ความคิดเห็นที่ 1 ทันทีที่ทราบข่าวโครงการ ต้นกล้าอาชีพ ให้รู้สึกสงสัยในไอเดียของรัฐบาลในการแก้ปัญหาสภาวะว่างงาน รวมไปถึงกังวลว่าจะเป็นการผลาญงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ และอาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการซื้อใจหัวคะแนนของรบ. ในกรณีที่รายจ่ายต่างๆของศูนย์โครงการ กลับกลายไหลไปสู่ คนคุ้นหน้าในแต่ละท้องถิ่น ที่ยืนเคียงข้างพรรคประชาธิปัตย์ (ซึ่งอันนี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้ายและองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ที่จะต้องคอยติดตามกันต่อไป) ย้อนกลับมาเรื่องไอเดียในเรื่องของการจัดตั้งโครงการ ต้นกล้าอาชีพ ซึ่งจะใช้งบประมาณ 6.9 พันล้านบาท โดยหวังไว้ว่าจะสร้างงาน 240000 อัตรา ผมบอกได้ ณ นาที นี้เลยว่า ไร้สาระ สิ้นเปลือง และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ขึ้นมา เมื่อรวมไปถึงสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้  ไม่สิ้นคิด (บวกมูมมาม) ไปหน่อยหรือครับ..เตรียมตั้งงบปี 2553 อีก 7.3 พันล้าน แหมดูสิ เล่นเบิกกันตรงๆไปเลยอย่างนี้ แค่นึกก็สยิวกิ๊วแล้ว สำหรับขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณนั้น เมื่อมีการอนุมัติให้สถาบันจัดฝึกอบรมหลักสูตรใดแล้ว ให้สถาบันนั้นๆ ทำแผนดำเนินงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ ส่งให้สำนักงบประมาณโดยตรง เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณ โดยไม่ต้องผ่านสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 12:50:05 จากคุณ : รันย์อะเวย์@ไทยเมลดอทคอม (yod_mv) - [ 24 มี.ค. 52 12:31:10 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ใช่ว่าจะตั้งข้อกล่าวหาโดยไม่มีที่มาที่ไป ลองมาพิจารณาจากข้อมูลต่างๆของโครงการนี้ (หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.tonkla-archeep.com/ ) รายละเอียดโครงการ "ต้นกล้าอาชีพ" ของคณะกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานฯ นั้น เน้นช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ว่างงานและประชาชนทั่วไปที่สนใจในการฝึกอาชีพ กลุ่มผู้ถูกเลิกจ้าง กลุ่มผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ และผู้ที่มีแนวโน้มถูกเลิกจ้าง โดยมีเงื่อนไขว่า 3 กลุ่มแรกจะต้องกลับไปประกอบอาชีพยังภูมิลำเนาเดิม ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่ 220,000 คน โครงสร้างหลักสูตรประกอบด้วย ส่วนสำคัญ ๒ ส่วน ส่วนแรก ได้แก่ ความรู้พื้นฐานในการประกอบอาชีพ เช่น ทัศนคติ ความรับผิดชอบ วินัยในการทำงาน ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และความยั่งยืนในชุมชน ฯลฯ และส่วนที่สอง ได้แก่ ความรู้ความ สามารถในวิชาชีพ เช่น การเกษตรเพื่อยังชีพ การใช้พลังงานทดแทน การค้าขาย การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการประกอบอาชีพเช่น การบัญชี เป็นต้น หลักสูตรการฝึกอบรม ควรมีลักษณะเบ็ดเสร็จสามารถประกอบอาชีพได้เมื่อสิ้นสุดการฝึกอบรม ทั้งการประกอบ อาชีพในภาคเกษตร การประกอบอาชีพในวิสาหกิจชุมชน การประกอบอาชีพในสาขาบริการ เช่น การท่องเที่ยว การดูแลผู้สูงอายุ การทำงานธุรการ การประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรมและบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของกำลังคน ในการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ ภาคเศรษฐกิจและสังคมเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ตลอดทั้งการประกอบอาชีพอิสระในชุมชน จากคุณ : รันย์อะเวย์@ไทยเมลดอทคอม (yod_mv) - [ 24 มี.ค. 52 12:31:56 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาหลักทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ก็คือ บริษัทต่างชาติ ย้ายฐานการผลิตไปยังจีน และเวียดนามซึ่งมีความน่าเชื่อมั่น เสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคงกว่า ทั้งยังบวกกับกำลังซื้อของต่างชาติลดลง  อันสืบเนื่องมาจากผลพวงเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ทำให้เกิดปัญหาการว่างงาน เลิกจ้าง แทนที่รัฐบาลจะคิดหาหนทางที่จะทำอย่างไร ให้เกิดการสร้างงาน การจ้างงาน เพื่อรองรับการตลาดแรงงาน และสร้างสภาพการไหลเวียนของเงินตราในระบบเศรษฐกิจของเรา กลับกลายเป็นว่า เอาเงินไปโยนทิ้งเล่นๆ 6.9พันล้านบาท และอีก7.3พันล้านบาทในปีงบประมาณ2553 ในเมื่อเราพิจารณารายละเอียดโครงการแล้ว จะพบได้ว่า เป็นการระดมคนตกงาน แรงงานจบใหม่ มาเข้าฝึกอบรมในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย มีก็แต่เบี้ยกินกันตายสำหรับผู้เข้าอบรม และงบประมาณแบ่งเค๊กสำหรับผู้จะเข้ามาเป็นกรรมการ - จนท. จากคุณ : รันย์อะเวย์@ไทยเมลดอทคอม (yod_mv) - [ 24 มี.ค. 52 12:32:48 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อมองดูเนื้อหาของหลํกสูตร ก็ไม่มีอะไรที่จะรับประกันได้ว่า จะทำให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับการว่าจ้าง (1. ในเมื่อมันไม่มีงาน บริษัทต่างๆ ก็จะไปรอดมิรอดอยู่ยังไม่รู้) เป็นหลักสูตรทั่วไป ที่ เด็กระดับ ปวช หรือ มหาวิทยาลัยปี1-2 เค้าเรียนกันมาอยู่แล้วอาทิเช่น ส่วนแรก ได้แก่ ความรู้พื้นฐานในการประกอบอาชีพ เช่น ทัศนคติ ความรับผิดชอบ วินัยในการทำงาน  การค้าขาย การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการประกอบอาชีพเช่น การบัญชี เป็นต้น หลักสูตรการฝึกอบรม ซึ่งอย่างนี้แล้วจะอบรมไปทำไมครับ   ไม่เท่ากับกว่า ทาง สนง.ปลัดกระทรวงนายกฯ กำลังตบหน้า สถาบันการศึกษา ของไทยฉาดใหญ่ ว่า เด็กที่จบการศึกษามาจากจากสถาบันต่างๆนั้น ขาดความสามารถในการทำงาน ต้องผ่านการปรับมาตรฐานอีกทีนึง รวมไปถึงกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่ดูแลทางด้านนี้สำหรับแรงงานที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะ ก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ฉนั้นแล้ว งบประมาณภาครัฐที่สนับสนุน สถาบันการศึกษา และหน่วยงานต่างๆจะจ่ายไปทำไมล่ะครับ ถ้าสุดท้าย ยังต้องมาเรียน มาอบรมกันใหม่ โดยส่วนตัวของผู้เชียน รวมถึงมิตรสหาย และบุคคลที่รู้จัก เมื่อเรียนจบมาไปเข้าทำงาน ก็ต้องเริ่มเรียนงานใหม่ เพราะงานแต่ละที่นั้น มีความผิดแผกแตกต่างของขั้นตอนการปฏิบัติงาน กระบวนการต่างๆ  และเมื่อเปลี่ยนงานใหม่หลังจากที่มี ประสบการณ์การทำงาน ก็ต้องเริ่มกลับไปนับ 1 ใหม่ ทำความเข้าจะกับระบบงาน สายงานใหม่อีกครั้ง ดังนั้นไอ้การที่จะมาอบรมเตรียมความพร้อมในขณะที่ตนเองยังไม่รู้ว่าจะทำงานอะไร และเมื่อหากได้รับการจ้างงาน ก็ต้องเรียนงานใหม่  จะอบรมไปทำไมให้มันเปลืองงบครับ ท่านรัฐบาลเทพอุ้มสม แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 12:52:05 จากคุณ : รันย์อะเวย์@ไทยเมลดอทคอม (yod_mv) - [ 24 มี.ค. 52 12:33:34 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 และเมื่อรวมไปถึงความไม่ชอบมาพากล ช่องโหว่ต่างๆของโครงการที่ส่อให้เห็นว่าจะนำไปสู่การทุจริตได้โดยไม่ยาก ซึ่งในเรื่องนี้แม้แต่ สภาอุตสาหกรรม ก็ยังไม่เห็นด้วยกับ รัฐบาล ในเมื่อทางสภาอุตฯ  ได้เสนอโครงการพัฒนาศักยภาพแรงงานในสถานประกอบการกิจการ เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาการเลิกจ้าง งบประมาณ 1,000 ล้านบาท มีกลุ่มลูกจ้างเป้าหมาย 150,000 คน ฝึกอบรม 4 เดือน เดือนละ 7 วัน รวม 28 วัน ค่าใช้จ่ายหลักสูตรละประมาณ 6,666 บาทต่อคนเท่านั้น แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากภาครัฐ   แต่การอบรมของภาครัฐ มีค่าใช้จ่ายถึง 2.7 หมื่นบาทต่อราย กลับผ่านฉลุย (เพิ่มเติม ข่าวจากฐานเศรษฐกิจ http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=T0124101&issue=2410 ) แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 12:53:36 จากคุณ : yod_mv - [ 24 มี.ค. 52 12:33:57 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทำให้เห็นได้ชัดว่า  ทางรบ.นี้ ไม่ยอมแก้ปัญหาโจทย์ ซึ่งก็คือ ก่รชะลอการจ้างงานไปจนถึงเลิกจ้าง แต่ดันกลับไปเขียนโปรเจ็คใหม่ซะดื้อๆ ว่าด้วยการพัฒนาแรงงานเพื่อรองรับตลาด.. โธ่พ่อคุณ ลูกบอลยังอยู่ข้างสนาม กรรมการยังไม่เป่านกหวีด พ่อเล่น เกร็งขา ง้างยิง อย่างนี้ไม่ไข่ดันบวมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร หลายๆท่านอยากจะย้อนผมว่า ดีแต่วิจารณ์ นโยบาย ของรบ.เทพ แน่จริงก็ไปทำเองสิ ก่อนอื่นผมเองไม่ได้มีหน้าที่ในการบริหารประเทศ ถึงแม้ว่าจะมองถึงเห็นปัญหา ก็ขาดซึ่งกำลัง อำนาจในการทำงาน ที่สำคัญตัวผมเองไม่ได้สักแต่ว่าจะชี้ข้อเสียอย่างเดียว อย่างที่ผมบอกไว้แล้วไงครับว่า รัฐบาลกำลังตีโจทย์ผิด โจทย์ก็คือ ไม่มีการจ้างงานเพราะไม่มีงาน ไม่มีออเดอร์  ทางรบ.จะต้องกลับมามองว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการจ้างงาน ให้สินค้าสามารถขายได้ หาตลาดส่งออก ทำสัญญาการค้ากับต่างประเทศโดยที่ win-win ทั้งสองฝ่าย นี่ตะหากคือสิ่งที่รบ.ต้องทำ ไม่ใช่มาหว่านเงินท้ิงไปให้มันไร้ค่า บทเรียนเรื่องมิยาซาว่าก็มีให้เห็น ยังทำเป็นสมองปลาทอง ความจำสั้น ไม่ใช่ว่าจะกลับใจมาเชียร ปชป. เอาใจช่วย แต่ว่า ผมสงสารประเทศต่างหาก ระงับเถอะครับ ต้นกล้า ที่วันหน้าจะกลายพันธ์เป็นกาฝาก แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 12:54:40 จากคุณ : รันย์อะเวย์@ไทยเมลดอทคอม (yod_mv) - [ 24 มี.ค. 52 12:43:35 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 แสดงว่ามองปัญหาไม่แตก ตอนนี้ ไม่มีใครหรอกครับที่ย้ายฐานผลิต เพราะผลิตไม่ได้แล้ว ฝรั่ง ตอนนี้ไม่มีเงินครับ จะให้เอา เงิน มาจ้างคนไทยที่ไหน ไอ้ที่บอกว่า ย้ายฐานการผลิต ถ้าพูด 2 - 3 ปี ที่ผ่านมา อาจจะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ครับ อย่าว่า แต่ย้ายฐานการผลิตเลย คุณเห็นตัวเลขจีดีพี จีนหรือเปล่าครับ เขาเอง ก็โดนเหมือนกัน ลดลงเหมือนกัน ดังนั้น แก้ตรงนี้ถูกแล้วครับ ให้มีโครงการ ที่คนชั้นกลางที่จะโดนออกจากงาน สามารถ หางานได้  เพราะถ้าทำอย่างที่คุณว่า นั้นเท่ากับว่า จะต้องไปอุ้มบริษัทต่างชาติ ไม่ให้เลิกจ้างคนงาน เดี๋ยวก็หาว่าไปอุ้มคนรวยอีกล่ะ ไอ้เรื่องภาพพจน์ประเทศ ไม่เห็นเหรอครับ ที่นายก เดินสาย ไปนู้นไปนี้เพื่ออะไร ไม่ใช่เข้าทำ แต่มันคือคนล่ะส่วนนะครับ ไม่ใช่ ทำอันหนึ่ง แล้วบอกว่าทำอันหนึ่งดีกว่า จากคุณ : Angleevil - [ 24 มี.ค. 52 12:52:40 A:124.121.67.16 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องการย้ายฐานการผลิต เอาง่ายๆแค่ไปเวียดนามผมเคยพูดถึงเมื่อราวๆ 4-5 ปีที่แล้ว เรียกว่าว่านับตั้งแต่สนามบินนอยไบ ของฮานอย และนิคมอุตฯรอบๆสนามบินยังไม่เสร็จเลยว่า รบ. ควรหาทางป้องกัน... เคยพูดแล้วครับ เจตนาหลักของเรื่องนี้ คือ ต้องการกระทุ้งว่า เงิน 6.9 พันล้านบาท ในปีงบประมาณ2552 และอีก 7.3 พันล้านบานของปี 2553 เอามันมาทำอะไรให้มันเกิดประโยชน์ ตอบโจทย์ แก้ปัญหาวิกฤติ จะดีกว่า ที่มาเขียนโครงการเอาคนมาอบรมรับเบี้ยเลี้ยง เสร็จแล้วก็ต่างคนต่างไป โดยไม่ได้อานิสงค์อะไรเลย เสร็จแล้วก็ยังไม่มีงาน เหมือนเดิม แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 13:12:56 จากคุณ : yod_mv - [ 24 มี.ค. 52 12:59:56 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 อีกอย่างอย่างลืมนะครับ ว่า ทางรัฐบาลเองมีหน่วยงานเช่น สถาบันส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงาน อีกทั้งกรมส่งเสริมวิชาการเกษตร รวมถึงสวนสาธิต แปลงทดลองต่างๆ ไว้สำหรับให้ประชาชนเข้ารับขอความรู้อยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเติมไปเช่าศูนย์ฝึกอบรม เสียเงินค่าประชาสัมพันธ์ โครงการ บวกกับ โครงการของ สภาอุตฯ ที่ใช้งบประมาณน้อยกว่าแต่ไม่ได้รับการตอบรับ หากจะว่าผมมองปัญหาไม่แตก อย่างนั้นแล้ว ปัญหาคืออะไร เพราะปัญหาที่ทุกคน ไม่ต้องเป็นกูรูเศรษฐศาสตร์ก็รู้คือ งานกำลังหดตัว ฉนั้นและทำอย่างไร ถึงจะหยุดการชะลอตัว และผลักดันให้เกิดการสร้างงาน สร้าง Production  มองให้เห็นถึงจุดแข็งจุดอ่อนของไทย แล้วจะแก้ไขกันอย่างไรก็ตามแต่สะดวก แต่ไอ้การนำงบประมาณผูกพัน 2ปี รวมแล้ว กว่า 1.4หมื่นล้านบาทมาละลายแม่น้ำเล่น ไม่คุ้มครับ หาทางทำอย่างอื่นที่เป็นน้ำเป็นเนื้อดีกว่าครับ จากคุณ : yod_mv - [ 24 มี.ค. 52 13:11:44 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้เห็นด้วยกับ คคห 7 นะ ถ้าไม่รวมถึงความชัดเจนในเป้าหมาย แล้ว ผมว่า ชั่วโมงนี้ ต้องรักษาความแข็งแกร่งภายในให้มากที่สุด ที่ผ่านมา ผมไม่ค่อยชอบ ปชป ที่พยายามเอาเงินถมธุรกิจอยู่แล้ว ถมแบบลอยจากพื้นฐานแรงงานบ้านเราไปเลย คือคิดแค่ธุรกิจอยู่ได้ แล้วแรงงานจะอยู่ได้ น่าจะคิดว่า แรงงานเข้มแข็ง แล้วจึงเกิดธุรกิจ ต่างหาก เอาเป็นว่า ไม่รู้จะอัดฉีดยังไง ก็ฉีดแบบสร้างศักยภาพแรงงานด้วย ดีกว่าทุ่มเงินไปอุดอะไรก็ไม่รู้ ... ส่วนเรื่องช่องโหว่ ก็ดีครับ ถ้าเซ มา ....   แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 13:19:08 จากคุณ : Mbit - [ 24 มี.ค. 52 13:16:32 A:58.136.65.69 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมไม่ได้ให้มองไปว่า ให้รัฐไปอุ้มนายทุน เพิ่อชะลอการเลิกจ้าง อย่างที่บอกไงครับ ว่า ที่รัฐต้องทำคือสร้างงาน หาทางผลักดันสินค้าส่งออก  กระตุ้นให้มีการจ้างงาน อย่างแรก จุดแข็งของไทยเราคือ สินค้าเกษตร และท่องเที่ยว ทำอย่างไรที่จะทำให้ต่างชาติ เปิดตลาดรับสินค้าเกษตรเพิ่มมากขึ้น ข้อตกลงต่างๆระดับประเทศที่จะเอื้อต่อการส่งออก อันนี้เป็นหน้าที่ของผู้กำกับนโยบาย ที่จะไปพิจารณา อยากจะแก้ปัญหาอย่างไรก็ไม่ว่ากันครับ แต่1.4หมื่นล้านเนี่ย ใจคอจะละลายมันทิ้งเล่นเชียวหรือ.. และอย่างที่กล่าวไว้ข้างบนว่า 1.เท่ากับว่า เงินสนับสนุนภาคสถาบันการศึกษาที่รัฐให้เปล่านั้น เป็นเรื่องไร้ประโยชน์? เพราะสุดท้ายรัฐต้องมารับหน้าที่ สอนงานให้คนเด็กจบใหม่และคนตกงาน 2.สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และกรมวิชาการเกษตร จะมีไว้ทำไม? งบประมาณรายปีจะจ่ายไปทำไม? มองดูกันให้ดีครับ ว่าจริงๆแล้วโครงการตั้งมาให้เปลืองงบกันเล่นๆใช่หรือไม่ แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 13:28:21 จากคุณ : yod_mv - [ 24 มี.ค. 52 13:24:00 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 รู้หรือแกล้งไม่รู้กันจริงๆครับ โครงการแจกเงินทั้งหมด รัฐบาลเขาเอาไว้ล้างมนต์ทักษิณแค่นั้นครับ รัฐบาลไม่ได้หวังว่ามันจะบรรลุเป้าหมายอะไรอย่าที่คาดหวังกันไว้หรอก จะวิจารณ์อะไรไปก็เท่านั้น ล้างมนต์ทักษิณหมดเขาก็เลิกแจกแล้ว แค่นี้น่ะยังน้อย ภายใน 3 ปีนี้รับรองโครงการแจกเงินต้องมีมาอีกเรื่อยๆ ตอนนี้เรื่องใหญ่ที่สุดของรัฐบาลคือ ต้องซื้อใจรากหญ้ากลับคืนมาให้เร็วที่สุด ตอนนี้อย่าหวังอะไรเลย รัฐบาลจะแก้ปัญหากันจริงๆจังๆ ก็โน่นครับ เลือกตั้งเที่ยวหน้า ตอนนี้รัฐบาลกำลังทำศึกมวลชนกับทักษิณอยู่ นักการเมืองไทยมันก็แบบนี้แหละ จะหวังอะไรกับมันนักหนาครับ จากคุณ : S I N G L E - [ 24 มี.ค. 52 13:32:57 A:125.24.129.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็น คคห. ของคุณ S I N G L E แล้วจุกลิ้นปี่เลยครับ ได้แต่ครางว่าเออแฮะ น่าจะจริง... ในความเป็นจริงจากอดีตที่ผ่านมาครั้ง ประชาธิปัตย์ เป็น รัฐบาล แต่ละโครงการที่เน้นว่าช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน แต่ไปๆมาๆกลายเป็นรอยบาปที่ยากจะลืมทุกที ไม่ว่าจะเป็น สปก. ที่บอกไว้ว่าจะแก้ปัญหา เกษตรผู้ยากไร้ที่ขาดที่ทำกิน รึจะเป็น งบมิยาซาว่า ที่เซ็นชื่อเบิงเงินกันอย่างสนุกสนาน กับสารพัดโครงการ แต่.. เอาน่า ขอสักที คราวนี้ไม่อยากดักคอ ในทางที่ร้าย เอาเป็นว่า เลิกเถอะครับ 1.4 หมื่นล้านบาท เอาไปทำอย่างอื่นที่มันเข้าท่ากว่านี้ได้ไหม แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 13:41:35 จากคุณ : yod_mv - [ 24 มี.ค. 52 13:41:02 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ยอดเยี่ยมครับ จากคุณ : sexinzero - [ 24 มี.ค. 52 15:49:28 A:203.156.94.254 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้าใจคำว่าช่วยเหลือผู้ว่างงานไหมครับ แล้วเวลารัฐเอาเงินเป็นหมื่นล้าน ไปประกันราคาข้าว คุณจะว่าเป็นกาฝากไม๊ครับ รัฐกำลังจะใช้มาตรการทางภาษี และเงินช่วยเหลือช่วยไม่ให้โรงงานปลดคนงานแล้วครับ แล้วที่คนว่างงานตอนนี้มันไม่เกี่ยวกับใครย้ายฐานการผลิตอะไรหรอกครับ ลองไปถามคนทำงานโรงงานนะครับ ว่าเค้าประสบปัญหาอะไร อะไรมีประโยชน์ก้อสนับสนุนบ้างครับ ไม่ใช่ว่าสนับสนุนฝ่ายค้านแล้วต้องค้านตามทุกเรื่อง เราคนมีหัวคิด อย่าไปตามพวกโง่ๆพวกนั้นเลยครับ จากคุณ : เด็กรู้ทัน - [ 24 มี.ค. 52 15:58:07 A:192.168.0.17 X:10.29.52.113, 203.144.139.225 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ yod_mv  คุณนี้ โคร-ตมั่ว มุ่งแต่โจมตีอย่างเดียว เป้าหมายหลักของการอบรมโครงการต้นกล้าอาชีพ จุดมุ่งหมายหลังจากอบรมเสร็จ ไม่ได้เน้น ให้ไปเป็นลูกจ้างเค้า... แต่เน้นประกอบอาชีพอิสระ  คือเปิดร้านเองเลยก็ได้..... งานที่ฝึกอบรมไม่ได้อยู่ในภาคอุตสหากรรม แต่อยู่ในภาคบริการเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งยังไม่ได้รับผลกระทบการส่งออกที่ลดลง  คือว่า มันต้องกินต้องใช้กันอยู่แล้ว เช่น ช่างยนต์  ช่างไฟฟ้า  ทำขนม  น้ำดื่มสมนุไพร ธุรกิจเสริมสวย ซ่อมคอมพิวเตอร์ ช่างซ่อมเครื่องประดับ จะเห็นได้ว่า เป็นงานที่สามารถ มาเปิดร้านเอง  อยู่ที่บ้านเปิดร้านได้เลย   มีเงินลงทุนให้ แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 16:05:29 จากคุณ : 13SPOOK - [ 24 มี.ค. 52 16:03:13 A:114.128.109.179 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 เข้าใจคำว่าช่วยเหลือผู้ว่างงานไหมครับ แล้วเวลารัฐเอาเงินเป็นหมื่นล้าน ไปประกันราคาข้าว คุณจะว่าเป็นกาฝากไม๊ครับ รัฐกำลังจะใช้มาตรการทางภาษี และเงินช่วยเหลือช่วยไม่ให้โรงงานปลดคนงานแล้วครับ แล้วที่คนว่างงานตอนนี้มันไม่เกี่ยวกับใครย้ายฐานการผลิตอะไรหรอกครับ ลองไปถามคนทำงานโรงงานนะครับ ว่าเค้าประสบปัญหาอะไร อะไรมีประโยชน์ก้อสนับสนุนบ้างครับ ไม่ใช่ว่าสนับสนุนฝ่ายค้านแล้วต้องค้านตามทุกเรื่อง เราคนมีหัวคิด อย่าไปตามพวกโง่ๆพวกนั้นเลยครับ จากคุณ : เด็กรู้ทัน - [ 24 มี.ค. 52 15:58:07 A:192.168.0.17 X:10.29.52.113, 203.144.139.225 ]   เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการอภิปรายของฝ่ายค้านเลยครับ ผมอยู่ต่างประเทศ รับฟังการถ่ายทอดสดการภิปรายบ้างบ้าง แต่ก็ไม่ต่อเนื่อง.. ไม่ได้จับประเด็นอะไรสักเท่าไหร่ พอดีมีเวลาว่าง เก็บเรื่องโครงการนี้มานั่งคิด เลยไปไล่อ่านข้อมูลต่างๆ การประกันราคาข้าวที่เอ่ยมานั้น มันเป็นการแทรกแซงราคาผลผลิต เพื่อให้เกษตรกรได้รับความมมั่นใจว่า สินค้ามีเพดานราคาที่ไม่ต่ำกว่าต้นทุนที่ลงแรงไป ตัวสินค้าต่างๆ มันเป็น production ที่ได้สร้างมูลค่าในตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้งมี อุปสงค์ อุปทานในตัว ต่อให้ รัฐเอามาตรการภาษีไปช่วยโรงงาน ตราบใดที่ทางโรงงานไม่มีออเดอร์ จะให้ไม่ต้องเสียภาษีทั้งปี ใครมันจะแบกค่าใช้  ค่าแรงให้เจ๊งล่ะครับ  มันก็ต้องปลดอยู่ดี [แต่ที่ได้ยินมา รบ.กำลังจะรีดภาษีเพ่มนิ ล่าสุดเห็นเก็บค่าอะไรจากน้ำมันอีกแล้ว ทั้งๆที่เมื่อก่อนออกมาขย่มคนอื่นเรื่องราคาน้ำมัน] โจทย์อยู่ที่ว่า หาทางออกให้คนที่ไม่มีงานและกำลังจะตกงาน ให้เขามีงานทำ ต่างหาก คนต้องการงานที่มั่นคง บ้านต้องจ่ายแบงค์ รถก็ต้องจ่ายไฟแนนซ์ ยังจะต้องไปอบรมโดยที่ไม่รู้ว่่าหมดหลักสูตรแล้วจะไปทำอะไร จะมีงานไหม จากคุณ : yod_mv - [ 24 มี.ค. 52 16:25:17 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 16 คุณ yod_mv  คุณนี้ โคร-ตมั่ว มุ่งแต่โจมตีอย่างเดียว เป้าหมายหลักของการอบรมโครงการต้นกล้าอาชีพ จุดมุ่งหมายหลังจากอบรมเสร็จ ไม่ได้เน้น ให้ไปเป็นลูกจ้างเค้า... แต่เน้นประกอบอาชีพอิสระ  คือเปิดร้านเองเลยก็ได้..... งานที่ฝึกอบรมไม่ได้อยู่ในภาคอุตสหากรรม แต่อยู่ในภาคบริการเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งยังไม่ได้รับผลกระทบการส่งออกที่ลดลง  คือว่า มันต้องกินต้องใช้กันอยู่แล้ว เช่น ช่างยนต์  ช่างไฟฟ้า  ทำขนม  น้ำดื่มสมนุไพร ธุรกิจเสริมสวย ซ่อมคอมพิวเตอร์ ช่างซ่อมเครื่องประดับ จะเห็นได้ว่า เป็นงานที่สามารถ มาเปิดร้านเอง  อยู่ที่บ้านเปิดร้านได้เลย   มีเงินลงทุนให้ แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 16:05:29 แหม มาถึงก็ว่าผมมั่วเชียว ขออนุญาต ยกมาแค่ วรรค2 หรือพัฒนาทักษะวิชาชีพเพื่อคืนกลับเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม และ/หรือมีทางเลือกใหม่เข้าสู่ภาค อุตสาหกรรมด้วยคุณภาพฝีมือแรงงานที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และ/หรือปรับเปลี่ยนตนเองเป็นผู้ประกอบ การตามความสนใจและความถนัด ทั้งหมดนั้นกล่าวถึงการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะ เพื่อ ไปประกอบวิชาชีพ โดยจะเปิด กิจการเอง หรือ เป็นลูกจ้าง แต่อย่างไรก็ตามผมมองกี่ทีก็ล้มเหลว เพราะการที่ผู้ว่างงานจะไปหางานส่วนตัวทำในสภาวะเศรษกิจเช่นนี้ ไม่ใช่ เรื่องที่นึกจะทำก็ทำกันได้ง่าย อย่าลืมว่าภาวะเศรษฐกิจหดตัวเช่นนี้ การจับจ่ายก็หดตัวลง กำลังซื้อก็หายไป ขนาดนายทุน อาเสี่ย เปิดร้านเปิดช็อป ยังส่ายหน้าหนี แถมเจ๊งตัดหน้าไปก็เยอะแยะ   รวมถึงสถานบริการต่างๆที่มีอยู่แล้ว ที่พยายามลด แลก แจก สารพัดโปรโมชั่น เพิ่มต้องการส่วนแบ่งในตลาด..สายป่านไม่มี ยืนไหวหรือ แล้วเรื่องหลักสูตรต่างๆนั้น มีสอนกันอยู่แล้วตามหลักสูตร ของ ปวช/ปวส หรือสถาบันราชภัตร ต่างๆ  ซึ่งโดยส่วนตัวผมเองคาดว่าผู้ว่างงานที่เป็นเป้าหมายของโครงการ  ต่างก็ได้รับการอบรม จากสถานศึกษา หรือมีประสบการณ์จากงานเดิมมาอยู่แล้ว และจำเป็นเชียวหรือที่จะต้องระดม งบประมาณมาจัดตั้งหน่วยงานสอนซ้ำซ้อน และอย่างที่บอกไว้แล้ว ว่า หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่หลักในการให้ความช่วยเหลือซึ่งได้ แก่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมส่งเสริมการเกษตร ศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพ และรวมกับโครงการของสภาอุตสาหกรรม ที่มีระยะเวลา 4 เดือน โดยมีค่าใช้จ่าย เพียง 6.7 พันบาทต่อหัว ก็มีอยู่แล้ว สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าโครงการจากหน่วยงานต่างๆที่ผมเอ่ยไว้ ก็สามารถทำได้ ฉนั้นแล้ว ไอ้ 1.4หมื่นล้านบาท ที่ตั้งงบ จะฟาดกันใน 2 ปีเนี่ย ตั้งมาทำไมครับ คิดอะไรกันอยู่ ผมเองไม่ชอบ ปชป. แต่เมื่อมาเป็นรบ.แล้ว ผมก็ไม่ได้ไล่หรือขัดขวาง แต่ทว่า โครงการไหนที่มันไม่เข้าท่า เอาเงินแผ่นดินไปผลาญผมก็ท้วง เรื่องไหนที่ทำดี ก็ถือว่าเป็นผลประโยชน์ ของพรรคไป ไม่เกี่ยวกะผม เพราะถึงอย่างไรผมก็ไม่เลือก[ฮา] อย่างที่ผมนั่งยัน นอนยัน ว่า รบ. เอาเงินมาทำอะไรไร้สาระ ไม่เกิดประโยชน์ และไม่ได้ช่วยเหลือผู้ว่างงาน คนเขาตกวาน ไม่มีงาน ก็หางาน สร้างงานสิครับ สร้าง ความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น ใน ตลาด โจทย์ง่ายๆ แต่นี้  อย่าทำอะไรเปิ่นๆออกมา แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 16:54:38 จากคุณ : รันย์อะเวย์@ไทยเมลดอทคอม (yod_mv) - [ 24 มี.ค. 52 16:47:59 A:192.168.0.17 X:60.241.232.203 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ yod_mv ครับ อ่านความเหน 16 เลยครับ ตอบแทนได้เลยครับ ว่าช่วยยังไง ส่วนมาตรการที่จะทำให้เกิดการจ้างงาน ที่คุณบอกนี่คืออะไรเหรอครับ ให้รัฐบาลสร้างโรงงานมาผลิตของขายเองเหรอครับเมื่อมันไม่มีใครมีเงินมาลงทุน ตอนนี้รัฐบาลก้อได้มีโครงการจัดสรรที่ดินให้ สำหรับคนที่ต้องการกลับไปทำนาทำไร่ที่บ้านเกิด ครับ และที่จะช่วยเหลือ ให้มีการจ้างงานเพิ่ม ก้อคือการกระตุ้นเศรษฐกิจไงครับ ปัญหามันคือต่างชาติไม่มีเงินซื้อของเรา ยกเลิกออร์เดอร์เรา มีคนสั่งของน้อยลง ต้องลดการผลิต ลดกะทำงานลง ถ้าลดลงสัก 25 % ก้อต้องปลดคน 25% แล้วปัจจุบัน ไม่ทราบว่าใครที่ไหนจะมาลงทุนเพิ่มเหรอครับ เห็นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจไหมครับ มีประเทศไหนในโลกไม่ติดลบบ้างครับ รัฐบาลถึงพยายามเอาเงินอัดฉีดเศรษฐกิจ ให้เรามีการจับจ่ายภายในประเทศ ให้เราซื้อกันเอง ผลิตกันเอง ขายกันเอง ถ้าทำได้สำเร็จ เราทุกคนช่วยกัน รัฐก้อจะจัดเก็บภาษีกลับเข้ามาได้ มากพอๆกับที่กู้นั่นแหละ เห็นไม๊ครับ มันไม่ได้อะไรเลย ไม่มีรายได้เข้า แต่มันทำให้เกิดอะไรครับ โรงงานผลิตของได้ ขายได้ โรงงานต้องปิดไหมครับ ไม่ครับ คนต้องตกงานไม๊ครับ ก้อไม่อีกนั่นแหละครับ เผลอๆอาจะต้องจ้างคนเพิ่มด้วยซ้ำ สุดท้ายจะมีมาตรการกระตุ้น ที่ช่วยเหลือภาคแรงงานได้โดยตรงอีก คือโครงการ mega project ต่างๆครับ น่าจะทำให้มีการจ้างงาน มีการหมุนเวียนเงินได้อีกมากมาย นโยบายอาจจะไม่ถูกใจทุกคนครับ แต่ผมเชื่อมั่นว่า บรรยากาศในประเทศควรจะเป็นในแนวทางทุกคนสามัคคีร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้ไทยฝ่าวิกฤติไปได้ก่อนครับ จากคุณ : เด็กรู้ทัน - [ 24 มี.ค. 52 16:52:20 A:10.29.52.113 X:203.144.139.225 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คำเตือน ..โปรดระวัง "นโยบายไม่ตุกติกไม่ใช่แมงสาบ" จากคุณ : Get_The_Last - [ 24 มี.ค. 52 16:53:54 A:125.25.103.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 อย่างที่ผมบอกไว้ ว่าผมไม่เห็นด้วยกับโครงการต้นกล้าอาชีพ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเรามีหน่วยงานต่างๆที่รองรับอยู่แล้ว รวมถึงสภาอุตฯ คำตอบที่ผมต้องการ คือคำตอบง่ายๆ ที่คุณเด็กรู้ทันบอกไว้ คือ เมกกะโปรเจ็ค เพียงแต่ว่า โปรเจ็คในสายตาของพรรคประชาธิปัตย์ คืออะไรนั้น ผมไม่กล้าคาดเดา กลัวจะกลายเป็น เมกกะเค๊ก ที่จะแบ่งกัน [ส่วนตัวมีคำตอบในใจอยู่แล้ว เป็นคำตอบที่ Win Power 4  เลยทีเดียว] บอกแล้วไงครับ 1.4 หมื่นล้านบาท เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า จากคุณ : yod_mv - [ 24 มี.ค. 52 17:05:51 A:60.241.232.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาเล่าให้ฟัง เรื่องสมัยยังหนุ่นๆ ราวๆสักปี 35-36 ผมกำลังศึกษา ปวส.ภาคค่ำเหตุที่ลงภาคค่ำเพราะ การเบื่อตื่นเช้า และคุยกันกับเพื่อนๆว่าค่อยๆเรียนดีกว่า ซึ่งเข้าเรียนก็ 5 โมงครึ่ง เลิกสามทุ่ม หลังจากที่เอาเวลาหลังเลิกเรียนเที่ยวเตร่ ช่วงกลางวันไว้นอน อยู่พักหนึ่ง ก็อยากลองทำงานดู  ไปมันหมดครับ ตลาดนัดจัดหางาน นัดพบแรงงาน คนเยอะดีครับ ตื่นเต้นชะมัด ครั้งแรกของการหาเลี้ยงตัวเองด้วยการเป็นลูกจ้าง[สมัยเรียน ปวช.ต่างจังหวัด รับเดินไฟตามอาคาร หอพักหาเงินเป็นค่าเหล้าอยู่บ้าง] มันก็มีครับ รับฝึกอบรม ทั้งฟรีและเสียเงิน  แต่ผมและเพื่อนๆ ไม่เอาครับ พวกเรามาหางานทำ อยากได้งานมากกว่า ความรู้ก็มีติดตัวอยู่แล้ว  จะไปอบรมต่อทำไม ... เอามาเล่าให้ฟังความรู้สึกของคนที่ไม่มีงานไม่มีรายได้  เมื่อเอ่อ15-16 ปีที่แล้ว ( -_-" ทำไมมันนานนัก รู้สึกเหมือนเพิ่งเมื่อปี 2 ปีนี่เอง) จากคุณ : รันย์อะเวย์@ไทยเมลดอทคอม (yod_mv) - [ 24 มี.ค. 52 17:16:02 A:60.241.232.203 X: ]