืม        เอาละ ทักษิณผิดผมก็เชื่อว่าผิด ก็กฏหมายมี ผมก็ยอมรับ แต่ถามว่าทักษิณกล้ากลับมารับโทษไม๊   ผมยืนยันไม่มาหรอกครับ ถ้า ตุลาการและระบบยุติธรรมยังไม่เที่ยงธรรมพอ จากคดีต่างๆที่เกิดขึ้น ทุกพรรคทุกคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับประชาธิปัตย์ ผิดหมด เลวหมดและต้องโทษหมด ทำให้ประชาชน เชื่อมั่น มั่นใจว่า ระบบตุลาการมีธงตั้งไว้แล้ว  เชื่อได้ว่าทักษิณไม่มั่นใจระบบศาลไทย       เอาไว้ผมจะแยกกระทู้เรื่องนี้แล้วแจงคำตอบทุกท่าน ที่แย้งแล้วช่วยกันแจงอีกที     ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่แวะมาตอบกระทู้และให้กิฟท์ ครับ จากคุณ : นายหมกมุ่น - [ 7 มี.ค. 52 03:11:33 A:58.9.93.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 91 คุณ นายหมกมุ่น เวลาโพสในเนทมันก็สรุปนะครับ ถ้าจะเอาให้ชัดก็ต้องยกข้อกฎหมายมาตรา ๑๐๐ ย่อหน้าสุดท้ายมาอธิบาย ให้นำบทบัญญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามวรรคสอง โดยให้ถือว่าการดำเนินกิจการของคู่สมรสดังกล่าว เป็นการดำเนินกิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ภริยาซื้อ ก็ให้คิดเสมือนตัวเองซื้อ เมื่อมองในเชิงอาญาเจ้าหน้าที่รัฐ เรื่องเงินค้ำประกันซอง โดยทั่วไป ๑๐ เปอร์เซนต์นี่ก็สูงมากแล้วนะครับ ส่วนเรื่องที่ว่าถามใครแล้วพ้นผิดแม้จะบอกมาผิดๆ คุณก็น่าจะรู้ว่าทางกฎหมายมันอ้างได้ในเชิงลดหย่อนเป็นผิดโดยไม่เจตนาเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นกฎหมายอื่นมันก็จะไม่ยุ่งยากเพราะมันจะมีเจตนาเดียว แต่กฎหมายจริยธรรมมันซับซ้อนในเชิงเจตนา ที่ผมโพสมาซ้ำซาก ศาลเชื่อว่านายกทักษิณไม่มีเจตนาผิดกฏหมาย แต่มีเจตนาผิดจริยธรรม ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมาย และนายกไม่ยอมรับว่าผิดจริยธรรม จะลงโทษอย่างไร ส่วนถ้าถามว่าทำไมนายกทักษิณกล้า ผมตอบแทนไม่ได้หรอกครับ แต่ที่กล้ากว่านี้ก็ยังมี ไม่เคยได้ยินที่นายกทักษิณพูด ๒ ครั้ง ๒ คราหรือครับ เรื่องกฎหมายจริยธรรมนี่อุปมาอุปมัย กฎเดียวกันนี่เขาห้ามภริยาข้าราชการรับของขวัญจากคนที่มาติดต่อราชการเกิน ๓๐๐๐ บาท ถ้ารับไปสักล้านบาท พิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นสินบน คนให้อ้างว่าพอใจจะให้ ข้าราชการผิดอาญาข้อหาผิดจริยธรรม ไม่ผิดทุจริตไปยึดเงินเขาไม่ได้ ภริยาก็ไม่ผิดอาญา เรื่องตารางวาละเท่าไรจะถามทำไมครับ จะเทียบกับอะไรถึงจะสรุปได้ว่าถูกหรือแพง ผมจะบอกให้ถัดจากนั้นสักปี ผมมีที่ห่างจากจุดนั้นสักกิโล ขายไป ๕๐ ล้าน ๒๐๐ ตารางวา การอ้างราคาประเมินของราชการมันเป็นแทคติก ปกติราคาประเมิน มันจะถูกลงเมื่อแปลงห่างจากถนน แต่ถ้าคุณรวมที่ได้ผืนใหญ่ติดถนนขายเป็นราคาเฉลี่ย ราคาขายจริงๆสูงกว่าราคาประเมินแปลงย่อยรวมกันแน่นอน เรื่องขายสมบัติรัฐถูก คุณต้องดูด้วยว่ามันเป็นสมบัติประเภทไหน มูลค่ามันตกลงตามเวลา หรือสูงขึ้นตามเวลา ต้องรีบขายแค่ไหน ส่วนเรื่องศาลมีธง ลองตอบผมซิครับ ถ้ามีใครสั่งศาลได้จริง เช่นกรณียุบพรรคนายกสมชาย ทำไมไม่สั่งก่อนยึดสนามบิน ให้พันธมิตรติดลบโดยไม่จำเป็น จากคุณ : Pom.com - [ 7 มี.ค. 52 04:12:33 A:192.168.0.17 X:124.120.224.180 ]

ความคิดเห็นที่ 92 1.  ปรส. ประกาศประมูลครั้งแรก ตั้งราคาขั้นต่ำไว้ที่ 870 ล้านบาท แต่ไม่มีผู้ประมูล     ตรงนี้ ก็เห็นชัดแล้วนี่ครับ ไม่มีคนต้องการจะซื้อที่ดินในราคา มากกว่า 870   พอประมูลครั้งที่ 2 จะมาแถว่า คุณหญิงฯ มาประมูล คนอื่นเลยถอยให้ อันนี้ เขาเรียกว่าแถครับ เพราะถ้าคนต้องการ จะซื้อ และ  (คาดว่า) จะให้ราคามากกว่า เมียนายกฯ ซื้อ ทำไมไม่มาประมูล ในครั้งแรกล่ะครับ  ก็เขาตั้งไว้แค่ 870 ล้านเอง น่าจะมีคนแห่กันมาซือ้นะครับ 2. การประมูล ครั้งที่ 2 เหตุผลที่ไม่ตั้งราคาขั้นต่ำไว้ ก็น่าจะมาจาก การตั้งราคาครั้งแรก แล้วไม่มีคนประมูล  ที่ไม่มี ก็เพราะมันแพงกว่าที่น่าจะเป็น ดังนั้น ก็ต้องลดราคา ลงมาอยู่ดี มันจะกลายเป็นความผิดได้ยังไง ที่คุณหญิงฯ ซื้อได้ต่ำกว่าราคา ที่เคยตั้งไว้ 3. เมื่อเขาไม่มีราคา ขั้นต่ำ ถ้าไม่มีกำหนดกฏเกณ อะไรเลย มันก็เละเทะสิครับ ดังนั้น จึงมีข้อกำหนด ให้วางเงินมัดจำ ขั้นต่ำ 100 ล้าน นั่นก็ทำให้เข้าใจกลายๆ ว่า  ยังไง ก็ไม่มีต่ำกว่า 100 ล้านล่ะ   ถ้าไม่วางเงื่อนไข ตรงนี้ไว้  นาย ก. นาย ข. ไม่มีเงิน แต่อยากสนุก หรือยากแก้เซ็ง  ก็ไปขอเข้าร่วมประมูล  แบบนี้ไม่จะไม่มั่วไปหน่อยหรือ ชนะประมูลมา แล้วไม่มีเงินจ่าย ไม่ต้องยกเลิกการประมูล อีกหรือครับ 3.1 การที่มาแถว่า การกำหนด วงเงินมัดจำ 100 ล้าน เลยตัดโอกาส คนอื่นๆ ที่มีเงินน้อย อันนี้ มันก็แหง๋ น่ะสิครับ  เพราะเงิน ร้อยล้าน  ถ้ายังไม่มีมัดจำ  ได้ที่ดินไป เจ็ดแปดร้อยล้าน แล้วจะหาปัญญาไหนจ่าย ถ้าทางผู้ให้ประมูล ไม่กำหนดกฏเกณไว้ให้ดี มันก็มีปัญหาแก่ตัวเขาตามมาสิ  แล้วจะเป็นความผิดของคุณหญิง ฯ ได้อย่างไร 4.   การที่คุณหญิงฯ ประมูลชนะ เพราะมากกว่า คนอื่น 20 ล้าน อันนี้ จะมาบอกว่า คุณหญิงฯ ผิดได้อย่างไร ในเมื่อ เงื่อนไข ใครให้เงินมากกว่า คนนั้นชนะนี่  แต่ถ้าจะแถ ต่อ ว่าฮั้วประมูล เป็นเมียนายกฯ เกรงใจ เลยไม่ประมูลแข่ง  ถ้าเข้าเงื่อนไขนี้ ก็เอากฏหมายฮั้วประมูล มาจัดการสิครับ ผิดก็ไล่ให้ผิดทั้งคนฮั้ว คนขายที่ยอมขาย เอาให้หมดสิครับ หรือจะยกเลิก ก็ยกเลิกไป ไม่ใช่ สุดท้าย ถูกต้องหมด แต่สามี เซ็นต์ให้ภรรยาประมูลผิด 5. เรื่องกฏหมาย ปปช. ที่บอก ห้ามไว้ อันนั้น ถ้ามีเจตนา ผิดก็ควรเอาผิด เห็นด้วย แต่ในคดีนี้ ก่อนเข้าร่วมประมูล เขาได้ตรวจสอบแล้ว ว่า สามารถ เข้าร่วมได้ไหม เมื่อมีคำตอบว่าได้ และไม่ผิดคุณสมบัติ  เขาจึงเข้าร่วมการประมูล ยกเว้นว่า ทาง ปรส. บอกว่า ผิดคุณสมบัติ แต่ทาง คุณหญิงฯ ยังดึงดันเข้าร่วมประมูล ถึงจะเรียกว่า เจตนาทุจริต มีอีกหลายประเด็น แต่ จะยาวไป จึงขอพักไว้แค่นี้   ส่วนประเภท ที่มาแถว่า คุณเชื่อไหมว่า / คุณรู้ได้ยังไงว่า คุณทักษิณ ไมมีเจตนา ทุจริต  อันนี้ ขอยืนยันว่า กรู จะไปรู้ พระแสงคอง้าว ได้อย่างไร แล้วถ้า สาน มันใช้ความเชื่อ ในการตัดสิน คดีล่ะก็ แม่ม อย่ามาเรียกว่า สานเลย ดีกว่า คงมีแต่ พวกพันธมาร ที่คิดว่า ถ้าคนชื่อนี้ มันต้องโกงแน่นอน  มันต้องมีเจตนาทุจริตแน่นอน จงหอบเอาความเชื่อ เอาไว้ ไปตัดสินลูกหลานคุณละกัน จากคุณ : sainamsiam - [ 7 มี.ค. 52 07:25:48 A:70.173.37.245 X: ]

ความคิดเห็นที่ 93 คุณ sainamsiam เวลามาแสดงความเห็นทีหลัง ผมเข้าใจครับ ว่ามันยากที่จะอ่านให้ครบ แต่ถ้าจะให้ดี ควรพยายามอ่านให้ครบ ไม่งั้นจะปล่อยไก่ เขาเถียงกันจากกรุงเทพฯ ไปถึงลำปางแล้ว คุณยังงงอยู่ที่อยุธยา เรื่องการประมูลครั้งแรกไม่มีคนยื่น ครั้งที่สองมีคนยื่น ผมให้เหตุผลเอาไว้แล้ว ยังไม่มีใครหักล้าง ความคิดเห็นที่ 35   ตอนประมูลครั้งแรก กลางปี ๔๖ เศรษฐกิจยังไม่โงหัว ดัชนีหุ้นอยู่ต่ำกว่า ๓๐๐ จุด ใครจะลงทุนทำอะไร ประมูลที่ ๘๐๐ ล้าน มันแค่ค่าที่ดิน ค่าพัฒนาที่ดินต้องโปะลงไปอีกหลายเท่าตัว มันก็ไม่มีใครกล้าประมูลเอาไปพัฒนา แต่เวลาผ่านไป ๖ เดือน เศรษฐกิจฟื้น ดัชนีหุ้นขึ้นมาเป็น ๒ เท่า เกือบ ๖๐๐ จุด กองทุนฟื้นฟู ก็ไปประสานกับกรมที่ดินแก้ปัญหาที่ตาบอด นอกจากนี้ยังทำให้มูลค่าโฉนดสูงขึ้น โดยการควบรวมโฉนดจากนับสิบใบเป็นไม่กี่ใบ รถไฟฟ้าใต้ดินที่ไม่มีความชัดเจน ก็มีความชัดเจนในความก้าวหน้า เห็นตัวสถานี จากที่การก่อสร้างเดิมมีแต่ใต้ดินเป็นหลัก ไม่นับมีข่าวการแก้กฎให้สร้างคอนโดสูงได้ ผมถามคุณว่าถ้า ๖ เดือนก่อน ราคากลาง ๘๐๐ ล้าน เหมาะสม ผ่านมา ๖ เดือนมีปัจจัยดีๆแบบนี้ ราคาที่สมควรจะขายได้น่าจะสูงขึ้นไหม แต่ทำไปทำมาประมูลได้ต่ำกว่าราคากลาง ๖ เดือนที่แล้วเสียอีก เสริมด้วย ความคิดเห็นที่ 91 การอ้างราคาประเมินของราชการมันเป็นแทคติก ปกติราคาประเมิน มันจะถูกลงเมื่อแปลงห่างจากถนน แต่ถ้าคุณรวมที่ได้ผืนใหญ่ติดถนนขายเป็นราคาเฉลี่ย ราคาขายจริงๆสูงกว่าราคาประเมินแปลงย่อยรวมกันแน่นอน ส่วนเรื่องที่อ้างว่าถามแล้ว ว่าประมูลได้หรือไม่ ผมแสดงความเห็นไว้แล้วใน ความคิดเห็นที่ 91 ส่วนเรื่องที่ว่าถามใครแล้วพ้นผิดแม้จะบอกมาผิดๆ คุณก็น่าจะรู้ว่าทางกฎหมายมันอ้างได้ในเชิงลดหย่อนเป็นผิดโดยไม่เจตนาเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นกฎหมายอื่นมันก็จะไม่ยุ่งยากเพราะมันจะมีเจตนาเดียว แต่กฎหมายจริยธรรมมันซับซ้อนในเชิงเจตนา ที่ผมโพสมาซ้ำซาก ศาลเชื่อว่านายกทักษิณไม่มีเจตนาผิดกฏหมาย แต่มีเจตนาผิดจริยธรรม ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมาย และนายกไม่ยอมรับว่าผิดจริยธรรม จะลงโทษอย่างไร ส่วนเรื่องที่บอกว่าทำไมศาลถึงคิดว่านายกทักษิณมีเจตนาที่ผิดจริยธรรม ผมแสดงความเห็นไว้ใน ความคิดเห็นที่ 39   นายกทักษิณไม่มีเจตนาผิดกฎหมาย ตรงนั้นใช่ คิดว่ากองทุนฟื้นฟูไม่ใช่หน่วยงานใต้กำกับ แต่ในเมื่อข้อเท็จจริงผิดกฎหมาย กองทุนฟื้นฟูเป็นหน่วยงานใต้กำกับ ก็ต้องมาดูว่าตั้งใจผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ คุณว่านายกซื่อบริสุทธิ์ นายกทักษิณไม่คิดจริงๆว่าจะมีนักธุรกิจที่เกรงใจผู้มีอำนาจในประเทศไทย นักธุรกิจในไทยทุกคนทำธุรกิจโดยไม่ต้องมาเอาใจผู้มีอำนาจ  สมัยนายกทักษิณเป็นนักธุรกิจไม่เคยต้องเอาใจผู้มีอำนาจในราชการเลย แต่ปัญหาคือศาลเขาไม่เชื่อนะซิครับ และจริงๆคุณหลอกตัวเองหรือเปล่า เคยไปติดต่อราชการบ้างไหมครับ ผมเองแค่เสมียนยังต้องเกรงใจ ส่วนที่คุณถามว่าทำไมไม่ใช้กฎหมายฮั้ว ผมจะบอกให้นะครับ การที่จะจับใครเรื่องฮั้ว มันยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร และในประเด็นนี้ ผมไม่คิดว่ามีการฮั้ว ถ้าใครจะประมูลแข่งกับนายกทักษิณที่อยากเอาที่ดินไปสร้างคฤหาสถ์กลางกรุง เพราะบ้านเดิมอยู่ในซอยฝั่งธนบุรี ไม่สมฐานะ แค่คิดจะประมูลแข่งจริงจังก็น่าจะหนาวพออยู่แล้ว ชาติหนึ่งนายกจะออกหน้าแบบนี้ ใครจะกล้าขนาดไปขอฮั้วกับนายกครับ ฮั้วมันเป็นเรื่องโกงรัฐ ประมูลกันข้างนอก พอได้คนชนะ ก็มาเตี๊ยมตอนประมูลจริง ให้คนชนะจ่ายเงินต่ำกว่าประมูลข้างนอก คนแพ้ก็หอบเงินค่าสมยอมกลับบ้าน ได้กันทุกฝ่าย ยกเว้นรัฐขาดทุนฝ่ายเดียว ความผิดครั้งนี้ ว่าไปแล้วแม้สมมุติว่าในความจริงไม่มีการเกรงใจนายก แต่เพราะมันเป็นความผิดทางจริยธรรม นายกทักษิณจะผิดอยู่ดี ถ้าศาลเชื่อว่า นายกทักษิณรู้ว่าจะมีนักธุรกิจที่เกรงใจผู้มีอำนาจในประเทศไทย นักธุรกิจในไทยบางคนทำธุรกิจโดยต้องมาเอาใจผู้มีอำนาจ  แต่นายกก็ยังมาประมูลแข่งกับประชาชน หวังเอาเปรียบสังคม ซึ่งความเชื่อตรงนี้ มันต้องดูวุฒิภาวะ ประวัติความเป็นมาของนายก ลองตอบตัวเอง อย่างใจเป็นกลาง คุณว่านายกทักษิณผิดไหมครับ แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 52 09:05:39 แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 52 08:52:19 จากคุณ : Pom.com - [ 7 มี.ค. 52 08:34:43 A:124.120.216.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 94 เป็นการตัดสินของศาล เพื่อให้มีผลทางด้านการเมือง ศาลก้าวก่าย ระบบบริหาร และ ศาลเล่นการเมือง ศาลจึงหมดความชอบธรรม ที่จะเป็นศาล ผลกรรมครั้งนี้ จะทำให้ศาล ตกนรกไปตลอด ไม่สามารถฟื้นฟูภาพลักษณ์ได้ ภาพของศาลกลายเป็น กลุ่มอิทธิพล กลุ่ม 1 ไปแล้ว จากคุณ : dragon_east - [ 7 มี.ค. 52 08:50:48 A:192.168.0.17 X:125.26.26.54 ]

ความคิดเห็นที่ 95 คห. 2 Pom.com เขายายเที่ยง ไม่ผิดจริธรรมเลยว่างั้นเถอะ เหอๆๆ ใครกันแน่ครับ ที่ดันทุรัง ไม่ลืมตา จากคุณ : Kaotul - [ 7 มี.ค. 52 11:05:39 A:192.168.0.17 X:124.122.134.194 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คุณ Kaotul กรณีเขายายเที่ยง เท่าที่ทราบไม่ผิดมาตรา ๑๐๐ หรือคุณมีหลักฐานว่า นายกสุรยุทธ ขณะเป็นข้าราชการ หรือขณะเป็นนายก ๑) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติ หน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี ๒) เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี ๓) รับสัมปทานหรือคงถือไว้ซึ่งสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่นอันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อม หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ๔) เข้าไปมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน พนักงานหรือลูกจ้างในธุรกิจของเอกชนซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่หรือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจของเอกชนนั้นอาจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ทางราชการ หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ๕) รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย โดยไม่มีข้อจำกัด ส่วนจะผิดกฎหมายอื่นหรือไม่ ต้องถามกรมอุทยาน ว่านายกสุรยุทธมีสิทธิไปสวมสิทธิ์ชาวบ้านที่รัฐอนุญาตให้เข้าอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ แต่เท่าที่ผมทราบ ไฮโซ เศรษฐี นักร้องเพลงเพื่อชีวิต นักการเมือง ข้าราชการ ศิลปิน ... ก็ทำแบบเดียวกัน ไม่รู้สุดท้ายจะจบลงแบบ สปก.หรือเปล่าที่สุดท้ายก็ต้องคืนสิทธิ์ แต่โดยจริยธรรม โดยส่วนตัวผมเห็นว่าไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ผิดมาตรา ๑๐๐ ในจริยธรรมที่เจ้าหน้าที่รัฐห้ามทำ ก็ไม่ผิดกฎหมายจริยธรรม เพราะถ้าจะเอาแต่ผิดจริยธรรม โดยไม่ดูกฎหมาย นายกอภิสิทธิ์ก็คงไม่ได้เป็นนายก เจอเรื่องหนีทหาร เรื่องจำนวนวันลาราชการ ใช้มาตรฐานสากลก็ลำบากแล้ว หรือทุกวันนี้ถ้าจะแย็ปเบาๆ เอาแค่เรื่องใครเคยขายที่ดินให้ใคร แล้วตอนนี้ใครจ้างใครทำงานในราคาแพงลิบ เป็นเมืองนอกเล่นเรื่องจริยธรรมผู้นำก็ลำบากแล้ว แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 52 11:28:30 แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 52 11:19:28 จากคุณ : Pom.com - [ 7 มี.ค. 52 11:16:31 A:124.120.228.192 X: ]

ความคิดเห็นที่ 98 ขอ ส ใส่เกือก ตอบแทนคุณ Kaotul ใน คคห. 96หน่อย เรื่องที่ดินเขายายเที่ยงนั้น เขาไม่ได้กล่าวหา โดยอ้างมาตรา 100 เหมือนที่ใช้ตัดสินกับ อดีตนายกฯทักษิณ   อย่างที่ยกมาให้เขาอ่าน แต่เขากล่าวหา ว่าไปบุกรุก ที่ป่าสงวน เอามาสร้างบ้าน (คงไม่ต้องแสดงมาตรา ให้ดูว่าเก่ง กระมัง ) ใครอยากรู้ ก็ไปหาเอง สรุป ที่ตรงนั้น เป็นที่ป่าสงวนจริง อดีตนายกฯ สุรยุทธ บอก ไม่ได้ตั้งใจ เพราะไม่รู้ว่าเป็นที่ป่าสงวน หลักฐานน่ะ ชัดเจน ว่าไปสร้างบ้านอยู่ในเขตป่าสงวนจริง   เพราะเป็นเขตป่าสงวน เขาแบ่งให้ชาวทำกิน ห้ามซื้อขาย นอกจากสืบทายาทกันเท่านั้น แล้ว  อดีตนายกฯ ได้มาอย่างไร ก็โดยการซ์อเขามา ไม่ใช่หรือ แถม ทำกันกี่ซับกี่ซ้อน  กว่าจะเปลี่ยนชื่อ เป็นของ คุณหญิงจิตรวดี แล้วมีความผิดไหม ไม่มี ทำไมล่ะ เพราะเชื่อว่า ฯลฯ แถๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สรุป ไม่เห็นดำเนินการอะไรสักอย่าง นอกจาก ทักษิณถูกตัดสิน ติดคุกคนเดียว จากคุณ : sainamsiam - [ 7 มี.ค. 52 13:50:08 A:70.173.37.245 X: ]

ความคิดเห็นที่ 99 คคห. 97 ของผม หาย คคห. 97 ของผม หาย คคห. 97 ของผม หาย คคห. 97 ของผม หาย คคห. 97 ของผม หาย ฯลฯ  คุณจะรู้ได้ไง ว่าผมอ่านกระทู้ จนจบ หรือไม่จบ แล้วตอบเนี่ย แล้วมาบอกว่า ผมอ่านกระทู้ไม่จบ แล้วตอบ แบบนี้ ใช่ไหม ที่บอกว่า ใช้ความเชื่อ โดยไม่ใช้ปัญญา ส่วนเรื่องคุณจะไปถึงไหน ๆ จะนรก หรือสวรรค์ ก็เรื่องของคุณ ที่ผมแสดง คคห.ที่ 92 ก็เพราะ มาแก้ต่าง เรื่องคดี ที่ถูกตัดสินไปว่า ที่มาที่ไป ของการประมูล มันเป็นอย่างไร ทำไมผมถึงเห็นว่าไม่ผิด อย่างที่ เขากล่าวหากัน ถ้าจะแย้ง ก็แย้ง ที่ผมแสดง คคห.ไปว่าตรงไหน ถูก หรือ ไม่ถูก เพราะอะไร ไม่ใช่การแถ ว่า อ่านจบ หรือไม่จบ แล้วมาตอบ   ขอยืนยันว่า การแสดง คคห.ของผมอยู่ในประเด็นของ จขกท ที่ตั้งมา ผม ไม่... เต่าตุ่นที่จะต้องมาตอบกระทู้ ทุกกระทู้ของคุณหรอก เพราะบางอัน ผมเห็นว่า มันไร้สาระ สำหรับผม ดังนั้น ขึ้นไปอ่าน คคห. 92 ใหม่ ว่าผมพูดอยู่ในประเด็นของ จขกท.หรือเปล่า   กระทั่งการสอบพยาน อดีตนายกฯ ทั้งสองท่าน ทั้งสองท่านก็บอกว่า ปรส ไม่ขึ้นกับ นายกฯ  คำวิจฉัยตัดสินว่า ถึงจะไม่ขึ้น ทุกหน่วยงาน ก็อยู่ภายใต้การดูแลของนายกฯ ทั้งหมด แบบนี้ ที่ผมเรียกว่า แถ ฯ ถ้าการประมูลมีปัญหา ไม่ชอบมาพากล เจ้าหน้าที่ ปรส. ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบด้วย  แล้วไหนล่ะ มีใครผิดบ้าง ไม่มีคนผิดสักคน ยกเว้น ทักษิณ คนเดียว จากคุณ : sainamsiam - [ 7 มี.ค. 52 14:15:06 A:70.173.37.245 X: ]

ความคิดเห็นที่ 100 คำพิพากษา เมื่อปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ได้ให้บัตรประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีลงนามยินยอมให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาซื้อขายที่ดินย่อมถือได้ว่าเป็นการเข้าทำสัญญาด้วยตัวเอง ตาม พ.ร.บ.ปปช.2542 ม.100(1) วรรคสาม ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าการลงชื่อยินยอมเป็นเพียงทำตามระเบียบราชการ แต่จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีหลักฐานมาแสดงให้เห็นได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นต่อการซื้อขาย องค์คณะจึงมีมติ 5 ต่อ 4 เห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ปปช.ม.100 (1) วรรคสาม และต้องรับโทษตาม ม.122 ขอต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น การประมูลทั้งหมด นั้น กระทำโดย เจ้าหน้าที่ และ คุณหญิงฯ ไม่มีส่วนตรงไหน เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯเลย แต่ เมื่อประมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว  อดีตนายกฯ จึงเป็นผู้ยินยอมเซ็นต์สัญญาซื้อขาย ในฐานะ คู่สามีภรรยา   ดังนั้นจะมาบอกว่า อดีตนายกฯ มีส่วนทำให้รัฐเสียหายนั้น จึงเป็นเพียงข้อกล่าวหา เพราะ ...สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.152, 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐและผู้สนับสนุนเข้ามีส่วนได้เสียกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อประโยชน์ตน องค์คณะ 8 ต่อ 1 เห็นว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิด เพราะการกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐที่ดูแลกองทุนฯ แต่จำเลยได้ดำเนินการในฐานะคู่สมรสของจำเลยที่ 2 ให้ความยินยอมทำสัญญาซื้อขายที่ดินอันผิดต่อ พ.ร.บ.ปปช. จึงไม่ผิดต่อประมวลกฎหมายอาญาม. 152 ม.157 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน *********************************************** สุดท้าย.............. ************************* โดยต่อมากองทุนฯ นำที่ดินออกประมูลทางอินเตอร์เน็ตตั้งราคาขั้นต่ำ 870 ล้านบาท กำหนดวางมัดจำ 10 ล้าน มีผู้เสนอตัวแต่ถึงเวลาไม่มีการเสนอราคาจึงเลิกประมูลเปิดประมูลใหม่โดยไม่ กำหนดราคาขั้นต่ำ และเพิ่มการวางมัดจำเป็น 100 ล้านบาท อันเป็นการกีดกันทำให้มีผู้เข้าประมูลน้อยลง จำเลยที่ 2 เข้าร่วมประมูลด้วย แม้ว่าจะมีอีก 2 บริษัท คือ บ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และบ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนต์ ร่วมเสนอแต่รู้ว่าต้องแข่งขันกับภริยานายกรัฐมนตรี จึงไม่กล้าสู้ราคา ซึ่งแม้กองทุนฯ จะเห็นว่าราคาที่จำเลยที่ 2 เสนอ 772 ล้านบาท เป็นราคาสูงสุด แต่ก็ยังต่ำกว่าราคาขั้นต่ำในการประมูลครั้งแรกซึ่งอาจจะขายได้ราคาที่สูง และเหมาะสมกว่า อีกทั้งขณะนั้นจำเลยที่ 1 เป็นนายกรัฐมนตรีมีอำนาจบารมีเหนือรัฐมนตรีและมีอำนาจทางการเมืองสูงอีกทั้ง ฐานะการเงินมั่งคั่ง ตามหลักธรรมาภิบาลนายกรัฐมนตรี ภริยา หรือบุตรไม่สมควรเข้าไปประมูลซื้อเพราะการซื้อได้ราคาต่ำก็เป็นผลทำให้กอง ทุนฯ มีรายได้น้อยลง ขณะที่จำเลยที่ 2 มีผู้รู้จักจำนวนมาก ประกอบกับข้าราชการมีค่านิยมจำนนต่อผู้มีบารมีสูง นอกจากนั้น ยังอาจให้คุณให้โทษทางราชการได้ ******************************************** แบบนี้ แหล่ะ ที่เรียกว่า ใช้ความเชื่อ ในการกล่าว ยกเอาเรื่องการประมูลมาตั้ง ว่าเสียหายอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ สุดท้าย ไม่ได้เอาผิดตรงขั้นตอนการประมูล แต่ มาจบลงตรงที่ การเอาผิด ในขั้นตอน เสร็จสรรพจากการประมูล เพราะต้องยอมเซนต์ชื่อยินยอมทำสัญญา ซื้อขาย  เลยเข้าข่ายตาม มาตรา 100 ที่อ้าง จากคุณ : sainamsiam - [ 7 มี.ค. 52 14:49:57 A:70.173.37.245 X: ]

ความคิดเห็นที่ 101 ผมอยากให้พัวพันต่อ กับเรื่อง การแจกที่ สปก ให้กับนายหัวเศรษฐี ที่ภูเก็ต    เอาตามความรู้สึกนะครับ มันก็ผิดจริยธรรมครือกัน แกล้งไม่รู้ไม่เห็นข้อกฏหมาย บทลงโทษ ลอยนวลมาจนป่านนี้ทั้งผู้ ครอบครอง ที่ได้รับแจกและผู้แจกตามหน้าที่คือ สปก และผู้สั่งให้แจก    จุดนี้ที่ผมอยากให้คิดคือ ที่ สปก แจกแล้ว รัฐไม่เงินแม้แต่บาทเดียว ขณะที่ ที่ดินรัชดารัฐได้รายได้ หลายร้อยล้าน    แต่ผู้ที่ประมูลซื้อ กลับโดนโจษจัน โดนเป็นเรื่องโจมตีจากฝ่ายพันธมิตรและผู้เกลียดทักษิณ จนถึงศาล ที่ตัดสินว่าผิด เอา ผมไม่ว่ากัน ข้อกฏหมายมีกฏ ก็คือกฏ   แต่ สปก ไยจึงเห็นดีเห็นชอบให้ ย่ำยีปล่อยผ่านไปยังงั้น   ที่ เขายายเที่ยง ของสุรยุทธ เช่นกัน ผมไม่รู้ว่า ส่วนไหนของเขา แต่ถ้าอยู่บนภูเขาก็ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ ไม่สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างได้ ใช่หรือไม่ครับ   ไม่มั่นใจจึงถามมา จากคุณ : นายหมกมุ่น - [ 8 มี.ค. 52 00:34:11 A:58.9.93.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 102 คุณ นายหมกมุ่น ผมว่าถ้าคุณไม่ตั้งหลักให้ดีจะสับสน เวลาศาลตัดสินว่านายกทักษิณผิดจริยธรรมต้องติดคุก คนส่วนหนึ่งมองว่าไม่เป็นธรรม นักการเมืองทำผิดจริยธรรมมากมาย ทำไมคนอื่นไม่ถูกลงโทษ เรื่องแบบนี้ต้องเข้าใจว่า ตามกฎหมาย มีจริยธรรมเพียงห้าข้อที่ถ้านักการเมืองฝ่าฝืน จะเป็นความผิดถึงติดคุก กรณี สปก. ถ้าจะมองในเชิงจริยธรรม ว่าเอาไปแจกเศรษฐีที่ไม่มีสิทธิ์ (ความจริงก่อนแจกเศรษฐีเขาก็ครอบครองอยู่แล้ว) จะตีความกฎหมายผิดอย่างไรก็ตาม คนแจกน่าจะถูกลงโทษติดคุกบ้าง โดยใช้กฎหมายจริยธรรมแบบเดียวกันมาลงโทษ เพราะจะใช้กฎหมายอื่นลงโทษก็ยังไม่รู้จะเอากฎหมายอะไร หรือกรณีการเข้าไปสวมสิทธิ์ชาวบ้านที่กรมอุทยานอนุญาตให้อยู่ในพื้นที่ป่าได้ ข้าราชการที่เข้าไปสวมสิทธิ์ ผิดจริยธรรม ก็น่าจะถูกลงโทษติดคุกบ้าง โดยใช้กฎหมายจริยธรรมแบบเดียวกันมาลงโทษ เพราะจะใช้กฎหมายอื่นลงโทษก็ยังไม่รู้จะเอากฎหมายอะไร คิดนะคิดได้ครับ แต่ในความจริงมันทำไม่ได้อย่างนั้นนี่ครับ ที่จะเอากฎหมายจริยธรรมไปลงโทษคนตามอำเภอใจ จะไปเพิ่มเติมข้อห้ามข้อที่ ๖ ๗  ๘ ... เองไม่ได้ แค่ ๕ ข้อ ที่เขาห้าม กำหนดโทษไว้ถ้าฝ่าฝืน นักวิชาการบางคน ก็ยังโวยวายว่าไม่เป็นธรรม เพราะไม่ชัดเจนว่าเป็นการทุจริต ถ้าแก้กฎหมายตามนักวิชาการ ต่อไปจับได้ว่ารมต. แอบไปรับเงินพ่อค้า ๒๕๐ ล้าน หาหลักฐานว่าทุจริตไม่ได้ ก็ไม่ผิด ไม่ต้องติดคุก ขณะที่กฎหมายปัจจุบัน ถ้ารับเกิน ๓๐๐๐ บาท ไม่ต้องหาหลักฐานอะไร ก็ติดคุกได้ จะว่ากฎหมายไม่เป็นธรรม ลงโทษคนไม่ทั่วฟ้า ก็ว่าได้ กรณีแจกสปก ยึดที่ป่า น่าจะติดคุกเหมือนกันในความคิดของคุณ แต่จะให้ทำยังไงละครับ กฎหมายจริยธรรมเขาไม่ห้ามไว้ เมื่อมีคนฝ่าฝืน ๕ ข้อที่เขาห้าม จะเอาเหตุนี้มาละเว้นการลงโทษหรือยังไง แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 52 01:50:52 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 52 01:48:12 จากคุณ : Pom.com - [ 8 มี.ค. 52 01:46:20 A:124.120.229.240 X: ]

ความคิดเห็นที่ 103 คุณ sainamsiam เรื่องเซ็นชื่ออย่าพูดให้สับสนครับ ตามมาตรา ๑๐๐ ว่าไปแล้ว ไม่ต้องเซ็นชื่อก็ผิดครับ ถ้านายกทักษิณรับรู้ว่าภริยาเข้าประมูล ที่เขาเอาเรื่องเซ็นชื่อมาเป็นหลักฐาน เพราะกลัวจะมีคนบอกว่าไม่เคยรับรู้ว่าภริยาทำอะไร อย่าเบี่ยงประเด็นว่าผิดเพราะเซ็นชื่อ ที่ผิดเพราะรับรู้ว่าภริยาเข้าประมูล ตามมาตรา ๑๐๐ ก็เสมือนตัวนายกเข้าประมูลด้วยตัวเอง จากคุณ : Pom.com - [ 8 มี.ค. 52 01:57:54 A:124.120.229.240 X: ]