ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเสื้อเหลืองนึกเหตุผลไม่ออก ก็จะมาแถ โดยบอกว่า "เอา นช. ทักษิณ มาเข้าคุก" แล้วเราก็จะตอบไปว่า "หุบปากไป ไอโจรยึดสนามบิน" จากคุณ : โรคละบาท (ที่สุดในสามโลก) - [ 19 มี.ค. 52 04:45:19 A:192.168.5.3 X:58.64.56.212 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับ จขกท และความเห็นทีหนึ่งทุกประการ เท่าที่ได้ฟังมาพวกเสื้อเหลืองนะครับ พวกมันก็ยังเชื่อ(เป็นตุเป็นตะ)ว่าท่านทักษิณโกงครับ จากหมื่นล้านจนมีเป็นแสนล้าน ไม่ทราบว่าไปหาข้อมูลกันมาจากไหน เรื่องการใช้พวกพ้อง เอาจริงๆนะครับ ถ้าพวกเสื้อเหลืองมันรู้ว่าสังคมไทย (สังคมไทยจริงๆนะครับ ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพ)มันเป็นยังไง ว่าการปกครองไปจนถึงระดับชุมชนนั้นมันเอื้อต่อการทุจริตหาเสียงยังไง มันก็น่าจะรู้ว่าบางทีการได้พวกพ้องเดียวกันทำงานมันกลับจะออกมาเป็นประโยชน์เสียมากกว่า เสียดายที่พวกนี้มัวแต่งมโข่งครับ เชื่อที่ไอแป๊ะลิ้มมันโม้ออกมายังกะโดนล้างสมอง ไม่พอครับ ยังหาว่าพวกรากหญ้าไร้การศึกษาและพวกเสื้อแดงไม่ใช่ปัญญาชน ผมอาจจะไม่ได้มีสติปัญญาอย่างท่านทักษิณนะครับ แต่ผมก็เรียนหนังสืออยู่อังกฤษ วันที่มาร์กกับกรณ์มาอังกฤษผมก็ไปฟังพวกมันพูดด้วย อย่างนี้เรียกว่าผมเป็นปัญญาชนหรือป่าวครับ? โอเค ผมอาจจะยังไม่ใช่ปัญญาชน แต่การที่เรียกรากหญ้าเนี่ย ผมมองว่าเป็นการเนรคุณนะครับ ต้องถามพวกเสื้อเหลืองว่าข้าวที่พวกมันกินกันทุกเมื่อเชื่อวันนี่มาจากน้ำพักน้ำแรงของใคร คนเหล่านั้นสมควรถูกเรียกว่ารากแก้วมากกว่าครับ เป็นกระดูกสันหลังของชาตินะครับ คนทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันครับ เช่นเดียวกัน เมื่อท่านทักษิณในฐานะประชาชนคนไทยสัญชาติไทยคนหนึ่งไม่ได้รับความยุติธรรม พวกเสื้อแดงนอกจากจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแล้วก็ยังต่อสู้เพื่อคนเก่งอย่างท่านทักษิณด้วย จากคุณ : PPpIRCU - [ 19 มี.ค. 52 05:08:19 A:158.143.163.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 คิดไม่ออกก็บออก "ก็มันโกง" คิดไม่ออกก็บอก "ศาลตัดสินมาแล้ว" ชิส์ บ่อยากสิเว้า จากคุณ : น้องติ๋ม - [ 19 มี.ค. 52 05:54:58 A:87.122.4.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 • ปุจฉา! “รวย”แล้วเข้าสู่สนามการเมือง ดีกว่าพวก “จน”มาเล่นการเมือง       • คนรวย!ไม่โกง ไม่คอร์รัปชัน แต่คนจน! ตั้งหน้าตั้งตากอบโกย ..จริงหรือ ?       • กลวิธีทำให้เงินหล่นทับจากนโยบายบริหารบ้านเมืองยุคคนรวย....... เขาทำกันอย่างไร       • 2 แสนล้านบาท....ตามนโยบายของรัฐไปตกอยู่ในกระเป๋า.....ใครเอ่ย!?..........             *************             ก่อน หน้าที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้ามาเป็นผู้นำบริหารบ้านเมืองนั้น ได้ประกาศและเน้นย้ำมาโดยตลอดในเรื่องของความพร้อม ทั้งในด้านกำลังสมองและฐานะเศรษฐกิจที่มั่นคงของตนเอง เพื่อเป็นจุดขายสร้างความแตกต่างให้ประชาชนเห็นว่า นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างเขา นั้น"ดีกว่า"และ"เหนือกว่า" บรรดานักการเมืองเก่า ที่ไม่ต่างจาก "นักเลือกตั้ง"อย่างชัดเจน             เพราะ การเข้ามาของนักเลือกตั้ง มีเป้าหมายเพื่อหวังกอบโกยผลประโยชน์ เพื่อชดเชยในสิ่งที่ขาด แต่สำหรับนักธุรกิจที่มั่งคั่ง และเต็มไปด้วยความพร้อมที่จะทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่จำเป็นต้องกอบโกยหรือหาประโยชน์ใส่ตัวแน่นอน...!             "การเมืองคือการผลัดกันเข้ามาทำให้ประเทศ ไม่ใช่มาโกงประเทศ" (20 ต.ค.2548)             "รวยแล้ว ไม่โกง"...!       ประโยค เหล่านี้คือคำพูดของนายกฯทักษิณ ที่มักถูกถ่ายทอดผ่านสื่อมวลชนสู่สาธารณชนหลายต่อหลายครั้ง โดยที่แต่ละครั้งเจ้าของประโยคทองคาดหมายว่าจะได้รับความเชื่อมั่นจาก ประชาชน ต่อเมื่อคนในสังคมเริ่มตระหนักว่าประเทศไทยกำลังจะถูก "เทคโอเว่อร์" จากกลุ่มทุน นักธุรกิจ จึงเกิดคำถามตามมา             "รวยแล้วไม่โกง จริงหรือ?"       บรรดา "ขาประจำ"และ ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะสำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น สามารถนำประโยคทองของนายกฯทักษิณ ไปใช้ขยายผลทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง และถูกจังหวะเวลาหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากไม่เพียงแต่ประชาธิปัตย์ทำป้ายติดทั่วจังหวัดภูเก็ต เพื่อเรียกร้องให้ประชาชน ช่วยกันตรวจสอบรัฐบาล เมื่อคราวที่นายกฯทักษิณ ยกครม.ลงไปสัญจรเมื่อต้นปี 2546             ต่อมาประชาธิปัตย์ได้ ออกพ็อคเก็ตบุคเล่มร้อนที่ชื่อ "ใครว่า คนรวย ไม่โกง(เรื่องจริง)" โดย กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของพรรค เพื่อตอกย้ำว่าคำพูดของนายกฯทักษิณ สวนทางกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับหนังสือ "รู้ทันทักษิณ"ของ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สว.กทม.ทยอยเปิดตัวต่อมาอีกหลายซีรี่ ที่ขายดีหมดแผง เพราะหลายคนอยากรู้จักนายกฯทักษิณ ในแง่มุมที่ซับซ้อนมากขึ้นนั่นเอง...             ปรากฏการณ์ "คอร์รัปชั่น" สายพันธุ์ใหม่ !       มี การตั้งข้อสังเกตว่า ข้อเท็จจริงที่นายกฯทักษิณ บอกว่า "รวยแล้วไม่โกง"อาจมีส่วนถูกอยู่บ้าง เพราะการเข้ามาบริหารประเทศในคราวแรกตั้งแต่ปี2544 และมีประกาศต่อไปว่าจะอยู่อีก 20 ปี มีเพียงเหตุผลประการเดียวคือเพื่อเข้ามาดูแลปกป้องธุรกิจโทรคมนาคม ของกลุ่ม "ชินคอร์ป" มูลค่านับแสนล้านบาท ทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่าน nominy ที่ถูกวางเครือข่ายไว้ในทุกส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน             การ เข้ามาบริหารประเทศของนายกฯทักษิณ ในฐานะผู้นำคนที่ 23 ตั้งแต่ปี2544 เป็นต้นมา ไม่เพียงแต่จะเป็นการพลิกโฉมหน้า รูปแบบการเมืองไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกันบรรดานักรัฐศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์การเมืองยังพบว่ารูปแบบการ "บริหารประโยชน์"ในระดับบนได้พัฒนาวิธีการจนยากที่จะติดตามได้ทัน              "ผลประโยชน์ทับซ้อน" , "แกรนด์ ดินเนอร์ คาบิเนต" หรือ "สัมปทานประเทศ" ได้กลายเป็นคำอธิบายถึง "ภาพลักษณ์"รัฐบาลไทยรักไทย ตลอดหลายปีที่ผ่านมาในสายตาของคนชั้นกลาง              ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ตลอดจน เสียงเรียกร้องให้ผู้นำแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นให้เด็ดขาด แต่ในเวลาเดียวกันสังคมกลับพบว่าคนที่มีชื่อพัวพันกับการทุจริตในโครงการ ขนาดใหญ่มูลค่ามหาศาล ล้วนแล้วแต่อยู่รายล้อมตัวนายกฯทักษิณทั้งสิ้น ว่ากันว่าเม็ดเงินที่ตกไปสู่มือคนใกล้ชิดนายกฯทักษิณ นั้นมีมูลค่ากว่าสองแสนล้านบาทกระจายไปยัง ทายาทสายตรง บรรดาเครือญาติ และกลุ่มพันธมิตร             5 ปีทักษิณ "ชินคอร์ป"ได้กว่าแสนล้าน       ก่อน ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ได้ประกอบธุรกิจโทรคมนาคมมีมูลค่านับพันล้านอยู่ในมืออยู่แล้ว ยิ่งเมื่อสถานการณ์การเมืองแบบรัฐบาลพรรคเดียวที่มีคะแนนสูงถึง 374เสียง จนฝ่ายค้าน นักวิชาการ และกลุ่มองค์กรเคลื่อนไหวต่าง ๆ ไม่มีโอกาสที่จะคานอำนาจ หรือยับยั้งในการตัดสินใจของนายกฯทักษิณ ได้เลย             แม้ นายกฯ จะบอกมาตลอดว่า ได้วางมือจากธุรกิจครอบครัว เพื่อมุ่งให้กับงานการเมือง ต้องการพัฒนาประเทศให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ และจะทำให้คนจนหายจน ซึ่งล้วนแต่เป็นภารกิจที่หนัก             เมื่อมองย้อนไปที่ ธุรกิจในครอบครัวก็ยิ่งเห็นการเติบโต แม้จะไม่มีคนชื่อทักษิณ ชินวัตร นั่งบริหารชินคอร์ปตามระยะเวลาที่อยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีเกือบ 6 ปีก็ตาม มองไปทางไหนก็เห็นแต่ธุรกิจเครือข่ายเต็มไปหมด แค่มูลค่าหุ้นของบริษัทในครอบครัวในตลาดหุ้นทั้ง 5 บริษัท 4 แสนล้านบาท ก็กินกว่า 10%ของมาร์เก็ตแคปส์ของตลาดหุ้นไทยเข้าไปแล้ว             ยัง ไม่นับรวมบริษัทด้านการเงินและสายการบินนอกตลาดหลักทรัพย์ที่ขณะนี้กำลังแผ่ กิ่งก้านสาขาไปทั่วไทย กลุ่มชินจึงเหมือนต้นไม้โตเร็วเพราะได้ปุ๋ยชั้นดี จากนโยบายรัฐบาลต่างๆ โดยที่นายกฯทักษิณ อาจจะไม่ตั้งใจหรือรู้เนื้อรู้ตัวมาก่อนหรือไม่?             ไอพีสตาร์ใช้เอฟทีเอเพิ่มรายได้ หมื่นล้าน       เริ่ม มาตั้งแต่บริษัทชินแซทเทิลไลท์ที่มีดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นตัวทำรายได้ให้กับ บริษัทนั้นได้รับอานิสงฆ์จากการทำเอฟทีเอหลายครั้งที่ไทยไปร่วมทำสัญญากับ เหล่าประเทศต่างๆทั้ง นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย จีน และอินเดีย จากการประมาณการของเหล่านักวิเคราะห์จากตลาดหลักทรัพย์ฯคาดว่า รายได้ของชินแซทจะก้าวกระโดดขึ้นมาทันที่ที่จีนและอินเดียเข้ามารับสัญญาณใน ปี 2549 คาดกันว่าอินเดียจะทำให้ชินแซทมีรายได้ เพิ่ม 5พันล้านบาท จีน 10,000 ล้านบาท             โดยก่อนที่จะมาเป็นไอพีสตาร์ที่เห็น ได้ในทุกวันนี้ นายกทักษิณ ได้เข้าไปพบกับ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา George W Bush.ในปี พ.ศ 2544 จากนั้นไม่นานกลางปี2545 บุญคลี ปลั่งศิริ ซีอีโอกลุ่มชินก็ประกาศว่าทางธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของอเมริกา หรือ US EXIM bank ให้เงินกู้ ชินคอร์ปมาเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการใช้จ่ายขยายธุรกิจ ซึ่ง IP Star ก็เป็นผลิตภัณฑ์หลักในการขยายธุรกิจของ SATTEL จำนวน 500 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 20,000 ล้านบาท และตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่านักวิชาการและนักการเมืองฝ่ายค้าน จากการที่ไทยเข้าไปเจรจาเขตการค้าเสรีกับสหรัฐอเมริกาในปลายปี 2545 ซึ่งดูเหมือนว่าไทยจะเสียเปรียบสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ การเปิดเสรีสิทธิบัตรยา เปิดเสรีประกันภัยและการเงินของคนไทยทั้งประเทศ             จาก นั้นไอพีสตาร์ก็เริ่มดำเนินการแผนธุรกิจตามเส้นทาง เอฟทีเออย่างไม่มีผิดเพี้ยน นอกจากข้อสัญญาเอฟทีเอจะเอื้อประโยชน์ต่อดาวเทียมดวงนี้แล้ว EXIM bank ของไทยก็เชียร์ดาวเทียมดวงนี้อย่างออกหน้าให้กู้ (Soft loan) ให้กับพม่า 4,000 ล้านบาทโดยส่วนหนึ่งได้แบ่งให้กระทรวงการสื่อสารและไปรษณีย์ของประเทศพม่าขอ กู้เงินดอกเบี้ยต่ำเพื่อไปลงทุนพัฒนาการสื่อสารและโทรคมนาคมของพม่าจาก รัฐบาลไทย 3 โครงการคือ             1.โครงการพัฒนาการสื่อสารผ่านดาวเทียมระบบบรอดแบรนด์             2.โครงการถ่ายทอดสัญญาณผ่านเคเบิลใยแก้วระยะทาง 1,500 กิโลเมตร             3. โครงการพัฒนาเทคโนโลยีข่าวสารและการสื่อสาร ตามยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (ECS)เป็นมูลค่า 1,216 ล้านบาท แล้วเงินจำนวนดังกล่าวย้อนกลับมาว่าจ้าง ชิน แซทเทิลไลท์ ซึ่งชนะการประมูล นั้นทาง EXIM Bank บ้านเราก็เซ็นอนุมัติผ่านด้วยเหตุผลว่าพม่ามีศักยภาพในการใช้หนี้ได้             รวม ไปถึง BOI ก็สนับสนุนระบบโทรคมนาคมอย่างเต็มที่ โดยการยกเว้นเงินได้นิติบุคคลเฉพาะราย จากต่างประเทศเป็นเวลา 3 ปี จากการส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ ดวงที่ 4 จนทำทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากเงินภาษีที่ชิน แซทเทิลไลท์ ได้รับการยกเว้น 8 ปี เป็นเงินกว่า 16,459 ล้านบาท ในแผนลงทุนดาวเทียมไทยคมดวงที่ 5 มีการเตรียมขอ ขอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ให้ไม่ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ ให้ไม่ต้องจ่ายถึง 10% จากปัจจุบันบริษัทต้องจ่ายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที 15% ของรายได้             นี่จึงเป็นเหตุผลให้นักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นต่างเชียร์ให้ซื้อ แซทเทล เพราะเห็นกำไรและการลดต้นทุนในอนาคตอยู่ตรงหน้า จากคุณ : jhobby - [ 19 มี.ค. 52 07:03:20 A:192.168.0.17 X:118.173.62.159 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอไอเอสรับอานิสงฆ์ 9 พันล้าน        นอกจากโครงการดาวเทียมหมื่นล้านแล้ว บมจ.แอดว้านซ์ ที่ให้บริการสัญญาณเอไอเอสของนายกฯทักษิณ กำลังเฟื่องฟู มีรายได้เหมือนกับกบก้าวกระโดด แม้จะมีคนเข้ามาแบ่งเค้กไปบ้างแต่เอไอเอสก็ยังครองแชมป์ผู้ให้บริการเครื่อ ข่ายมาทุกสมัย นอกจากรายได้จะโตแล้วภาครัฐก็ยังลดค่าใช้จ่ายเป็นโบนัสให้อีกด้วย              โดยทาง บมจ. แอดว้านซ์ได้แก้สัญญาร่วมงานกับ บมจ.ทศท.ในส่วนการจ่ายเงินชดเชยของโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบพรีเพด(วันทูคอล) จาก 25% เหลือ 20% ทำให้รัฐสูญเสียรายได้กว่า 1,600 ล้านบาท ขณะที่ยังได้รับอานิสงฆ์จากการลดภาษีนำเข้าโทรศํพท์มือถือจาก 10%เหลือ 0% โดยอ้างตามกฎ WTO คาดว่าจากการลดภาษีในครั้งนี้ทำให้เอไอเอสมีกำไรปี 2546 เพิ่มขึ้น 307% จาก 2,384 ล้านบาทปี 2543 เป็น 9,723 ล้านบาทปี 2546 เท่ากับเพิ่มขึ้น 7,339 ล้านบาท              ไม่ใช่แค่กฎระเบียบของระบบกิจการโทรคมนาคมในประเทศจะเอื้อประโยชน์ให้กับเอ ไอเอสแล้ว ยังมีการแก้ไขระเบียบราชการให้ข้าราชการซี 8-11 เบิกค่าโทรศัพท์ได้มากขึ้น จากเดิม 1พันบาทเป็น 4พันบาทตามขั้นบันได คาดว่าเอกชนจะมีรายได้เพิ่มประมาณ 672 ล้านบาทต่อปีซึ่งคิดจากประมาณการค่าราชการซี8-11 จำนวน 40,000คน จากคุณ : jhobby - [ 19 มี.ค. 52 07:04:10 A:192.168.0.17 X:118.173.62.159 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไอทีวี ฟันห้าหมื่นล้าน       ส่วน บมจ.ไอทีวี หลังจากที่กลุ่มบริษัทชิน เข้าไปดูแล มีการเปลี่ยนแปลงภายใน เริ่มตั้งแต่ไอทีวีได้ลดค่าสัมปทานเหลือ 150 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 20 ปี ทำให้รัฐเสีย             รายได้ไป 17,430 บาท อีกทั้งมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนรายการข่าวสาร สารคดีและสาระประโยชน์เป็น 50% และมีการยกเลิกการออกอากาศรายการข่าวสารคดีและสาระประโยชน์ช่วงระยะเวลา 19.00 น - 21.00 น.ทำให้ไอทีวีมีรายได้โฆษณาในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มขึ้นขั้นต่ำ 40,000 ล้านบาท อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนเวลา Prime time              การที่ไอทีวีได้รับรายได้เพิ่มขึ้นนั้น ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ไอทีวีฟ้องร้องรัฐต่อคณะอนุญาโตตุลาการขอค่าเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากการผิดสัญญาร่วมงานอันเนื่องมาจากรัฐปล่อยให้มีโฆษณาในUBC ในปี 2547 เป็นเหตุให้รัฐต้องชำระเงินคืนแก่บริษํท 20 ล้านบาท พร้อมจ่ายรายได้ขั้นต่ำต่อรัฐ 230 ล้านบาท อีกทั้ง สปน.คืนเงินค่าผลประโยชน์ที่ได้ชำระเมื่อ 3 ก.ค. 2546 เป็นจำนวน 570 ล้านบาท และสุดท้ายที่ทำให้รายได้ไอทีวีโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดก็คือ การให้ไอทีวีสามารถออกอากาศช่วง Prime time (19.00 o.- 21.30 น.) โดยถูกจำกัดประเภทรายการ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเรียกได้ว่ากระบวนการของรัฐเลือกที่จะให้ไอทีวี เป็นผู้ได้ประโยชน์ แม้จะมีทั้งนักวิชาการออกมาทักท้วงถึงเจตนารมณ์การจัดตั้งไอทีวี ต้องการเป็นทีวีที่มีคุณภาพและมีเนื้อหาสาระ ซึ่งถือว่าการอนุญาตให้ไม่จำกัดเวลาออกอากาศนั้นทำให้รายได้ของไอทีวีโต อย่างก้าวกระโดดจากค่าโฆษณา โดยปี 2548 บทวิเคราะห์จากบล.กิมเอ็งคาดการณ์ว่า ไอทีวีจะมีรายได้จากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น 48% หรือ 608 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2547             นอกจากธุรกิจคมนาคมและการสื่อ สารแล้ว กลุ่มชินกำลังกระจายธุรกิจไปยังธุรกิจด้านอื่น ทั้งธุรกิจการเงิน ธุรกิจการบิน โดยเฉพาะธุรกิจการบินโลว์คอสท์ ก็เป็นที่ฮือฮาตั้งแต่เปิดตัวในครั้งแรก ด้วยการทำโปรโมชั่นราคาด้วยสโลแกน "ใครๆก็บินได้" จากคุณ : jhobby - [ 19 มี.ค. 52 07:04:50 A:192.168.0.17 X:118.173.62.159 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แอร์เอเชียเบียด "การบินไทย"        หลังจากที่รัฐบาลสนับสนุนการเปิดน่านฟ้าเสรี และทำให้สายการบิน แอร์เอเชีย เกิดขึ้น ปรากฏว่าขณะนี้ แอร์เอเชียมีการขยายตัวและเตรียมเปิดเส้นทางสายการบินใหม่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปี 2548 แอร์เอเชียจะมีรายได้ 2,600 ล้านบาท ล่าสุดเปิดเส้นทางบินที่ เวียดนาม กัมพูชา และคาดว่าจะเตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ที่ พม่า ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้บริการดาวเทียมไอพีสตาร์              การเติบโตของแอร์เอเชียนั้นดูจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดจากการผลักดัน ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะแอร์เอเชียมีเส้นทางบินไปเชียงใหม่ 120 เที่ยวบิน / เดือน ซึ่งไปทับซ้อนกับเส้นทางสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับสายการบินไทยทำให้เกิด เสียงวิจารณ์ว่าการอนุมัติงบประมาณ 2547 เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสู่จังหวัดเชียงใหม่ และขยายพื้นที่ของอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ปรับปรุงลู่วิ่ง สนามบิน ซึ่งต้องใช้งบประมาณรัฐกว่า 1,800 ล้านบาทนั้นย่อมไม่อาจปฏิเสธผลประโยชน์ที่แอร์เอเชียได้รับจากมาตรการรัฐบาล ครั้งนี้หรือไม่?             สวนทางกับการบินไทย ที่ต้องเจอกับภาวะถดถอยอย่างต่อเนื่อง มีทั้งการลดจำนวนเที่ยวบินในประเทศบางเส้นทาง หรือแม้กระทั่งเลิกเส้นทางการบินไปต่างประเทศในบางสาย ยกเลิกเส้นทางบินไปกลับกรุงเทพฯ-ภูเก็ต-สิงคโปร์ จำนวน 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และลดเส้นทางไปกลับกรุงเทพฯ-ภูเก็ต จำนวน 14 เที่ยวบิน และลดเส้นทางไปกลับกรุงเทพฯ-กระบี่ 7 เที่ยวบิน นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มราคาค่าโดยสาร ขึ้นอีกเที่ยวบินละ 400 บาท อีกด้วย จากนโยบายลดเส้นทางการบินของการบินไทยและเพิ่มราคานั้น ส่งเสริมให้รายได้ของแอร์เอเชียเพิ่มขึ้นอย่างอัตโนมัติ เพราะประชาชนมีทางเลือกน้อยลง ซึ่งตอนนี้นอกจากสายการบินไทยแล้ว แอร์เอเชียถือว่าเที่ยวบินครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ             นอก จากนี้แอร์เอเชียยังมีบริการเสริมด้านการเงินซึ่งเริ่มทำการตลาดเปิดตัวไป ไม่นานนี้ อย่างบัตรเครดิตแอร์เอเชีย ได้ธนาคารดีบีเอส สิงคโปร์เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตแอร์เอเชีย สะสมคะแนนการใช้บัตรแลกตั๋วเครื่องบินได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งกิจการนอน - แบงก์ในเครือชินอย่าง แคปปิตอลโอเคก็มีดีบีเอส สิงคโปร์เข้ามาเป็นผู้ช่วยด้วย และดูเหมือนธุรกิจนอน-แบงก์กำลังจะไปได้ดี ในปี 2548 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ทั้งในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อ และบัตรเครดิต โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 25% ของมูลค่าตลาดรวมสินเชื่อทั้งระบบ จากคุณ : jhobby - [ 19 มี.ค. 52 07:05:20 A:192.168.0.17 X:118.173.62.159 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กินรวบสถาบันการเงิน       ใช่ ว่านโยบายรัฐบาลชุดนี้จะสนับสนุนระบบสื่อสารโทรคมนาคมอย่างเดียว แต่ยังเผื่อแผ่ไปยังระบบการเงินของประเทศด้วย จะพบว่ารัฐบาลชุดนี้จ้องจัดการกับสินเชื่อนอกระบบอย่างเด็ดขาด มีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน โดยให้มีประชาชนเข้ามาลงทะเบียนเพื่อให้ประชาชนเหล่านั้นหันมาใช้เงินกู้ใน ระบบแทนที่เงินด่วนนอกระบบ คิดเป็นเม็ดเงินที่จะไหลเข้ากับเหล่าสินเชื่อในระบบทั้งหลาย คิดเป็น 692,991 ล้านบาท             ในปลายปี 2546 บริษัท แคปปิตอลโอเค ได้เกิดขึ้นมาในระบบสินเชื่อส่วนบุคคลกำลังเฟื่องฟู แม้จะเป็นน้องใหม่แต่เพราะความเชื่อมั่นในฐานลูกค้าเอไอเอสที่มีอยู่เดิม ทั้งมีผู้สนับสนุนทางการเงินคือธนาคารดีบีเอสสิงคโปร์ ตั้งเป้าทำรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท              รวมไปถึงระบบธนาคาร กลุ่มชิน ก็เข้าไปมีบทบาทอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะหุ้นที่พานทองแท้ ชินวัตรเคยเข้าไปถือหุ้น 150 ล้านหุ้น ของธนาคารทหารไทยนั้น หลังจากที่ขายหุ้นไปแล้ว พานทองแท้ได้กำไรหุ้นครึ่งหนึ่ง เพราะเข้าไปช้อนซื้อในช่วงราคา 2.60 บาท แต่หลังจากที่มีการควบรวมธนาคารทหารไทยกับ IFCT และธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ โดยกระทรวงการคลังนำหุ้นของปตท.และการบินไทยไปวางค้ำประกันเพื่อกู้เงิน ธนาคารออมสินมาเพิ่มทุน10,000 ล้านบาท ทำให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น ประมาณ 300 ล้านบาท              รวมไปถึงธุรกิจส่วนตัวของพานทองแท้ ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณา แม้จะเป็นบริษัทน้องใหม่สดๆ แต่ก็สามารถได้งานสัมปทานโปรเจกยักษ์พื้นที่โฆษณาบริเวณอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ ดินมูลค่า 90 ล้านบาทได้             รวยเพิ่มด้วยอสังหาริมทรัพย์        ธุรกิจอีกประเภทหนึ่งที่เศรษฐีทุกประเทศต้องเข้ามาลงทุนคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะที่ดินซื้อมาเก็บไว้ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้น และยิ่งมีสายสัมพันธ์กับนโยบายรัฐย่อมง่ายราวพลิกฝ่ามือ แม้จะซื้อที่ตาบอดไว้ ไม่นานก็จะมีถนนตัดถนนเข้ามาในโครงการหมู่บ้านอย่างไม่น่าเชื่อ              เหมือนกับโครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด หนึ่งในโครงการหมู่บ้านจัดสรรของ บริษัทเอสซี แอสเซท จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทในเครือชิน ซึ่งโครงการอยู่บนถนนถนนรามอินทรา-วงแหวน-นวมินทร์ อยู่ดีๆ ที่ประชุม คจร. เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2546 มีมติตัดถนนผ่านที่ดินโครงการ รัชดาภิเษก-รามอินทรา 4.5 กิโลเมตร โดยก่อสร้างเฉพาะช่วงกลาง(ยาว 3.2 ก.ม.) ที่ตัดผ่านโครงการบ้านจัดสรรมูลค่า2,450 ล้านบาท ทำให้เพิ่มมูลค่าโครงการ บางกอกบูเลอร์วาด พุ่งขึ้นมาทันทีอย่างต่ำ 10% หรือประมาณ 240 ล้านบาท             นอกจากนี้ชื่อเสียงของ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ยังโดดเด่นในฐานะเจ้าแม่ที่ดินของไทย เพราะแม้กระทั่งที่ดินทำเลทองในตัวเมืองย่านรัชดา ตรงข้ามสถานฑูตเกาหลี เยื้องศูนย์วัฒนธรรม จำนวน 33 ไร่ ที่กองทุนฟื้นฟูจัดประมูลขึ้นมานั้น คุณหญิงก็ซื้อได้ถูกกว่าราคาตลาดกว่า 50% แม้จะมีผู้เข้าประมูลอย่างอนันต์ อัศวโภคินเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยตัวจริง เสียงจริง เข้าเป็นคู่เทียบในการประมูลก็ตาม             แต่เมื่อย้อนไปดู ความสัมพันธ์ของบริษัทคู่เทียบ กับคุณหญิงพจมาน จึงไม่น่าแปลกใจ หากคุณหญิงจะชนะประมูลและสามารถทำให้รัฐขาดรายได้ไปถึง 715 ล้านจากต้นทุนที่ดินที่ต่ำลงจากการประมูลรอบแรก 700 ล้านบาท และจากค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินอีก 15 ล้านบาท เพราะมีการโอนที่ดินก่อนขึ้นราคาประเมินฯแบบเส้นยาแดงผ่าแปด             อนันต์ เจ้าของบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีความสนิทสนมกับบุญคลี ปลั่งศิริตั้งแต่เรียนวิศวจุฬาฯด้วยกัน และยังเป็นนายทุนคนสำคัญในการจัดงานชุมนุมศิษย์เก่ามงฟอร์ตเมื่อกลางปีที่ ผ่านมา ล่าสุดได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการอิสระกำกับดูแลกิจการไฟฟ้า (Requlater) เพื่อการแปรรูปกฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ             อย่าง ไรก็ดียังมีที่ดินที่ได้รับความสนใจอีกแปลงคือแปลงสนามกอล์ฟอัลไพน์ มูลค่ากว่า 747 ล้านบาท ซึ่งนายกทักษิณ ซื้อมาด้วยราคาไม่แพงในสมัยเศรษฐกิจตกสะเก็ดปี 2540 กระทั้งถูกโจมตีข้อกล่าวหาเรื่องนำที่ดินวัดธรรมามิการามมาสร้างเป็นสนาม กอล์ฟ             ดังนั้น การที่นายกฯทักษิณ เข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยย้ำตลอดเวลาไม่เกี่ยวข้องจากธุรกิจครอบครัว แต่ธุรกิจครอบครัวกับโตวันโตคืนนั้น เขามีเทคนิคอย่างไรและบรรดานักวิชาการในรั้วมหาวิทยาลัย น่าจะหยิบยกหรือจัดทำเป็น "ตำรา" สอนคนรุ่นใหม่ให้รู้ว่า......คนรวย! บริหารประเทศ .....แล้วใครได้ประโยชน์มากกว่ากัน! จากคุณ : jhobby - [ 19 มี.ค. 52 07:05:47 A:192.168.0.17 X:118.173.62.159 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไปหามาให้ตามขอครับ จริงๆยาวกว่านี้อีกลองตามลิงค์แล้วกัน ก็ดูแล้วกันนะว่ารักเค้าน่ะเพราะเงินที่เค้าให้มา หรือเพราะประโยชน์ที่ใครให้กับประเทศ จนปิดตาไม่ดูที่เค้าเอาไป http://www.siampower.net/news/data/0304.html จากคุณ : jhobby - [ 19 มี.ค. 52 07:10:31 A:192.168.0.17 X:118.173.62.159 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณอยู่บ้าน สอนลูกว่า ให้เป็นคนดี ให้ขยันเรียน จะได้เก่งๆ ต่อไปจะได้ทำงานดีๆ มีฐานะร่ำรวย ถ้าลูกคุณถามว่า ถ้าเลือกทำได้แค่อย่างเดียวเอาอันไหนดีล่ะ ระหว่าง ดี ขยัน เก่ง และ รวย ผมเชื่อมั่นว่าวันนี้ พ่อแม่หลายๆคนยังเอาความดีไว้ก่อน แต่ถ้านับวันผู้คนเอาแต่บูชา คนเก่งแต่โกง คนรวยไม่มีจริยธรรม วันนึงสังคมเราจะเปลี่ยนไป "ลูกๆจำไว้นะจ้ะ ต่อไปลูกๆต้องรวยนะคะ ทำยังไงก็ได้ ต้องรวย อะไรนะ เพื่อนได้คะแนนเยอะกว่าเหรอ เอานี่ ของขวัญ ไปให้คุณครูนะ คุณครูจะได้ให้คะแนนจิตพิสัยเต็ม" ผมไม่อยากได้สังคมแแบบนี้ว่ะ ผมเลยไม่ชอบมัน จบ... จากคุณ : เด็กรู้ทัน - [ 19 มี.ค. 52 07:27:21 A:10.29.52.113 X:203.144.139.225 ]

ความคิดเห็นที่ 11 #4 - ถ้าจะตัดแปะที่เห็นมาโดยขาดความเข้าใจ ไม่ต้องก็ได้นะครับ ไม่ต้องขนาดนัั้นก็ได้นะครับ ... จะอธิบายแบบง่ายๆให้ฟังนะครับ.. การเว้นภาษีที่ได้รับการสนับสนุนโดย BOI หรือ เรื่อง FTA กับประเทศต่างๆ..ใครจะทำก็ย่อมได้ถ้ามีปัญญาทำสินค้า หรือ ทำตามข้อกำหนดที่มีไว้ในสัญญานั้นท ก็จะได้รับสิทธิ์นั้น ส่วน เริมสัด เนี่ยน่าสงสารเนอะ อุตสาห์ทุ่มทุนทำ research ตอนร่างรธน. เกือบสิบล้าน แบบที่ไม่มีใครขอ ที่สำคัญเป็น research ที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี สุดท้ายไม่ได้ตังคืน ขำชมัด...เรื่องเนี่ยเอาไปพูดสร้างเครดิตทุกงาน คนๆนี้เนี่ยะดูเหมือนจะสร้างสรรค์ คิดว่าตัวเองทรงคุณค่าเต็มที่แล้วนะเนี่ย ไอเริม เนี่ยะแหละที่หน้าด้านเติมเรื่องยุบพรรคการเมืองลงไปใน รธน.โจร ...แล้วยังเจือกเอามาพูดอย่างภูมิใจ ... ไอหนังสือที่ขายดีเนี่ยมันจั่วหัวแบบนี้มันก็น่าจะขายดีอ่ะนะ แต่พอคนเค้าอ่านจบเนี่ยเคยมีใครไปสำรวจรึเปล่า ว่าเค้าด่าตามหลังว่าว่ายังไง เนื้อความในหนังสือมันสะท้อนสันดานคนเขียนได้เป็นอย่างดี .. เหมือนโจรที่เคยใช้มีดฆ่าคน.. เวลาเห็นหมอกำลังผ่าตัดคนไข้มันก็จะนึกไปว่า ไอนี่น่าจะเป็นโจรที่กำลังฆ่าคนเหมือนกัน น่าสังเวช .. โดยข้อเท็จจริงแล้ว เค้าก็ทำอย่างโปร่งใส และ เปิดเผย ใครๆเค้าก็รู้ทั้งงั้น  ส่วนผลโดยรวมรัฐได้กำไรเท่าไหร่ไม่เห็นพูดถึง.. ส่วน ipstar ที่ได้การสนับสนุนเพราะ มันเป็นเทคโนยีใหม่ที่ทำให้อะไรๆมันก็ง่าย...มีปัญญาก็ทำเหมือนเค้าเด่ะ อย่างไอแป๊ะไง..คิดว่าง่าย เลยไปทำที่ลาว..เป็นไง..เจ๊ง ขนาดไปทำที่ลาวต้นทุนต่ำสุดๆนะ ส่วน คุณบุญคลี ใครๆก็รู้ว่าเค้าเป็น ceo ที่มีความสามารถ โปร่งใส ไอเรื่องที่จะทำแล้วกำไรเท่านี้มันก็ไม่แปลกหรอกครับ นักลงทุนเค้าเชื่อมั้้น หุ้นก็เพิ่ม มีไรตื่นเต้นเหรอ แค่นี่ใช่ป่ะเท่าที่กล่าวหา ท่านทักษิณ ว่าคอรัปชั่น.. เท่านี้นะ เออๆ#4 นี่ถามจริงเป็นสาวกแป๊ะป่าวอ่ะ ถ้าไม่ใช่ขอโทษนะ มันคล้ายจิงๆอ่ะ จากคุณ : piok - [ 19 มี.ค. 52 07:53:54 A:124.120.98.230 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อมูลของ JHOBBY เป็นเรื่องที่ เติมศักดิ์ เอเอสทีวี เอามาพูดบ่อยๆ แต่พวกนั้น มีลีลาการพูดที่ ป้องกันตัวเองได้ ถ้าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ทำไมไม่มีใครกล้าเอามาตีแผ่ เป็นเรื่องเป็นราว แม้กระทั่งฝ่ายค้าน ยังไม่กล้า ตอนนั้น มาร์ค ยังได้แค่ ไม่ไว้วางใจ...... สุริยะ จึงรุ่งเรือง...... .........JHOBBY....... ระวังจะโดนฟ้องหมิ่นประมาทแทน เมแนจเจอร์นะ จากคุณ : สาวสวยสวย - [ 19 มี.ค. 52 07:56:55 A:58.8.163.99 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่จำเป็นต้องมีเหตุและผลขอเพียง21แกนนำโยนฟางให้กินแล้วชี้ทางให้ไปก็เดินตามไปหมดแบบไร้หัวคิด จากคุณ : กุหลาบราตรี - [ 19 มี.ค. 52 07:59:06 A:125.24.94.111 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 เจ้าลัทธิลิ้ม มันบอก พวกมันก็เชื่อ ลิ้มมันทำ5อะไรให้ประเทศบ้าง จากคุณ : UNUbon - [ 19 มี.ค. 52 07:59:56 A:192.168.0.17 X:114.128.50.176 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ครับ... คุณ จขกท. ผมขอความเห็นแย้งแบบชัดๆว่าที่ท่านทั้งหลายทำไม่เป็นผลลบต่อชาติด้วยสิครับ ผมเอาข้อมูลจากสื่อมาเสนอ คุณจะเอาจากสื่อมาหักล้างก็ได้นะครับ แต่อย่างน้อยก็ขอข้อมูลว่า เหตุการณ์ วันเวลาที่ผมเสนอไปนั้น ไม่เชื่อมโยง น่าเชื่อได้ว่าไม่ได้ทำ ขอแบบมีข้อมูลมาตัดแปะนี่แหละครับ เพราะถ้าขนาดไม่มีใครมีความเห็นให้ตัดแปะได้เลย คุณก็น่าจะพิจารณานะครับ ว่าที่คิดเชื่ออยู่นั้น มันเป็น "ความเชื่อ" หรือ "ข้อเท็จจริง" ไอ้จะบอกว่าคนนั้นดี คนนี้เก่งก็น่าจะมาจากข้อมูลใดข้อมูลหนึ่ง ผมบอกว่าคนๆนี้ไม่ดี พร้อมกับไปคัดจากแหล่งข้อมูลที่ตรงกับใจผมมาอ้าง เพราะเค้าก็สรุปมาให้อ่านได้ง่ายแล้ว ผมก็ขอแหล่งข้อมูลของคุณด้วยครับ คนเราจะรักจะนับถือหรือชิงชังใครก็ควรอาศัยดูจากสิ่งที่เค้าทำไว้มาพิจารณาประกอบ แต่ถ้ารักและนับถือโดยหลับตาไม่มองสิ่งที่เค้าทำไว้โดยอคติ ความรักความนับถือแบบนี้ยังจะเรียกได้ว่ามีเหตุผลมากำกับหรือครับ แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 08:57:33 จากคุณ : jhobby - [ 19 มี.ค. 52 08:44:55 A:118.173.62.159 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ฝาก เด็กรู้ทัน ไปถามศาสดาลิ้มว่า ล้มบนฟูกมากี่รอบแล้ว? ทำไมยิ่งล้มยิ่งรวย? ทำไมลิ้มทำอะไรเจ๊งตลอด? ธุรกจิลิ้มเจ๊งแต่ทำไมลิ้มไม่เจ๊ง? โกงแบบลิ้มทำไมยังมีคนเชื่อ? คนที่เชื่อลิ้มนี่ควรมีสติปัญญาระดับไหน? จากคุณ : เสรีชนคนเดินดิน - [ 19 มี.ค. 52 08:47:02 A:114.128.116.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 "เออๆ#4 นี่ถามจริงเป็นสาวกแป๊ะป่าวอ่ะ" ป่าวครับ ผมก็มองจากมุมของสมาชิกในสังคมคนหนึ่ง ที่สักวันก็ต้องตายไปแต่ยังอยากมีสังคมดีๆไว้ให้ลูกหลานอยู่ต่อไป ข้อมูลก็เอามาจากข้อเท็จจริงที่ปรากฎตามสื่อต่างๆ ตัดความคิดเห็นของคนเขียนออกแล้วเอามาชั่งใจเอง ผมก็ยืนยันว่าผมใช้เวลาพอสมควรก่อนจะตัดสินในใจตัวเองว่าชอบหรือไม่ชอบใคร ผมทำงานส่วนตัวมีรายได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไม่ได่ร่ำรวยอะไรแต่ก็พอทำให้ความคิดที่คิดออกมา เชื่อในตัวเองว่าผมไม่ได้อคติกับใคร "มาก่อน" ส่วนที่ผมสรุปผมเชื่อจะถูกจะผิดก็มาจากข้อเท็จจริงและระดับปัญญาของผมเองซึ่งก็เป็นแค่คนๆหนึ่ง ถ้าคุณมีข้อมูลที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับผมก็นำเสนอมาสิครับ ผมยินดีอย่างยิ่งครับ จากคุณ : jhobby - [ 19 มี.ค. 52 09:09:13 A:118.173.62.159 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ jhobby ไปเอาเรื่องราวมาแป๊ะไว้มากมาย ในนี้เขาก็พูดกันจนเบื่อจะอธิบายแล้ว  หลายเรื่องก็ไม่มีหลักฐานอะไร โดยใช้คำว่าประมาณการว่ารัฐจะสูญเสียไปเท่านั้นเท่านี้ จากคุณ : เฉกตะวัน - [ 19 มี.ค. 52 09:58:03 A:125.24.17.191 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ปักใจว่าทักษิณ และคณะ โกง แต่ พฤติกรรม ทำให้สงสัยไม่แน่ใจว่า บริสุทธิ์ จริงหรือเปล่า   ได้แต่รอให้ท่านมาพิสูจน์ตนเองอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่เห็นด้วยในนโยบายหลายประเด็นของรัฐบาลทักษิณ  แต่ก็ยอมรับในความริเริ่มที่ หาญชาญชัยของทักษิณ     ซึ่งในบางครั้ง บางนโยบายผลประโยชน์ สุดท้ายจะไปตกแก่ท่านและพวกท่าน   ก็เป็นธรรมดาของนักการบริหาร     ดังนั้นความเนผม จึงเห็นว่า  .........ความเสียสละ  เป็นสัญลักษณ์ของผู้ยิ่งใหญ่                                                    การเป็นผู้นำ นั้นไม่ยาก  แต่การเป็นผู้นี่ยิ่งใหญ่นั้นยากมากนัก                                                    ความเสียสละ  เป็นจิตสำนึกของผู้มีจิตต์ใจอันสูงส่ง                                                    ความเสียสละ เป็นทั้งหน้าที่ และทั้งความรับผิดชอบของผู้ที่จะเป็นผู้นำ                                                    ผู้นำ ที่ไม่ยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตัว   เพื่อส่วนรวม      นับได้ว่า  เป็นบุคคลไร้ค่าสำหรับสังคม               เป็นความเชื่อที่ล้าสมัยพ้นยุคไปหรือไม่  ไม่ทราบ  บางคนบางท่านอาจจะไม่ยึดถือเช่นนี้              หาก แต่มัน ผนึกอยู่ในความคิดของผมเช่นนี้มานานตลอดมาจนวันนี้ จากคุณ : วอน (วอน) - [ 19 มี.ค. 52 09:59:52 A:125.27.246.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ถึงกะเกลียดหรือไม่ชอบ  แต่รู้สึกว่าแกจะขี้โม้ไปสักหน่อย ส่วนเรื่องทุจริตเนี่ยยังไม่เห็น ส่วนการใช้ข้อได้เปรียบบางอย่าง ทำให้ตัวเองร่ำรวยขึ้นเกินเหตุ ค่อนข้างชัด แต่ถ้าเป็นนายก ผมก็รับได้นะ  แต่ตอนนี้อดเป็นก้อไปดิ้นรนเอาเอง เพราะโดยส่วนตัวของผมใครเป็นนายก  ใครเป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผมดีขึ้นเลย นอกจากตัวผมเอง สรุปแล้วงั้นงั้น จากคุณ : มหานคร (มหานคร) - [ 19 มี.ค. 52 10:05:16 A:125.26.39.189 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 #18-สิ่งที่คุณต้องทำอย่างแรก คือ ต้องไปเรียนหนังสือเพิ่มเติมครับ สังเกตุในสิ่งที่คุณเชื่อ เมื่อมีการโยงเหตุการณ์บางอย่างเข้าด้วยกัน ครับคล้ายครับครา เข้าด้วยกัน บวกกับสิ่งที่คุณผูกพันในทัศนคติที่มีอยู่ เลยทำให้คุณเชื่อว่าสิ่งนั้นจริง เอาง่ายๆเรื่อง คุณหญิง ซื้อที่เนี่ย เข้าประมูลกันในทรัพย์ที่ขายทอดตลาดอันเกิดจากการที่ทรัพย์นั้น เป็นทรัพย์ค้ำประกันของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ โดยคุณจะไปหวังว่า ราคาที่่ดินที่จะทำธุรกรรมระหว่างผู้ขาย และ ผู้ซื้อ จะเป็นไปตามราคาปรกติของกลไกตลาดไม่ได้..เนื่องมาจากประสงค์ของผู้ขาย คือต้องการที่จะได้เงินมา เพื่ออย่างน้อยให้เท่ากับต้นทุนที่ได้ทำการให้ลูกหนี้ได้ยืมไป หรือ อย่างน้อยเท่ากับ เงินที่ไปซื้อหนี้มา เพื่อนำมาจัดการบวกค่าดำเนินการนิดหน่อย คุณจะไปเอาราคาที่ดินจัดสรรมาเทียบกันไม่ได้ มีคนซื้อทรัพย์นั้นๆ สถาบันก็ดีใจแล้ว เพราะ อย่างน้อยก็ลดภาระของเค้าไปได้ แล้วการที่ คุณ บุญคลี รู้จักกับ คุณ อนันต์ แล้วบังเอิญสองบริษัทเข้าประมูลพร้อมกัน มันเป็นต้องโกงเหรอครับ? มันไม่ ms เลย.. คนนะครับ! ..ไม่ใช่ปชป. ที่เข้าไปปุ๊ป บูดปั๊ป ... ถ้าคุณมีพื้นฐานด้านธุรกิจบ้าง คุณก็จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร คุณจะสามารถวิเคราะห์ข้องมูลได้แม่นยำขึ้น โดยไม่ต้องโพส แปะ ..ข้อมูลที่คุณโพส แปะมาเนี่ย 1000ทิป เค้าฝังกลบไปตั้งแต่ปีเมื่อโว้แล้ว อีกอย่างนะครับ การเลือกช่วงข้อมูลเพื่อบิดเบือนการนำเสนอนี่ไม่ดีนะครับ ผมถามคุณ พร้อมทั้งของโทษถ้าไม่ใช่ แต่ที่คุณเลือกมาแปะนี่ กลายเป็นว่าผมกล่าวหาคุณ แล้วที่สำคัญ ตอนนี้คุณมีสังคมที่ดี (ดีในความหมายปรกติคน)ให้ลูกหลานเรียบร้อยดีแล้วยังงั้นเหรอครับ? พอใจแล้วใช่ไหมครับแบบนี้? อีกไม่กี่วัน รบ.ปชป. มันจะไปเพิ่มหนี้ให้คนอีกเท่าไหร่รู้รีเปล่าครับ ถ้าปล่อยไปจนถึงตอนนั้น..อีก 2 ทักษิณ ก็คงต้องยกธง.. ยากแก้ไขจริงๆ จากคุณ : piok - [ 19 มี.ค. 52 10:16:14 A:124.120.98.230 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 #20 - คุณรู้ป่ะว่าทักษิณเนี่ยเสี่ยงตายเพื่อคนไทยมากี่ครั้ง ไหนจะปราบยาเสพติด ไหนจะปราบอิทธิพล ไหนจะปรับเปลี่ยนปฏิรูปขรก. รัฐวิสาฯ ...มาร์ค ทำไม่ได้แน่นอน ทหารมันยังไม่เกณฑ์เลย แล้วอย่างนี้คุณว่า อย่างทักษิณนี่เสียสละป่ะ นายกอะไรเสี่ยงชีวิตพอๆกับ ตชด. กำ แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 10:40:47 จากคุณ : piok - [ 19 มี.ค. 52 10:26:44 A:124.120.98.230 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 เพื่อนเรา เป็นกลุ่มคนที่ไม่ติดตามการเมือง ติดตามแต่ละคร บันเทิง แล้วเค้ามองว่า ม็อบ เป็นเรื่องวุ่นวาย ประมาณว่า วุ่นายจริงนพวกนี้อาไรกันนักหนา แล้วก็ ไม่ได้สนใจว่าเพราะอะไร คือเค้าบอกว่า ตอนนี้ชีวิตเค้ามีความสุขดี มีงานทำ มีเครดิต มีบ้านอยู่ มีรถขับ เค้าเลยไม่รู้ว่าจะมาเดือดร้อนอะไรกันนักหนา เบื่อพวกม็อบ แต่พอเค้ารู้ว่าเราเป็นเสื้อแดง เค้าก็แสดงตัวว่า เค้าไม่ชอบทักษิณเราไปชอบได้ไง มันโกง เราถามว่า แล้วโกงอะไร เค้าบอกว่า ถ้าไม่โกงแล้วหนีไปทำไม เราบอกว่า   แล้วปฎิวัติทำไม เค้าบอกทักษิณโกงเลยปฎิวัติ เราถามว่าไม่คิดสงสัยหรืออยากรู้บ้างเลยหรอว่า ปฎิวัติทำไม ไม่ดียังไง แล้วทักษิณโกงหรือเปล่า มันบอกว่าไม่รู้ แต่มั่นใจว่า โกง แน่นอน ไม่ชอบทักษิณ จากคุณ : ชาเขียวไม่ใส่นม - [ 19 มี.ค. 52 10:31:36 A:192.168.0.17 X:192.168.182.47, 118.172.193.84 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คห 4 คุณบอกคุณเอาจากสื่อ มันไม่ผิดหรอกครับ แต่สื่อที่มันเอียงไปด้านเดียว เพราะเกิดจากตัวเจ้าของสื่อมันเสียผลประโยชน์ และ เพื่อนพ้อง ที่ร่วมกันทำเสียผลประโยชน์ เพราะขัดใจทางธุรกิจ ผมว่าสื่ออย่างนี้ไม่น่าเชื่อนะครับ คนที่มันอคติอยู่ แล้วเพราะตนเสียผลประโยชน์ รวมตัวกัน คุณคิดว่าสื่อแบบนี้มันยังน่าเชื่อถืออีกหรอครับ เท่าที่อ่านนะ มันเป็นเรื่องที่ถก กันมานานแล้วในpantip แต่ก็ดีนะครับจะได้ทราบว่า ยังมีอีกหลายๆคนที่เข้าใจแบบนี้อยู่ จากคุณ : Kosmos - [ 19 มี.ค. 52 10:51:31 A:118.173.250.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 #18-สิ่งที่คุณต้องทำอย่างแรก คือ ต้องไปเรียนหนังสือเพิ่มเติมครับ ---> ^__^ ผมคิดว่าคงไม่ต้องเรียนหนังสือเพิ่มเติมแล้วล่ะครับ คุณเอาข้อมูลอะไรมาคิดว่าผมต้องเรียนเพิ่มเติมครับ ส่วนการอ่านหนังสือนี่เป็นงานอดิเรกของผมครับ การเลือกช่วงข้อมูลเพื่อบิดเบือนการนำเสนอนี่ไม่ดีนะครับ ---> ตรงไหนครับ ผมก็นำลิงค์ที่ผมข้อมูลมามาอ้างอิงไว้ให้แล้ว และส่วนที่เหลือก็ยังเป็นการให้ข้อมูลที่เหมือนเดิมแต่กระจายวงออกไปที่คนรอบตัว ซึ่งจริงๆแล้วผมก็ยินดีเอามาแปะทั้งหมดนะครับ แต่เกรงว่าจะยาวไปก็เท่านั้นเอง หากใครสงสัยก็ตามไปอ่านนะครับ และถ้าคิดว่าผมตัดตอนมาเื่อบิดเบือนก็แจ้งมาแล้วกัน เดี๋ยวผมมีธุระ ไว้จะขอมาตอบกะทู้คุณอีกครับ ฝากไว้นิดนะครับ ตามความเห็นผมนี่ ถ้าจิตใจคุณยังไม่พร้อมจะฟังข้อโต้แย้งนี่คราวหลังอย่าเพิ่งรีบตั้งกะทู้นะครับ เตรียมใจไว้หน่อย ตั้งกะทู้แล้วพอเอาข้อเท็จจริงจากอีกด้านมาตอบ คุณก็ใช้อารมณ์แล้ว มันไม่ดีนะครับ พฤติกรรมนี้มันคุ้นๆครับ จากคุณ : jhobby - [ 19 มี.ค. 52 12:37:07 A:118.173.64.96 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 แต่ผมว่าคุณยังต้องเรียนเพิ่มจริงๆนะ ถ้าคุณยังเชื่อข้อมูลเหล่านี้ คิดว่ายังต้องอีกเยอะเลย เพราะ ข้อโต้แย้งที่คุณนำมาโพสเนี่ย มันไม่ได้บ่งชี้ว่า ท่านทักษิณโกงแต่อย่างใด ยกตัวอย่างนะครับ WTO ที่อ้างสำหรับการลดการจัดเก็บในระบบพรีเพด อันนี้ TAC (จำได้ไม่ชัดว่าตอนนั้นเป็น DTAC รึยัง แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ AIS) เป็นคนยื่นขอนะครับ แล้ว กฏ WTO นี่เราไม่ต้องสนใจเหรอครับ? ช่างมันว่างั้นเถอะ.. จะให้ชี้แจงทั้งหมดนี่ หลังไมค์ฝากเบอร์ไว้เดี่๋ยวจะโทรไปอธิบายให้ฟัง เพราะ ข้อมูลที่คุณใช้ทั้งหมด ที่มันทำให้คุณเข้าใจผิดนี่ มันเยอะเหลือเกินพิมพ์ไม่ไหว อารมณ์ที่มีของผมที่มีให้คนแบบคุณ คือ ผมสงสารหน่ะครับ ผมเลยประสงค์อนุเคราะห์ในการชี้แจงข้อมูลให้.. ไม่มีอย่างอื่น เพราะ ดูจากความมั่นใจในการตอบกท.ของคุณ มันบอกผมว่าคุณไม่รู้อะไรจริงๆแหละครับ รู้ตัวว่าไม่รู้นี่ ยังดีกว่าไม่รู้แล้วเข้าใจว่ารู้นะครับ จากคุณ : piok - [ 19 มี.ค. 52 13:07:13 A:124.120.98.230 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 ช่วยบอกหน่อยเถอะ ว่า ท่านทักษิณไม่ดียังไง? มีใครไม่รุบ้าง จากคุณ : Mayake - [ 19 มี.ค. 52 14:28:25 A:192.168.0.17 X:124.122.130.32 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถามหน่อยเถอะ ถ้าสมมุติว่าร้านข้างบ้านคุณจัดประมูลขายของที่รับมาราคาทุน 2,000 บาท ปรากฎว่าเด็กในร้านขายไป 750 บาท คุณจะคิดว่าไงครับถ้าคนประมูลไปได้ในราคานี้เป็นภรรยาของเจ้าของร้านน่ะ แล้วถ้ามูลค่าของมันเป็นหลัก "พันล้าน" ล่ะครับ... ว่างๆคุณลองไปดูเค้าประมูลอสังหาริมทรัพย์ทั่วไปบ้างสิครับ บ้านราคาประเมิน 1 ล้านบาท ธนาคารเค้ายังไม่ปล่อยให้ราคาต่ำกว่า 80% เลยครับ ลองไปดูนะครับแล้วถามใจดูว่าทำไมมันไม่มีที่ดินราคา 2 ล้าน ให้ใครประมูลได้ในราคา 7.5 แสนบ้างครับ ผมขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ แต่ก็คงยืนยันว่าคงไม่ต้องหรอกครับ อีกอย่างหนึ่งการศึกษาข้อมูลและนำมาวิเคาระห์ก่อนจะเชื่อ น่าจะเป็นประโยชน์กว่าเชื่อบนพื้นฐานของความเชื่อความศรัทธาอย่างเดียวนะครับ... แล้วคุณล่ะเป็นแบบไหนครับ เห็นคุณมีเมตตาแนะนำผม ผมขอแนะนำอนุญาตให้คุณเข้าอบรมคอร์สระยะสั้นเพื่อการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์บ้างนะครับ อาจจะทำให้สามารถรับต่อความเห็นแย้งได้อย่างเปิดใจขึ้นบ้างครับ แต่ถ้าต้องการให้รับได้มากๆเหมือนคนปกติคงต้องเข้ารับการบำบัดอย่างต่อเนื่องครับ อ่อ.... ยกเว้นคุณศรัทธา  ส.ส ของ "ท่าน" ของคุณ อย่าง คุณเฉลิม คุณเชาวริน คุณสุรเชษฐ หรือคุณสุนัย ผมก็คงไม่มีอะไรจะอธิบายคุณหรอกครับ เอาเวลาไปหัดเรียนสีซอแล้วค่อยมาเล่นให้ควายหวังให้มันเข้าใจบ้างฟังยังเหนื่อยใจน้อยกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 52 09:13:03 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 52 09:12:07 จากคุณ : jhobby - [ 20 มี.ค. 52 09:07:50 A:125.24.148.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 เสนอใช้ "วิชาชีพประเมินค่าทรัพย์" กรณีที่ดินรัชดา บทความโดย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/20/news_296128.php ตามที่ในวันที่ 17 กันยายน 2551 จะมีการพิจารณาคดีที่ดินรัชดาของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ผมเห็นว่ากรณีนี้ควรใช้วิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินช่วยสนับสนุนในการประกอบ การพิจารณาคดีอย่างเที่ยงธรรมด้วย หรืออีกนัยหนึ่ง ควรพิจารณาว่ามูลค่าทรัพย์สินที่มีการซื้อขายนั้น สอดคล้องกับความเป็นจริงและเป็นธรรมระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขายหรือไม่ สำหรับในกรณีข้อกฎหมาย มีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ในการทำนิติกรรมนั้น ผมคงไม่สามารถให้ความเห็นได้เพราะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ และการตีความตามข้อกฎหมายก็อาจแล้วแต่การ "ตั้งธง" ในใจของแต่ละฝ่ายที่เชียร์หรือคัดค้านในการนี้ ซึ่งการพิจารณาก็คงเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ในการใช้วิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินนั้น เราควรพิจารณาความเหมาะสมของราคาที่ทำนิติกรรม หากราคาต่ำเกินความเป็นจริงก็ย่อมแสดงถึงเจตนาที่ไม่ถูกต้องอย่างชัดแจ้ง แต่หากราคาดังกล่าวสอดคล้องกับราคาตลาดก็อาจตีความได้ในอีกแง่มุมหนึ่ง การประเมินค่าทรัพย์สินอย่างถูกต้องตามหลักวิชาจึงควรดำเนินการเพื่อประกอบ การพิจารณาในคดีดังกล่าวนี้ แนวทางการประเมินค่าทรัพย์สินในกรณีนี้ จึงควรดำเนินการโดยการวิเคราะห์มูลค่าตลาด ณ วันที่มีการประมูล โดยการ 1.     สำรวจแปลงเปรียบเทียบในบริเวณใกล้เคียงที่มีการซื้อขายภายในเวลา 2 ปี ก่อนมีการจัดประมูลดังกล่าวเพื่อนำมาวิเคราะห์หามูลค่าตลาด 2.     วิเคราะห์มูลค่าของที่ดินเปล่าจากสิ่งก่อสร้างในบริเวณใกล้เคียงซึ่งเทียบ เคียงได้ โดยวิเคราะห์มูลค่าจากค่าเช่าตลาด แล้วหักด้วยค่าพัฒนาที่ดินต่าง ๆ รวมทั้งกำไรและค่าดำเนินการ เพื่อให้ได้ต้นทุนในส่วนของที่ดิน หรือมูลค่าที่ดินตามราคาตลาด ณ เวลานั้นนั่นเอง วิธีนี้เรียกว่า วิธีการทดสอบสมมติฐานในการพัฒนา สำหรับวิธีการในการหาข้อมูลเปรียบเทียบตลาด สามารถดำเนินการได้โดยการรวบรวมและสังเคราะห์ข้อมูลจาก 1.     ฐานข้อมูลการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม 2.     ข้อมูลราคาการจดจำนองกับสถาบันการเงินต่าง ๆ 3.     ข้อมูลราคาซื้อขาย เช่าจริงของทรัพย์สินเปรียบเทียบในบริเวณใกล้เคียง ยิ่งกว่านั้นในการวิเคราะห์ยังอาจพิจารณาถึงศักยภาพของที่ดินและข้อกำหนด ตามกฎหมายในการใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงดังกล่าว ทั้งก่อนหน้า ขณะทำการประมูล และในภายหลังอีกด้วย นอกจากนี้ในการวิเคราะห์มูลค่าตลาด ยังอาจวิเคราะห์ถึงแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงในช่วง 2-3 ปี หลังจากการประมูล เพื่อให้เห็นถึงการได้มาหรือสูญเสียโอกาสทางธุรกิจสำหรับการประมูลซื้อ ที่ดินแปลงดังกล่าว วิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินที่ถูกต้องตาม มาตรฐานสากลจึงมีส่วนในการสร้างความเป็นธรรม และความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม และยังสร้างความเข้าใจของคนในชาติ  รวมทั้งการยอมรับในเหตุผลของทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามความเห็นนี้ไม่ได้มุ่งหวังให้เป็นโทษหรือเป็นคุณต่อฝ่ายใดและ ไม่บังอาจก้าวล่วงอำนาจของศาลสถิตยุติธรรมที่อาจได้พิจารณาใช้วิชาชีพ ประเมินค่าทรัพย์สินประกอบการพิจารณาคดีแล้ว โดยที่ผมอาจไม่ทราบก็ได้ จากคุณ : jhobby - [ 20 มี.ค. 52 09:24:06 A:125.24.148.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 "ยกตัวอย่างนะครับ WTO ที่อ้างสำหรับการลดการจัดเก็บในระบบพรีเพด อันนี้ TAC (จำได้ไม่ชัดว่าตอนนั้นเป็น DTAC รึยัง แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ AIS) เป็นคนยื่นขอนะครับ แล้ว กฏ WTO นี่เราไม่ต้องสนใจเหรอครับ? ช่างมันว่างั้นเถอะ.." เปรียบเทียบง่ายๆนะครับ ถ้าแถวจังหวัดคุณมีโรงงานเฟอร์นิเจอร์อยู่สัก 5-6 แห่ง แล้วนายกอบจ.ซึ่งมีกิจการของครอบครัวเป็นโรงงานเฟอร์นิเจอร์ด้วยมาออกประกาศจังหวัดงดเว้นค่าภาษีบำรุงท้องถิ่นบางประการลง จริงอยู่นะครับแม้จะเป็นตามข้อเรียกร้องของคนอื่น แต่ถ้ามองด้วยใจเป็นกลางแล้วคุณจะคิดหรือครับว่านั่นเป็นการกระทำโดยสุจริตครับ ผมว่าเดี๋ยวนี้เค้ามีหลักสูตรพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ด้วยนะครับ คุณน่าจะลองไปเรียนเรื่องศีลธรรมด้วยครับ จะได้มีเกณฑ์มาประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมครับ จากคุณ : jhobby - [ 20 มี.ค. 52 11:31:05 A:125.24.148.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 ทักษิณไม่ต่างอะไรกับมาร์คอสหรือซูฮาร์โต้  ประเทศไหนมีผู้นำแบบนี้ ก็เป็นกรรมของประเทศนั้น  นี่คือเหตุผล จากคุณ : trillion - [ 29 มี.ค. 52 14:33:59 A:125.24.126.131 X: ]